หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2011 10:41 pm
โดย CheNz
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุนคือ ความไม่รู้
หากผมถามคนเล่นหุ้นหน้าใหม่ในช่วงตลาดกระทิงว่า ทำไมเขาถึงสนใจหุ้น เขาจะตอบว่า ผมก็ไม่รู้ แต่มันกำลังขึ้น ข่าวก็ออกโครมๆว่าตลาดหุ้นดี
หากผมถามคนที่แห่ซื้อทองคำว่า ทำไมเขาถึงสนใจซื้อเก็งกำไรทองคำ เขาจะตอบว่า ดิฉันก็ไม่รู้ แต่ทองมันกำลังขึ้น ข่าวก็ออกโครมๆว่าทองกำลังดี
1-2สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวลงเกือบถึงระดับ 1,000จุด หลายคนแห่เทขายหุ้นทิ้ง ขาดทุนน้อยก็ขาย ขาดทุนมากก็ขาย หากผมถามคนเหล่านั้นว่า ทำไมจึงขาย หลายๆคนจะตอบว่า ผมก็ไม่รู้ แต่มันกำลังลง เดี๋ยวหุ้นตกขาดทุนหนักกว่านี้
แม้แต่วันนี้ ราคาทองร่วงกว่าบาทละ 2,000 ผมเดินผ่านตลาด 2 แห่งแถวลาดพร้าว พ่อค้า แม่ค้า พูดกันระงม ว่าต้องรีบขายทองแล้ว ทองราคาร่วงแล้ว ซื้อมาเมื่อวานขาดทุนซะแล้ว ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวมันก็ขึ้น
หากผมทะลึ่งเดินไปถามว่า ทำไมจึงขาย คงจะโดนปังตอสับหัวเอา แต่คงได้คำตอบเหมือนๆกันว่า ทองมันกำลังลง ข่าวก็ออกโครมๆว่าทองจะลงอีกๆ
เห็นได้ชัดว่า หลายๆคนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหลาย มีความเหมือนๆกันคือ ใช้อารมณ์ในการลงทุน มากกว่าใช้ความรู้
การลงทุนมีความเสี่ยง แต่คุณจะจำกัดขอบเขตของความเสี่ยงได้ด้วยความรู้
โชคดีในการลงทุนครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2011 11:02 pm
โดย ^^
อาจไม่รู้ เพราะเขาไม่รู้ว่าแหล่งความรู้อยู่ตรงไหนก็ได้นะครับ
เหมือนแต่ก่อนที่ผมไม่รู้ว่ามีเวบนี้ด้วย โดยใช้วัฒนธรรมเดิมตั้งแต่เด็กที่สิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่สอนมา และด้วยกิจวัตรไม่ได้เอื้อที่จะหาความรู้ได้ เพราะต้องเตรียมของขาย
หรือไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ หรือเข้าร้านหนังสือ
ฉะนั้นจึงจำคำพ่อสอนการเอาตัวรอดแบบนี้แต่เด็ก ก็เลยใช้วิธีนี้โดยไม่รู้ที่มาหรอก
แต่หากรู้แล้ว ดันไม่ใช้นี่ซิ หาข้ออ้างโน้นนี่ในการไม่ขาย กลายเป็นว่าสำลักข้อมูลเยอะไป
ผมว่าแบบนี้อารมณ์ล้วนๆ
มีคนบอกว่า ก็คุณไม่ตามหาวิธีเอง บางคนไม่รู้วิธีตามหานะครับ เอาจริงๆ
แต่ผมใช้Google เลยได้เจอเวบนี้
"หุ้น"คำเดียวมาหมดทั้งเก็งกำไร ลงทุนพื้นฐาน เวบบอร์ด
