Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=

วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 11:23:09 น.
"ไดโดมอน"เลหลัง ขายธุรกิจร้านอาหาร 29 สาขาให้ฮอตพอต รวม45ล้านบาท

Share



ภาพจาก : bloggang.com



เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2554 นายกัมพล ตติยกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป (มหาชน) (DAIDO)เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารของบริษัท ให้แก่ บริษัท ฮอท พอท จำกัด (HOTPOT) ในราคารวม 45.00ล้านบาท ซึ่งผู้ซื้อไม่มีความสัมพันธ์ และ/หรือความเกี่ยวโยงกันกับกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาสรรหาโครงการใหม่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลงทุน โดยเมื่อมีความชัดเจนบริษัทจะนำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป





สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารของบริษัทภายใต้แบรนด์ไดโดมอน อูมามิ ยาสุกิ และมิทาเกะ จำนวน 29 สาขาทั่วประเทศ

DAIDO
หัวข้อข่าว พิจารณาอนุมัติการขายกิจการ และเครื่องหมายการค้าไดโดมอน
วันที่/เวลา 07 ก.ย. 2554 09:00:23



รายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์

สารสนเทศรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์

ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป (มหาชน) ("DAIDO" หรือ "บริษัท") ครั้งที่ 8/2554
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554
ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินทั้งหมดที
่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารของบริษัท ให้แก่ บริษัท ฮอท พอท จำกัด ("HOTPOT") ในราคารวม 45.00
ล้านบาท ซึ่งผู้ซื้อไม่มีความสัมพันธ์ และ/หรือความเกี่ยวโยงกันกับกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท
โดยคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาสรรหาโครงการใหม่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลงทุน
โดยเมื่อมีความชัดเจนบริษัทจะนำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
รายละเอียดของการเข้าทำรายการ สุรปได้ดังนี้

1) วัน / เดือน / ปี ที่ทำรายการ
ภายในเดือนตุลาคม 2554 หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2554
ในวันที่ 18 ตุลาคม 2554 ให้บริษัทเข้าทำรายการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว

2) คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องและความสัมพันธ์กับบริษัทจดทะเบียน
ผู้ขาย: บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ผู้ซื้อ: บริษัท ฮอท พอท จำกัด ("HOTPOT") ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ และ/หรือความเกี่ยวโยงกันกับกรรมการ
ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท

3) ลักษณะโดยทั่วไปของรายการและขนาดของรายการ และรายละเอียดของรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
3.1) ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ
บริษัทจะทำการจำหน่ายทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารของบริษัทให้แก่ บริษัท ฮอท พอท จำกัด
ในราคารวม 45 ล้านบาท

3.2) การคำนวณขนาดของรายการ
การเข้าทำรายการดังกล่าว ถือเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป
ซึ่งเมื่อคำนวณตามเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดโดยใช้มูลค่าสูงสุดที่คำนวณได้จากหลักเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง
โดยอ้างอิงจากงบการเงินรวมของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 พบว่ามีขนาดรายการเท่ากับร้อยละ
55.78 ซึ่งเกินกว่าร้อยละ 50 จึงถือเป็นรายการประเภทที่ 3 ตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป
บริษัทจึงมีหน้าที่ต้องแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
และต้องดำเนินการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท
เพื่อขออนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม และมีสิทธิลงคะแนน
โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
4) รายละเอียดของทรัพย์สินที่จะจำหน่ายไป

ทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารของบริษัทภายใต้แบรนด์ไดโดมอน อูมามิ ยาสุกิ และมิทาเกะ
จำนวน 29 สาขาทั่วประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายการทรัพย์สิน รายละเอียด มูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554
1. สิทธิการเช่าและสัญญาเช่า สิทธิการเช่าและสัญญาเช่าของครัวกลาง สำนักงาน
และสาขาทั้งหมดเพื่อการดำเนินธุรกิจอาหารและร้านอาหารของบริษัทฯ 16.92
2. เงินประกันการเช่า เงินประกันการเช่า และระบบสาธารณูปโภค 9.19
3. เงินประกันระบบสาธารณูปโภค เงินประกัน
และเงินฝากในบัญชีธนาคารที่เป็นหลักประกันตามหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์และที่เกี่ยวกับระบบ
สาธารณูปโภค 1.12
4. สินทรัพย์ถาวรทั้งหมดตามงบการเงินของบริษัทฯ สินทรัพย์ถาวรทั้งหมดตามงบการเงินของบริษัทฯ เช่น วัสดุ
อุปกรณ์ และส่วนปรับปรุงอาคารและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร เป็นต้น 22.80
5. สัญญาทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจร้านอาหารและอาหารของบริษัทฯ สัญญาเช่า และบริการต่างๆ
N/A*
-การเปลี่ยนคู่สัญญานั้นทางบริษัทไม่มีส่วนได้ในการเปลี่ยนคู่สัญญา
6. สินค้าคงเหลือของบริษัทฯ 2.68
7. ฐานข้อมูลลูกค้า
สมาชิกและคู่สัญญาทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจร้านอาหารและอาหารของบริษัทฯ N/A*
-ข้อมูลลูกค้าส่วนใหญ่ซ้ำกับของที่ผู้ซื้อมีอยู่แล้ว
8. ระบบปฏิบัติการ เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจร้านอาหารและอาหารของบริษัทฯ ระบบปฏิบัติการ
เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจร้านอาหารและอาหารของบริษัทฯ รวมถึงคู่มือการทำงาน สูตรอาหารและซอส
ซอฟท์แวร์ทางบัญชี และอื่นๆ N/A*
-ไม่มีการจดลิขสิทธ์ของสูตรทำอาหาร
-ผู้ซื้อมิได้นำซอฟท์แวร์ทางบัญชีไปใช้ต่อ ใช้เพียงเป็นฐานข้อมูลในการโอนย้ายเท่านั้น
9. ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทฯ ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทฯ
รวมทั้งเครื่องหมายการค้าภายใต้การดำเนินธุรกิจร้านอาหารและอาหารของบริษัทฯ N/A*
10. เว็บไซด์บริษัท http://www.daidomon.co.th
N/A*
11. ใบอนุญาตต่างๆ ใบอนุญาต และรายละเอียดของการอนุมัติจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่บริษัทฯ
ใช้ในการประกอบกิจการร้านอาหารและอาหารของบริษัทฯ N/A*
-เมื่อขายธุรกิจออกไปแล้วผู้ซื้อต้องยื่นใบอนุญาตต่างๆ ใหม่ในนามผู้ซื้อ
12. กรมธรรม์ประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับครัวกลาง สำนักงานและสาขาทั้งหมดของบริษัทฯ
ที่มีการโอนสัญญาเช่า N/A*
ผู้ซื้อจะทำประกันภัยใหม่หลังจากซื้อเรียบร้อยแล้ว
รวม 52.70
หมายเหตุ: * ไม่มีมูลค่าตามบัญชี และบริษัทมิได้มีการประเมินมูลค่า

5) มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน
บริษัทจะขายทรัพย์สินของธุรกิจร้านอาหาร โดยได้รับเป็นเงินสดมูลค่ารวม 45.00 ล้านบาท

6) มูลค่าของทรัพย์สินที่จำหน่ายไป
ตามงบการเงินล่าสุด งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 มูลค่าของสินทรัพย์ที่จำหน่ายไปเท่ากับ
52.70 ล้านบาท

7) มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน และเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทน
มูลค่าสิ่งตอบแทนที่บริษัทจะได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้ เป็นเงินสดจำนวน 45.00 ล้านบาท
ซึ่งเป็นราคาที่บริษัทและผู้ซื้อตกลงกันโดยอ้างอิงจากมูลค่าตามบัญชีของทรัพย์สินตามงบการเงินของบริษัท ณ
วันที่ 31 มีนาคม 2554

8) ประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัท
1. ธุรกิจร้านอาหารมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำ
บริษัทจึงมีความต้องการขยายธุรกิจเพิ่มเติมไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลกำไรให้แก่บริษัท
2. บริษัทจะได้รับเงินสดจากการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้จำนวน 45.00 ล้านบาท
เพื่อเสริมการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

