หน้า 1 จากทั้งหมด 2

คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 11:42 am
โดย Jeng
บริษัท A กำไร 100 ล้านต่อปีในปีที่แล้ว และมีแนวโน้มกำไรโต 30 % ในปีนี้

ถ้า บริษัท A ไม่มีหนี้เลย ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย แต่หนี้การค้าก็มีไปตามเรื่องนะครับ

ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร

และถ้าบริษัท A มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 1000 ล้านบาท

ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร

สมมุติให้เป็นบริษัทเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด

ยกเว้น มีหนี้ กับไม่มีหนี้ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 12:52 pm
โดย dome@perth
ดูว่า
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน :?:
2 Growth 30 %. ปีเดียว :?:
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ

ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 1:16 pm
โดย jack2262
Valuation ของบริษัทที่มีกับไม่มีหนี้ น่าจะแตกต่างกันที่มูลค่าปัจจุบันของหนี้น่ะครับ

ซึ่ง หากหนี้ (จำนวนมากเมื่อเทียบกับทุน) มาเกี่ยวข้อง การคิดมูลค่าโดยใช้ P/E จะไม่ค่อยเหมาะครับ น่าจะใช้ EV/EBITDA ดีกว่า เพราะการคิดมูลค่าตาม P/E คิดเหมือนกับว่า บริษัทไม่ต้องจ่ายชำระเงินต้นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ยเลย (หรืออย่างมากที่สุดก็คือจ่ายเท่ากับค่าเสื่อมราคาในแต่ละปี) คิดแต่เพียงว่าจ่ายดอกเบี้ยก็พอแล้ว (E ใน P/E เป็น E หลังหักดอกเบี้ย ไม่ได้คำนึงถึงว่าบริษัทมีการจ่ายเงินต้นไหม) ปกติแล้ว ผมใช้ P/E ถ้าหนี้ต่อทุนไม่สูงนัก (D/E 0.5 +- เต็มที่ไม่เกิน 1 เท่า โดย Equity ห้ามมี revaluation อยู่ด้วย)

ทั้งนี้ EV = Market Cap + Interest bearing debt
EBITDA ของสองบริษัทที่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ไม่ต่างกันใช่ไหมครับ สมมติ 300 ล้าน EV/EBITDA 6x ดังนั้น EV ทั้งสองบริษัท คือ 1,800 ล้าน บริษัทที่มีหนี้ จะมี Equity value 1,800 - 1,000 เท่ากับ 800 ล้าน ขณะที่ บริษัทไม่มีหนี้มี Equity value 1,800 เท่าเดิม ส่วน growth จะสะท้อนใน EV/EBITDA อยู่แล้ว

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 1:44 pm
โดย saichon
dome@perth เขียน:ดูว่า
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน :?:
2 Growth 30 %. ปีเดียว :?:
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ

ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ
ผมเห็นด้วยกับพี่โดมครับ
นอกจากหนี้แล้วผมคงต้องพิจารณาคุณภาพ/ปัจจัยเสี่ยงของบริษัทในด้านอื่นประกอบด้วย
หลังจากนั้นค่อยพิจารณาให้ PE ที่เหมาะสมเพื่อประเมินมูลค่ากิจการตามคุณภาพของบริษัทอีกทีครับ

แต่ถ้าพูดเรื่องหนี้สินอย่างเดียว อย่างอื่นเราไม่พูดถึง ผมคงจะคิดแบบง่ายๆเอาว่า
หากหุ้นตัวนั้นผมให้ PE ก่อนดูเรื่องหนี้สินไว้ที่ 14-15 เท่า
หากบริษัทที่ว่ามีหนี้เยอะผมก็ค่อยมาลด PE ที่เหมาะสมลงอีกซัก1-2เท่าเอาครับ :D

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 2:19 pm
โดย Jeng
dome@perth เขียน:ดูว่า
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน :?:
2 Growth 30 %. ปีเดียว :?:
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ

ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ
สมมุติได้เองหมดเลยครับ เพราะเปรียบเทียบ ในบริษัทเดียวกัน

ต่างกันแค่ มีหนี้ กับไม่มีหนี้ ที่เหลือจะสมมุติอะไร ก็สมมุติกันไป

แค่อยากรู้ว่า มีหนี้กับไม่มีหนี้ เราจะตีราคาหุ้น ต่างกันอย่างไร

มีแนวคิดแบบไหนบ้างครับผม

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 2:56 pm
โดย kotaro
ถ้าประเมินแบบ DCF จากสูตร

