หน้า 1 จากทั้งหมด 2

บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 7:35 pm
โดย ปรัชญา
วันนี้ ก็ยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ตามภาษาคนว่างงานไม่รู้จะทำไร

บางคนเขาก็เรียกกันซะไพเราะเพาะพริ้งเชียว อาชีพนักลงทุน อิด-สะ-หล่ะ-ทางการเงิน อื่นๆ

วันนี้หุ้นตกแบบได้อารมณ์
คือ....แบบซื้อขายกันด้วยอารมณ์ ล้วนๆ

จับเหตุอันโน้นมาใส่ผลอันนี้ เป็นเหตุผลในการซื้อขาย

บรรยากาศแบบนี้ มันคุ้นๆ


ครั้งหนึ่ง เมื่อรอบที่แล้ว มีการโยนผ้า พักการซื้อขายกันให้ได้สติ


นับแต่นี้ต่อไปจะมีอีกสักครั้งไหมครับพี่น้อง

ที่ต้องพักให้น้ำกันก่อน จะได้ตั้งสติ เริ่มเปิดสงครามซื้อขายกันใหม่

___________________________________________________________________________

เหตุการณ์ครั้งก่อน...ตัดข่าวมาอ่านกัน

หุ้นโดนเทขายหนัก ดัชนีหลุด 10% ตลท.ใช้ Circuit Breaker หยุดซื้อขายได้ทันควัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2551 14:42 น.

หุ้นภาคบ่ายเปิดตลาดเพียง 5 นาที ดัชนีรูดหนักไปถึง 10% แล้ว หลังตลาดยุโรปร่วงแรง ขณะที่ ตลท.งัด Circuit Breaker หยุดการซื้อขาย 30 นาที ขณะที่ผู้บริหาร ตลท. และ 4 สมาคม เร่งสรุปมาตรการอุ้มตลาดหุ้น พร้อมงัดมาตรการฉุกเฉิน

บรรยากาศการซื้อขายตลาดหุ้นไทย วันนี้ เปิดตลาดภาคบ่ายเพียง 5 นาที ดัชนีร่วงลงแรงกว่า 10% โดยเมื่อเวลา 14.35 น.ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงไปที่ระดับ 449.91 จุด ลดลง 50.08 จุด หรือคิดเป็น 10.02% มูลค่าการซื้อขาย 10,537.02 52.41 ล้านบาท หลังตลาดยุโรปร่วงลงแรง โดยทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ใช้มาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) เป็นเวลา 30 นาที หลังจากตลาดหุ้นภาคบ่ายร่วงแรงแตะ 10% เข้าเกณฑ์ โดยระบุว่า ตลท.เตรียมจะมีการออกข่าวชี้แจงในเร็วๆ นี้

รูปภาพ

ตลท.ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14.35-15.05 น.หลังดัชนีราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจากดัชนีราคาปิดวันทำการก่อนหน้า 50.08 จุด คิดเป็น 10.02% โดยระบบการซื้อขายจะอนุญาตให้ผู้ลงทุนส่งคำสั่งใหม่หรือยกเลิกคำสั่งได้ (Pre-open) ตั้งแต่เวลา 14.55 น.และจะเริ่มเปิดทำการจับคู่คำสั่งซื้อขายในเวลา 15.05 น.เป็นต้นไป

อนึ่ง อำนาจตามความในข้อ 15 ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การซื้อขาย การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2542 ซึ่งกำหนดให้หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเมื่อ ระดับที่ 1 เมื่อดัชนีราคา SET Index ลดลงเท่ากับหรือมากกว่า 10% ของดัชนีราคาวันทำการก่อนหน้า จะหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที

ส่วนระดับที่ 2 เมื่อดัชนีราคา SET Index ยังคงลดลงจนถึงเท่ากับหรือมากกว่า 20% ของดัชนีราคาวันทำการก่อนหน้าจะหยุดทำการซื้อขายอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศใช้ครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ ตลท.เปิดทำการ โดยครั้งแรก ตลท.ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2549 หลังรัฐบาลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนนำเข้าระยะสั้น 30% โดยในครั้งนั้น ดัชนีหุ้นไทยลดลง 140 จุด ภายในวันเดียว ซึ่งมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (หม่อมอุ๋ย) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า ดัชนีฟุตซี่ตลาดหุ้นลอนดอน เปิดตลาดบ่ายวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ร่วงลงถึง 10% ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ตกลงอย่างหนักเช่นกัน โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงกว่า 800 จุด ในการซื้อขายวันนี้ โดยดัชนีดิ่งลงกว่า 9% และแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ และค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะโดยรวมการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยภายหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยได้เปิดทำการซื้อขายตามปกติ หลังจากได้ใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ ว่าน่าจะมีทิศทางปรับลดลงตามตลาดหุ้นยุโรปและดาวโจนส์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ก็ไม่น่าจะช่วยให้เงินไหลออกน้อยลงได้ เพราะแนวโน้มตลาดหุ้นที่ยังปรับตัวลดลงยังส่งผลให้แนวโน้มเงินทุนไหลออกยังมีอยู่เช่นกัน