ก็ผมไม่รู้จะหาใคร เลยกรอกคำง่ายๆนี่แหละ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 8:35 am
โดย tigerroad197
CheNz เขียน:สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุนคือ ความไม่รู้
หากผมถามคนเล่นหุ้นหน้าใหม่ในช่วงตลาดกระทิงว่า ทำไมเขาถึงสนใจหุ้น เขาจะตอบว่า ผมก็ไม่รู้ แต่มันกำลังขึ้น ข่าวก็ออกโครมๆว่าตลาดหุ้นดี
หากผมถามคนที่แห่ซื้อทองคำว่า ทำไมเขาถึงสนใจซื้อเก็งกำไรทองคำ เขาจะตอบว่า ดิฉันก็ไม่รู้ แต่ทองมันกำลังขึ้น ข่าวก็ออกโครมๆว่าทองกำลังดี
1-2สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวลงเกือบถึงระดับ 1,000จุด หลายคนแห่เทขายหุ้นทิ้ง ขาดทุนน้อยก็ขาย ขาดทุนมากก็ขาย หากผมถามคนเหล่านั้นว่า ทำไมจึงขาย หลายๆคนจะตอบว่า ผมก็ไม่รู้ แต่มันกำลังลง เดี๋ยวหุ้นตกขาดทุนหนักกว่านี้
แม้แต่วันนี้ ราคาทองร่วงกว่าบาทละ 2,000 ผมเดินผ่านตลาด 2 แห่งแถวลาดพร้าว พ่อค้า แม่ค้า พูดกันระงม ว่าต้องรีบขายทองแล้ว ทองราคาร่วงแล้ว ซื้อมาเมื่อวานขาดทุนซะแล้ว ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวมันก็ขึ้น
หากผมทะลึ่งเดินไปถามว่า ทำไมจึงขาย คงจะโดนปังตอสับหัวเอา แต่คงได้คำตอบเหมือนๆกันว่า ทองมันกำลังลง ข่าวก็ออกโครมๆว่าทองจะลงอีกๆ
เห็นได้ชัดว่า หลายๆคนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหลาย มีความเหมือนๆกันคือ ใช้อารมณ์ในการลงทุน มากกว่าใช้ความรู้
การลงทุนมีความเสี่ยง แต่คุณจะจำกัดขอบเขตของความเสี่ยงได้ด้วยความรู้
โชคดีในการลงทุนครับ
พูดถึง ทองคำแท่ง เมื่อวานนี้ร้านใหญ่ย่านเยาวราช คนแห่ไปเข้าคิวซื้อทองแท่งเยอะมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานนี้ ( 25 ส.ค. ) ราคาทองปรับถึง 9 ครั้ง ลง 8 ครั้ง ขึ้น 1 ครั้ง สรุปว่าปรับลงมาจากวันก่อนหน้า ( 24 ส.ค. ) 1,950 บาท
แต่ถึงจะปรับลง แต่คนก็ยังแห่มาซื้อทองคำแท่ง ทั้งที่ร้านใหญ่ย่านเยาวราชบางร้านออกให้แต่ใบจอง กว่าจะได้รับทองคำแท่งจริง ๆ ก็ประมาณ 2 อาทิตย์ ( แต่ใบจองสามารถขายคืนทางร้านได้เสมือนกับทองคำแท่งจริง ๆ )
ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการฉีกตำราร้านทองในยุคเก่าก่อนที่ว่า ทองขึ้น คนแห่มาขาย ทองลง คนแห่มาซื้อ
แต่เมื่อวานนี้รวมไปถึงก่อนหน้านี้ ปรากฎว่า ไม่ว่าทองจะขึ้น หรือ ทองจะลง คนแห่มาเข้าแถวซื้ออย่างกับแจกฟรี
คำถามก็คือ ทำไมถึงเกิดปรากฎการณ์เช่นนั้น ?
