หน้า 1 จากทั้งหมด 1

วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 2:43 pm
โดย pawattt
ผมพึ่งลงทุนมาได้ 1 ปี ถึงแม้ขาดทุน แต่เป้นประสบการณ์ที่ดีมากของผมเลยทีเดียวครับ
ช่วงนี้เห้นข่าวต่างๆ ออกมาบอกกันใหญ่ว่าจะวิกฤตินะ ด้วยสาเหตู...... ต่าง ๆ มากมาย

แต่สิ่งที่ผมในฐานะมือใหม่อยากทราบจากพี่ๆ ที่ประสบการณ์สูงคือว่า

ก่อนเกิดวิกฤติปี 2008 มีทัศนคติของคนส่วนมาก ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ครับ

เนื่องจากว่า ปีนี้มีคนกลัวกันมาก ทุกคนที่ลงทุนพูดถึงกันหมด แสดงว่ามีการคาดการณ์กันไว้แล้วว่าอาจเกิดแนะ เมื่อไร อย่างไร ไม่รู้ แต่จะเกิด
เมื่อมีการณ์คาดการณ์ ถ้าเกิดจิง คงไม่เลวร้ายมากมายนัก หรือไม่ครับ

ขอบคุณพี่ ๆ ล่วงหน้าครับ

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 2:56 pm
โดย Jeng
ก่อนเกิด ไม่รู้ เพราะมัวแต่ดูพื้นฐาน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กิจการเราดี ต้องไปกลัวอะไร

จำได้ว่า หุ้นขึ้นไป 900 เทรด 18000 ล้านบาท สูงสุด จากที่ไต่ขึ้นมา 400 จุด

เห็นมีข่าวแว่วๆ ว่าจะไป 1500 หรือไงนี่

แล้วก็คลื่นเครงกันมาก กำไรกันเยอะ

ก็อย่างที่เคยเอารูปให้ดู 5 เดือน หุ้นทั้งตลาดตก 50 %

มาตอนนี้ นักลงทุนที่เคยผ่านมาก็คงจะเตรียมตัว เพื่อรับสถานการณ์

โดยส่วนตัวไม่มีอะไร พอร์ทไม่ได้ใหญ่โต พอร์ทเก็งกำไรถือเงินสด พอร์ท vi ถือหุ้น

ก็ว่ากันไป หุ้นขึ้น หุ้นลง

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 3:05 pm
โดย pawattt
ขอบคุณมากกครับพี่ Jeng :D :D :D

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 3:47 pm
โดย ซุนเซ็ก
ก่อนเกิดวิกฤติปี 2008 มีทัศนคติของคนส่วนมาก ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร?
คนส่วนมากกลัวครับ

นักลงทุนมักลืมทุกอย่างและมีความเชื่อผิดๆฝังหัว
“ฟองสบู่แตกเมื่อทุกคนลิงโลด”, “ถ้าตลาดกลัว นั้นจะยังไม่วิกฤต”, “mr.market คือคนโง่,คนผิด”
....ตลาดรับรู้ถึงช่วงก่อนวิกฤตได้ครับและไม่ได้โง่อย่างที่ในตำราว่าไว้

ผมได้เขียนบล็อค นำกระทู้และบางข่าวในช่วงก่อนเกิดตลาดถล่มปี 08 มาลงไว้
Subprime’s Blackbox "2 เดือนก่อนวิกฤต ตลาดคิดยังไง?!"
http://goo.gl/QUa6V