“นักลงทุนเทขายหุ้นในตลาดดาวโจนส์ส่งผลให้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าปัญหาวิกฤตการเงินสหรัฐฯ จะไม่ได้ส่งผลกระทบอยู่เฉพาะเรื่องสภาพคล่อง แต่จะกระทบไปยังภาคเศรษฐกิจจริงและมาตรการที่ออกมาก็เป็นแค่มาตรการชะลอปัญหาไม่ใช่มาตรการแก้ไขปัญหา อีกทั้งการที่ตลาดหุ้นปรับลดลงแสดงว่านักลงทุนเริ่มไม่อยากรับความเสี่ยงในหุ้นแล้ว แม้ราคาหุ้นต่อกำไรจะต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็ไม่รู้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะแน่นอนหรือไม่”

มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคม โบรกเกอร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไป10 % ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ตลาดฯ จำเป็นจะต้องใช้มาตราการที่มีอยู่ ขณะเดียวกันมองว่าการปรับตัวลดลงครั้งนี้เป็นเพราะปัจจัยลบจากปัญหาการเงินจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกถูกแรงขาย

โดยพบว่าวันนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง เช่นเดียวกันกับดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในขณะนี้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้วก็มองว่าตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลดลงน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาค รวมถึงมองว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะพบว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ต่างชาติเทขายแล้วประมาณ 4 พันกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากที่ตลาดเปิดการซื้อขายหลังจากปิดการซื้อขายไป 30 นาที ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวลดลงไม่ถึง 10%

W'ครั้งนี้เป็นอีกครั้ง หลังจากที่มีมาตรการกันสำรองเงินฝากประกาศใช้ในช่วงวันที่ 19 ธ.ค. 49 แต่ก็ต้องยอมรับว่าครั้งนั้นกับครังนี้แตกต่างกัน เพราะว่าในครั้งก่อนปัญหาเกิดจากปัจจัยในประเทศ แต่ถ้ามาเทียบกับครั้งนี้ภาพรวมของประเทศไทยก็ยังดีอยู่ สภาพคล่องก็ยังปกติไม่ได้ปัญหา ส่วนสถาบันทางการเงินฐานะปัจจุบันก็ยังแข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเลขการส่งออก การเติบโตอาจจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังถือโอเค ซึ่งเราก็หวังว่าให้การเมืองรีบสรุปเร็วขึ้น"

**ตลท.ระดมความเห็นฟื้นการลงทุนในตลาดทุน

โดยเช้าวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์เชิญผู้แทนและสมาชิกของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งไทยและต่างประเทศ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน และสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ร่วมประเมินสถานการณ์ตลาดทุนไทย หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารกว่า 40 ราย ในวงการตลาดทุนร่วมระดมความเห็น

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมด้วย นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.และผู้บริหาร ตลท.ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทหลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งนักวิเคราะห์ กว่า 40 ราย เปิดเผยถึงการปรับตัวลดลงของดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ร้อยละ 41.73 ตั้งแต่ต้นปี มาอยู่ที่ระดับ 499.99 (ณ วันที่ 9 ต.ค.2551) ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดลดลงถึงร้อยละ 41 อยู่ที่ระดับ 4 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐส่งผลต่อเนื่องไปยังภูมิภาคอื่นๆ รวมทั้งเอเชีย โดยดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศที่สำคัญ มีการปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 30-60 ตั้งแต่ต้นปี

นายปกรณ์ กล่าวว่า “นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปิดการซื้อขาย โดยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่มีเงินออมได้มีการเข้าเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีเป็นระยะ ๆ เนื่องจากเห็นว่ามีหุ้นของบริษัทพื้นฐานดีหลายตัว ที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูงถึงกว่าร้อยละ 10 ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี”