คำตอบก็น่าจะเป็นว่า จากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป ลามมาถึงการปรับลดความน่าเชื่อถือของอเมริกา ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนเป็นอย่างมาก ทำให้หันไปหา ทองคำ ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ รวมไปถึงข่าวที่ออกมาเป็นระยะก่อนหน้าทั้งจากเมืองนอกที่ว่า ทองจะขึ้นไปถึงบาทละ 2,000 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ซึ่งจะทำให้ราคาทองบ้านเราเท่ากับ 28,200 บาท
รวมไปถึงบ้านเราเองที่มีกระแสข่าวเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปลายสัปดาห์นี้ราคาทองจะขึ้นถึงบาทละ 28,000 บาท และภายในปีนี้จะปรับขึ้นไปสูงถึง 30,000 บาท ทำให้กระแสตื่นทองมาแรงมาก ๆ ฝูงชนไม่กลัวฝน ไม่กลัวแดด แห่มาต่อคิวเข้าแถวซื้อทองตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด
ที่น่าสนใจก็คือ ปกติแล้ว หากตลาดหุ้นไม่ดี ราคาทองจะขึ้น หรือหาก ตลาดหุ้นดี ราคาทองจะลง
แต่เมื่อวานนี้ ( 25 ส.ค. ) ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เมื่อ ทองและหุ้น ตกเหมือนกัน เพียงแต่ว่า หุ้น ตก หาคนเข้าซื้อน้อย แต่ทอง ตก คนยังแห่มาเข้าแถวซื้อครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 8:41 am
โดย tigerroad197
เกี่ยวกับ ทองคำ นั้น ปัจจุบันนี้นอกเหนือจากการลงทุนใน ทองคำแท่ง แล้ว
ก็ยังมีทางเลือกอื่น เช่น Gold Future หรือ กองทุนรวมทองคำ
แต่ถึงแม้ว่า ทองคำ จะเป็นแหล่งสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย
และ ความไม่รู้ อย่างที่ เจ้าของกระทู้ ตั้งเอาไว้นั่นแหละครับ คือ ความเสี่ยง
ตลาดหุ้นนั้น เราสามารถใช้การวิเคราะห์ทางปัจจัย ทางบัญชี และการวิเคราะห์ทางเทคนิค
แต่ ทองคำ นั้น กล่าวได้ว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อถือที่ว่า เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ และการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาทอง อาศัยแต่ปัจจัยทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ผมอยากจะเตือนก็คือ ถ้าหากลงทุนในทองคำแท่งนั้น ถึงแม้ทองจะลง ทองจะขึ้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าในอนาคตทองคำจะต้องขึ้นอย่างแน่นอน ( โดยเฉพาะเมื่อ ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ค่อย ๆ เสื่อมความน่าเชื่อถือ )
ดังนั้น การลงทุนในทองคำแท่ง จึงน่าจะเข้ากับอุปนิสัยของ ผู้ลงทุนแนว VI
ในขณะที่ Gold Future นั้น แม้ว่าจะลงทุนน้อยกว่า คือ 5% ของราคาทองคำ แต่ทว่า...ปัญหาเรื่องระยะเวลา และการ Force Sell จะทำให้การลงทุนใน Gold Future เหมือนกับการลงทุนในตลาดหุ้นแนวเทรดครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 9:57 am
โดย ลูกอิสาน
tigerroad197 เขียน:แต่ ทองคำ นั้น กล่าวได้ว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อถือที่ว่า เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ และการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาทอง อาศัยแต่ปัจจัยทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ผมอยากจะเตือนก็คือ ถ้าหากลงทุนในทองคำแท่งนั้น ถึงแม้ทองจะลง ทองจะขึ้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าในอนาคตทองคำจะต้องขึ้นอย่างแน่นอน ( โดยเฉพาะเมื่อ ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ค่อย ๆ เสื่อมความน่าเชื่อถือ )
ดังนั้น การลงทุนในทองคำแท่ง จึงน่าจะเข้ากับอุปนิสัยของ ผู้ลงทุนแนว VI
