ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 20 สิงหาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงนี้ที่หุ้นดูเหมือนจะไม่ไปไหน พันธบัตรและเงินฝากก็มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเพียง 3-4% ต่อปีเป็นอย่างมาก ที่ดินเองก็ไม่ขยับ ความปลอดภัยของเงินก็เริ่มมีน้อยลงเพราะภายในหนึ่งปีรัฐบาลก็จะเริ่มค้ำประกันเงินฝากของผู้ฝากเงินในแต่ละแบงค์ไม่เกิน 1 ล้านบาท เหนือสิ่งอื่นใด ภาวะเศรษฐกิจโลกก็ยังน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดภาวะถดถอยอย่างแรงอีกครั้ง แต่สิ่งที่ร้อนแรงมากก็คือ ทองคำ เพราะราคาทองมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นเป็น “กระทิงดุ” ราคาขึ้นวันเดียว 1,000 บาทต่อบาททองคำ แตะ 26,400 บาท เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 54 โดยที่ราคาตลาดโลกสูงถึง 1,869 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และเป็นการขึ้นต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ นับได้ถึงสิบปีแล้ว การลงทุนในทองคำดูเหมือนว่าจะเป็นการลงทุนที่ “ใช่เลย” สำหรับหลาย ๆ คน เหนือสิ่งอื่นใด ราคาทองคำ “ไม่มีลง” มันมีความปลอดภัยสูงมาก ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนเรียกมันว่า “Safe Heaven” มันเป็นสวรรค์ในยามที่เกิดวิกฤติและโกลาหลขึ้นในโลก มาดูกันว่าเราควรลงทุนในทองคำไหม?
ก่อนที่จะพูดถึงเหตุผลในแง่ของ “พื้นฐาน” มาดูสถิติผลตอบแทนของทองคำในระยะยาวที่ผ่านมาก่อน เพราะนี่จะช่วยเตือนสติเราว่า ทองคำนั้น ไม่ได้ “เปล่งแสงวับวาว” ตลอดเวลา และการเข้าไปลงทุนผิดจังหวะก็อาจจะทำให้เราเสียหายรุนแรงได้เหมือนกัน
มองย้อนหลังไปถึงประมาณปี 2520 ซึ่งผมเริ่มทำงานใหม่ ๆ และเคยซื้อทองเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ผมจำได้ว่าทองรูปพรรณในขณะนั้นราคาบาทละน่าจะประมาณพันบาทต้น ๆ ตีเสียว่าประมาณ 1,100 บาท ถ้าผมเก็บทองชิ้นนั้นไว้ถึงวันนี้เป็นเวลา 34 ปี เท่ากับว่าเงินเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 24 เท่า นี่ดูเหมือนจะมากมโหฬาร แต่ถ้ามาคำนวณผลตอบแทนแบบทบต้นแต่ละปีก็จะพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยนั้นเท่ากับประมาณ 10% ต่อปีเท่านั้น ไม่ได้หรูหรามากแต่ก็ดีทีเดียวเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ หุ้น ที่ผู้เชี่ยวชาญต่างก็บอกว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน “สูงที่สุด”
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 34 ปีที่ผ่านมานั้นถ้าคิดแบบง่าย ๆ ว่าดัชนีตลาดหุ้นก็คือราคาหุ้นโดยเฉลี่ยทั้งตลาดก็คือประมาณ 100 จุดหรือร้อยบาทในปี 2520 ถ้าเราลงทุนถือมาจนถึงวันนี้ที่ดัชนีตลาดเท่ากับ 1,069 จุดก็คือราคาเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,069 บาท หรือเพิ่มขึ้นมา 10.69 เท่า เปรียบเทียบกับราคาทองคำที่ขึ้นมาถึง 24 เท่าก็น่าจะถือว่าการลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ามาก อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นนั้น แต่ละปียังมีปันผลที่มักจะให้ผลตอบแทนประมาณ 3-4% ซึ่งเมื่อรวมกับผลตอบแทนจากการที่ดัชนีเพิ่มขึ้นก็ทำให้หุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นประมาณ 10% ต่อปีเหมือนกัน ดังนั้น ข้อสรุปสำหรับการลงทุนที่ผ่านมา 34 ปีก็คือ ทองกับหุ้นให้ผลตอบแทนพอ ๆ กันที่ประมาณ 10% ต่อปี
แต่ผลตอบแทนของทองนั้นก็ไม่ได้สม่ำเสมอและปลอดภัยสุด ๆ อย่างที่หลายคนอาจจะคิด ในช่วงปี 2522 ถึง 2523 นั้น ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นไปอย่างมโหฬารคือเพียงปีเดียวราคาขึ้นไปจากประมาณ 200 เหรียญต่อออนซ์ เป็นประมาณ 850 เหรียญอันเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงเป็นสองหลักหรือกว่า 10% ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างแรงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปฏิวัติในอิหร่านและการยึดสถานทูตของสหรัฐในอิหร่าน และการที่โซเวียตรุกเข้าไปในอัฟกานิสถาน ถ้าเราเข้าไปซื้อทองเพื่อลงทุนในปี 2523 โดยคิดว่าทองน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมเนื่องจากมันปรับตัวขึ้นเร็วมากกว่า 