9) แผนการใช้เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สิน
บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจำนวน 45.00 ล้านบาทดังกล่าวไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งน่าจะมีผลตอบแทนที่ดีกว่า

10) เงื่อนไขการเข้าทำรายการ
บริษัท ตกลงจะจำหน่ายทรัพย์สินให้แก่ บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขต่างๆ
ดังนี้ได้มีการปฏิบัติสำเร็จครบถ้วนแล้ว
- บริษัทจะจัดหาข้อมูลที่เพียงพอแก่ HOT POT เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Due
diligence) และได้รับผลการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ก่อนกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นของ DAIDO
- ขนาดรายการเกินกว่าร้อยละ 50 จึงถือเป็นรายการประเภทที่ 3 ตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป
บริษัทจึงมีหน้าที่ต้องแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
และต้องดำเนินการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท
เพื่อขออนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม และมีสิทธิลงคะแนน
โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย


11) ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการเข้าทำรายการ
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการทำรายการดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า
เป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะสามารถเปลี่ยนไปดำเนินธุรกิจที่ดีกว่าทั้งในด้านรายได้และกำไร
นอกจากนี้ ภายหลังการจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารข้างต้น
คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาสรรหาโครงการใหม่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุน
โดยเมื่อมีความชัดเจนบริษัทจะนำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป



12) ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ และ/หรือกรรมการของบริษัท
ที่แตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการบริษัทตามข้อ 11) ข้างต้น
ไม่มีคณะกรรมการตรวจสอบ หรือกรรมการบริษัทที่มีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการบริษัทข้างต้น

คณะกรรมการบริษัทขอรับรองว่า สารสนเทศในแบบรายงานนี้ ถูกต้องและครบถ้วนทุกประการ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ



(ลงชื่อ)______________________________
(นายกัมพล ตติยกวี)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
________________________________

แบบนี้เรียกว่าเข้าตลาดหุ้นทางอ้อมป่าวครับ

รู้สึกว่าHotpotจะเข้าตลาดเองด้วยเดือนตุลาคมนี้ครับ

ร้านอาหาร "HOT POT" ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขายไอพีโอ 102 ล้านหุ้น เคาะฤกษ์เทรดตุลาคมนี้ คาดได้เงินระดมทุน 120 ล้านบาท สร้างคลังอาหาร ที่อ.ลำลูกกา 40 ล้านบาท และขยายสาขา ตั้งเป้าโตปีละ 30% คาดปีนี้รายได้พุ่ง 1,500-1,600 ล้านบาท
นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอทพอท จำกัด ซึ่งทำธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้ชื่อร้าน "HOT POT" เ ปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ราวเดือนตุลาคมปีนี้ โดยจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อขออนุมัติเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 102 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.25 บาท
โดยแต่งตั้งบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และคาดว่าจะแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด(มหาชน) เป็นแกนนำในการจำหน่ายหุ้น
สำหรับหุ้นที่จะเสนอขายครั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 62 ล้านหุ้น และอีก 40 ล้านหุ้น จะเป็นการนำหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมออกมาขาย คือกองทุน AUREOS ซึ่งเป็นกองทุนจากประเทศอังกฤษ โดยปัจจุบันกองทุน AUREOS ถือหุ้นในสัดส่วน 30% และกลุ่มบ่ายเจริญถือหุ้น 65% ขณะที่ภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอ สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบ่ายเจริญจะลดลงเหลือ 55%
"การระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ราว 120 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปสร้างคลังอาหารที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ประมาณ 40 ล้านบาท และที่เหลือใช้ลงทุนขยายสาขา"
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอทพอทฯ กล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,500-1,600 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2553 ที่มีรายได้รวม 1,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่ม 20 สาขา ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสาขา 84 สาขา และคาดว่าสิ้นปี 2554 มีสาขาครบ 100 สาขา โดยแต่ละปีตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ 30 สาขา ใช้เงินลงทุนสาขาละ 6-7 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 บริษัทเชื่อว่าจะดีกว่าไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 330 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 20 ล้านบาท ส่วนทั้งปีคาดว่าจะสูงกว่าปี 2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ 30% ต่อปี อีกทั้งมีแผนขยายสาขาไปต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ภายใต้รูปแบบการขายแฟรนไชส์ โดยกองทุน AUREOS ซึ่งทำธุรกิจในสองประเทศนี้อยู่แล้วจะรับหน้าที่เป็นผู้เจรจา
นางสาวกรุณา กล่าวต่อว่า ด้านงบโฆษณาปีนี้วางไว้ที่ 60-70 ล้านบาท หากรวมโปรโมชันด้านการตลาดเป็น 100 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีสมาชิก 30,000 ราย คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 100,000 ราย
ปัจจุบันบริษัท ฮอทพอทฯ มีทุนจดทะเบียน 86 ล้านบาท หลังขายหุ้นไอพีโอ ทุนจดทะเบียนจะเพิ่มเป็น 101.5 ล้านบาท