หุ้น ผมคิดว่ายังตีราคาได้ อย่างน้อยจากปันผลที่จ่าย แต่ทองนี่เป็นเรื่องความเชื่อล้วนๆ
ว่ากรวดสีทองนี้มีราคาเท่าโน้นเท่านี้ ผมยอมรับว่าตัวเองตีราคาไม่เป็นจริงๆ ถ้าตีราคาไม่ได้ยังมองไม่ออกว่าเป็นการลงทุนแบบ vi ได้อย่างไร
สัปดาห์ก่อนมีเพื่อนๆนำข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง 30 กว่าปี (2517-2552) เปรียบเทียบการลงทุนในหุ้น เงินฝาก พันธบัตร ทอง ปรากฎว่าทองได้ผลตอบแทน
ต่ำสุดที่ประมาณ 8 เท่า ในขณะที่หุ้นทำได้ 40 เท่า ไม่แน่ใจว่ารวมปันผลหรือเปล่า ถ้ารวมน่าจะได้เกินกว่านี้มาก
แม้ปี 53-54 ทองจะขึ้นมาเยอะ แต่หุ้นก็ขึ้นเยอะเช่นกัน ถ้ามองผลตอบแทนแค่ 1-2 ปี เราจะได้ภาพแบบนึง ถ้าเรามองย้อนไปหลายปี เราอาจจะได้ภาพที่ต่างออกไป
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 10:19 am
โดย viim
ลูกอิสาน เขียน:tigerroad197 เขียน:แต่ ทองคำ นั้น กล่าวได้ว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อถือที่ว่า เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ และการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาทอง อาศัยแต่ปัจจัยทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ผมอยากจะเตือนก็คือ ถ้าหากลงทุนในทองคำแท่งนั้น ถึงแม้ทองจะลง ทองจะขึ้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าในอนาคตทองคำจะต้องขึ้นอย่างแน่นอน ( โดยเฉพาะเมื่อ ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ค่อย ๆ เสื่อมความน่าเชื่อถือ )
ดังนั้น การลงทุนในทองคำแท่ง จึงน่าจะเข้ากับอุปนิสัยของ ผู้ลงทุนแนว VI
หุ้น ผมคิดว่ายังตีราคาได้ อย่างน้อยจากปันผลที่จ่าย แต่ทองนี่เป็นเรื่องความเชื่อล้วนๆ
ว่ากรวดสีทองนี้มีราคาเท่าโน้นเท่านี้ ผมยอมรับว่าตัวเองตีราคาไม่เป็นจริงๆ ถ้าตีราคาไม่ได้ยังมองไม่ออกว่าเป็นการลงทุนแบบ vi ได้อย่างไร
สัปดาห์ก่อนมีเพื่อนๆนำข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง 30 กว่าปี (2517-2552) เปรียบเทียบการลงทุนในหุ้น เงินฝาก พันธบัตร ทอง ปรากฎว่าทองได้ผลตอบแทน
ต่ำสุดที่ประมาณ 8 เท่า ในขณะที่หุ้นทำได้ 40 เท่า ไม่แน่ใจว่ารวมปันผลหรือเปล่า ถ้ารวมน่าจะได้เกินกว่านี้มาก
แม้ปี 53-54 ทองจะขึ้นมาเยอะ แต่หุ้นก็ขึ้นเยอะเช่นกัน ถ้ามองผลตอบแทนแค่ 1-2 ปี เราจะได้ภาพแบบนึง ถ้าเรามองย้อนไปหลายปี เราอาจจะได้ภาพที่ต่างออกไป
+1 ครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 11:55 am
โดย navapon
การประเมินมูลค่าทองเป็น subjective ล้วนๆครับ ไม่มีการคำนวณตัวเลขใดๆมาอ้างอิงได้แน่นอน ขึ้นกับความโลภ-ความกลัว-และความเชื่อถือล้วนๆ เศรษฐศาสตร์มหภาคถึงเวลาจริงๆก็อาจทำให้เจ๊งได้ เพราะมันเป็นเรื่องไม่ขึ้นกับเหตุผลเสมอไป
แต่อย่างว่า ต่อให้ข้าวของราคาตกอย่างไร ข้าวแกงจานละ10บาทคงไม่ได้เห็นอีกแน่นอน (เกี่ยวกับทองไหมเนี่ย)
เดาไม่ออกเหมือนกันว่าถ้ามันตกมันจะตกแค่ไหน
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 12:04 pm
โดย navapon
ซื้อทองคำ ในเมื่อประเมินมูลค่าแท้จริงไม่ได้ มันก็คือการเก็งกำไรล้วนๆครับ
แต่ไม่รู้ทำไม ผมว่าราคามันจะขึ้นอีกนะ (ทั้งที่คิดอย่างนี้ ผมก็ไม่ได้ซื้อนะครับช่วงนี้ กลัวครับ)
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 4:29 pm
โดย surachaichia
บางครั้ง จะมีความไม่รู้ ที่วางอยู่บนความรู้ อีกชั้น สองชั้นได้นะครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2011 9:33 pm
โดย multipleceilings
ทองคำ = meter วัดความกลัว
nothing more.