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 4:08 pm
โดย Mote_VI
ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าจะเกิดวิกฤติตอนไหน การที่เราจะไปคาดเดากับสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ เสียเวลาเปล่าๆครับ ในเมื่อเราไม่สามารถเดาได้ เราก็ไม่ต้องไปสนใจภาพใหญ่ครับ กลับมาสนใจภาพเล็ก สนใจในตัวธุรกิจ ตัวบริษัทที่เราจะลงทุนดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไร มีตัวไหนยังน่าลงทุนบ้าง แต่ผมคิดว่าช่วงที่คนพูดกันมากและระวังกันมากไม่น่าจะเกิดครับเพราะว่าทุกคนจะเตรียมรับมือและมีมาตรการต่างๆรองรับเพื่อไม่ให้เกิดวิฤต แต่ถ้าช่วงไหนที่คนชล่าใจ ไม่ระมัดระวัง อะไรก็ดีไปหมด ช่วงนั้นผมว่าควรจะระวังครับ อาจจะเกิดวิกฤติได้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 4:19 pm
โดย naijan
อย่าประมาทในทุกสภาพตลาด นักลงทุนที่ดี ควรทำตัวให้พร้อมทุกสภาพตลาด ลงทุนอย่างมีสติ
-----------------------------------------------------------------
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่งและการลงทุน วิธีการสอนลูกให้มั่งคั่ง
เชิญได้ที่...
http://www.wealththailand.blogspot.com/

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 4:36 pm
โดย CheNz
Mote_VI เขียน:ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าจะเกิดวิกฤติตอนไหน การที่เราจะไปคาดเดากับสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ เสียเวลาเปล่าๆครับ ในเมื่อเราไม่สามารถเดาได้ เราก็ไม่ต้องไปสนใจภาพใหญ่ครับ กลับมาสนใจภาพเล็ก สนใจในตัวธุรกิจ ตัวบริษัทที่เราจะลงทุนดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไร มีตัวไหนยังน่าลงทุนบ้าง แต่ผมคิดว่าช่วงที่คนพูดกันมากและระวังกันมากไม่น่าจะเกิดครับเพราะว่าทุกคนจะเตรียมรับมือและมีมาตรการต่างๆรองรับเพื่อไม่ให้เกิดวิฤต แต่ถ้าช่วงไหนที่คนชล่าใจ ไม่ระมัดระวัง อะไรก็ดีไปหมด ช่วงนั้นผมว่าควรจะระวังครับ อาจจะเกิดวิกฤติได้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
แนวคิดแบบนี้ก็โอเคครับอยู่ในหลักการดี :D
แต่ถ้าถึงเวลาต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ อะไรที่เขียนไว้ในตำรา มักไม่คอยได้ใช้ครับ
การคาดเดาตลาด หากมีข้อมูลเพียงพอ ขวนขวายให้มาก อย่างเช่น พี่ๆหลายๆท่าน เช่นพี่แงซาย เอาข้อมูลมาแปะไว้ให้ดู ก็ทำให้เราพอคาดการณ์อนาคตของ ศก. ได้บ้างไม่มากก็น้อย
หากเราเห็นความไม่แน่นอนของ ศก. จากข้อมูลต่างๆ และถอยออกมาทัน ก่อนจะเกิดวิกฤต
จะทำให้เราไม่เสียโอกาสในการลงทุนครั้งใหญ่ๆครับ
เงินฉลาด ในมือของคนกล้า จะสร้างสุดยอดนักลงทุนทุกครั้งที่จบวิกฤตครับ :mrgreen:

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 06, 2011 11:55 pm
โดย pawattt
:D :D

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 07, 2011 10:53 am
โดย Notelio
ตอนปี 2008 ก่อนเกิดวิกฤต 2 เดือน ช่วงนั้นผมกำลังตะบี้ตะบันเก็บหุ้นตัวหนึ่งที่มี pe 4 เท่าอยู่ พร้อมกับวาดฝันว่าจะไปขายตอน pe 8 เท่า กำไร 100% เจอตลาดลงช่วงแรกก็ยังทนได้แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หุ้นดี หุ้นแย่ มันไปหมด หุ้น pe 4 ที่ควรจะไป pe 8 มันกลายมาเป็นเหลือ pe 2 จากหวังกำไร 100 % ต้องมาขาดทุน 50% เป็นช่วงเวลา 3 เดือนที่มืดสุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 3 ปี หุ้นตัวนั้นก็ยังอยู่ใน port ผม แต่ cycle ของตลาดกำลังกลับมาทดสอบผมอีกรอบว่าจะผ่านความมืดรอบนี้ไปได้หรือเปล่า