300% ในปีเดียว เราก็จะพบว่าเราคิดผิดอย่างแรง เพราะหลังจากที่เหตุการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลง ราคาทองคำก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วเหลือเพียงประมาณ 300 เหรียญต้น ๆ ต่อออนซ์ในปี 2525 และหลังจากนั้น ราคาทองคำก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ขยับอยู่ระหว่างประมาณ 250 ถึง 450 เหรียญเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จนถึงปี 2544 พูดง่าย ๆ คนที่ถือทองคำอยู่ไม่ได้ผลตอบแทนเลยเป็นเวลา 20 ปี ในขณะที่หุ้นนั้น ทุกปียังมีปันผล “ปลอบใจ” แม้ว่าหุ้นอาจจะนิ่งหรือตกลงมา
ช่วงที่ดีที่สุดของทองคำและเป็นช่วงที่ “ดึง” ผลตอบแทนระยะยาวของทองคำให้สูงขึ้นจนน่าประทับใจก็คือช่วงทศวรรษหรือ 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง ตั้งแต่ปี 2544 ถึง ปัจจุบัน ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาแทบจะตลอดเวลา จากราคาประมาณ 271 เหรียญเป็นประมาณ 1850 เหรียญต่อออนซ์ในปัจจุบัน คิดแล้วเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 583% หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 21.2% ต่อปีและน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าทรัพย์สินอื่นทั้งหมด และแม้แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 ราคาทองก็ตกลงมาเพียงประมาณ 30% น้อยกว่าตลาดหุ้นที่ตกลงมาเกือบ 50% และหลังจากนั้นทองก็วิ่งขึ้นมาแทบจะไม่สะดุดเลยจนถึงวันนี้
ทองจะไปทางไหนต่อ มันจะยังคงวิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือมันใกล้จะเป็นฟองสบู่ เป็นเรื่องที่คาดได้ยาก โดยทฤษฎีแล้ว ทองนั้นจะปรับตัวขึ้นเมื่อเกิดเหตุหรือสภาวการณ์ใหญ่ ๆ 3 ประการด้วยกันคือ เรื่องแรก เมื่อเกิดภาวะ “วิกฤติ” ทางการเงินหรือเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อสถาบันการเงินมีปัญหาสภาพคล่องรุนแรง เช่นเดียวกัน ปัญหาทางการเมืองและสงครามก็มักจะทำให้ราคาทองพุ่ง เหตุผลก็คือ ทองนั้นสามารถรักษามูลค่าของมันได้เสมอ เพราะมันเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก เรื่องที่สองก็คือ เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงหรือลดค่าลง เหตุผลก็คือ ทองนั้นเป็นคล้าย ๆ กับเงินสกุลหนึ่งที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับสินค้าหรือเงินได้ทั้งโลกเหมือนกับเงินดอลลาร์สหรัฐเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อเงินดอลลาร์อ่อน ทองก็มัก “แข็ง” หรือมีราคาสูงขึ้นนั่นเอง เรื่องที่สามก็คือ เมื่อเงินเฟ้อมีอัตราสูง นั่นก็คือ มีเงินหมุนเวียนในระบบมากเกินไป มากกว่าของหรือสินค้าที่มีอยู่ ดังนั้น เงินก็จะมาไล่ซื้อทองจึงทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเพื่อรักษาค่าของมัน
จากเหตุผล 3 ข้อข้างต้นก็จะพบว่าในช่วงที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ ภาวะวิกฤติทางการเงินยังคงอยู่ทั้งในยุโรปและอเมริกา เช่นเดียวกัน เงินดอลลาร์ก็อยู่ในช่วงที่ตกต่ำลงมาเรื่อย ๆ เนื่องจากเหตุผลหลาย ๆ อย่างรวมถึงการขาดดุลการค้าและงบประมาณที่ทำให้รัฐบาลอเมริกันเป็นหนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้าย ภาวะเงินเฟ้อก็ดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมากเช่นกัน นอกจากนั้น ปริมาณของทองคำ ซึ่งในโลกนี้ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ค่อนข้างจำกัดนั้น กลับมีความต้องการสูงขึ้น ทั้งจากประชาชนในอินเดียและจีนที่มีรายได้สูงขึ้นมาก และจากธนาคารกลางของประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายโดยเฉพาะจีน อินเดีย และรวมถึงประเทศอื่น ๆ เช่นไทย ต่างก็มีเงินสำรองที่เป็นดอลลาร์สูงมากและต้องการซื้อทองเพื่อนำมาใช้เป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น สาเหตุเหล่านี้ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ยิ่งทำให้ นักเก็งกำไร และรวมถึงนักลงทุน ต่างก็เข้ามาซื้อทองคำส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นไปอีก คำถามก็คือ นี่เป็น “ฟองสบู่ทองคำ” หรือยัง?