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 8:32 am
โดย tigerroad197
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 8:34 am
โดย tigerroad197
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 8:36 am
โดย tigerroad197
multipleceilings เขียน:ทองคำ = meter วัดความกลัว
nothing more.
เห็นด้วยครับว่า ทองคำ คือ มิเตอร์วัดความกลัว
แต่จริง ๆ แล้ว ตลาดหุ้น เวลาแดงทั้งกระดาน ก็เสมือนมิเตอร์วัดความกลัวเช่นกันนะครับ
ในขณะที่ เวลาเขียวทั้งกระดาน ก็เสมือนมิเตอร์วัดความโลภครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 8:38 am
โดย tigerroad197
surachaichia เขียน:บางครั้ง จะมีความไม่รู้ ที่วางอยู่บนความรู้ อีกชั้น สองชั้นได้นะครับ
ใช่แล้วครับ ความไม่รู้ที่ตั้งอยู่บนความรู้นี่ ทำให้ปัญญาถดถอยครับ เพราะคิดว่ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม หรือไม่ต้องการรับฟังข้อคิดที่ผิดแผกไปจากแนวคิดของตน
ทำให้ผมนึกถึงคำสอนเรื่อง น้ำชาล้นถ้วย ครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 8:41 am
โดย tigerroad197
navapon เขียน:ซื้อทองคำ ในเมื่อประเมินมูลค่าแท้จริงไม่ได้ มันก็คือการเก็งกำไรล้วนๆครับ
แต่ไม่รู้ทำไม ผมว่าราคามันจะขึ้นอีกนะ (ทั้งที่คิดอย่างนี้ ผมก็ไม่ได้ซื้อนะครับช่วงนี้ กลัวครับ)
เรื่องของ ความกลัว กับ ความโลภ นี่ประเมินไม่ได้จริง ๆ แหละครับ
แม้แต่ ตลาดหุ้น ก็เหมือนกัน เวลาตื่นตระหนก แม้แต่หุ้นดี ๆ ยังขายทิ้ง ก็มีตัวอย่างให้เห็นบ่อยไปนะครับ
ในขณะที่เวลาตลาดดี ๆ หุ้นราคาแพง ก็ยังมีคนซื้อเลยครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 8:55 am
โดย tigerroad197
ลูกอิสาน เขียน:tigerroad197 เขียน:แต่ ทองคำ นั้น กล่าวได้ว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อถือที่ว่า เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ และการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาทอง อาศัยแต่ปัจจัยทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ผมอยากจะเตือนก็คือ ถ้าหากลงทุนในทองคำแท่งนั้น ถึงแม้ทองจะลง ทองจะขึ้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าในอนาคตทองคำจะต้องขึ้นอย่างแน่นอน ( โดยเฉพาะเมื่อ ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ค่อย ๆ เสื่อมความน่าเชื่อถือ )
ดังนั้น การลงทุนในทองคำแท่ง จึงน่าจะเข้ากับอุปนิสัยของ ผู้ลงทุนแนว VI
หุ้น ผมคิดว่ายังตีราคาได้ อย่างน้อยจากปันผลที่จ่าย แต่ทองนี่เป็นเรื่องความเชื่อล้วนๆ
ว่ากรวดสีทองนี้มีราคาเท่าโน้นเท่านี้ ผมยอมรับว่าตัวเองตีราคาไม่เป็นจริงๆ ถ้าตีราคาไม่ได้ยังมองไม่ออกว่าเป็นการลงทุนแบบ vi ได้อย่างไร
