Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ไม่ทราบว่า จะไปดูได้ที่ไหนครับ

อันนี้ลองพล็อตเองไม่ทราบว่าพอจะใช้ได้มั้ยครับ

simple regression ครับ

แอบสงสัยว่าทำไม SET กับ ค่าเงินบาทถึงอยู่กันคนละฝั่ง

ผมลองคิดแบบมั่วๆว่า
ถ้าค่าเงินบาทอ่อน หมายความว่า ฝรั่งน่าจะอยากเอา dollars มาลงทุนในไทย เพราะแลกเป็นเงินไทยได้เยอะดี 555+

aonzzung เขียน:แอบสงสัยว่าทำไม SET กับ ค่าเงินบาทถึงอยู่กันคนละฝั่ง

ผมลองคิดแบบมั่วๆว่า
ถ้าค่าเงินบาทอ่อน หมายความว่า ฝรั่งน่าจะอยากเอา dollars มาลงทุนในไทย เพราะแลกเป็นเงินไทยได้เยอะดี 555+

ค่าเงินบาทอ่อน น่าจะแสดงว่า มีคนส่วนมาก(อาจจะต่างชาติ) แลกเงินบาทเป็นดอลล่ามากครับ ยิ่งแลกเป็นดอลล่ามาก บาทยิ่งอ่อนครับ คิดง่ายๆว่า demand ของเงินบาทน้อยลง เงินบาทก็มีค่าน้อยลงครับ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ขนเงินกลับบ้านครับ)

ส่วนค่าเงินแข็งแสดงว่า เค้าขนเงินดอลล่ามาแลกเงินบาทเยอะครับ demandค่าเงินบาทมาก ค่าเงินบาทก็มีค่ามากขึ้นครับ

ช่วงกลางปีที่มีต่างชาติขายสุทธิเยอะๆ แต่บาทไม่อ่อนลง ผมคิดว่าน่าจะแสดงว่า เค้ายังไม่ได้ขนเงินกลับบ้านครับ คืออาจจะไปพักเงินที่ตราสารหนี้หรืออื่นๆน่ะครับ (แต่ช่วงนี้บาทเริ่มอ่อนแล้วครับ)

แต่จริงๆแล้วต้องดูค่าเงินเทียบกับอย่างอื่นๆด้วยครับ (เช่น US Dollar Index , euro )

ถ้าดอลล่ามีแนวโน้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ(บาทอ่อน) ต่างชาติก็คงอยากรีบขนเงินกลับครับ เพราะถ้ายิ่งขนกลับช้าเท่าไหร่ จะยิ่งแลกเป็นดอลล่าได้น้อยลงครับ มันก็เลยอาจจะเป็นตัวเร่งให้บาทอ่อนลงด้วยน่ะครับ (ยิ่งพิมพ์ยิ่งงงกับการพิมพ์ของตัวเอง ผิดตรงไหนบอกด้วยนะครับ)

mincho เขียน:

aonzzung เขียน:แอบสงสัยว่าทำไม SET กับ ค่าเงินบาทถึงอยู่กันคนละฝั่ง

ผมลองคิดแบบมั่วๆว่า
ถ้าค่าเงินบาทอ่อน หมายความว่า ฝรั่งน่าจะอยากเอา dollars มาลงทุนในไทย เพราะแลกเป็นเงินไทยได้เยอะดี 555+

ค่าเงินบาทอ่อน น่าจะแสดงว่า มีคนส่วนมาก(อาจจะต่างชาติ) แลกเงินบาทเป็นดอลล่ามากครับ ยิ่งแลกเป็นดอลล่ามาก บาทยิ่งอ่อนครับ คิดง่ายๆว่า demand ของเงินบาทน้อยลง เงินบาทก็มีค่าน้อยลงครับ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ขนเงินกลับบ้านครับ)

ส่วนค่าเงินแข็งแสดงว่า เค้าขนเงินดอลล่ามาแลกเงินบาทเยอะครับ demandค่าเงินบาทมาก ค่าเงินบาทก็มีค่ามากขึ้นครับ

ช่วงกลางปีที่มีต่างชาติขายสุทธิเยอะๆ แต่บาทไม่อ่อนลง ผมคิดว่าน่าจะแสดงว่า เค้ายังไม่ได้ขนเงินกลับบ้านครับ คืออาจจะไปพักเงินที่ตราสารหนี้หรืออื่นๆน่ะครับ (แต่ช่วงนี้บาทเริ่มอ่อนแล้วครับ)