ผมเองตอบไม่ได้ แต่วันหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่คนดูแลแม่ยายผมซึ่งเราจ้างมา เธอเป็นผู้หญิงอายุเกือบ 50 ปีและไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการลงทุน และเงินก็มีไม่มาก เธอบอกผมว่าเธออยากจะลงทุนซื้อทองซักบาทหนึ่งเพราะเห็นว่าราคามันขึ้นไปสูงมากเป็นกว่าสองหมื่นบาทแล้ว ผมถามว่าเธอรู้ได้อย่างไร เธอบอกว่าเห็นจากทีวี หลังจากนั้นผมก็มาคิดว่า บางทีราคาทองน่าจะใกล้เป็นฟองสบู่แล้ว ดังนั้น ใครที่คิดจะซื้อทองลงทุนก็คงต้องระวัง แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลงทุนไม่ได้เลย ผมคิดว่าการลงทุนไม่เกิน 10% ของพอร์ตการลงทุนรวมก็ไม่น่าจะเสี่ยงมากนัก เหนือสิ่งอื่นใด ทองนั้น มักจะสามารถรักษามูลค่าของมันได้ในยามที่เลวร้ายที่สุด
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงนี้ที่หุ้นดูเหมือนจะไม่ไปไหน พันธบัตรและเงินฝากก็มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเพียง 3-4% ต่อปีเป็นอย่างมาก ที่ดินเองก็ไม่ขยับ ความปลอดภัยของเงินก็เริ่มมีน้อยลงเพราะภายในหนึ่งปีรัฐบาลก็จะเริ่มค้ำประกันเงินฝากของผู้ฝากเงินในแต่ละแบงค์ไม่เกิน 1 ล้านบาท เหนือสิ่งอื่นใด ภาวะเศรษฐกิจโลกก็ยังน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดภาวะถดถอยอย่างแรงอีกครั้ง แต่สิ่งที่ร้อนแรงมากก็คือ ทองคำ เพราะราคาทองมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นเป็น “กระทิงดุ” ราคาขึ้นวันเดียว 1,000 บาทต่อบาททองคำ แตะ 26,400 บาท เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 54 โดยที่ราคาตลาดโลกสูงถึง 1,869 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และเป็นการขึ้นต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ นับได้ถึงสิบปีแล้ว การลงทุนในทองคำดูเหมือนว่าจะเป็นการลงทุนที่ “ใช่เลย” สำหรับหลาย ๆ คน เหนือสิ่งอื่นใด ราคาทองคำ “ไม่มีลง” มันมีความปลอดภัยสูงมาก ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนเรียกมันว่า “Safe Heaven” มันเป็นสวรรค์ในยามที่เกิดวิกฤติและโกลาหลขึ้นในโลก มาดูกันว่าเราควรลงทุนในทองคำไหม?