สัปดาห์ก่อนมีเพื่อนๆนำข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง 30 กว่าปี (2517-2552) เปรียบเทียบการลงทุนในหุ้น เงินฝาก พันธบัตร ทอง ปรากฎว่าทองได้ผลตอบแทน
ต่ำสุดที่ประมาณ 8 เท่า ในขณะที่หุ้นทำได้ 40 เท่า ไม่แน่ใจว่ารวมปันผลหรือเปล่า ถ้ารวมน่าจะได้เกินกว่านี้มาก
แม้ปี 53-54 ทองจะขึ้นมาเยอะ แต่หุ้นก็ขึ้นเยอะเช่นกัน ถ้ามองผลตอบแทนแค่ 1-2 ปี เราจะได้ภาพแบบนึง ถ้าเรามองย้อนไปหลายปี เราอาจจะได้ภาพที่ต่างออกไป
ถ้าวัดผลตอบแทนของ ทองคำ ในอดีต โดยเฉพาะก่อนปี 2553 ก็นับว่า ทองคำ ให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากจริง ๆ อย่างข้อมูลที่หยิบยกมาครับ
แต่เมื่อปีที่แล้ว ผมซื้อทองคำแท่งที่ราคาบาทละ 19250 บาท และถือเก็บเอาไว้ยังไม่ขายจนทุกวันนี้ ปรากฎว่ามาคำนวณผลตอบแทนที่จะได้รับ หากนำทองไปขายเมื่อวานนี้อยู่ที่ 30% ก็นับว่าผลตอบแทนน่าพึงพอใจครับ สำหรับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นนี้
ผมมองในแง่ที่ว่า หาก ทองคำ เป็นบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ก็ย่อมต้องเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดี และถามว่ามีการเติบโตหรือไม่
เราลองเปรียบเทียบ บริษัทประเภท Growth จะเห็นว่า การจะดูว่า บริษัท จะ Growth นั้น ก็ต้องอาศัยการประมาณ โดยดูสถิติย้อนหลัง ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับที่ประมาณเอาไว้ก็ได้
ทองคำ ก็เช่นเดียวกัน หากมองในช่วงสองปีมานี้ เปรียบได้กับ บริษัท ที่ Growth เช่นกัน
การที่ ทอง มีราคาสูงขึ้นในช่วงสองสามปีมานี้ แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นความเชื่อในสินทรัพย์นี้
แต่อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯ เสื่อมความเชื่อถือนะครับ
ยิ่งพิมพ์ ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ออกมามากเพียงไร ทองคำ ก็ยิ่งเพิ่มมูลค่ามากเท่านั้นครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 9:46 am
โดย CheNz
tigerroad197 เขียน:surachaichia เขียน:บางครั้ง จะมีความไม่รู้ ที่วางอยู่บนความรู้ อีกชั้น สองชั้นได้นะครับ
ใช่แล้วครับ ความไม่รู้ที่ตั้งอยู่บนความรู้นี่ ทำให้ปัญญาถดถอยครับ เพราะคิดว่ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม หรือไม่ต้องการรับฟังข้อคิดที่ผิดแผกไปจากแนวคิดของตน
ทำให้ผมนึกถึงคำสอนเรื่อง น้ำชาล้นถ้วย ครับ
ถามเขาเราดูโง่เพียงนาที แต่ไม่ถามไถ่เราจะโง่ไปตลอดชีวิต
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 10:01 am
โดย tigerroad197
CheNz เขียน:tigerroad197 เขียน:surachaichia เขียน:บางครั้ง จะมีความไม่รู้ ที่วางอยู่บนความรู้ อีกชั้น สองชั้นได้นะครับ
ใช่แล้วครับ ความไม่รู้ที่ตั้งอยู่บนความรู้นี่ ทำให้ปัญญาถดถอยครับ เพราะคิดว่ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม หรือไม่ต้องการรับฟังข้อคิดที่ผิดแผกไปจากแนวคิดของตน