แต่จริงๆแล้วต้องดูค่าเงินเทียบกับอย่างอื่นๆด้วยครับ (เช่น US Dollar Index , euro )

ถ้าดอลล่ามีแนวโน้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ(บาทอ่อน) ต่างชาติก็คงอยากรีบขนเงินกลับครับ เพราะถ้ายิ่งขนกลับช้าเท่าไหร่ จะยิ่งแลกเป็นดอลล่าได้น้อยลงครับ มันก็เลยอาจจะเป็นตัวเร่งให้บาทอ่อนลงด้วยน่ะครับ (ยิ่งพิมพ์ยิ่งงงกับการพิมพ์ของตัวเอง ผิดตรงไหนบอกด้วยนะครับ)

ดอลล่าร์แคนี่เทรดจะเกิด หนักๆๆก้ตอน ที่เมกาขึ้นดอกปี 2013 ไปแล้วนะครับ

ตอนนี้คงไม่ขนกลับ แต่ทางยุโรปเองต่างหากที่จะขนเงินกลับไปโปะครับ

เหมือนผมเป็นเฟด ให้คุณเป็นมอร์แกนกู้ไป ดอก0-0.25 โดยไม่ขึ้นดอก

คุณจะเอาไปเท่าไหร่ก้ได้

คิดว่าจะคืนตอนไหนหล่ะครับ

1.ผมขึ้นดอกคุณ

2.ผมคงดอก 0-0.25 ไปอีกสองปี

ส่วนต่างดอกเบี้ยก้มากนะครับ

0เปอกับ 2-3เปอเนี่ย เงินสิบล้านร้อยล้าน เนี่ยก้ได้ดอกต่างกันมากมาย

ที่เค้ายังไม่ขายหุ้นออก เพราะเอาเงินกลับไปทำไรหล่ะครับ ในเมื่อเจ้าของยังไม่ทวง

ไม่ขึ้นดอก ก้จะวนเวียนหา ผลตอบแทนดีกว่าไหมครับ


ทางยุโรปเองมากกว่า พวกหุ้นที่มีพวกยุโรปถือเยอะควรระวัง

เพื่อนเพิ่งทำวิจัยเรื่องนี้เพื่อจบโทไปครับ โชคดี ถามได้ถูกจังหวะมาก
ผลวิจัยคือ ไม่มีความสัมพันธ์ครับ

Warantact เขียน:เพื่อนเพิ่งทำวิจัยเรื่องนี้เพื่อจบโทไปครับ โชคดี ถามได้ถูกจังหวะมาก
ผลวิจัยคือ ไม่มีความสัมพันธ์ครับ

อืม แล้วเราจะเชื่อผลสรุปได้อย่างไร

อเมริกา ทุกวันนี้เจ๊ง ก็เพราะเชื่อ พวกที่จบสูงๆ ดร. อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ปล่อยให้มีการเทรด อนุพันธ์

ค่าเงินตอนนี้ ดูจาก yahoo.com

30.30

เรียกว่า กำลังอ่อน ซึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะอ่อน

ไม่เชื่อก็ต้องค้นคว้าเองครับ ง่ายๆ

ผมเห็นด้วยว่า ในหลายๆครั้งมหาลัยก็ออกงานวิจัยงี่เง่าออกมา
ผมเองก็ต้องทำก็เลยรู้ว่าทำไมมันออกมางี่เง่าแบบนั้น

จะเชื่ออะไรก็ต้องพิจรณาว่ามันตรงกับความจริงไหม
ถ้าอยากรู้ว่ามันสัมพันธ์กันจริงไหมก็ต้องลากกราฟดู
พอดูกราฟแล้วเห็นชัดว่ามันไม่สัมพันธ์มันก็ไม่สัมพันธ์

ส่วนอเมริกาที่เจ๊ง ผมว่ามันเกี่ยวกับความโลภบวกความโง่ของคนมากกว่า
โดยจุดกำเนิดแล้วอนุพันธ์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ของมันอยู่
อย่างเช่นเงินบาท ถ้ามองให้ลึกถึงจุดกำเนิดแล้ว มันก็เป็นอนุพันธ์ของทอง(ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ใช่)
สัญญาบางอย่างสามารถใช้ประโยชน์ในการล๊อคราคาวัตถุดิบเพื่อเป็นประโยชน์กับ
ภาคการผลิตได้