แล้วอย่างนี้แล้วคนที่ถือหุ้นอยู่จะได้เงินคืนไหมครับ

todsapon เขียน:แล้วอย่างนี้แล้วคนที่ถือหุ้นอยู่จะได้เงินคืนไหมครับ

โทษทีครับ เข้าใจแล้วเพิ่งอ่านเจอ

ตกลงไดโมอน คงเลิกกิจการไปทำ อสังหาเเทน

ไดโดมอน ที่หาดใหญ่ พอๆกับร้านหมูกะทะเลยคับ กากมาก

แถวบ้านผมมี hotpot อยู่ 2-3 สาขา ที่เห็นก็จะมีที่อิมพีเรียลสำโรง, central บางนา... เห็นว่าเป็น buffe ลองเข้าไปใช้บริการ บอกได้ 4 คำว่า "ไม่ประทับใจ" การบริการต้องปรับปรุงอย่างแรง อาหารเองก็เฉย ๆ ค่อนไปทางแย่ กินเสร็จรู้สึกเหมือนไปขอเค้ากิน จะเขียนใบ complain ปรากฏว่าไม่มีเหลือ เนื่องจากมีคน complain ไปหมดแล้ว

ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ส่วนตัวของผมกับสาขาหนึ่งของ hotpot จากนั้นก็ไม่เคยเข้า hotpot อีกเลย

ย้ำนะครับ ประสบการณ์ส่วนตัว อาจจะเป็นแค่สาขานั้น สาขาเดียวก็ได้ อยากจะแชร์ ไม่มีแผนจะซื้อ ไม่กะทุบ ไม่กะเชียร์อะไร...

SunShine@Night เขียน:แบบนี้เรียกว่าเข้าตลาดหุ้นทางอ้อมป่าวครับ

ไม่น่าใช่นะครับ เพราะตามข่าวเขาซื้อแต่ทรัพย์สินเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหาร
ถ้าจะเข้าตลาด เขาน่าจะต้องซื้อบริษัทหรือไปควบรวมกัน

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2554 นายกัมพล ตติยกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป (มหาชน) (DAIDO)เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารของบริษัท ให้แก่ บริษัท ฮอท พอท จำกัด (HOTPOT) ในราคารวม 45.00ล้านบาท

หลักทรัพย์ DAIDO
แหล่งข่าว DAIDO
หัวข้อข่าว แจ้งมติคณะกรรมการบริษัทฯ เรื่องการกำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2554
วันที่/เวลา 30 ก.ย. 2554 13:56:21