ก่อนที่จะพูดถึงเหตุผลในแง่ของ “พื้นฐาน” มาดูสถิติผลตอบแทนของทองคำในระยะยาวที่ผ่านมาก่อน เพราะนี่จะช่วยเตือนสติเราว่า ทองคำนั้น ไม่ได้ “เปล่งแสงวับวาว” ตลอดเวลา และการเข้าไปลงทุนผิดจังหวะก็อาจจะทำให้เราเสียหายรุนแรงได้เหมือนกัน
มองย้อนหลังไปถึงประมาณปี 2520 ซึ่งผมเริ่มทำงานใหม่ ๆ และเคยซื้อทองเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ผมจำได้ว่าทองรูปพรรณในขณะนั้นราคาบาทละน่าจะประมาณพันบาทต้น ๆ ตีเสียว่าประมาณ 1,100 บาท ถ้าผมเก็บทองชิ้นนั้นไว้ถึงวันนี้เป็นเวลา 34 ปี เท่ากับว่าเงินเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 24 เท่า นี่ดูเหมือนจะมากมโหฬาร แต่ถ้ามาคำนวณผลตอบแทนแบบทบต้นแต่ละปีก็จะพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยนั้นเท่ากับประมาณ 10% ต่อปีเท่านั้น ไม่ได้หรูหรามากแต่ก็ดีทีเดียวเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ หุ้น ที่ผู้เชี่ยวชาญต่างก็บอกว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน “สูงที่สุด”
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 34 ปีที่ผ่านมานั้นถ้าคิดแบบง่าย ๆ ว่าดัชนีตลาดหุ้นก็คือราคาหุ้นโดยเฉลี่ยทั้งตลาดก็คือประมาณ 100 จุดหรือร้อยบาทในปี 2520 ถ้าเราลงทุนถือมาจนถึงวันนี้ที่ดัชนีตลาดเท่ากับ 1,069 จุดก็คือราคาเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,069 บาท หรือเพิ่มขึ้นมา 10.69 เท่า เปรียบเทียบกับราคาทองคำที่ขึ้นมาถึง 24 เท่าก็น่าจะถือว่าการลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ามาก อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นนั้น แต่ละปียังมีปันผลที่มักจะให้ผลตอบแทนประมาณ 3-4% ซึ่งเมื่อรวมกับผลตอบแทนจากการที่ดัชนีเพิ่มขึ้นก็ทำให้หุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นประมาณ 10% ต่อปีเหมือนกัน ดังนั้น ข้อสรุปสำหรับการลงทุนที่ผ่านมา 34 ปีก็คือ ทองกับหุ้นให้ผลตอบแทนพอ ๆ กันที่ประมาณ 10% ต่อปี
แต่ผลตอบแทนของทองนั้นก็ไม่ได้สม่ำเสมอและปลอดภัยสุด ๆ อย่างที่หลายคนอาจจะคิด ในช่วงปี 2522 ถึง 2523 นั้น ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นไปอย่างมโหฬารคือเพียงปีเดียวราคาขึ้นไปจากประมาณ 200 เหรียญต่อออนซ์ เป็นประมาณ 850 เหรียญอันเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงเป็นสองหลักหรือกว่า 10% ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างแรงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปฏิวัติในอิหร่านและการยึดสถานทูตของสหรัฐในอิหร่าน และการที่โซเวียตรุกเข้าไปในอัฟกานิสถาน ถ้าเราเข้าไปซื้อทองเพื่อลงทุนในปี 2523 โดยคิดว่าทองน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมเนื่องจากมันปรับตัวขึ้นเร็วมากกว่า 300% ในปีเดียว เราก็จะพบว่าเราคิดผิดอย่างแรง เพราะหลังจากที่เหตุการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลง ราคาทองคำก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วเหลือเพียงประมาณ 300 เหรียญต้น ๆ ต่อออนซ์ในปี 2525 และหลังจากนั้น ราคาทองคำก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ขยับอยู่ระหว่างประมาณ 250 ถึง 450 เหรียญเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จนถึงปี 2544 พูดง่าย ๆ คนที่ถือทองคำอยู่ไม่ได้ผลตอบแทนเลยเป็นเวลา 20 ปี ในขณะที่หุ้นนั้น ทุกปียังมีปันผล “ปลอบใจ” แม้ว่าหุ้นอาจจะนิ่งหรือตกลงมา
ช่วงที่ดีที่สุดของทองคำและเป็นช่วงที่ “ดึง” ผลตอบแทนระยะยาวของทองคำให้สูงขึ้นจนน่าประทับใจก็คือช่วงทศวรรษหรือ 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง ตั้งแต่ปี 2544 ถึง ปัจจุบัน ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาแทบจะตลอดเวลา จากราคาประมาณ 271 เหรียญเป็นประมาณ 1850 เหรียญต่อออนซ์ในปัจจุบัน คิดแล้วเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 583% หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 21.2% ต่อปีและน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าทรัพย์สินอื่นทั้งหมด และแม้แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 ราคาทองก็ตกลงมาเพียงประมาณ 30% น้อยกว่าตลาดหุ้นที่ตกลงมาเกือบ 50% และหลังจากนั้นทองก็วิ่งขึ้นมาแทบจะไม่สะดุดเลยจนถึงวันนี้