อีกเรื่อง
ยกตัวอย่าง หนังสือพุทธศาสนา โดยปกติแล้วไม่ใช่เครื่องมือการพนัน
ไม่บรรทัดก็ไม่ใช่เครื่องมือการพนัน แต่พอเอาไม่บรรทัดใส่หนังสือ แล้วมาเล่นแทงหน้าคู่คี่กัน
มันก็กลายเป็นการพนัน แล้วมาโทษว่าเป็นความผิดของหนังสือศาสนาและไม้บรรทัด
ผมว่ามันไม่ค่อยตรงเท่าไร

คำตอบว่ามันสัมพันธ์กันไหม มันก็มีกว้างๆสามคำตอบ
ไม่สัมพันธ์
สัมพันธ์บ้าง
สัมพันธ์กันสุดๆเหมือนเป็นอย่างเดียวกัน

เราสามารถตัดคำตอบสุดท้ายออกไปได้เลย
คำตอบที่เหลือก็คือ สัมพันธ์บ้าง กับไม่สัมพันธ์กันเลย
หากคำตอบเป็นสองข้อนี้ การดูค่าเงินเพื่อทำนายดัชนีก็ไม่มีประโยชน์เท่าไร

เอา granger causality test มาจับดู http://en.wikipedia.org/wiki/Granger_causality
จะเห็นว่า set index cause thb/usd มากกว่า thb/usd cause thb

แต่ข้อมูลดิบของ set index กับ thb/usd มันไม่ stationary(mean&varience ไม่คงที่) at level ซึ่งถ้าให้ดีเราน่าจะหาความสัมพันธ์ของ set index return กับ thb/usd return มากกว่า จากผลทางสถิติที่ได้ผมเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กันครับ

ทั้งนี้ผลสรุปที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีความสัมพันธ์ อาจเนื่องจากเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน เช่น
ข้อมูล ที่ผมใช้เป็นข้อมูลรายวัน 5 ปี ครับ

30.37 อ่อนไปเรื่อยๆ

อยากรู้เหมือนกันว่า ค่าเงินอ่อนไปที่ 32 - 35 ดัชนีอยู่ที่เท่าไร

Jeng เขียน:

Warantact เขียน:เพื่อนเพิ่งทำวิจัยเรื่องนี้เพื่อจบโทไปครับ โชคดี ถามได้ถูกจังหวะมาก
ผลวิจัยคือ ไม่มีความสัมพันธ์ครับ

อืม แล้วเราจะเชื่อผลสรุปได้อย่างไร

อเมริกา ทุกวันนี้เจ๊ง ก็เพราะเชื่อ พวกที่จบสูงๆ ดร. อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ปล่อยให้มีการเทรด อนุพันธ์

พี่เจ๋งครับผมว่าอย่างนี้ก็ไม่ถูกทั้งหมดนะครับ คนที่ดีและไม่ดีก็มีปนๆกันไปครับ คนที่เตือนก็มีแต่มันโดนคนหมู่มากพาไป จุดเริ่มต้นอาจมาจากการสร้างตราสารนี้ขึ้น แต่ความโลภเป็นตัว drive ให้มันเพี้ยนไปครับ

การ trade อนุพันธ์ โดยเหตุผลหลักไม่ได้แย่นะครับ แล้วจริงๆวิกฤตไม่ได้เกิดจากอนุพันธ์โดยตรงแต่เกิดจาก bubble ของ price ของ underlying asset ทำให้มันเกิดผลทวีคูณของ derivatives ที่ใช้ leverage ++ ความโลภกับความไม่รู้ (ไม่รู้ผลกระทบของ derivatives ทีตัวเองใช้)ของมนุษย์ เป็นตัวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แหละครับ

ส่วนเรื่องค่าเงินบาทกับ set movement มันคงไม่ได้มีความสัมพันธ์กันหรอกครับ เพราะหลายๆสิ่งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ factor แค่ 2 ตัวที่มีผลต่อกัน ครับ

Sumotin เขียน:

Jeng เขียน:

Warantact เขียน:เพื่อนเพิ่งทำวิจัยเรื่องนี้เพื่อจบโทไปครับ โชคดี ถามได้ถูกจังหวะมาก
ผลวิจัยคือ ไม่มีความสัมพันธ์ครับ

