อ่านเพิ่มเติมครับ
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
อาทิตย์ที่แล้วพึ่งจะแนะนำ Andy Xie ให้เพื่อนๆชาวโอเคเนชั่นได้รู้จัก รวมทั้งคำกล่าวของเขาเกี่ยวกับภาวะ Recession ทางเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้มีคนตั้งฉายานามให้ว่า Hamburger Crisis ซึ่งตอนนี้กระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก และมีผลให้หุ้นทั่วโลกตกมาได้สองอาทิตย์แล้ว วิกฤตการณ์นี้เริ่มส่งผลไปทั่วทั้งโลก และจะเห็นความรุนแรงหรีอไม่อย่างเป็นจริงเป็นจังในกลางปีนี้หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินในประเทศอเมริกาประกาศผลประกอบการ
วันที่ อังคาร มกราคม 2551
พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
อาทิตย์ที่แล้วพึ่งจะแนะนำ Andy Xie ให้เพื่อนๆชาวโอเคเนชั่นได้รู้จัก รวมทั้งคำกล่าวของเขาเกี่ยวกับภาวะ Recession ทางเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้มีคนตั้งฉายานามให้ว่า Hamburger Crisis ซึ่งตอนนี้กระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก และมีผลให้หุ้นทั่วโลกตกมาได้สองอาทิตย์แล้ว วิกฤตการณ์นี้เริ่มส่งผลไปทั่วทั้งโลก และจะเห็นความรุนแรงหรีอไม่อย่างเป็นจริงเป็นจังในกลางปีนี้หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินในประเทศอเมริกาประกาศผลประกอบการ
วันนี้มาอ่านทัศนะของคนที่ทำงานอยู่ใน กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนซึ่งผมชอบติดตามบทความของเขา เขามีชื่อว่า Mei Xinyu มีตำแหน่งเป็น Senior Researcher ในกระทรวงพาณิชย์ ของรัฐบาลจีน บทความส่วนใหญ่มักจะลงท้ายว่า “เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเขา” ตาม style การฑูตของประเทศนี้ที่จะไม่พูดอะไรออกมาตรงๆว่าเป็นความเห็นของคนในรัฐบาลจีน แต่พอบอกทิศทาง แนวโน้มและวิธีคิดของรัฐบาลประเทศนี้
ในความเห็นของ Mei Xinyu เขาเห็นว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสของประเทศจีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศอเมริกา ในขณะเดียวกันอเมริกาในฐานะประเทศพัฒนาแล้วที่ประสพภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสั่งนำเข้าสินค้าราคาถูกเข้ามาขายในอเมริกา โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนอเมริกาลดลง
เหตุผลที่เขายกมากล่าวอ้างก็คือ นับจากปี 2000 เป็นต้นมาเศรษฐกิจของอเมริกาเติบโตอย่างช้าๆ แต่การส่งออกสินค้าไปอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี ในขณะเดียวกันผลประโยชน์ทางการค้าต่างประเทศของประเทศจีนไม่ได้จำกัดอยู่ที่การส่งออก แต่รวมถึงการนำเข้าเครื่องมือทางเทคโนโลยี่อันก้าวหน้า ทรัพยากรพลังงาน วัตถุดิบ และการลงทุนจากต่างประเทศ
ในขณะที่อเมริกาออกกฎหมายเพื่อความมั่นคงของประเทศทีชื่อว่า NSC41 (National Security Council) มาจำกัดสินค้ายุทธศาสตร์ที่จะขายให้ประเทศจีน และเพิ่มมาตรการกีดกันการค้าและมาตรการตรวจสอบสินค้ากับจีน อีกทั้งสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าในภาวะปกติถ้าจีนจะนำเข้าจากอเมริกาจะถูกกำหนดด้วยมาตรการด้านบนและสินค้ายังถูกกำหนดด้วยราคาแพงอีกต่างหาก เนื่องจากในภาวะปกติความต้องการภายในประเทศยังมีอยู่สูง แต่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยความต้องการภายในประเทศลดลง เป็นไปได้ที่อเมริกาจะลดความเข้มงวดของกฎหมายและมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการส่งออกลง และสินค้ายังมีเสนอขายราคาถูกลงด้วย