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 07, 2011 12:57 pm
โดย draco
Notelio เขียน:ตอนปี 2008 ก่อนเกิดวิกฤต 2 เดือน ช่วงนั้นผมกำลังตะบี้ตะบันเก็บหุ้นตัวหนึ่งที่มี pe 4 เท่าอยู่ พร้อมกับวาดฝันว่าจะไปขายตอน pe 8 เท่า กำไร 100% เจอตลาดลงช่วงแรกก็ยังทนได้แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หุ้นดี หุ้นแย่ มันไปหมด หุ้น pe 4 ที่ควรจะไป pe 8 มันกลายมาเป็นเหลือ pe 2 จากหวังกำไร 100 % ต้องมาขาดทุน 50% เป็นช่วงเวลา 3 เดือนที่มืดสุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 3 ปี หุ้นตัวนั้นก็ยังอยู่ใน port ผม แต่ cycle ของตลาดกำลังกลับมาทดสอบผมอีกรอบว่าจะผ่านความมืดรอบนี้ไปได้หรือเปล่า
แล้วตอนนี้คุณ Notelio ทำยังไงล่ะครับ ยังคงถือหุ้นไว้ในพอร์ต หรือ ขายเพื่อรอตอนมันลงไปมากๆค่อยซื้อ อยากทราบความคิดเห็นคนที่เคยผ่านเหตุการณ์มาแล้วน่ะครับ ผมเพิ่งลงทุนปีที่แล้วเองครับ เลยยังไม่เคยลิ้มรสชาติตลาดหุ้นตกหนักๆครับ

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 07, 2011 1:14 pm
โดย chukieat30
ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 07, 2011 1:16 pm
โดย chukieat30
ประโยคอมตะนิรันด์กาล ของผมนะครับ

ทุกวิกฤติมีผู้กล้าล้มลง และก้ก่อให้เกิดผู้กล้าคนใหม่ นี่แหล่ะ สัจธรรม

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 07, 2011 3:05 pm
โดย Notelio
draco เขียน:
Notelio เขียน:ตอนปี 2008 ก่อนเกิดวิกฤต 2 เดือน ช่วงนั้นผมกำลังตะบี้ตะบันเก็บหุ้นตัวหนึ่งที่มี pe 4 เท่าอยู่ พร้อมกับวาดฝันว่าจะไปขายตอน pe 8 เท่า กำไร 100% เจอตลาดลงช่วงแรกก็ยังทนได้แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หุ้นดี หุ้นแย่ มันไปหมด หุ้น pe 4 ที่ควรจะไป pe 8 มันกลายมาเป็นเหลือ pe 2 จากหวังกำไร 100 % ต้องมาขาดทุน 50% เป็นช่วงเวลา 3 เดือนที่มืดสุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 3 ปี หุ้นตัวนั้นก็ยังอยู่ใน port ผม แต่ cycle ของตลาดกำลังกลับมาทดสอบผมอีกรอบว่าจะผ่านความมืดรอบนี้ไปได้หรือเปล่า
แล้วตอนนี้คุณ Notelio ทำยังไงล่ะครับ ยังคงถือหุ้นไว้ในพอร์ต หรือ ขายเพื่อรอตอนมันลงไปมากๆค่อยซื้อ อยากทราบความคิดเห็นคนที่เคยผ่านเหตุการณ์มาแล้วน่ะครับ ผมเพิ่งลงทุนปีที่แล้วเองครับ เลยยังไม่เคยลิ้มรสชาติตลาดหุ้นตกหนักๆครับ
พยายามเหลือสภาพคล่องไว้ให้มากที่สุดครับ ถ้ามีโอกาสช่วงที่หุ้น rebound ก็พยายามลดตัวที่ถือลงมาบ้าง แม้วิกฤตจะยังไม่เกิดแต่ความเสี่ยงมันสูงเกินกว่าจะถือหุ้นเต็มร้อยครับ สุดท้ายถ้ามั่นใจว่าหุ้นที่ถือดีจริง ก็ต้องย้อนกลับไปมองจิตใจตัวเองด้วยว่ามั่นคงพอจะผ่านช่วงมืดได้มั้ย เพราะสารพัดข่าวร้ายทั้งจริงไม่จริงมันจะไหลมาบีบจนทนถือไม่ไหวครับ
เหมือนกับดูคนอวดผี อยู่บ้าน ยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆครับ

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 8:36 pm
โดย pawattt
โอ้โหเทียบกะคนอวดผีนี่น่ากลัวนะคับ :ohno: :ohno: ตอนนี้ผมก็พยายามลดพอร์ท รอโอกาสแจ่ม ๆ อีกครั้ง เรื่องพื้นฐานไม่ขัดเลยครับว่าบ้านเรายังดี แต่พอได้คุยกับพี่ ๆ ใน บอร์ด และท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ดีแค่ไหนถ้าคนขายหนัก ๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน สำหรับผมคงไม่ถึงขนาด เชื่อโดยทันที คงต้องพิจารณา แล้วถือ ในสัดส่วนที่รับได้

ตอนนี้ผมมองยังงี้ครับพี่ ๆ
มองว่า เงิน ยังไงก็ ต้องไหลไปไหนซักที่ ถ้าเกิด ศก. แย่ลงจิง ๆ
1. ไหลไปทอง
2. ไหลมา asia ที่มี growth มากกว่า

ผมเลยคิดว่า เราน่าจะถือ ทั้งหุ้น ไทย และ ทอง ก็น่าจะดีนะครับ
เพราะไม่ว่าไหลไปไหน เราก็มีทั้งคู่ หรือไม่ ได้อย่างก็เสียงอย่าง

แต่ก็คือต้องรอลงหนัก ๆ ก่อนนะครับ ทองตรงนี้ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน :D :D

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 9:26 pm
โดย torpongpak
ใช่ว่ามีเงินสดเยอะๆเเล้วจะนอนหลับนะครับ การไม่มีหุ้นบางทีก็นอนไม่หลับเช่นกัน ผมเคยล้างportช่วงยังไม่ประสีประสากับการลงทุนเพราะดันไปเชื่อ"ข่าวลือ" ปรากฎว่า"นอนไม่หลับ"เหมือนกันครับ ก็รู้สึกเสียดายถ้าไม่มีหุ้น กลัวเสียโอกาสทางการลงทุนเพราะสินค้าของบริษัทที่เรา"เคย"เป็นเจ้าของก็ยังขายได้เรื่อยๆ ที่สำคัญรู้สึกเซ็งมากเมื่อต้อง "อุดหนุน"สินค้านั้นๆเอง

ดังนั้นทำอะไรก็ได้ขอให้"สมดุล"เเละมีความสุข มีพี่ท่านนึงPostน่ารักมากประมาณว่าว่า "สุขภาพผมอยู่ในport" :B

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 9:45 pm
โดย CheNz
ผมว่าจะถือเงินสด 100% หรือถือหุ้น 100% ในสถานะการณ์เดียวกัน ความสบายใจของเราก็ต่างกันได้ครับ :D
อย่างช่วงเวลาแบบนี้ ที่ยังไม่ชัดเจนในภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ ส่วนตัวผมจากตอนแรกถือครองหุ้น 90% แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เนื่องจากตัวที่ถือเกือบ 40% เป็นตัวที่ทุนค่อนข้างสูง ราคาที่ผมเข้าก็คือ target price แบบ Conservative ของผมแล้ว แต่ผมยังมอง Upside ที่ 30-40% แต่ผมไม่ค่อยสบายใจนักในการถือต่อ
ผมตัดสินใจขายหุ้น ถือเงินสดเพิ่มเป็น 40% เลยครับ มันทำให้ผมมีความสุขและสบายใจผ่อนคลายกว่าครับ
ผมว่าความสบายใจและผ่อนคลายในการลงทุน จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนต่อไปได้ดีกว่าภาวะเครียด เร่งรีบกดดันครับ :mrgreen:

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 9:52 pm
โดย Saiko
pawattt เขียน:โอ้โหเทียบกะคนอวดผีนี่น่ากลัวนะคับ :ohno: :ohno: ตอนนี้ผมก็พยายามลดพอร์ท รอโอกาสแจ่ม ๆ อีกครั้ง เรื่องพื้นฐานไม่ขัดเลยครับว่าบ้านเรายังดี แต่พอได้คุยกับพี่ ๆ ใน บอร์ด และท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ดีแค่ไหนถ้าคนขายหนัก ๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน สำหรับผมคงไม่ถึงขนาด เชื่อโดยทันที คงต้องพิจารณา แล้วถือ ในสัดส่วนที่รับได้

ตอนนี้ผมมองยังงี้ครับพี่ ๆ
มองว่า เงิน ยังไงก็ ต้องไหลไปไหนซักที่ ถ้าเกิด ศก. แย่ลงจิง ๆ
1. ไหลไปทอง
2. ไหลมา asia ที่มี growth มากกว่า

ผมเลยคิดว่า เราน่าจะถือ ทั้งหุ้น ไทย และ ทอง ก็น่าจะดีนะครับ
เพราะไม่ว่าไหลไปไหน เราก็มีทั้งคู่ หรือไม่ ได้อย่างก็เสียงอย่าง

แต่ก็คือต้องรอลงหนัก ๆ ก่อนนะครับ ทองตรงนี้ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน :D :D
แล้วทองตอนนี้มันเหมาะกับนักลงทุนแนวviหรือเปล่าครับ ทองขึ้นมาขนาดนี้เพราะมีความต้องการจากอุตสาหกรรมไหนเพิ่มเหรอครับ แล้วจะวัดมูลค่ามันได้จากวิธีไหนละ

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 9:59 pm
โดย pooklook
chukieat30 เขียน:ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

ผมว่าความเห็นนี้ ตรงกับบรรยากาศในช่วงนั้นมากเลยครับ และผมเสริมให้ว่า ก่อนมันจะลงไป 376 จุด มันก็เอาเรื่อง subprime มาเป็นประเด็นในปี 50 อยู่ 2 ครั้ง ซึ่ง set ก็ตกลงไป ประมาณ 100-200 จุดโดยประมาณ กินเวลา เดือนกว่าๆ จนมากลางปี 51 พร้อมมีประเด็นการเมือง ทำให้หลายคนสับสน เอาเรื่องการเมืองมาเป็นจุดในการเข้ารับออกหุ้น ซึ่งอันที่จริงในช่วงนั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกล้วนๆ จาก cdo แบงค์ล้มหลายเจ้า aig ในระหว่างทาง นักวิเคราะห์มั้งหลายก็บอกจุดรับมาตลอด ไม่ว่า 800 700 600 500 แต่พอมา 400
กลับไม่มีใครบอกให้รับ ทุกสำนักบอกให้ระวัง หรือไม่ก็ wait and see แล้วมันก็ลงต่ออีกไม่มาก แล้วก้ขึ้นไปตอนปลายปีจากแรงดัน amazing thailand ltf rmf แล้วก็ตกต่ออีก 3 เดือนจน เมย 52 แล้วทำท่าจะแย่เพราะมีเรื่องการเมืองเผารถเมล์ช่วงสงกรานต์ หลายฝ่ายกังวลว่าเปิดตลาดหลังสงกรานต์ set จะดิ่งอีก ซึ่งก็เป็นการหลงประเด็นอีกแล้ว เพราะเป็นปัจจัยจากภายนอกที่เข้ามาดึงset ไทยให้กลับเป็นขาขึ้น และเรื่องการเมืองไทยจะมีผลสั้นๆถึงสั้นมากเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนจะเกิดวิกฤติอีกเมื่อไร คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ก็ต้องไม่ประมาทติดตามข่าวสารกันไป ส่วนใครที่อ้างว่าให้ดูเฉพาะผลงานของบริษัท ถ้าเกิดวิกฤติจริงก็อาจเสียโอกาสในการเก็บของถูกเพราะ ลงทุนไป 100% ในหุ้นหมดแล้ว ก็คงต้องรอปันผล หรือเอาหุ้นที่ลงน้อยกว่ามาขายเพื่อซื้อหุ้นที่ลงมากกว่าหรือน่าสนใจกว่าแต่ก็ไม่น่าจะฉวยโอกาสได้เต็มที่นัก