Expected Cash Flow next year / (discount rate - expected growth rate)

ถ้าบริษัททุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันที่หนี้ ตัวแปร 3 ตัวเป็นดังนี้

Expected Cash flow จะต่างกัน บริษัทที่มีหนี้ cash flow น้อยกว่า บริษัทที่ไม่มี
Discount rate จะต่างกัน บริษัทที่มีหนี้ ต้นทุนเงินทุนน่าจะน้อยกว่า บริษัทที่ไม่มีหนี้
expected growth rate เท่ากัน

ดังนั้น บริษัทที่มีหนี้ จะทำให้ cash flow ลดลง แต่ discount rate ก็ลดลง ก็แล้วแต่ว่า อันไหนมีผลมากกว่ากันครับ

ถ้า cash flow ลดลงมีผลมากกว่า ต้นทุนเงินทุน ที่ลดลง valuation ออกมาก็จะได้น้อยกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้
แต่ถ้า cash flow ลดลงมีผลนอ้ยกว่า ต้นทุนเงินทุน ที่ลดลง valuation ออกมาจะได้ค่ามากกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 6:27 pm
โดย Green
Jeng เขียน:บริษัท A กำไร 100 ล้านต่อปีในปีที่แล้ว และมีแนวโน้มกำไรโต 30 % ในปีนี้

ถ้า บริษัท A ไม่มีหนี้เลย ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย แต่หนี้การค้าก็มีไปตามเรื่องนะครับ

ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
ถ้ากำไรแค่ 100 ล้าน ถ้าตลาดไม่เล็ก ก็แสดงว่า บริษัทเล็ก หรือไม่ก็เป็นบริษัทใหญ่ในตลาด Niche ผมว่าถ้าเราซื้อทั้งบริษัทที่ราคาประมาณ 1000 - 1500 ร้อยล้านนะครับ คิดหยาบๆ ถ้าบริษัทดูแล้วมีศักยภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ก็คงให้ราคาสูงหน่อย ถ้าดูแล้ว ดาดๆ ทั่วไป ประมาณ 1000 ล้านบาทก็คงพอได้ อย่างน้อยก็ซักประมาณ 7-8 ปีคืนทุน แล้ว ได้ผลตอบแทนปีละ 10% ดีกว่าพันธบัตรแต่ก็เสี่ยงกว่า หากทำกำไรต่อเนื่องไม่ได้
Jeng เขียน: และถ้าบริษัท A มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 1000 ล้านบาท

ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร

สมมุติให้เป็นบริษัทเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด

ยกเว้น มีหนี้ กับไม่มีหนี้ครับ
ผมว่า ถ้าไม่มีหนี้เลย ผมจะจ่ายประมาณ 1000-1500 ล้าน แต่นี้ ดันมีหนี้สินติดตัวมาอีก 1000 ล้านบาท ดูแล้วไม่อยากซื้อเลยครับ แค่ดอกเบี้ย ปีนึงก็เสียไปปีละ 60-70 ล้านบาทแล้ว ถ้าอีกหน่อยดอกเบี้ยแพงกว่านี้ คงปวดหัวน่าดู ยกเว้นต้องเป็น Business model ที่สามารถ สร้าง Cash Flow in ได้มากกว่า กำไรสุทธิมากๆ เช่น ได้ Cash in from operating acitivites มากกว่า ปีละ 200-300 ล้านบาท และยิ่งขยาย ยิ่งรวยเงินสด ก็น่าสน แต่ว่า หาก Cash flow in ปีละพอๆ กับกำไรสุทธิ หรือน้อยกว่ามากๆ เพราะต้องเอาไปปล่อยหนี้ ให้ลูกค้าหรือ เอาไว้ตุนสต๊อก ผมว่าเราเก็บเงินไว้ลงทุน บริษัทอื่นๆ จะดีกว่าครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 8:30 pm
โดย jmb2511
บริษัทแรกผมเห็นด้วยกับพี่เขียวครับแต่ของผมให้ราคาดีกว่าพี่เขียวครับคือ1300-1500จะแคบลงหน่อยนะครับ แต่บริษัทที่มีหนี้ต้องจ่ายดอกปีละ1000ล้านบาทนี่ซิน่าสนใจน่าจะต้องเป็นบริษัทที่ใหญ่และน่าจะทํากําไรได้กว่า10000ล้านในแต่ละปีหักต้นทุนแล้วนะครับ ผมให้300000-350000ล้านบาทครับอาจารย์