ด้านผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งนักวิเคราะห์ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นว่า กฎเกณฑ์ต่างๆ ของ ตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตลาดหลักทรัพย์ควรรักษาแนวทางการดำเนินงานและวินัยตามมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์ ต่อไป พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่ามาตรฐานการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถรองรับเหตุการณ์ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับผลกระทบที่มีต่อตลาดทุนในระยะที่ผ่านมา ถือว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจนอาจทำให้ระดับราคาหุ้นมีความเคลื่อนไหวที่ผันผวน เนื่องจากการตอบสนองต่อข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่มีเข้ามาเป็นระยะ ๆ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน พิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยต้องติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จะนำข้อมูลจากสถานการณ์ปัจจุบันไปประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ยังมีฐานะทางการเงินที่ดี ในขณะที่ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทสมาชิก รวมถึงระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ และ Clearing fund ก็มีความพร้อมรองรับความผันผวนของการซื้อขายหลักทรัพย์ได้

สำหรับแนวทางการซื้อขายหุ้นโดยการทำ Short sell ในระยะที่ผ่านมา เห็นว่าไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุน เนื่องจากมีปริมาณเฉลี่ยร้อยละ 0.6-0.7 ของมูลค่าการซื้อขายต่อเดือนในขณะที่กฎเกณฑ์การทำ short sell ของตลาดหุ้นไทย ก็มีความแตกต่างจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยกำหนดให้ทำได้เฉพาะหุ้นใน SET50 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่อง ณ ราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่ตกลงซื้อขายครั้งสุดท้าย จึงไม่มีส่วนทำให้ราคาหุ้นปรับลดลง นอกจากนี้ ยังต้องมีการยืมหุ้นเพื่อการส่งมอบด้วย โดยปัจจุบันธุรกรรมการให้ยืมหุ้นเพื่อการทำ short sell มีจำนวนน้อย เนื่องจากมีผู้ที่ทำธุรกิจให้ยืมหลักทรัพย์เพียงไม่กี่ราย ที่ประชุมจึงเห็นว่า ยังไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Short sell

สำหรับยอดรวมการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งระบบมีประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ปกติหากต้องมีการ Force sell ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาปรับแนวทางการซื้อหุ้นคืน เพื่อเอื้ออำนวยให้บริษัทจดทะเบียนมีการซื้อหุ้นคืนได้สะดวกขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทแจ้งความจำนงในการซื้อหุ้นคืนแล้วกว่า 14 บริษัท และยังมีบริษัทที่สนใจอีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงการคลังเพื่อเสนอมาตรการด้านภาษี เพื่อส่งเสริมการลงทุน เช่น การลดหย่อนภาษีเงินปันผล และการยกเว้นภาษีจากกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ รวมทั้งเสนอให้กระทรวงการคลังทบทวนเรื่องการตั้งกองทุนรวมเพื่อการศึกษา (Education Mutual Fund) เพื่อส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน และประโยชน์ในการศึกษาของประชาชนทุกระดับ “เชื่อว่าในช่วงปลายปี จะมีเม็ดเงินลงทุนจากการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เข้ามาในตลาดทุนอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีเม็ดเงินเข้ามามากกว่า 10,000 ล้านบาท” นายปกรณ์ กล่าว

สำหรับการร่วมลงทุนใน Matching Fund ซึ่งจะมีมูลค่ารวม 8,250 ล้านบาทนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมที่จะพิจารณาขยายวงเงินลงทุนเพื่อร่วมลงทุนกับผู้ที่สนใจจะลงทุนเพิ่มเติมในลักษณะ Opportunity Fund โดยจะทำงานร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน อีกทั้งที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันว่า กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว และเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรรักษาแนวทางการดำเนินงานและวินัยตามมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์ต่อไป พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า มาตรฐานการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสามารถรองรับเหตุการณ์ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง และจะติดตามผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ และประเมินสถานการณ์ร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เป็นระยะๆ พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติม หากผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงทุนในวงกว้าง” นายปกรณ์กล่าวสรุป




http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000120586

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 8:23 pm
โดย ปรัชญา
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:38:57 น.
เมื่อวิกฤตหนี้ยุโรปกลายพันธุ์ หวั่นซ้ำรอยเลห์แมน บราเธอร์ส