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 10:37 pm
โดย pawattt
anthracis เขียน:
pawattt เขียน:โอ้โหเทียบกะคนอวดผีนี่น่ากลัวนะคับ :ohno: :ohno: ตอนนี้ผมก็พยายามลดพอร์ท รอโอกาสแจ่ม ๆ อีกครั้ง เรื่องพื้นฐานไม่ขัดเลยครับว่าบ้านเรายังดี แต่พอได้คุยกับพี่ ๆ ใน บอร์ด และท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ดีแค่ไหนถ้าคนขายหนัก ๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน สำหรับผมคงไม่ถึงขนาด เชื่อโดยทันที คงต้องพิจารณา แล้วถือ ในสัดส่วนที่รับได้

ตอนนี้ผมมองยังงี้ครับพี่ ๆ
มองว่า เงิน ยังไงก็ ต้องไหลไปไหนซักที่ ถ้าเกิด ศก. แย่ลงจิง ๆ
1. ไหลไปทอง
2. ไหลมา asia ที่มี growth มากกว่า

ผมเลยคิดว่า เราน่าจะถือ ทั้งหุ้น ไทย และ ทอง ก็น่าจะดีนะครับ
เพราะไม่ว่าไหลไปไหน เราก็มีทั้งคู่ หรือไม่ ได้อย่างก็เสียงอย่าง

แต่ก็คือต้องรอลงหนัก ๆ ก่อนนะครับ ทองตรงนี้ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน :D :D
แล้วทองตอนนี้มันเหมาะกับนักลงทุนแนวviหรือเปล่าครับ ทองขึ้นมาขนาดนี้เพราะมีความต้องการจากอุตสาหกรรมไหนเพิ่มเหรอครับ แล้วจะวัดมูลค่ามันได้จากวิธีไหนละ
สำหรับทองนั้น ผมก็ยังพึ่งเริ่มดูหลังจากหุ้นมาไม่นานนี้เองครับ ถ้าถามว่าเหมาะกับแนว VI หรือไม่ ณ ระดับปัจจุบัน ผมว่าค่อนข้างแพงในความรู้สึกผม แต่สำหรับคนที่เค้าอยู่วงการนี้ ก้คงต่าง ๆ นานาครับ ที่ยากสำหรับทองก็คือ วัดมูลค่าไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พลักดันก็คือ ภาวะ ศก ในปัจจุบัน ความกังวลวกฺฤติ ต่าง ๆ ที่ยังมีอยู่และคงไม่จบลงง่าย ๆ อีกทั้งจะเห็นว่า ธนาคารกลางแต่ละประเทศก็พยายามซื้อเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ เหมือนกัน เพราะ dollar ตอนนี้ก็มีค่าน้อยลงเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องอุตสาหกรรม ผมคิดว่าไม่ส่งผลมากครับ เพราะ ศก ไม่ดี อุตสาหกรรมก็ไม่น่าจะดีด้วย

ผมชอบอันนี้จัง "สุขภาพอยู่ใน port " เพราะช่วงนี้สุขภาพผม กับ port เหมือนจะไปด้วยกัน ต้องดูแลกันหนน่ยละ :)