กำหนดการประชุมผู้ถือหลักทรัพย์

เรื่อง : กำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
วันที่คณะกรรมการมีมติ : 29 ก.ย. 2554
วันประชุม : 11 พ.ย. 2554
เวลาเริ่มประชุม (h:mm) : 10 : 30
วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record : 14 ต.ค. 2554
date)
วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร : 17 ต.ค. 2554
่วมประชุมตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์
วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม : 12 ต.ค. 2554
วาระการประชุมที่สำคัญ :
- การเพิ่มทุน
- การลดทุน
- การได้มาหรือจำหน่ายสินทรัพย์
- รายการที่เกี่ยวโยงกัน
สถานที่ประชุม : โรงแรม โฟร์วิงส์ กรุงเทพ เลขที่ 40 ซอยสุขุมวิท 26 ถนนสุขุมวิท คลองเตย
กรุงเทพมหานคร 10110
หมายเหตุ :
โดยมีระเบียบวาระการประชุม
วาระที่ 1 พิจารณารับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม
2554
วาระที่ 2 พิจารณาอนุมัติซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เซ็นเตอร์พ้อยท์ ช็อปปิ้ง มอลล์ จำกัด จากบริษัท
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเข้าข่ายเป็นการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนตามที่กำหนดในประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน
และเป็นการทำรายการได้มาตามที่กำหนดในประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป
วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติแก้ไขข้อบังคับบริษัท ข้อ 5
วาระที่ 4 พิจารณาอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 63,272 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
จากเดิมทุนจดทะเบียน 247,000,000 บาท เป็น 246,683,640 บาท
โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ
วาระที่ 5 พิจารณาอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4.
เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ



วาระที่ 6 พิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
วาระที่ 7 พิจารณาอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4.
เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
วาระที่ 8 พิจารณาอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เพื่อออกและเสนอขาย (1)
ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) และ
(2) ให้แก่บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ในลักษณะ Private Placement
ซึ่งรายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนตามที่กำหนดในประกาศรายการท
ี่เกี่ยวโยงกัน
วาระที่ 9 พิจารณาเรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)
______________________________________________________________________

การเพิ่มทุน

เรื่อง : การเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน
วันที่คณะกรรมการมีมติ : 29 ก.ย. 2554
รายละเอียดการจัดสรร
จัดสรรให้กับ : ผู้ถือหุ้นเดิม
ประเภทหลักทรัพย์ที่จัดสรร : หุ้นสามัญ
จำนวนหุ้นที่จัดสรร (หุ้น) : 413,154,910
อัตราส่วน (เดิม : ใหม่) : 1 : 1
ราคาจองซื้อ (บาทต่อหุ้น) : 1.10
จัดสรรให้กับ : บุคคลในวงจำกัด
ประเภทหลักทรัพย์ที่จัดสรร : หุ้นสามัญ
ชื่อบุคคลในวงจำกัดที่ได้รับจัดสรร :
บริษัท พร๊อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)
จำนวนหุ้นที่จัดสรร (หุ้น) : 363,818,182
ราคาจองซื้อ (บาทต่อหุ้น) : 1.10
จำนวนหุ้นสามัญที่เพิ่มทุน (หุ้น) : 776,973,092
จำนวนรวมของหุ้นที่เพิ่มทุน (หุ้น) : 776,973,092
มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาทต่อหุ้น) : 5.00
หมายเหตุ :
(1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 363,818,182 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
ให้แก่ PF ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 400,200,000 บาท เพื่อเป็นการตอบแทน PF
ที่นำหุ้นสามัญ Centre Point ที่ตนถืออยู่ จำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 400,200,000 บาท มาชำระเป็นค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ
ดังกล่าวแทนการชำระด้วยเงินสด (หมายเหตุ: ในปัจจุบัน หุ้นสามัญของ Centre Point จำนวน 10,000 หุ้น
ชำระแล้วเต็มจำนวน และจำนวนที่เหลืออีก 4,990,000 หุ้น ชำระแล้วร้อยละ 60
รวมเป็นทุนที่ชำระแล้วในปัจจุบัน 300,400,000 บาท ซึ่ง PF
ตกลงที่จะชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มเติมสำหรับหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ชำระเต็มจำนวน อีกร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 80
ภายในระยะเวลาก่อนวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2554 ของบริษัทฯ
ซึ่งจะทำให้มูลค่าของหุ้นสามัญของ Centre Point ทั้งหมด รวมเป็นทุนที่ชำระแล้ว 400,200,000 บาท)
ราคาเสนอขายดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด
"ราคาตลาด" หมายถึง ราคายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด
เท่ากับ 0.27 บาท
อนึ่ง ในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ PF ข้างต้น
เป็นการตกลงเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างบริษัทฯ และ
บุคคลที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้มีอำนาจควบคุมของ บริษัทฯ
ซึ่งเข้าข่ายเป็นการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนตามที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุ
นที่ ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ
เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546
("ประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน") และเมื่อพิจารณาตามงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554
มีขนาดคิดเป็นร้อยละ 3,933.70 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทฯ ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 3
ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทฯ (รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2)