ขอบคุณ ข้อมูลข่าวจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=

รูปภาพ

วิกฤตหนี้ยุโรป ใกล้ซ้ำรอยเลห์แมน บราเธอร์สล้ม
=============================
การล้มละลายของเลห์แมนฯ สะท้อนให้เห็นอันตรายของการพึ่งพิงเงินทุนระยะสั้น ทันทีที่เกิดข่าวลือว่าธนาคารแห่งนี้ใกล้พังครืน ดีลเลอร์ก็แห่กันถอนเงินกู้คืน ภายในไม่กี่วันเลห์แมนฯ ก็อยู่ในภาวะไม่มีปัญญาชำระหนี้

สถานการณ์คล้ายคลึงกันกำลังเกิดขึ้นในยุโรปแต่ในจังหวะที่ช้ากว่า จากรายงานของดอยช์แบงก์ระบุว่า กองทุนรวมตลาดเงินจากสหรัฐลดการปล่อยกู้ในธนาคารยุโรปลง 40% ในระยะ 3 เดือนนับถึงวันที่ 11 สิงหาคม จนต้องหันไปยืมเงินดอลลาร์จากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง

แม้การผนึกกำลังระหว่างเฟดกับอีซีบี ขยายเวลาครบกำหนดส่งคืนดอลลาร์ที่กู้ยืมไปจาก 7 วันเป็น 3 เดือนจะช่วยบรรเทาการเทขายหุ้นธนาคารยุโรปแต่ก็เป็นแค่มาตรการชั่วคราวเท่านั้น ไม่อาจช่วยป้องกันแบงก์จากการล้มละลายได้ ถ้าสถาบันการเงินไม่สามารถเพิ่มเงินกองทุนให้แข็งแกร่งพร้อมรับทุกสถานการณ์

นับจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 ภาคการธนาคารพากันเพิ่มความหนาของกันชน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เงินกองทุนขั้นที่ 1 แต่การดำเนินการของสถาบันการเงินเมืองน้ำหอมเป็นไปอย่างเชื่องช้า ส่งผลให้มีความเปราะบางต่อการถูกถอนเงินกู้ระยะสั้น

โดยเครดิต อะกริโคลเป็นผู้มีผลงานในเรื่องนี้ย่ำแย่ที่สุดในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ในยุโรปกล่าวคือ เงินกองทุนขั้นที่ 1 เพิ่มจาก 8.1% ในครึ่งแรกของ ปี 2550 เป็น 8.9% ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนโซซิเอเต้เพิ่มจาก 6.4% เป็น 9.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ยังถือว่าอยู่ในกลุ่มล่าง ๆ อยู่ดี ต่างกับยูบีเอส ที่เงินกองทุนปร ะเภทนี้พุ่งจาก 10.8% เป็น 16.1%

นอกจากปัญหากันชนหนาไม่พอแล้ว วาณิชธนกิจในยุโรปยังมีสัดส่วนเงินกู้ต่อเงินฝากสูงอีกด้วย อาทิ โซซิเอเต้ เจเนอรอล อยู่ที่ 130% แต่ก็ยังต่ำกว่า คู่แข่งจากอิตาลีอย่างอินเนสซ่า ซานเปาโลที่ 160% และยูนิเครดิตที่ 149% ส่วนลอยด์ของอังกฤษอยู่ที่ 149% เช่นกัน ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะเท่ากับว่า การปล่อยกู้ของธนาคาร 3 แห่งหลังสูงกว่ายอดเงินฝากราว 1.39 แสนล้านยูโร 1.85 แสนล้านยูโร และ 2.14 แสนล้าน ยูโรตามลำดับ ทำให้จำเป็นต้องอาศัยเงินกู้จากตลาดทุนซึ่งมีความผันผวนสูง

แม้ไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งควรมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 มากแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องสูงพอที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าธนาคารสามารถต้านทานความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

ยุโรปยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของยูโรโซนเพื่อป้องกันวิกฤตหนี้สาธารณะครั้งต่อไป ด้วยการปรับนโยบายการเงิน-การคลังของประเทศสมาชิกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขั้นตอนที่ยากลำบากเช่นนี้ต้องอาศัยเจตจำนงอันมุ่งมั่นของผู้ใช้เงินยูโร 17 ชาติ แต่ถ้ากระบวนการข้างต้นล้มเหลว ทวีปนี้อาจถอยกลับ ไปยัง จุดเริ่มต้นภายในเวลาไม่กี่ปี

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 8:27 pm
โดย charnengi
จำได้แม่นครับ ถ้ามารูปแบบเดิม