ดังนั้นการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจของอเมริกาจึงเป็นโอกาสดีของประเทศจีนที่จะนำเข้าสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าจากอเมริกา เพื่อมาพัฒนาประเทศจีนให้ก้าวหน้า
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ครั้งที่บริษัท China National Offshore Oil Corporation ของประเทศจีนเจออุปสรรคและถูกต่อต้านจนซื้อบริษัท Unocal ในสหรัฐไม่สำเร็จ ในช่วงที่อเมริกายังไม่ประสพวิกฤตการณ์ Hamburger Crisis
แต่หลังจากอเมริกาเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ บริษัทสถาบันการเงินจากประเทศจีนกับไม่ประสพปัญหากับกฎหมาย Anti-China Forces หรือการต่อต้านที่จะเสนอซื้อบริษัท Bear Stearns และ Morgan Stanley สถาบันการเงินของอเมริกาเลย
ความเห็นของ Mei ถึงแม้ว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนที่ขายไปทั่วโลกยังคงอ่อนแอที่จะทำกำไรก้อนใหญ่ๆเป็นกอบเป็นกำ แต่ว่าการที่จีนสามารถซื้อสินค้า World Famous Brand เป็นก้าวกระโดดของจีนที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศจีนอย่างมหาศาล เหมือนที่บริษัท Lenovo ของจีนที่เข้าไปซื้อคอมพิวเตอร์ Note Book ของ IBM ทั้ง Brand และเทคโนโลยี่ที่ติดมาด้วย จนขณะนี้บริษัท Lenovo กลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับสามของโลกในธุรกิจคอมพิวเตอร์
อย่างที่รู้กันในวิกฤตย่อมมีโอกาส ตอนนี้คนจีนเขาแสวงหาโอกาสจากวิกฤต Hamburger Crisis กันแล้ว แม้แต่การเจริญเติบโตของจีนในปีนี้ ค่า GDP ปีนี้คาดการณ์กันว่าอยู่ที่ 10.5 % โดยอาจจะมุ่งการค้าส่งออกไปทางยุโรป อินเดีย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ทางอเมริกาอาจจะเป็นความเห็นดังที่เขียนด้านบน เพราะตอนนี้เงินจีนยิ่งมายิ่งแข็ง ปีนี้อัดราแลกเปลี่ยนน่าจะไปถึงที่ 1 USD = 6.5 RMB เห็นตัวเลขแบบนี้ไม่รู้คนไทยเราจะเสียวไหม เพราะจริงๆแล้วสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน 80% บริโภคในประเทศ อีก 20% ส่งออกไปขายต่างประเทศ
ถ้าคุณสนใจอยากเข้าไปหาบทความของเขาอ่านเพิ่ม คุณสามารถใช้ Google Search เข้าไปอ่านบทความของเขาเพียงพิมพ์ชื่อเขา “Mei Xinyu” หรือเข้าไปที่เวบของเขาที่
www.meixinyu.com
โอกาสหน้าผมจะหาบทความทางเศรษฐกิจที่เสนอโดยชาวต่างชาติดีๆที่คนไทยยังไม่รู้จักมานำเสนออีก เพื่อเห็นโลกทัศน์ของเขา และเปิดโลกทัศน์ของพวกเรา เพราะอย่างน้อยเศรษฐกิจของประเทศไทยมัน Run ด้วยภาคของเอกชนเองอยู่แล้ว อย่าหวังไปพึ่งภาครัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองเลย เพราะอย่างน้อยคำพระที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ยังใช้ได้อยู่เสมอ อย่ามาหงุดหงิดกับการเมืองที่เป็นอยู่นี้เลย...
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.shanghaidaily.com/article/?i ... pe=Opinion
ผมอ้างอิงจากที่นี่ครับ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=204603