(2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 413,154,910 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering)
ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยเศษของหุ้นให้ปัดทิ้ง ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท
โดยหากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนในรอบแรกแล้ว บริษัทฯ
จะจัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งแสดงความจำนงจองซื้อเกินสัดส่วนตามสัดส่วนการถือหุ้นจนกว่า
จะหมดหรือจนกว่าจะไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นดังกล่าวอีกต่อไป
ทั้งนี้ มอบหมายให้ คณะกรรมการและ/หรือ คุณกัมพล ตติยกวี มีอำนาจพิจารณากำหนดรายละเอียดอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามที่มีการจัดสรรในข้อ 1 และข้อ 2 ข้างต้น เช่น (1)
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นครั้งเดียวหรือเป็นคราวๆ ระยะเวลาการเสนอขาย การกำหนดวัน Record Date
และวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร การกำหนดราคาเสนอขาย การชำระค่าหุ้น
เงื่อนไขและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว (2) การเข้าเจรจา
ทำความตกลง และลงนามในเอกสารและสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว
รวมทั้งดำเนินการต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว และ (3)
ลงนามในเอกสารคำขออนุญาต คำขอผ่อนผันต่างๆ
และหลักฐานที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการติดต่อ
และการยื่นคำขออนุญาตหรือขอผ่อนผัน เอกสารและหลักฐานดังกล่าวต่อหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และการนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
และมีอำนาจในการดำเนินการอื่นใดอันจำเป็นและสมควรเกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว
______________________________________________________________________

การลดทุน

เรื่อง : การลดทุนโดยลดจำนวนหุ้น
วันที่คณะกรรมการมีมติ : 30 ก.ย. 2554
ผู้ถือหุ้นที่ถูกลดทุน : การตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัท
ประเภทหลักทรัพย์ที่ลดทุน : หุ้นสามัญ
รายละเอียดผู้ถือหุ้นที่ถูกลดทุน :
การตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัท
จำนวนหุ้นที่ลดทุน(หุ้น) : 63,272
หมายเหตุ :
อนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 63,272 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
จากเดิมทุนจดทะเบียน 247,000,000 บาท เป็น 246,683,640 บาท
โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ และแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4.
เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ

ส่วนตัวแล้วชอบกินไดโดม่อนมากชอบน้ำจิ้ม บริการไม่ค่อยดีเท่าใหร่ โต๊ะเก้าอี้ทรุดโทรม แต่ก็อยากกินอยู่เพราะรสชาติแบบนี้มีเจ้าเดียว

http://www.set.or.th/set/factsheet.do?s ... country=TH

ขายไปแล้วแทบจะเหลือบริษัทเปล่าๆ ขาดทุนสะสมก็เกือบหมดพร้อมเงินสดๆ เหมือน...ติดปีก

daidomonน้ำจิ้มสุดยอดจริงครับ

ไม่ประทับใจ HOT POT อีกเสียงครับ เคยกินเมื่อหลายปีที่แล้ว ไปครั้งแรกเจอแมลงสาบ ไปครั้งที่สองเพราะแถวบริษัทไม่ค่อยมีร้านอาหารติดแอร์ให้กิน และก็คิดว่าคงพัฒนาแล้ว ปรากฎว่าก็เจอแมลงสาบอีก จบแค่นั้นเลยครับ

ปล. กิน MK อย่างน้อย 100 ครั้ง ไม่เคยเจอแมลงสาบเลยครับ

ผมชอบร้านไดโซะที่ไดโดมอนถือหุ้นอยู่35เปอมากกก

คนคอน เขียน:ผมชอบร้านไดโซะที่ไดโดมอนถือหุ้นอยู่35เปอมากกก

จำไม่ผิด ต้องเรียกว่าเคยถือ เพราะ daido ขายไดโซะทิ้งไปตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ

ที่ญี่ปุ่นมีร้าน 100 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 30 กว่าบาท
ที่ไทยรูปแบบร้านเหมือนกันแต่ทั้งร้าน 60 บาทราคาเดียว