1) จะมีการขายถล่มอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ โดยทองจะลงน้อยสุด แต่ก็ลง
2) ตามมาด้วยข่าวร้ายซ้ำๆ ธนาคาร ประกันล้ม คนแห่ถอนเงิน ประเภทว่า GDP จะติดลบเท่านั้นเท่านี้ คนจะตกงานเพิ่มขึ้นมาก
3) สุดท้ายจะเป็นนักวิเคราะห์ครับเชียร์ขายถือเงินสด ให้เหลือหุ้นแค่ 5-10%
4) หุ้นถูกเต็มตลาด ปันผลสูงลิ่ว แต่คนก็ไม่อยากซื้อ เพราะโดนกล่อมและเชื่อไปแล้วว่ากำไรจะตกมาก ปันผลมันก็แค่ตัวเลขอดีต

ตอนนี้เริ่มมีข่าวธนาคารเล็กๆในเกาหลีหลายแห่งถูกระงับกิจการ คนเข้าคิวถอนเงินกัน

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 8:37 pm
โดย onlineg
นั่นแหละ ผมกำลังรอ โคตะระแมลงสาบอยู่

ที่ผ่านมามันลงเยอะสุดก็แค่วันละ 4-5% ยังไม่ panic กันซักที

ไม่รู้รอบนี้จะได้เห็น panic จริง ๆ แบบที่ผ่าน ๆ มาไหม

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 8:40 pm
โดย น้ำน้อยแพ้ไฟ
จำได้ครับเฮียปรัชญา เฮียจำผมได้มั้ย..... ตอนเจอกันที่ประชุมสิงโตคำราม ครับเฮีย

ผมน้องน้ำ........ เองครับเฮีย

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 8:46 pm
โดย ปรัชญา
น้ำน้อยแพ้ไฟ เขียน:จำได้ครับเฮียปรัชญา เฮียจำผมได้มั้ย..... ตอนเจอกันที่ประชุมสิงโตคำราม ครับเฮีย

ผมน้องน้ำ........ เองครับเฮีย
จำได้ครับ
ไม่ได้เจอกันตัวเป็นๆ ทักทายกันหลายปีเลยนะครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 9:10 pm
โดย น้ำน้อยแพ้ไฟ
ครับผม....... แต่ยังได้คุยๆกันบ้างที่ห้องนั้นนะครับเฮีย
เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะไปเป็นตากล้องให้พวกเฮียๆเจ๊ๆเค้า แล้วจะเอารูปมาให้ดูนะครับ


รอบนี้ขอเน้นๆครับผม รอบที่แล้วพอร์ตโตยังไม่ถึง 30% เลย...อายจัง
เสียดายรอบใหญ่ของตลาดหุ้นไทยมากเลยครับ ของมันไม่ได้มีกันบ่อยๆซะด้วย

แต่คราวนี้พร้อมกว่าคราวที่แล้วมากครับ คนเคยเจอรู้ดีว่าควรทำยังไง
ไม่เสียดายของหยุมหยิมเหมือนคราวก่อนแล้วครับ

ไว้รอรอบใหญ่ด้วยกันนะครับเฮียปรัชญา

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 10:07 pm
โดย pakhakorn
อ่านข่าวที่สอง "เมื่อวิกฤตหนี้ยุโรปกลายพันธุ์ หวั่นซ้ำรอยเลห์แมน บราเธอร์ส"

ถึงนึกได้ว่าแล้วเชียวสัปดาห์ที่แล้ว ยุโรป ทำไมต้องป่าวประกาศอัดดอลล่าให้แบงค์ มันมีคนตั้งหน้าตั้งตาถอนจริงๆด้วยซิ เพราะกลัวแบงค์ล้ม

ลองอ่านข้อมูลเก่า ของพี่แงซาย ดูครับ แบงค์โซซิเอเต้ กับ BNP Paribas ผมอ่านไม่ค่อยเข้าใจ บอกสถานะแบงค์

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 01#p893601

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 10:31 pm
โดย harikung
อยากเจอเซอกิต เบรกสักครั้ง ครั้งที่แล้วเกิดไม่ทัน พึ่งมาศึกษาการลงทุนปีกว่าที่ผ่านมาเองครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 11:09 pm
โดย Oatarm
คงเกิดขึ้นยากในเร็วๆนี้ครับ ผมรู้สึกว่าผู้คนตอนนี้ไม่ใช่หมดกำลังเงินซื้อหุ้น เพียงแต่รอต่อราคากันเท่านั้นเอง ประสบการณ์ circuit breaker 2 ครั้งในวันเดียว และ วิกฤต subprime เพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่ละคนคงมีแผนรับมือกันอยู่แล้ว โชคดีทุกท่านครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:11 am
โดย leaderinshadow
นึกถึง circuit breaker แล้วแอบหลอนเลย ...