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 11:09 pm
โดย pakhakorn
pooklook เขียน:
chukieat30 เขียน:ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

ผมว่าความเห็นนี้ ตรงกับบรรยากาศในช่วงนั้นมากเลยครับ และผมเสริมให้ว่า ก่อนมันจะลงไป 376 จุด มันก็เอาเรื่อง subprime มาเป็นประเด็นในปี 50 อยู่ 2 ครั้ง ซึ่ง set ก็ตกลงไป ประมาณ 100-200 จุดโดยประมาณ กินเวลา เดือนกว่าๆ จนมากลางปี 51 พร้อมมีประเด็นการเมือง ทำให้หลายคนสับสน เอาเรื่องการเมืองมาเป็นจุดในการเข้ารับออกหุ้น ซึ่งอันที่จริงในช่วงนั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกล้วนๆ จาก cdo แบงค์ล้มหลายเจ้า aig ในระหว่างทาง นักวิเคราะห์มั้งหลายก็บอกจุดรับมาตลอด ไม่ว่า 800 700 600 500 แต่พอมา 400
กลับไม่มีใครบอกให้รับ ทุกสำนักบอกให้ระวัง หรือไม่ก็ wait and see แล้วมันก็ลงต่ออีกไม่มาก แล้วก้ขึ้นไปตอนปลายปีจากแรงดัน amazing thailand ltf rmf แล้วก็ตกต่ออีก 3 เดือนจน เมย 52 แล้วทำท่าจะแย่เพราะมีเรื่องการเมืองเผารถเมล์ช่วงสงกรานต์ หลายฝ่ายกังวลว่าเปิดตลาดหลังสงกรานต์ set จะดิ่งอีก ซึ่งก็เป็นการหลงประเด็นอีกแล้ว เพราะเป็นปัจจัยจากภายนอกที่เข้ามาดึงset ไทยให้กลับเป็นขาขึ้น และเรื่องการเมืองไทยจะมีผลสั้นๆถึงสั้นมากเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนจะเกิดวิกฤติอีกเมื่อไร คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ก็ต้องไม่ประมาทติดตามข่าวสารกันไป ส่วนใครที่อ้างว่าให้ดูเฉพาะผลงานของบริษัท ถ้าเกิดวิกฤติจริงก็อาจเสียโอกาสในการเก็บของถูกเพราะ ลงทุนไป 100% ในหุ้นหมดแล้ว ก็คงต้องรอปันผล หรือเอาหุ้นที่ลงน้อยกว่ามาขายเพื่อซื้อหุ้นที่ลงมากกว่าหรือน่าสนใจกว่าแต่ก็ไม่น่าจะฉวยโอกาสได้เต็มที่นัก

เสริม......บรรยากาศ กระทู้เก่า ปี 2007 ก่อนลงหนักจริง 1 ปี (ยังไม่รู้ของจริงๆจะมาอีกชุด)

"คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=27083


กระทู้เก่า ปี 2008 ถัดจากนั้นมาอีก 1 ปี ครับ เที่ยวนี้ ของจริง

"หุ้นตก" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=33895

แต่ปี 2008 ลงจนถึง ประมาณ ต.ค. 2008 ก็ยังมีหุ้นอีก ประมาณ 10% ที่ยังยืนสวนตลาดได้ ครับ

ขอบคุณ สำหรับ บันทึก อันมีคุณค่า ที่เก็บไว้ ครับ :bow: :bow: :bow:
(จาก คุณistyle และ คุณwk0966 ขุดกระทู้เก่ามาให้อ่านเมื่อเดือนที่แล้ว ขอบคุณ ครับ)

แต่สำหรับครั้งนี้...จริงหรือไม่จริง...จะแสดงออกในรูปแบบไหน..เวลาใด...ยังต้องรอคำเฉลยที่แท้จริง ต่อไป.....