สวดยวดมากครับลวกพี่ (สุดยอดมากครับลูกพี่)

หลักทรัพย์ DAIDO
แหล่งข่าว DAIDO
หัวข้อข่าว แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัท และชื่อย่อที่ใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์
วันที่/เวลา 29 พ.ย. 2554 07:53:23

DDLT 026/2554


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2554

เรื่อง แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัท และชื่อย่อที่ใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์


เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


ตามที่ มติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ของ บริษัท
ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อบริษัทและชื่อย่อหลักทรัพย์จาก

"บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)" ชื่อย่อ "DAIDO"
"Daidomon Group Public Company Limited"

เปลี่ยนเป็น
"บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน)" ชื่อย่อ "WR"
"We Retail Public Company Limited"

บัดนี้ บริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อ โดยจดทะเบียนแก้ไขชื่อบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554


จึงเรียนมาเพื่อทราบ





ขอแสดงความนับถือ




(นายกัมพล ตติยกวี)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

(เพิ่มเติม) PF รับน้ำท่วมกดรายได้ปีนี้ทรงตัวพลาดเป้า,มองหาผู้ร่วมทุน DAIDO ทำมอลล์
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554 13:40:28 น.

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ายอดพรีเซลในไตรมาส Q4/54 เหลือ 3 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากเป้าหมายที่บริษัทวางไว้จากเดิม 4.5 พันล้านบาท จากผลกระทบภัยพิบัติจากน้ำท่วมที่มีต่อโครงการของบริษัทจำนวน 9 โครงการ มูลค่าราว 250 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงประมาณการยอดพรีเซลล์ปี 54 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท

"เรายังเห็นลูกค้าอยู่เพียงแต่ชะลอการตัดสินใจออกไปเท่านั้นอย่างน้อยคง 2-3 เดือน และมองว่าจากผลกระทบน้ำท่วมภาครัฐคงจะมีมาตรการที่จะช่วยเหลือช่วยผู้บริโภคทั้งลดภาษีและมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม"นายชายนิด กล่าว

สำหรับรายได้ในปีนี้คงจะลดลงเหลือใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 8 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้เติบโต 30% เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมส่งผลให้การรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/54 ลดลง โดย 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้ 6 พันล้านบาทแล้ว แต่ในส่วนของพรีเซลล์ยังเชื่อว่าเป็นไปตามคาดการณ์ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดพรีเซล 9.5 พันล้านบาท และในเดือน ธ.ค.คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท จากความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่องหลังจากน้ำท่วม

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของภาพรวมมองว่าจากผลวิกฤติน้ำท่วมอาจทำให้ลูกค้าบางรายชะลอการตัดสินใจเพื่อรอประเมินวิธีหรือแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ซึ่งในส่วนของบริษัทได้ใช้งบ 70 ล้านบาทเพื่อวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั๊มน้ำขนาดใหญ่ การถมที่ดินให้สูงขึ้น จึงเชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจและตัดสินใจซื้อโครงการของบริษัท

แต่ในเบื้องต้นจากผลกระทบน้ำท่วมทำให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนแผนการเปิดโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการในไตรมาส 4/54 รวมมูลค่า 6 พันล้านบาทไปเป็นปีหน้า ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 3 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดยจะทำให้การเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าเพิ่มเป็น 10 โครงการ

นายชายนิด กล่าวว่า บริษัทคงจะมีการประเมินเป้าหมายปี 55 โดยให้ความสำคัญในแง่ของจิตวิทยาของผู้บริโภคเรื่องของกำลังซื้อว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน แต่ยอมรับว่าจากผลกระทบน้ำท่วมจะส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมปรับขึ้น 5-10% และกระทบต่อราคาขาย 2-3% ซึ่งในส่วนของบริษัทยังคงไม่ปรับขึ้นราคาแม้ต้นทุนเพิ่ม เพื่อช่วยเหลือลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการลดงบในการซื้อที่ดินในปีนี้และปีหน้าเหลือ 2.5 พันล้านบาทจากงบเดิม 3 พันล้านบาทต่อปี โดยวงเงินที่เหลือจะนำมาใช้ในการรองรับแนวทางในการป้องกันน้ำท่วม