แต่มานั่งคิดดู หุ้นเราลงจากเกือบๆ 1100 มา 900 ปลายๆ ในหลายๆวันที่ผ่านมา
คิดเป็น % ก็ 10% กว่าๆ

ก็ลงประมาณ 1 circuit breaker

ถือว่าบ้านเราลงน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะบ้าน laggard ชาวบ้านมานาน
ไม่รู้จะดีใจ หรือ เสียใจดี
แต่ก็แอบดีใจแทน พี่ๆ VI หลายคนที่ทยอยลดพอร์ต และถือเงินสดเตรียมไว้

ครั้งนี้ผมพลาดจริงๆ ที่กลับมาซื้อหุ้นคืนเร็วไปมากๆ หลังจากที่ล้างพอร์ตไปแล้ว
สงสัยต้องกับไปนั่งทบทวนตัวเองรอบใหญ่ซะแล้ว ...........

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:35 am
โดย dome@perth
จำได้แม่น เลยครับพี่ ปรัชญา
แต่ไม่เคยเข็ด....ถือหุ้นเกือบร้อยเหมือนเดิม
คราวที่แล้วลอดมาได้แบบคางเหลืองๆ

คราวนี้ใครจะช่วยได้...ก็ต้องช่วยตัวเองเหมือนเดิม
ใช้คำแนะนำจากโจ ลูกอิสาน ครับ
ลูกอิสาน Tue May 06, 2008 10:16 pm เขียน: ผมปรับพอร์ตบ่อยๆครับ เหตุผลมักเป็นอย่างนี้

1.เจอหุ้นตัวที่ดีกว่า แต่ไม่มีเงินก็ต้องขายตัวที่ด้อยที่สุดไป
2.ตัวที่ถือพื้นฐานเปลี่ยน อันนี้แน่นอนก็ต้องขายออก
3.หุ้นขึ้นจนราคาสมเหตุสมผล ผมก็อาจจะขายไปเพิ่มตัวที่ยังต่ำกว่ามูลค่า
4.หุ้นลงผมก็ปรับพอร์ต ขายตัวที่ลงน้อยไปซื้อตัวที่มีอัพไซด์มาก

ผม ก็ปรับไปเรื่อยครับ ตามข้อมูลที่ได้รับมา ไม่มีเกณฑ์ตายตัวว่าบ่อยแค่ไหน หรือกี่เปอร์เซนต์ของพอร์ต ตั้งแต่ซื้อหุ้นมายังถือไม่เกิน 3 ปีเลยครับ เฉลี่ยเกือบๆปีประมาณนั้น แต่เห็นด้วยครับว่าตลาดผันผวน เราสามารถใช้การปรับพอร์ตหาประโยชน์จากความผันผวนนั้นได้ ผมยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เราลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และหุ้น ถ้าตลาดซบเซาหนักๆเราก็ควรย้ายเงินจากกองทุนมาลงหุ้นให้มากขึ้น หรือเปลี่ยนไปถือหุ้นตัวทีมีอัพไซด์สูงกว่า หากตลาดเป็นขาขึ้นหาหุ้นลงทุนได้ยาก อาจจะต้องเปลี่ยนไปถือตัวที่ defensive มีปันผลเยอะหน่อยๆ ประมาณนี้ครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:57 am
โดย pornjalern
ผมไม่คิดว่ารอบนี้จะลงลึกแบบรอบ2008 ถึงแม้ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมากกว่า เลห์แมน เพราะ

1.นักลงทุนยังจำประสบการณ์ปี2008ได้ดีว่าใช้เวลาไม่นานในการฟื้นทำให้คนรอช้อนเยอะมากและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจในประเทศและเอเชียยังดี
2.ต่างชาติเหลือหุ้นขายไม่มาก ถ้าลองคำนวนยอดซื้อ-ขายต่างชาติสุทธิสะสมตั้งแต่ 06/2008 จนถึง 08/2011 จะได้เท่ากับ -47000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าเงินต่างชาติที่เข้ามาซื้อหลังซับไพรม์ถูกถอนออกไปเป็นส่วนมากแล้ว แต่หุ้นก็ยังยืนอยูที่ประมาณ1000 จุดได้แสดงว่าแรงซื้อของคนไทยมีมากกว่าช่วงปี2008มาก