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2011 11:36 pm
โดย pawattt
pakhakorn เขียน:
pooklook เขียน:
chukieat30 เขียน:ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

ผมว่าความเห็นนี้ ตรงกับบรรยากาศในช่วงนั้นมากเลยครับ และผมเสริมให้ว่า ก่อนมันจะลงไป 376 จุด มันก็เอาเรื่อง subprime มาเป็นประเด็นในปี 50 อยู่ 2 ครั้ง ซึ่ง set ก็ตกลงไป ประมาณ 100-200 จุดโดยประมาณ กินเวลา เดือนกว่าๆ จนมากลางปี 51 พร้อมมีประเด็นการเมือง ทำให้หลายคนสับสน เอาเรื่องการเมืองมาเป็นจุดในการเข้ารับออกหุ้น ซึ่งอันที่จริงในช่วงนั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกล้วนๆ จาก cdo แบงค์ล้มหลายเจ้า aig ในระหว่างทาง นักวิเคราะห์มั้งหลายก็บอกจุดรับมาตลอด ไม่ว่า 800 700 600 500 แต่พอมา 400
กลับไม่มีใครบอกให้รับ ทุกสำนักบอกให้ระวัง หรือไม่ก็ wait and see แล้วมันก็ลงต่ออีกไม่มาก แล้วก้ขึ้นไปตอนปลายปีจากแรงดัน amazing thailand ltf rmf แล้วก็ตกต่ออีก 3 เดือนจน เมย 52 แล้วทำท่าจะแย่เพราะมีเรื่องการเมืองเผารถเมล์ช่วงสงกรานต์ หลายฝ่ายกังวลว่าเปิดตลาดหลังสงกรานต์ set จะดิ่งอีก ซึ่งก็เป็นการหลงประเด็นอีกแล้ว เพราะเป็นปัจจัยจากภายนอกที่เข้ามาดึงset ไทยให้กลับเป็นขาขึ้น และเรื่องการเมืองไทยจะมีผลสั้นๆถึงสั้นมากเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนจะเกิดวิกฤติอีกเมื่อไร คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ก็ต้องไม่ประมาทติดตามข่าวสารกันไป ส่วนใครที่อ้างว่าให้ดูเฉพาะผลงานของบริษัท ถ้าเกิดวิกฤติจริงก็อาจเสียโอกาสในการเก็บของถูกเพราะ ลงทุนไป 100% ในหุ้นหมดแล้ว ก็คงต้องรอปันผล หรือเอาหุ้นที่ลงน้อยกว่ามาขายเพื่อซื้อหุ้นที่ลงมากกว่าหรือน่าสนใจกว่าแต่ก็ไม่น่าจะฉวยโอกาสได้เต็มที่นัก

เสริม......บรรยากาศ กระทู้เก่า ปี 2007 ก่อนลงหนักจริง 1 ปี (ยังไม่รู้ของจริงๆจะมาอีกชุด)

"คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=27083


กระทู้เก่า ปี 2008 ถัดจากนั้นมาอีก 1 ปี ครับ เที่ยวนี้ ของจริง

"หุ้นตก" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=33895

แต่ปี 2008 ลงจนถึง ประมาณ ต.ค. 2008 ก็ยังมีหุ้นอีก ประมาณ 10% ที่ยังยืนสวนตลาดได้ ครับ

ขอบคุณ สำหรับ บันทึก อันมีคุณค่า ที่เก็บไว้ ครับ :bow: :bow: :bow:
(จาก คุณistyle และ คุณwk0966 ขุดกระทู้เก่ามาให้อ่านเมื่อเดือนที่แล้ว ขอบคุณ ครับ)

แต่สำหรับครั้งนี้...จริงหรือไม่จริง...จะแสดงออกในรูปแบบไหน..เวลาใด...ยังต้องรอคำเฉลยที่แท้จริง ต่อไป.....

Ohhhh ขอบคุง มัก ๆๆ คราบบบบ :B :B