"ผลจากน้ำท่วมทำให้เราเรียกประชุมและวางแผนเพื่อช่วยเหลือลูกบ้าน พร้อมทั้งวางงบไว้เพื่อสร้างความมั่นใจ เพราะเราไม่รู้ว่าอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ เท่าที่เห็นลูกค้ายังมีอยู่ ไม่ได้หายไป เพียงแค่ชะลอการตัดสินใจออกไปเท่านั้น เราไม่ห่วง เพราะเรามี backlog ที่จะรับรู้ฯในไตรมาส 4 ถึง 1 พันล้านบาทจากปัจจุบัน 4 พันล้านบาท อย่างมากปีนี้ก็โตใกล้เคียงปีก่อน ทำไม่ได้ตามที่บอก ซึ่งเข้าใจได้ แต่ผมว่าจากกำลังซื้อที่อาจจะชะลอ กลับจะทำให้ในปีหน้าความต้องการกลับมามากขึ้น ซึ่งน่าจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า"นายชายนิด กล่าว

สำหรับการเข้าซื้อหุ้น บมจ.ไดโดมอน(DAIDO) ในสัดส่วน 80% นั้น นายชายนิด คาดว่า จะแล้วเสร็จและสามารถชำระเงินได้ภายในช่วงต้นปี 55 หลังจากนั้นจะปรับเปลี่ยนธุรกิจเดิมของไดโดมอนจากอาหารเป็นธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์ โดยการเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการเข้าซื้อสถานะของบริษัทเพื่อนำธุรกิจใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดทางอ้อม และคาดว่าจะสร้างรายได้ได้ในปี 55 ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากค่าเช่า

ทั้งนี้ บริษัทมองหาพันธมัตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา โดยคาดว่าในเร็ว ๆ นี้จะได้เห็นโครงร่างศูนย์การค้า 2-3 แห่ง โดยปัจจุบันมีที่ดินอยู่แล้วที่สาทรและรัชดา ซึ่งเมื่อพัฒนาได้ระดับหนึ่งอาจจะตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายศูนย์การค้าดังกล่าวเข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุนฯ


--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/สารภี/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

ตอนแรกนึกว่ากระแส Discredit ในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับ Didomon

เพราะคุณแม่จะชอบทานที่นี่ เพราะยอมรับเลยปิ้งๆย่างๆ น้ำจิ้มที่นี่อร่อยเหาะ
ปกติจะทานกันที่เดอะมอลล์บางกะปิ แต่พอเริ่มไปทานห้างอื่น อย่างฟิวเจอร์ ฯลฯ
อาหารมาถึงโต๊ะ จ่ายเงินออกร้านเลยครับ ยอมรับจริงๆในความสกปรก ของทั้งอาหารและภาชนะ
ยิ่งอาหารทานเล่น อย่าได้พูดถึงครับ ปลาไข่ น่าจะแท้งและหลับมานาน เกี๊ยวซ่าเหมือนกินหิน แข็งทุบหัวแตก

ถ้าเปลี่ยนธุรกิจเป็นขายน้ำจิ้ม น่าจะรุ่งกว่า

^
^
^ เห็นด้วยกับท่านข้างบนเลยครับ ขายน้ำจิ้มน่าจะรุ่งกว่า ฮาๆ

ก็เสียดายเหมือนกันนะครับในธรุกิจตัวนี้ จริงแล้วเขาเป็นเหมือน ปิ้งย่างเจ้าแรกๆในไทยเลยก็ว่าได้มั้งครับที่ขึ้นห้าง

แต่คุณภาพ กลับลดลงเรื่อยๆ ตอนแรกๆผมก็ชอบกินนะครับหลังๆผมไม่แตะเลย สกปรก คุณภาพอาหารก็ลดลง


แล้วทางด้าน ฮอตพอตก็ไม่แพ้กัน .....ผมเคยไปลองอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรก็ไม่ค่อยประทับใจแล้ว ของไม่ค่อยเยอะเหมือนในโฆษณา

และก็อาหารไม่ค่อยอร่อย อีกครั้งไปลองแถวเซียรังสิต ก็เหมือนๆกันไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ก็เลยพอหละไม่เอาแล้ว