ทองจะไปทางไหนต่อ มันจะยังคงวิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือมันใกล้จะเป็นฟองสบู่ เป็นเรื่องที่คาดได้ยาก โดยทฤษฎีแล้ว ทองนั้นจะปรับตัวขึ้นเมื่อเกิดเหตุหรือสภาวการณ์ใหญ่ ๆ 3 ประการด้วยกันคือ เรื่องแรก เมื่อเกิดภาวะ “วิกฤติ” ทางการเงินหรือเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อสถาบันการเงินมีปัญหาสภาพคล่องรุนแรง เช่นเดียวกัน ปัญหาทางการเมืองและสงครามก็มักจะทำให้ราคาทองพุ่ง เหตุผลก็คือ ทองนั้นสามารถรักษามูลค่าของมันได้เสมอ เพราะมันเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก เรื่องที่สองก็คือ เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงหรือลดค่าลง เหตุผลก็คือ ทองนั้นเป็นคล้าย ๆ กับเงินสกุลหนึ่งที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับสินค้าหรือเงินได้ทั้งโลกเหมือนกับเงินดอลลาร์สหรัฐเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อเงินดอลลาร์อ่อน ทองก็มัก “แข็ง” หรือมีราคาสูงขึ้นนั่นเอง เรื่องที่สามก็คือ เมื่อเงินเฟ้อมีอัตราสูง นั่นก็คือ มีเงินหมุนเวียนในระบบมากเกินไป มากกว่าของหรือสินค้าที่มีอยู่ ดังนั้น เงินก็จะมาไล่ซื้อทองจึงทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเพื่อรักษาค่าของมัน
จากเหตุผล 3 ข้อข้างต้นก็จะพบว่าในช่วงที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ ภาวะวิกฤติทางการเงินยังคงอยู่ทั้งในยุโรปและอเมริกา เช่นเดียวกัน เงินดอลลาร์ก็อยู่ในช่วงที่ตกต่ำลงมาเรื่อย ๆ เนื่องจากเหตุผลหลาย ๆ อย่างรวมถึงการขาดดุลการค้าและงบประมาณที่ทำให้รัฐบาลอเมริกันเป็นหนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้าย ภาวะเงินเฟ้อก็ดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมากเช่นกัน นอกจากนั้น ปริมาณของทองคำ ซึ่งในโลกนี้ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ค่อนข้างจำกัดนั้น กลับมีความต้องการสูงขึ้น ทั้งจากประชาชนในอินเดียและจีนที่มีรายได้สูงขึ้นมาก และจากธนาคารกลางของประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายโดยเฉพาะจีน อินเดีย และรวมถึงประเทศอื่น ๆ เช่นไทย ต่างก็มีเงินสำรองที่เป็นดอลลาร์สูงมากและต้องการซื้อทองเพื่อนำมาใช้เป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น สาเหตุเหล่านี้ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ยิ่งทำให้ นักเก็งกำไร และรวมถึงนักลงทุน ต่างก็เข้ามาซื้อทองคำส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นไปอีก คำถามก็คือ นี่เป็น “ฟองสบู่ทองคำ” หรือยัง?
ผมเองตอบไม่ได้ แต่วันหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่คนดูแลแม่ยายผมซึ่งเราจ้างมา เธอเป็นผู้หญิงอายุเกือบ 50 ปีและไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการลงทุน และเงินก็มีไม่มาก เธอบอกผมว่าเธออยากจะลงทุนซื้อทองซักบาทหนึ่งเพราะเห็นว่าราคามันขึ้นไปสูงมากเป็นกว่าสองหมื่นบาทแล้ว ผมถามว่าเธอรู้ได้อย่างไร เธอบอกว่าเห็นจากทีวี หลังจากนั้นผมก็มาคิดว่า บางทีราคาทองน่าจะใกล้เป็นฟองสบู่แล้ว ดังนั้น ใครที่คิดจะซื้อทองลงทุนก็คงต้องระวัง แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลงทุนไม่ได้เลย ผมคิดว่าการลงทุนไม่เกิน 10% ของพอร์ตการลงทุนรวมก็ไม่น่าจะเสี่ยงมากนัก เหนือสิ่งอื่นใด ทองนั้น มักจะสามารถรักษามูลค่าของมันได้ในยามที่เลวร้ายที่สุด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- harlembeats
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
ดอยทองมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วหรือเปล่า?
