วิกฤตโลก เกิดขนาดนี้ ทำไมไทยยังทำลาย สถิติส่งออกได้อยู่ครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 7:40 pm
คืออ่านข่าวแล้วสงสัยอ่ะครับ ว่าทำไม เศรษฐกิจโลกตอนนี้ ใครๆ เค้าก็บอกว่าแย่ออกขนาดนี้ กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยไปทั่ว บริษัทส่งออก น่าจะประสบปัญหากันเยอะ เพราะลูกค้าตปท โดยเฉพาะยุโรป และ อเมริกากำลังซื้อน่าจะน้อยลงเยอะ ไหง ไทยแลนด์ เรา ส่งออกทำลายสถิติได้ หรือว่าที่เค้าว่าแย่ๆ นี่มันยังไม่เกิด เพราะดัชนีตลาดหุ้นเป็น Leading Indicator ครับ
http://www.newsplus.co.th/NewsDetail.php?id=29853
พณ.เผยตัวเลขยอดส่งออกเดือนสิงหาคม 54 ยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์
22 กันยายน 2554
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนสิงหาคม 2554ว่า มีมูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีมูลค่า 21,567 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.1 ถ้าคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 640,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5 โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 64.3 อาทิ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 67.0 ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 69.6 เช่นเดียวกับสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ขยายตัวร้อยละ 16.5 โดยเฉพาะเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวร้อยละ 9.3 เครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายตัว 5.2
ส่วนการส่งออกในระยะ 8 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – สิงหาคม ) มีมูลค่า 158,066 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.4 หากคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 4,754,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่สำคัญขยายตัวทุกกลุ่ม ทั้งในตลาดหลัก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 17.9 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 และ 25.5 ตามลำดับ ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.5 เป็นการเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยเฉพาะเกาหลีใต้ จีน เพิ่มขึ้น 51.4 และ 50.1 ตามลำดับ ขณะที่ตลาดศักยภาพรอง มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เพิ่มขึ้น 21.7 เนื่องจากการส่งออกไปแอฟริกา แคนาดา ขยายตัว 48.1 และ 23.6 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตัวเลขการนำเข้าเดือนสิงหาคม 2554 มี มูลค่า 22,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 หากคิดเป็นรูปเงินบาท 684,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.64 ซึ่งสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม อาทิ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.5 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.6 สินค้าอุปโภคและบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.2 ส่วนการนำเข้าในระยะ 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม ) มีมูลค่า 153,025 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.5 คิดเป็นรูปเงินบาท 4,658,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้เดือนสิงหาคม 2554 ไทยขาดดุลการค้า 1,203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามภาวะราคาทองคำ ที่มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ในระยะ 8 เดือนแรกของปีนี้ ไทยยังคงได้ดุลการค้า รวม 5,041.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ภาพรวมการส่งออกตลอดทั้งปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ร้อยละ 20 และคาดว่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 อย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่พึ่งพาภาคการส่งออก แต่การส่งออก ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ และยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะในกลุ่มตลาดอาเซียน ซึ่งปม้ตลาดในยุโรปจะได้รับผลกระทบ อีกทั้งเชื่อว่าราคาข้าวและราคาสินค้าการเกษตรจะพุ่ง ซึ่งภาพรวมจะส่งผลให้ไทยยังคงได้ดุลการค้า นอกจากนี้ สำหรับการส่งออกในช่วงไตรมาส 4 แม้การส่งออกจะไม่แรงมากแต่ก็ยังคงเชื่อว่าการส่งออกภาพรวมทั้งปีจะยังคงได้ตามเป้าที่ นายกิตติรัตน์ ณ รองนอง รองนายกรัฐมนตรีและรับมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าไว้
http://www.newsplus.co.th/NewsDetail.php?id=29853
พณ.เผยตัวเลขยอดส่งออกเดือนสิงหาคม 54 ยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์
22 กันยายน 2554
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนสิงหาคม 2554ว่า มีมูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีมูลค่า 21,567 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.1 ถ้าคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 640,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5 โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 64.3 อาทิ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 67.0 ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 69.6 เช่นเดียวกับสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ขยายตัวร้อยละ 16.5 โดยเฉพาะเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวร้อยละ 9.3 เครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายตัว 5.2
ส่วนการส่งออกในระยะ 8 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – สิงหาคม ) มีมูลค่า 158,066 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.4 หากคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 4,754,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่สำคัญขยายตัวทุกกลุ่ม ทั้งในตลาดหลัก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 17.9 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 และ 25.5 ตามลำดับ ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.5 เป็นการเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยเฉพาะเกาหลีใต้ จีน เพิ่มขึ้น 51.4 และ 50.1 ตามลำดับ ขณะที่ตลาดศักยภาพรอง มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เพิ่มขึ้น 21.7 เนื่องจากการส่งออกไปแอฟริกา แคนาดา ขยายตัว 48.1 และ 23.6 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตัวเลขการนำเข้าเดือนสิงหาคม 2554 มี มูลค่า 22,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 หากคิดเป็นรูปเงินบาท 684,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.64 ซึ่งสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม อาทิ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.5 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.6 สินค้าอุปโภคและบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.2 ส่วนการนำเข้าในระยะ 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม ) มีมูลค่า 153,025 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.5 คิดเป็นรูปเงินบาท 4,658,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้เดือนสิงหาคม 2554 ไทยขาดดุลการค้า 1,203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามภาวะราคาทองคำ ที่มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ในระยะ 8 เดือนแรกของปีนี้ ไทยยังคงได้ดุลการค้า รวม 5,041.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ภาพรวมการส่งออกตลอดทั้งปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ร้อยละ 20 และคาดว่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 อย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่พึ่งพาภาคการส่งออก แต่การส่งออก ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ และยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะในกลุ่มตลาดอาเซียน ซึ่งปม้ตลาดในยุโรปจะได้รับผลกระทบ อีกทั้งเชื่อว่าราคาข้าวและราคาสินค้าการเกษตรจะพุ่ง ซึ่งภาพรวมจะส่งผลให้ไทยยังคงได้ดุลการค้า นอกจากนี้ สำหรับการส่งออกในช่วงไตรมาส 4 แม้การส่งออกจะไม่แรงมากแต่ก็ยังคงเชื่อว่าการส่งออกภาพรวมทั้งปีจะยังคงได้ตามเป้าที่ นายกิตติรัตน์ ณ รองนอง รองนายกรัฐมนตรีและรับมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าไว้