เพียงแต่การฟื้นตัวของหุ้นรอบนี้จะไม่ดีเท่ารอบปี2008 เพราะฐานราคายังสูงไม่ถูกมากๆเหมือน2008 แต่ไม่ได้แปลว่าตลาดจะไม่ลงอีกนะครับ โอกาสหลุด 900 หรือ 800 ยังมีอยู่มาก แต่โอกาสเห็น600-700จุดค่อนข้างน้อย เพราะผมคาดว่าต้นทุนเฉลี่ยของกองทุนต่างชาติน่าจะอยู่ที่ประมาณ750จุด (ต่างชาติเริ่มซื้อที่500ไปจนถึงประมาณ1000จุด ค่าเฉลี่ยคือ750)

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 1:02 am
โดย multipleceilings
nikkei futures -4%
hang futures -5%
msci taiwan -7% กว่าจะ -8% แล้ว

dow futures เห็น 10500 แล้วครับ .............................

................................................................................. น่าเป็นห่วงได้เรื่องเลย


หมี... มา ในระยะสั้น valuation หมดค่าเลย

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:01 am
โดย chukieat30
อีก 7-8เดือน ความชัดเจนก็น่าจะมาครับ

วิกฤติคือ โอกาศ ครับ อย่ามองแค่หุ้นลงคือ อันตราย

เพราะหุ้นลง คือ โอกาศของคนที่มีองค์ประกอบ 3อย่างนี้ครับ

1.มีเงินเย็น

2.มีความรู้ด้านกิจการที่ลงทุน

3.มีความกล้าที่จะลงทุน

ทุกสงคราม จะมีฮีโร่ คนใหม่กำเนิด พร้อมกับการตายไปของฮีโร่คนเก่า

ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ครับ ฝ่าฝืนมันไม่ไ้ด้

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:09 am
โดย chukieat30
น้ำท่วม เป็นวิกฤติของชาวนา แต่เป็นโอกาศของคนขายเรือครับ

เช่นกัน ในทุกวิกฤติ ก้มีโอกาศซ่อนอยู่ ขึ้นกับว่า คุณจะยืนในตำแหน่งชาวนาที่น้ำท่วม

หรือ จะยืนในตำแหน่งคนขายเรือ

รอบนี้ อะไรที่แย่ ในวันนี้ ก้คือ ของดีในอนาคต ครับ แต่ต้องเลือกให้เป็น

เพราะไม่มีเฟอรารี่ คันไหน ที่ขับฝ่าน้ำท่วมไปได้ครับ ถ้าถนนยังน้ำท่วม แต่เมื่อน้ำลด

เฟอรารี่ ก้ยังเป็นเฟอรารี่ ไม่ใช่ รถกระป๊อ

มูลค่าของมันไม่ได้ลดลง แต่ใจเราต่างหากที่มูลค่าลดลง

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:10 am
โดย arica
chukieat30 เขียน:อีก 7-8เดือน ความชัดเจนก็น่าจะมาครับ

วิกฤติคือ โอกาศ ครับ อย่ามองแค่หุ้นลงคือ อันตราย

เพราะหุ้นลง คือ โอกาศของคนที่มีองค์ประกอบ 3อย่างนี้ครับ

1.มีเงินเย็น

2.มีความรู้ด้านกิจการที่ลงทุน

3.มีความกล้าที่จะลงทุน

ทุกสงคราม จะมีฮีโร่ คนใหม่กำเนิด พร้อมกับการตายไปของฮีโร่คนเก่า

ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ครับ ฝ่าฝืนมันไม่ไ้ด้
+1

ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ครับ ฝ่าฝืนมันไม่ไ้ด้

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:12 am
โดย chukieat30
ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ครับ ฝ่าฝืนมันไม่ไ้ด้

ขอบคุณครับ +1ให้เช่นกันครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:25 am
โดย pakhakorn
พี่chukieat30 ครับ

รถเฟอรารี่ก็ต้องหาที่จอดรถที่ปลอดภัยด้วย ถ้าถูกน้ำท่วมเครื่องยนต์ น้ำเข้าเครื่องยนต์ คงต้องจัดซ่อมใหญ่ ก่อนออกวิ่งได้หลังน้ำลด ครับ (แซว เล่น ครับ)

เห็นด้วยแน่นอนในทุกวิกฤติ ก็สร้างโอกาสใหม่ตลอด ครับ ให้ +1

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:32 am
โดย saichon
จำได้ครับ...