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับอาจารย์
มีทอง เท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้ง จนเรือนไหว
มีหุ้น เท่าหนวดเม่า นอนเฝ้าหน้าจอ จนปวดใจ
มีทอง เท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้ง จนเรือนไหว
มีหุ้น เท่าหนวดเม่า นอนเฝ้าหน้าจอ จนปวดใจ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ขออนุญาตินะครับ
ทองคำ ถือเป็น "Safe haven" หมายถึงหลุมหลบภัย ในยามวิกฤติครับ ออกเสียงคล้ายๆ กัน แต่คนละคำักับ "Heaven" (สวรรค์) ครับ
(ผมฟังครั้งแรกก็คิดว่าเป็น heaven เหมือนกัน)
ทองคำ ถือเป็น "Safe haven" หมายถึงหลุมหลบภัย ในยามวิกฤติครับ ออกเสียงคล้ายๆ กัน แต่คนละคำักับ "Heaven" (สวรรค์) ครับ
(ผมฟังครั้งแรกก็คิดว่าเป็น heaven เหมือนกัน)
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
เอกยุทธ อัญชันบุตร นักลงทุนรายใหญ่(ถนนนักลงทุน)ว่าทองจะไปถึง2,000-2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
ผมว่าพี่เขาทัก ดร เรื่อง safe haven จึงจะถูก ไม่ใช่ safe heaven ครับPaul VI เขียน:รบกวนขอความรู้หน่อยครับ คุณ bullvi
ไม่ทราบว่าต้องการสื่อให้เพื่อนๆทราบถึงข้อมูลอะไรบ้างครับ เผื่อเป็นวิทยาทานครับ
อาจมีประเด็นไหนที่น่าสนใจที่พวกผมควรต้องรู้แต่ยังไม่รู้
จงทนอด และอดทน
- maoinvestor
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 18
เม่าตอนนี้ก็เพิ่งซื้อทองเก็บ ^^
ไปดูราคาทองย้อนหลังเหมือนกัน ก็นึกสงสัยอยู่ว่าเมื่อ 20 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น ทำไมทองขึ้นแล้วลง ขอบคุณนะคะที่ให้ความกระจ่าง
ไปดูราคาทองย้อนหลังเหมือนกัน ก็นึกสงสัยอยู่ว่าเมื่อ 20 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น ทำไมทองขึ้นแล้วลง ขอบคุณนะคะที่ให้ความกระจ่าง
ติดตามอ่านการ์ตูนหุ้น สารคดีชีวิตสัตว์โลก::แมลงเม่า ได้ตามลิงค์ข้างล่างจ้ะ
http://www.maoinvestor.com
http://www.facebook.com/maoinvestor
http://www.maoinvestor.com
http://www.facebook.com/maoinvestor
- Skyforever
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1221
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 19
เก็บทองดีๆนะครับ ระวังอย่าให้โจรมาเอาไปแบบในการ์ตูนmaoinvestor เขียน:เม่าตอนนี้ก็เพิ่งซื้อทองเก็บ ^^
ไปดูราคาทองย้อนหลังเหมือนกัน ก็นึกสงสัยอยู่ว่าเมื่อ 20 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น ทำไมทองขึ้นแล้วลง ขอบคุณนะคะที่ให้ความกระจ่าง
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
พลาดตรงจุดไหนครับ...อยากรู้จังเลยครับรบกวนช่วยชี้แนะให้ความรู้ไว้ศึกษาหน่อยครับbullvi เขียน:ดร. พลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 24
หรือว่าช่วงนี้คุณทองคำเป็นขาร็อคและกำลังร้องเพลง(ของพี่โต)นี้อยู่
น่าจะชวนคุณsetมาร้องด้วยกันนะ
น่าจะชวนคุณsetมาร้องด้วยกันนะ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 27
ผมเข้าใจว่า พลาดตรง "Safe haven" นะ
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 29
+1เมื่อใดที่นักลงทุนมือสมัครเล่น มาแนะนำหุ้นให้นักลงทุนมืออาชีพ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาขายแล้ว
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทอง ทอง ทอง/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณครับ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)