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 8:43 pm
โดย Jeng
jmb2511 เขียน:บริษัทแรกผมเห็นด้วยกับพี่เขียวครับแต่ของผมให้ราคาดีกว่าพี่เขียวครับคือ1300-1500จะแคบลงหน่อยนะครับ แต่บริษัทที่มีหนี้ต้องจ่ายดอกปีละ1000ล้านบาทนี่ซิน่าสนใจน่าจะต้องเป็นบริษัทที่ใหญ่และน่าจะทํากําไรได้กว่า10000ล้านในแต่ละปีหักต้นทุนแล้วนะครับ ผมให้300000-350000ล้านบาทครับอาจารย์
เออ สงสัยเขียนกำกวม

เอางี้ครับ บริษัทที่มีหนี้ คือมีหนี้ 1000 ล้านบาทครับ

และเป็นหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หักดอกเบี้ยแล้วก็ยังกำไร 100 ล้านครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 8:54 pm
โดย jmb2511
ผมก็งงเข้าใจละแหมแต่ปวดหัวมากงงหนักเข้าไปอีกกําไร100ล้านบาทก็ควรจะมีEBITDAอยู่ที่2000-25000ผมให้ :D 15000-25000ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 9:05 pm
โดย Jeng
jmb2511 เขียน:ผมก็งงเข้าใจละแหมแต่ปวดหัวมากงงหนักเข้าไปอีกกําไร100ล้านบาทก็ควรจะมีEBITDAอยู่ที่2000-25000ผมให้ :D 15000-25000ครับ
ต่างกันขนาดนั้นเชียวหรือ

ทั้งสองบริษัทกำไรเท่ากันนะ คือ 100 ล้าน

ต่างกันตรงที่ ไม่มีหนี้ ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??

และมีหนี้ เช่นกู้อยู่ 1000 ล้านบาท หักแล้วยังกำไร 100 ล้าน เท่ากัน ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??

อยากรู้จริงๆ ไม่ได้ทดสอบภูมิปัญญาใคร

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 9:15 pm
โดย ^^
ชอบความเห็นคุณGreen

ชอบบริษัทเลือกหนทางเองได้ ครั้งนี้จะขยาย ครั้งนี้จะลดการผลิต ซึ่งหมายถึงต้องมีเงินตัวเอง ขอเลือกแบบไม่มีหนี้เลยดีกว่าครับ

เพราะมันมีFixทุกปีที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หากพลาดเป้ายังไงก็ต้องจ่าย
และการเปลี่ยนนโยบายทำได้ยากเพราะถ้าไปทำวิธีใหม่ อาจแป๊กก็ได้

นอกเสียจากกู้แล้ว ได้กำไรมากกว่าจ่ายดอกเบี้ยสัก2-3เท่า
ทำให้เงินสดเข้าเราบ้าง ทำให้ช่วงเวลาที่แย่ ก็เอาเงินสดตรงนี้ไปช่วยจ่ายดอกเบี้ย
หรือจะใช้โปรโมชั่น ลูกหนี้การค้าก็ยังได้ เพราะมีเงินสดไว้ทำกลยุทธ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2011 9:25 pm
โดย jmb2511
Jeng เขียน:
jmb2511 เขียน:ผมก็งงเข้าใจละแหมแต่ปวดหัวมากงงหนักเข้าไปอีกกําไร100ล้านบาทก็ควรจะมีEBITDAอยู่ที่2000-25000ผมให้ :D 15000-25000ครับ
ต่างกันขนาดนั้นเชียวหรือ

ทั้งสองบริษัทกำไรเท่ากันนะ คือ 100 ล้าน

ต่างกันตรงที่ ไม่มีหนี้ ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??

และมีหนี้ เช่นกู้อยู่ 1000 ล้านบาท หักแล้วยังกำไร 100 ล้าน เท่ากัน ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??

อยากรู้จริงๆ ไม่ได้ทดสอบภูมิปัญญาใคร
ผมเขียนผิดครับEBITDA1500-2000ครับผมไม่ต้องเดาเลยคําตอบคงไม่ถูกใจพี่เจ๋งแน่ๆงั้นผมขอให้บริษ้ทที่มีหนี้นี้ที่2000-2500ครับเดามั่วๆเอานะครับคือให้ใหม่เลยนะครับEBITDAที่400-500ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 4:57 pm
โดย taratantara
เป็นคำถามที่น่าสนใจครับ...

จากโจทย์ผมไม่แน่ใจเรื่องการประเมินราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าทุกอย่างเหมือนกันแล้วจะต้องเลือกระหว่างการมีหนี้หรือไม่มีหนี้อย่างไหนดีกว่านั้น

ในแง่บริษัทผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการกู้หนี้และการประเมิน Opportunity และ Threat ในอนาคต

ส่วนในแง่การลงทุนของเราน่าจะขึ้นอยู่กับว่าตัวเราเองเป็น type ไหน บวกกับการบริหารหน้าตักให้เหมาะสม

ผมลองทำไฟล์ excel ขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบในกรณีต่างๆ ดู ไม่แน่ใจว่าตอบตรงคำถามหรือจะเป็นประโยชน์หรือเปล่า ลองดูรายละเอียดข้างในแล้วอาจลองเปลี่ยนค่าต่างๆ ดูนะครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 5:05 pm
โดย jo7393
ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 5:08 pm
โดย jo7393
jo7393 เขียน:ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
หมายถึง มีหนี้แล้วกำไรที่ 100 ลบ ยังไม่ได้จ่าย ดบ นะครับ
เพราะหากจ่าย ดบ แล้ว แสดงว่า กำไรก่อนจ่าย ดบ ต้องไม่ต้องกว่า 160 ลบ .ใช่ไหมครับ
กรณีที่คิด ดบ จ่ายที่ 6% และ ดบ จ่ายไม่มีผลต่อภาษี(คือไม่คิดว่า ดบ นำไปเป็น คชจ ลดภาษีนะครับ)

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:25 pm
โดย Jeng
jo7393 เขียน:
jo7393 เขียน:ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
หมายถึง มีหนี้แล้วกำไรที่ 100 ลบ ยังไม่ได้จ่าย ดบ นะครับ
เพราะหากจ่าย ดบ แล้ว แสดงว่า กำไรก่อนจ่าย ดบ ต้องไม่ต้องกว่า 160 ลบ .ใช่ไหมครับ
กรณีที่คิด ดบ จ่ายที่ 6% และ ดบ จ่ายไม่มีผลต่อภาษี(คือไม่คิดว่า ดบ นำไปเป็น คชจ ลดภาษีนะครับ)
ขอบคุณครับ แสดงว่า การ value บริษัทที่มีกำไร เท่ากัน โตเท่ากัน

แต่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ต้องตีราคาต่างกัน

พอจะบอกได้หรือไม่ครับ ว่า ทำไมตีราคาต่างกัน 1200 ล้านบาทครับ

อยากทราบหลักในการคิด

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:28 pm
โดย jo7393
Jeng เขียน:
jo7393 เขียน:
jo7393 เขียน:ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
หมายถึง มีหนี้แล้วกำไรที่ 100 ลบ ยังไม่ได้จ่าย ดบ นะครับ
เพราะหากจ่าย ดบ แล้ว แสดงว่า กำไรก่อนจ่าย ดบ ต้องไม่ต้องกว่า 160 ลบ .ใช่ไหมครับ
กรณีที่คิด ดบ จ่ายที่ 6% และ ดบ จ่ายไม่มีผลต่อภาษี(คือไม่คิดว่า ดบ นำไปเป็น คชจ ลดภาษีนะครับ)
ขอบคุณครับ แสดงว่า การ value บริษัทที่มีกำไร เท่ากัน โตเท่ากัน

แต่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ต้องตีราคาต่างกัน

พอจะบอกได้หรือไม่ครับ ว่า ทำไมตีราคาต่างกัน 1200 ล้านบาทครับ

อยากทราบหลักในการคิด
พี่ตั้โจทย์ โกรท 30% ผมให้ PEG ในการซื้อที่ 0.7 ครับ จะได้ 30 *0.7= 21
คือพีอีที่ผมจะซื้อไม่เกิน 21 ครับ คูณด้วย Earning 100ลบ ครับ จะได้ 2,100 ลบ ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:34 pm
โดย jo7393
ส่วนกรณีมีหนี้ ผมคิดที่ ดบ เงินกู้ 6% ครับ หนี้ 1000ลบ ดบ ปีละ 60ลบ
กำไร 100ลบ หัก ดบ 60 ลบ เหลือ Earning 40 ลบ คูณ pe 21 เท่าเดิม ครับ = 840 ลบ ปัดให้ตัวเลขกลมๆ ให้ 900ลบ ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:37 pm
โดย jo7393
แต่ความเป็นจริงแล้ว ดบ จ่าย สามารถนำมาหักเป็น คชจ ได้ทำให้ได้ Earning มากขึ้น ผมจึงใช้วิธีหยาบๆ ปัดขึ้นจาก 840 เป็น 900 ลบ ครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:49 pm
โดย sathaporne
jo7393 เขียน:ส่วนกรณีมีหนี้ ผมคิดที่ ดบ เงินกู้ 6% ครับ หนี้ 1000ลบ ดบ ปีละ 60ลบ
กำไร 100ลบ หัก ดบ 60 ลบ เหลือ Earning 40 ลบ คูณ pe 21 เท่าเดิม ครับ = 840 ลบ ปัดให้ตัวเลขกลมๆ ให้ 900ลบ ครับ
ผมแปลกใจว่าทำไมถึงไม่ให้กำไร100ล้านเป็นกำไรหลังจากหักดอกเบี้ยแล้วล่ะครับ
ผมหมายถึงว่าทั้งสองบริษัทควรจะมีกำไรสุทธิ 100ล้านเท่ากัน
มันจะได้เป็นการเปรียบเทียบทั้งสองกรณีในเงื่อนไขที่ใกล้กันที่สุด โดยต่างกันแค่มีหนี้กับไม่มีหนี้

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:54 pm
โดย jo7393
มันคิดได้นะครับ ถ้าคิดที่กำไรสุทธิ 100 ลบ
ผมก็ยังว่าเทียบได้ไม่ดีเท่ากับ เทียบที่ EBIT ไปเลยดีกว่าไหมครับ
หากกำไร สุทธิ 100 ลบ บ.ไม่มีหนี้ EBIT ก็น่าจะที่ 100 (โดยการสมมติตัวแปรอื่น TAX = 0% ทั้ง2กรณี) ดังนั้น บ.ที่มีหนี้ EBIT ก็จะได้ 160 ลบ ใช่ไหมครับ มันก็จะกลายเป็นว่า บ.มีความสามารถใรการทำกำไรต่างกันอีกอ่ะครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 6:56 pm
โดย jo7393
ผมเห็นว่าโจทย์ที่พี่เขาตั้งไว้ น่าจะคิดว่า บ.มีความสามารถในการทำกำไรเท่ากันอ่ะครับ เพราะ หาก ความสามารถในการทำกำไรต่างกันก็เทียบกันไม่ได้อีกอ่ะครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 7:07 pm
โดย jo7393
ผมเลยมานั่งคิดต่อ หาก บ.ที่มีหนี้แล้วสามารถทำ EBIT ได้มากกว่า บ.ที่ไม่มีหนี้เพียงแค่พอจ่าย ดบ แสดงว่า บ.ที่มีหนี้ ROA ต่ำกว่า บ.ที่ไม่มีหนี้ด้วยนะครับ และ บ.ที่มี ROA ต่ำกว่า บนธุรกิจเดียวกัน (เพราะโจทย์ตั้งมาว่า บ.เหมือนกัน) แสดงว่า บ.ที่มีหนี้มี DCA ต่ำกว่าด้วยนะครับ
หากผิิดช่วยแย้งด้วยนะครับ แชร์มุมมองกันครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 9:20 pm
โดย Jeng
อืมคิดได้ลึกดี

อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม

อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า

บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร

คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ

แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว

ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท

บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน

เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น

ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 10:03 pm
โดย << New >>
บริษัทที่ไม่มีหนี้เลยถ้าเวลาต้องการจะขยายกิจการอาจจะสามารถกู้หนี้มาเพิ่มได้

บริษัทที่มีหนี้เต็มเพดาน D/E เกิน Bankให้กู้ บางทีเวลาจะขยายกิจการก็ไม่สามารถกู้ได้ อาจจะเพิ่มทุนเอา

บางบริษัทที่มีนิสัยไม่ชอบกู้ (อาจจะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้) เวลาขาขึ้นมาถึง อาจจะกอบโกยไม่ได้เท่าบริษัทที่มีนิสัยชอบกู้ เพราะจะกู้มาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือทำมาหากินได้มากกว่า

บางบริษัทที่มีนิสัยไม่ชอบกู้ (อาจจะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้) เวลาขาลงมาถึง ก็จะปลอดภัยกว่าบริษัทที่ชอบกู้ เพราะเครื่องมือในการทำเงินจะกลายไปเป็นตัวถ่วง(เลี้ยงพนักงาน+maintennace) และก็ยังจะมีดอกเบี้ยอีก

คือถ้าแน่ใจว่าขาขึ้นมาถึง หุ้นของพวกบ.ที่กู้อาจจะมี performace ที่ดีกว่า

กลับกันถ้าขาลงหุ้นของพวกบ.ไม่กู้น่าจะperforme ดีกว่า

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 10:25 pm
โดย jo7393
Jeng เขียน:อืมคิดได้ลึกดี

อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม

อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า

บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร

คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ

แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว

ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท

บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน

เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น

ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ
ถ้าพี่ ยืนยันว่าทุกอย่างเหมือนกันหมด รวมทั้ง DCA ROA คำตอบสำหรับเรื่องนี้ง่ายนิดเดียวครับ บ.ที่ไม่มีหนี้คำนวนได้ที่เท่าไร ก็ซื้อ บ.ที่มีหนี้น้อยกว่าตามจำนวนหนี้เท่านั้นเองครับ
เช่น บ.ที่ไม่มีหนี้ ตีมูลค่าที่จะซื้อได้ 2100 ลบ
บ.ที่มีหนี้ก็ซื้อได้ด้วย มูลค่า 2100-1000=1100 ลบ แ้ล้วเอาเงิน ที่ซื้อถูกไป 1000 ลบ ไปจ่ายหนี้ ก็จะได้ บ.ที่มีมูลค่าเท่ากันทุกด้าน ง่ายออกครับ :mrgreen:

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 10:42 pm
โดย Jeng
jo7393 เขียน:
Jeng เขียน:อืมคิดได้ลึกดี

อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม

อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า

บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร

คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ

แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว

ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท

บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน

เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น

ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ
ถ้าพี่ ยืนยันว่าทุกอย่างเหมือนกันหมด รวมทั้ง DCA ROA คำตอบสำหรับเรื่องนี้ง่ายนิดเดียวครับ บ.ที่ไม่มีหนี้คำนวนได้ที่เท่าไร ก็ซื้อ บ.ที่มีหนี้น้อยกว่าตามจำนวนหนี้เท่านั้นเองครับ
เช่น บ.ที่ไม่มีหนี้ ตีมูลค่าที่จะซื้อได้ 2100 ลบ
บ.ที่มีหนี้ก็ซื้อได้ด้วย มูลค่า 2100-1000=1100 ลบ แ้ล้วเอาเงิน ที่ซื้อถูกไป 1000 ลบ ไปจ่ายหนี้ ก็จะได้ บ.ที่มีมูลค่าเท่ากันทุกด้าน ง่ายออกครับ :mrgreen:
ถ้างั้น ลองมาซ้อมมือ ตีราคา bigc ทั้ืงบริษัทดีหรือไม่ครับ

เพราะก่อนหน้าจะเทกคาร์ฟู ไม่มีหนี้เลย

แต่ปัจจุบัน มีหนี้ 35000 ล้านบาท

แบบนี้ bigc ควรมีราคาทั้งบริษัทเท่าไร

คงไม่ได้เป็นการชี้นำราคา แค่ฝึกซ้อมตีราคา เปิดแนวคิดว่า มีหนี้ กับไม่มีหนี้เลย นี่ ตีราคาอย่างไร

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 10:43 pm
โดย ^^
อยากทราบเหมือนกันว่าควรตีราคาแบบ
ให้คิดแบบเมื่อเลิกกิจการแล้ว ประกอบด้วยไหม ถ้าเจอหุ้นแบบนี้
แล้วถ้าคิดแบบเลิกกิจการ
มูลค่าบริษัทจะต่างไปไหมครับ


หรือคิดแบบเดิม ดูกระแสเงินสดที่สร้างได้อย่างเดียว

ผมรอเฉลยครับ คิดไม่ตรงกับชาวบ้าน ขอแอบโง่

Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 11, 2011 10:44 pm
โดย Jeng
คงไม่มีเฉลย มั๊งครับ คุยกันไปเรื่อยๆ ฝึกพัฒนาสมอง มองหาแนวคิดในการ valuation