ทำให้ผมนึกถึงคำสอนเรื่อง น้ำชาล้นถ้วย ครับ
ถามเขาเราดูโง่เพียงนาที แต่ไม่ถามไถ่เราจะโง่ไปตลอดชีวิต
+1 ให้ครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 10:23 am
โดย canuseeme
บริษัท ผลืิตทอง (เหมืองทอง)
หรือ บริษัท เพิ่มมูลค่าทอง (ช่าง ทอง ทำสร้อย ทำแหวน ร้านทอง)
ซิ ครับ ถึง จะเหมาะกับ vi ทองแค่โลหะ ที่คน กลุ่มใหญ ชอบ และ หลงใหล ผมว่า พวก แร่ กัมมันตภาพ ยังมีค่า กว่า อีก นะ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 10:44 am
โดย tigerroad197
canuseeme เขียน:บริษัท ผลืิตทอง (เหมืองทอง)
หรือ บริษัท เพิ่มมูลค่าทอง (ช่าง ทอง ทำสร้อย ทำแหวน ร้านทอง)
ซิ ครับ ถึง จะเหมาะกับ vi ทองแค่โลหะ ที่คน กลุ่มใหญ ชอบ และ หลงใหล ผมว่า พวก แร่ กัมมันตภาพ ยังมีค่า กว่า อีก นะ
+1 ครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับความคิดเห็น
ที่จริง โลหะมีค่า อย่าง แพลตตินั่ม ก็มีมูลค่าสูงกว่า ทองคำ นะครับ เพียงแต่ว่าหาแหล่งรับซื้อยากครับ
ดังนั้นยิ่งแร่กัมมันตภาพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แถมยังสามารถได้รับอันตรายอีกด้วย ถ้าหากสัมผัสโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังที่เคยมีข่าว ซาเล้งหาของเก่า เคยเก็บแร่ชนิดหนึ่งได้ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครับ
โลหะเงิน ก็น่าสนใจครับ แต่บ้านเราก็ไม่มีแหล่งรับโลหะเงินอย่างเป็นทางการครับ
เท่าที่อ่านคำตอบของหลาย ๆ ท่าน ก็พอจะทราบว่า ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนในทองคำ ซึ่งผมก็ขอน้อมรับความคิดเห็นทั้งหมดด้วยความขอบคุณครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 10:52 am
โดย canuseeme
ขอบคุณท่านเจ้า ของ กระทู้ ที่ไม่รู้สึกเคือง(เท่าที่ผมอ่านจากเม้น นะ ครับ)
นานๆพี่ ลูกอีสาน มาทัก ผมว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่ได้ ทักท้วงกัน
ถ้ากระทู้นี้ เกิดที่ เวป อื่น ป่านชะนี้ คง โดนลบกระทู้ แล้ว มั้ง 5555
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 11:04 am
โดย tigerroad197
canuseeme เขียน:ขอบคุณท่านเจ้า ของ กระทู้ ที่ไม่รู้สึกเคือง(เท่าที่ผมอ่านจากเม้น นะ ครับ)
นานๆพี่ ลูกอีสาน มาทัก ผมว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่ได้ ทักท้วงกัน
ถ้ากระทู้นี้ เกิดที่ เวป อื่น ป่านชะนี้ คง โดนลบกระทู้ แล้ว มั้ง 5555
+1 อีกครั้งนึงครับ
คำทักท้วง ช่วยให้มีสติ ก่อนลงมือกระทำเป็นอย่างดีครับ
Re: ความไม่รู้ ของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2011 5:51 pm
โดย ^^
CheNz เขียน:
ถามเขาเราดูโง่เพียงนาที แต่ไม่ถามไถ่เราจะโง่ไปตลอดชีวิต
ชอบคำนี้มากๆครับ