อืม แล้วเราจะเชื่อผลสรุปได้อย่างไร

อเมริกา ทุกวันนี้เจ๊ง ก็เพราะเชื่อ พวกที่จบสูงๆ ดร. อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ปล่อยให้มีการเทรด อนุพันธ์

พี่เจ๋งครับผมว่าอย่างนี้ก็ไม่ถูกทั้งหมดนะครับ คนที่ดีและไม่ดีก็มีปนๆกันไปครับ คนที่เตือนก็มีแต่มันโดนคนหมู่มากพาไป จุดเริ่มต้นอาจมาจากการสร้างตราสารนี้ขึ้น แต่ความโลภเป็นตัว drive ให้มันเพี้ยนไปครับ

การ trade อนุพันธ์ โดยเหตุผลหลักไม่ได้แย่นะครับ แล้วจริงๆวิกฤตไม่ได้เกิดจากอนุพันธ์โดยตรงแต่เกิดจาก bubble ของ price ของ underlying asset ทำให้มันเกิดผลทวีคูณของ derivatives ที่ใช้ leverage ++ ความโลภกับความไม่รู้ (ไม่รู้ผลกระทบของ derivatives ทีตัวเองใช้)ของมนุษย์ เป็นตัวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แหละครับ

ส่วนเรื่องค่าเงินบาทกับ set movement มันคงไม่ได้มีความสัมพันธ์กันหรอกครับ เพราะหลายๆสิ่งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ factor แค่ 2 ตัวที่มีผลต่อกัน ครับ

ครับผม

ตายละ อีกสองเดือนผมจะไป เที่ยว ตปท ต้องแลกเงินดอล ไ้ว้ก่อนเลยมั้ยเนี่ย???

Post subject: อยากดูกราฟความสัมพันธ์ค่าเงินบาท กับดัชนีตลาดหุ้นไทย

จัดให้ตามที่ขอ..ลองดูที่
http://ichart.finance.yahoo.com/z?s=thb ... =l&c=^seti

set 883 ค่าเงิน 31.09

คงไม่เกี่ยวกัน หรือว่าเกี่ยวกันก็ไม่ทราบ

แต่ที่แน่ๆ ฝรั่งขาย ๆๆ เอาเงินออก

บางคนก็บอกว่า เอาออกทำไม เมกา แย่ แบงค์แย่

บางคนก็บอกว่า ขายที่ไทยทำไม เศรษฐกิจดี และดีกว่าเมกาตั้งเยอะ

แต่ความจริงวันนี้ คือ set ลง ค่าเงินบาทอ่อน

ทั้งๆที่นโยบาย รัฐบาล ต้องการให้ค่าเงินแข็ง

ความเห็นส่วนตัวจริงๆเลยนะครับ

ผมคิดว่า หุ้นคือ การลงทุนแบบนึง

ถ้าเมื่อใดก็ตามมีอะไรให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า หรือปลอดภัยกว่า มันย้ายหนีทั้งกระบิได้ ผมคิดว่า ณ ตอนนี้ ผมสังเกตได้แค่ว่าน่าจะมีเหตุผลบางประการ (ที่ผมไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง) ที่ดอลล่าจะมีแนวโน้มที่แข็งพรวดๆ ได้เร็ว ในระยะเวลาอันใกล้ ไม่ว่าจะ ฝีมือ Manipulate ของเจ้าของสกุลเงิน หรือ ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ

ทำให้มันทุกตลาดทั่วโลก หรือสินทรัพย์อื่นทั่วโลก มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า พี่แกเล่นขายแล้วถือเงินไว้ แล้วเงินแข็งขึ้นมาเอง... หรือไอ้กันมันเอาตังไปรอเก็บศพยุโรปหว่า?

แต่ในบางเวลาอื่น อาจจะมีบางอย่าง ที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินดอลล่า แต่ไม่ใช่หุ้น ทำให้ถึงแม้หุ้นจะตก เงินบาท เงินดอลแข็งไม่แข็งก็ไม่เกี่ยวในเวลานั้น

ทำให้อธิบายความสัมพันธ์ได้ไม่เป็นไปในลักษณะสำพันธ์กันโจ้งๆ แล้วแต่สถานการณ์ครับ