วันนั้นผมนั่งดูมูลค่าพอร์ตที่ลดลงเรื่อยๆ พร้อมกับใจหวิวๆ
วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม...
แล้วก็คิดว่าวันข้างหน้าก็จะมีวันที่เหมือนๆวันนี้อีก หากเรายังลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นครับ :D

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:40 am
โดย chukieat30
pakhakorn เขียน:พี่chukieat30 ครับ

รถเฟอรารี่ก็ต้องหาที่จอดรถที่ปลอดภัยด้วย ถ้าถูกน้ำท่วมเครื่องยนต์ น้ำเข้าเครื่องยนต์ คงต้องจัดซ่อมใหญ่ ก่อนออกวิ่งได้หลังน้ำลด ครับ (แซว เล่น ครับ)

เห็นด้วยแน่นอนในทุกวิกฤติ ก็สร้างโอกาสใหม่ตลอด ครับ ให้ +1
ขอบคุณครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:48 am
โดย awesomekid
หุ้นมันก็มีขึ้นมีลงตามอารมณ์ของคนในตลาด แต่สิ่งที่คงอยู่คือพื้นฐานชองบริษัท บริษัทที่มีความแข็งแกร่ง จะพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองก็ในสถานะการณ์แบบนี้ล่ะครับ ขอยืมคำพูดพี่บางคนใน web นี้มาเอ่ยครับ (ขออภัยจริง ๆ จำไม่ได้ว่าพี่คนไหนบอกไว้)

"ยามเมื่อลมพัดแรง แม้ไก่งวงก็ยังบินได้ แต่เมื่อลมหมด พญาอินทรีย์เท่านั้น ที่ยังคงบินอยู่"

สำหรับผมช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่น่าเสียดายที่สุดครั้งนึงของชีวิตการลงทุน ไม่ได้เตรียมกระสุนไว้ ลงไปหมดก่อนหน้านี้ไม่นาน ตอนนี้ของดี ๆ ลดราคา midnight sale เยอะแยะเต็มตลาดไปหมด ได้แต่มองแล้วก็เอาไปเป็นกรณีศึกษาที่ต้องจดไว้ในสมุดปูมการลงทุน สู้กันต่อไปครับ...

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 11:57 am
โดย ปรัชญา
dome@perth เขียน:จำได้แม่น เลยครับพี่ ปรัชญา
แต่ไม่เคยเข็ด....ถือหุ้นเกือบร้อยเหมือนเดิม
คราวที่แล้วลอดมาได้แบบคางเหลืองๆ

คราวนี้ใครจะช่วยได้...ก็ต้องช่วยตัวเองเหมือนเดิม
[/quote]

แสบตาครับ ตอนนี้

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:02 pm
โดย o-bo-ja-ma
ใครไม่เคยเห็น circuit breaker คราวนี้มีลุ้น คราวที่แล้วผมโดนไป เพิ่งเข้าตลาดใหม่ ๆ ... พูดไม่ออกครับแต่ยังดีรอดได้แบบพี่โดม มาเล็กน้อย

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:16 pm
โดย คนคอน
ชิวๆ ขำๆ :D

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:19 pm
โดย harikung
จะเผาจริงหรือเผาหลอกล่พครับ

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 12:24 pm
โดย chaiwat_tra
Feel นี้ เอ๊ะ เดจาวู :D

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 5:39 pm
โดย chootana
ตอนนี้แอบชำเลืองมองราคาหุ้นที่ถือ ไม่กล้ามองตรงๆ แต่ไม่มองพอร์ตเลยครับ (ยังกล้ากว่าครั้งก่อน ครั้งก่อนนี่ ไม่ดูหุ้นเลยครับ) ใครเป็นอย่างผมมั่ง

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 5:43 pm
โดย วรันศ์ บัฟเฟต
chootana เขียน:ตอนนี้แอบชำเลืองมองราคาหุ้นที่ถือ ไม่กล้ามองตรงๆ แต่ไม่มองพอร์ตเลยครับ (ยังกล้ากว่าครั้งก่อน ครั้งก่อนนี่ ไม่ดูหุ้นเลยครับ) ใครเป็นอย่างผมมั่ง
เป็นครับ แต่เผลอกดผิดแล้วเห็น เลยดูแ่งเลย

55555+

Re: บรรยากาศ แบบนี้ จำได้มั๊ย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 6:53 pm
โดย tum_H
ที่สำคัญ บาทต่อดอลลาร์ ดันอ่อนค่าด้วย อะดิครับ
:roll: