Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

วัฏจักร JAS จบลงอีกครั้ง เหมือนหนังน้ำเน่าที่ตัวละครเดิม แต่เชื่อเรื่องใหม่ เนื้อหาไม่เปลี่ยนแปลง คุณก็ดูมาหลายเรื่องแล้ว PTL, TRT, ILINK, BROCK, BAT-3K, UEC, UMS, KTC.......
แต่เรื่องดีๆก็มีเยอะ SIS, TR
เมื่อไหร่นักลงทุนจะพัฒนาได้ซะทีครับ ผมอ่าน pantip พบนักลงทุนชนิดของเม่าคือ เม่า VI และ เม่า เทคนิค

เมื่อท่าน เม่า VI ไม่มีเครื่องมือในการลงทุนที่ดี มีข้อมูลที่ดีไม่ได้
แล้วทำไมไม่หา ของพี่ครรชิตก็ดีมาก http://www.klongjan.com ก็ดี
ทำไมไม่ไปสมัครครับ แค่ปีละ 1000 บาท หรือต้องมาเสียเงินเป็นแสนเป็นล้าน

ผม ก็เริ่มต้นจากไฟล์พี่ครรชิตที่มีเมตตาต่อผม(แต่หลังจากนั้นผมไม่ได้ดูเพราะไปดูที่ klongjan แทน) ดูมันเข้าไปครับงบการเงิน ดูไฟล์ของพี่ครรชิต 100 รอบ 1000 รอบ คุณเห็นกราฟรายได้ เห็นกำไร เห็น NPM ก็เข้าใจแล้วครับว่ามันเป็นยังไง ธุรกิจดีหรือเปล่า
ทั้งสองแหล่งยัง มีการทำ ranking แบบ magic formula ให้เป็น guide เพื่อมือใหม่

อ่านมันเยอะๆครับงบการเงิน รายงานประจำปี สังเกตเยอะๆ
เมื่อไหร่ท่านทำได้ แค่เห็นชื่อหุ้นกับราคาก็บอกได้แล้วว่าน่าลงทุนหรือเปล่า อ่าน ไม่น้อยกว่า 100 บริษัทในทุกๆปีครับ
และผมแนะนำครับว่าไม่ต้องไปเรียบ บัญชึจากนักบัญชี เพราะถ้าคุณไม่จบบัญชีก็จงหาวิธีของท่านในการลงทุนให้ได้ ผมคนหนึ่งที่ไม่ไปเรียบบัญชี ไม่อ่านหนังสือบัญชี เพราะสิ่งเหล่านี้มันมีใน รายงานงบการเงินแล้วครับ
ยกตัวอย่าง ผมไม่เคยดูเรื่องหนี้ระยะสั้นเป็นสาระในทุกธุรกิจ เพราะมันดูกันไม่ได้ เช่น หนี้ระยะสั้นไม่ต้องไปท่องครับว่าไม่ดี ให้ไปดูธรรมชาติของธุรกิจ เช่น 7-11 หนี้ระยะสั้นมันไม่ดีตรงไหน เป็นต้น
ดูที่ธรรมชาติของธุรกิจ
และอย่าใช้ความโลภนำการลงทุน
แล้วผมว่าคุณจะไม่เป็น เม่า VI แน่นอนครับ

ขอบคุณมากครับผม

ตรงเป้าครับ "ให้ดูที่ธรรมชาติ"

คนที่จะเก็บกำไรไว้คนเดียว ไม่บอกหรอกครับว่าถือหุ้นอะไรบ้าง
ยกเว้นจะได้ของครบ หรือราคาวิ่งไปไกลมากแล้ว

JAS นี่เนื้อหาเปลียนนะ เป็นตัวแรกที่เล่นบทเรื่อง showball

กำลังคอยดูว่าหุ้นอะไร จะเล่นละครshowballตัวต่อไป

ปล. JAS ยังไม่จบ ยังขาดตอนที่ตัวละคร "มาดาม"ออกมาเล่น

ผมไม่ได้ชี้นำนะครับว่า JAS ผลประกอบการจะไม่ดีหรือแพงไปแล้วในราคานี้ 2.2 เพราะผมก็เชื่อเสมอว่า JAS จะดีไปอีก 6-7 ไตรมาส

แต่สิ่งที่มันทำให้ท่านทั้งหลายต้องคิดว่าเราลงทุนกับอะไรอยู่ เรารู้ว่าแพงหรือถูกยัง ท่านที่ขายไปเขารู้ครับ แต่ เม่า VI ไม่รู้ 3 บาทกว่าก็เข้ากัน

เช่น ผมให้เป้าหมายที่ 4 บาทครับ แต่เป็นอีก 4 ปีข้างหน้า หมายความว่าหุ้นตัวนี้น่าลงทุน ที่ 2 บาท เพราะ 4 ปี 100% ใช้ได้ครับ หรือ 20% ต่อปี แต่อันนี้ได้รวมค่าส่วนเผื่อเข้าไป ทำให้อาจจะได้ 15% ต่อปี ก็โอเค
เมื่อหุ้นวิ่ง 1.5 ไป 3.0 นี่มัน 100% ภายใน 6 เดือน ถึงเป้าแล้วครับ เพราะช่องว่า 3 ไป 4 มันแค่ 33% ต่อ 4 ปี เป็นการลงทุนที่ไม่ดี
ลงคิดดูนะครับ

(ไม่ต้องไปหาคนรับผิดชอบ เพราะท่านต้องรับผิดชอบตัวท่านเอง )

wj เขียน:ผมไม่เคยดูเรื่องหนี้ระยะสั้นเป็นสาระในทุกธุรกิจ เพราะมันดูกันไม่ได้ เช่น หนี้ระยะสั้นไม่ต้องไปท่องครับว่าไม่ดี ให้ไปดูธรรมชาติของธุรกิจ เช่น 7-11 หนี้ระยะสั้นมันไม่ดีตรงไหน เป็นต้น

ผมติดใจข้อความนี้ครับ รบกวนคุณ wj ให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ขอบคุณครับ

หนี้ระยะสั้นของ 7-11 ส่วนใหญ่เป็น เจ้าหนี้การค้าหนะครับ ถ้ามี power ในการต่อรองก็ไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่หนี้ที่ต้องจ่ายดอกแน่นอน หนะครับ

hariphunchai เขียน:

wj เขียน:ผมไม่เคยดูเรื่องหนี้ระยะสั้นเป็นสาระในทุกธุรกิจ เพราะมันดูกันไม่ได้ เช่น หนี้ระยะสั้นไม่ต้องไปท่องครับว่าไม่ดี ให้ไปดูธรรมชาติของธุรกิจ เช่น 7-11 หนี้ระยะสั้นมันไม่ดีตรงไหน เป็นต้น

ผมติดใจข้อความนี้ครับ รบกวนคุณ wj ให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ขอบคุณครับ

ผมพูดทั่วๆไป เช่น เรื่องหนี้ระยะสั้นเยอะๆไม่ดี แต่สำหรับ CPALL แล้วนี่คือ หนึ่งในกุญแจความสำเร็จของ CPALL
CPALL มีหนี้ระยะสั้นเยอะ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกเรียกชำระในเร็ววัน เพราะส่วนใหญ่เป็นหนี้ supplier (นอกจากนี้ยังมีเงินจากแฟรนไชส์ซี)
ตอนที่ CPALL ขยายสาขาก็ได้หนี้ตรงนี้แหละที่มาช่วยให้ CPALL เติบโตและยังมีเงินสดสูง มันกลับตรงกันข้ามกับ hmpro ที่ยิ่งขยายยิ่งขาดเงิน ต้องเพิ่มทุน (hmpro หุ้นโปรดของผมครับ)
เราก็ต้องมาธรรมชาติของ CPALL 1.ขยายสาขาด้วยการใช้เงินผู้อื่น 2.เช่าทำให้ไม่ลงทุนหนัก 3.ขายสินค้าแพงเพราะมันเป็น"ร้านสะดวกซื้อ" 4.ยิ่งโตยิ่ง economic of scale 5.เมื่อมันโตมันก็กลายเป็นช่องทางจัดจำหน่าย 6.มันมีประสิทธิภาพการทำกำไรสูงจาก แฟรนไชส์ซี ที่มาเป็นเจ้าของร้าน(ที่จริงเป็นลูกจ้างต่ำแหน่งผู้จัดการ)ทำงานถวายชีวิต 7.ตอนยังเล็กมี supplier ด้านอาหารอย่าง CP คอยสนับสนุน ทำให้ร้านอื่นสู้ 7-11 ไม่ได้
(อย่างลืมจุดด้อยด้วยนะ) ......

หนี้ระยะยาวก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี เช่น ถ้าบริษัท egco ประมูลงานIPPได้ irr 12%
ไปกู้มาลงทุนมีดอก 5% ถ้ารวมค่าดำเนินงาน 3% ผลที่ได้คือ 4% ฟรีๆ
ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับราคาหุ้นแล้วว่าจะถูกหรือแพง เรื่องปัญหาภาระหนี้ความเสี่ยงตรงนี้จะไม่เกิด เพราะ 12% รัฐต้องจ่ายแน่นอน ยกเว้นอัตราดอกเบี้ยมันสูงจนเกินไปในระยะยาว
อันนี้เป็นการยกตัวอย่างว่าหนี้มันก็มีดีครับ
ของเพิ่มเติมก็แล้วกัน
ส่วน ROE ใครคิดว่าสูงๆดีต้องคิดใหม่ เช่น BEC มี ROE สูง แล้วคำถามว่าทำไม BEC ไม่ลงทุนเพิ่มเท่าตัว(ทั้งๆที่ ROE สูงเกิน30) คำตอบคือ มันอิ่มตัวแล้ว และทำให้ BEC ต้องปันผลเกือบ 100% ของกำไร
เราก็ต้องหาสาเหตุว่าธรรมชาติธุรกิจมี ROE สูงๆได้อย่างไรต่อเนื่องหลายปี
คำตอบคือมันหาคู่แข่งไม่ได้เพราะ 1.มันมีสัมปทาน 2.ทีวีฟรีมันมีจำกัดช่อง 3.ระยะหลังๆต้นทุน BEC คงที่แต่รายได้สูงขี้น ส่วนใหญ่ก็กลายเป็นกำไร 4.มันจ่ายเงินปันผลสูง(ทำให้ equity ไม่เพิ่มมาก)
ก็ต้องไปวัดกันที่ ราคาหุ้น ว่าแพงหรือเปล่า กับหุ้นที่อาจจะไม่เติบโตหรือโตช้าถ้าความผูกขาดหมดไป หรือ ต้นทุนใหม่สูงขึ้น เมื่อหมดสัมปทาน
หรือบริษัทอาจจะหลุดจากสัมปทาน ไปเปิดทีวีเคเบิ้ลทำให้ต้นทุนต่ำเข้าไปอีก กำไรเพิ่ม เป็นไปได้ทั้งนั้น
เท่านี้ก่อนแล้วกันครับ

กระจ่างเรื่องหนี้แล้วครับ ขอบคุณ คุณ wj อีกครั้งครับ

ได้ความรู้เยอะเลย
ขอบคุณครับ

นับถือครับ

ลิ้งค์ที่คุณ wj ให้มาคือ http://www.klongjan.com ไม่ทราบว่าต้องสมัครสมาชิกก่อนเหรอครับถึงจะเห็นข้อมูล เพราะผมเข้าไปตามลิ้งค์แล้ว ไม่เห็นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนน่ะครับ

ขอบคุณครับ

thelostchild เขียน:ลิ้งค์ที่คุณ wj ให้มาคือ http://www.klongjan.com ไม่ทราบว่าต้องสมัครสมาชิกก่อนเหรอครับถึงจะเห็นข้อมูล เพราะผมเข้าไปตามลิ้งค์แล้ว ไม่เห็นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนน่ะครับ

ขอบคุณครับ

ต้องเป็นสมาชิกครับ จะเห็นข้อมูลด้านผลประกอบการครับ
จะมีกราฟรายได้ กำไร bv ปันผล และอื่นๆ เป็นรายไตรมาสครับ
จะเป็นประโยชน์ให้ทั้งนักลงทุนใหม่(เก่าก็มีประโยชน์) ในการดูแนว้โน้มผลประกอบการ
ง่ายขึ้น แต่ต้องใช้เวลาศึกษาเพื่อให้คุ้นเคยนะครับ ไม่ใช่ยาวิเศษ
สมัย6-7ปีก่อนผมดูของพี่ครรชิต ก็ค่อยๆดู
ผมดูรวมๆทั้งหมด เป็น1000 รอบ/7ปี เห็นจะได้ (1 รอบก็หุ้น 5ร้อยตัวครับ)

ไม่มีเนื้ออะไรเกี่ยวกับหุ้นเท่าไหร่ครับ เข้าใจว่าให้เป็นแต่ข้อมูลเอาไว้พิจารณาการลงทุน

ขอบคุณครับ เข้าไปดูแล้วมีภาพสวยๆเยอะเลย