Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้พอร์ทมั่งคั่ง คือการเลือกซื้อหุ้นให้ถูกตัว หุ้นตัวนั้นจะต้องเติบโตได้อีกยาวนานในอนาคต และซื้อในราคาพอสมควรไม่จำเป็นต้องถูกมากๆ (แต่ถ้าได้ราคาถูกมากก็ยิ่งดี) ผมรู้สึกว่าการลงทุนโดยให้ความสำคัญกับการ Timing Market มากๆไม่ใช่เรื่องง่าย

การซื้อหุ้นที่พื้นฐานแย่ในเวลาที่ตลาดตกต่ำที่สุดแล้ว ก็ยังให้ผลตอบแทน(ในระยะยาวนะครับ)สู้ซื้อหุ้นดีเยี่ยมในภาวะตลาดปรกติ ไม่ได้(หุ้นหลายเด้ง)

กลยุทธ์การลงทุนของผมก็คือ ผมจะแบ่งรายได้ประจำมาลงทุนสม่ำเสมอเกือบทุกเดือนมากบ้างน้อยบ้างตามรายได้ โดยเลือกลงทุนในธุรกิจที่พื้นฐานดีน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต ประมาณ 15 ตัว ยกเว้นกรณีเกิดวิกฎติ (PB market ใกล้ๆ 1) ผมก็จะนำเงินเก็บก้อนที่สองมาอัดซื้อ

รบกวนท่านสมาชิกช่วยชี้แนะด้วยครับว่า แนวคิดนี้มีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ผมจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข แต่เท่าที่ผมลงทุนแนวนี้มาก็พอใจกับผลตอบแทนโดยไม่ต้องไปปวดหัวกะเก็งตลาดซึ่งยากเกินกว่าความสามารถของผม

ผมคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนที่ 10% ต่อปีขึ้นไปก็พอใจแล้วครับ เพราะธุรกิจส่วนตัวที่ผมทำอยู่ ROA ก็ประมาณ 10% เช่นกันแต่ต้องมีภาระในการบริหารจัดการพอควร

ผมก็กำลังทำในแนวทางเดียวกันเลยครับ
แต่จะต่างกันนิดหน่อยคือ
พอร์ตของผมมีหุ้นเป็นสิบตัวเหมือนกัน ประมาณ 10-13 ตัว
แต่จะมีการปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน โดยอาจจะมีการลดจำนวนตัวหุ้นที่ถือลง
จะในที่สุดอยากจะให้เหลือแค่ 5-7 ตัว โดยมีการแยกประเภท (sector) ของหุ้นด้วย เช่น ค้าปลีก สื่อสาร พลังงาน
เพื่อกระจายความเสี่ยงครับ

จำนวนหุ้นมากเกินครับ. อาจจะได้ตัวที่ไม่ได้เป็นซุปเปอร์สต๊อกจริงๆ เอาซัก5ตัวกำลังเหมาะ

15ตัวเลยเหรอนี่ สงสัยเงินเยอะมากเห็นนู้นเห็นนี่ก็อยากได้ การถือหุ้นมากไปผลตอบแทนก็จะวิ่งเข้าสู่ค่าเฉลี่ย โฟกัสให้น้อยกว่านั้นน่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่านะครับ

ตามตำรา ก็ว่า 5-6 ตัวจะดี แต่ผมคิดว่าสำหรับประเทศไทยในช่วงเวลาที่กำลังจะเร่งเท้าก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้มากขึ้นนี้ การถือหุ้น 15 ตัวถือว่า "ได้มากกว่าเสีย"

ผมคิดว่า ผลตอบแทนของการถือหุ้น 15 ตัวในไทยปัจจุบัน มี potential ที่จะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ focus หุ้น 5-6 ตัว เพราะ Growth Stock ค่อนข้างมีให้เลือกเยอะมาก มีหุ้นมากมายที่ดูดี เติบโตมาก ๆ เหมือนกัน แล้วทำไมเราต้องเลือกแค่ 5-6 ตัว เนื่องจากเราเน้นการลงทุนในระยะยาว ถ้าเราเลือกหุ้น 5-6 ตัว เราอาจพลาดหุ้น 10 เด้งก็ได้

เพียงแค่หุ้นในโหมด COMM ที่เติบโตมาก ๆ ก็เกิน 4-5 ตัวไปแล้ว หุ้นกลุ่มยานยนต์ที่มีอนาคตก็หลายตัว นอกจากนี้ กลุ่มนิคมดี ๆ หากจะคัดออกมาแค่ตัวเดียวผมว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ฯลฯ แล้วยังมีกลุ่มที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกเช่นพวก Developer ก็มีดี ๆ มากกว่า 1 ตัวแน่นอนอ่ะครับ CEO ทุกบริษัทต่างทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ พยายามจะขยายทั้งแนวดิ่งแนวราบ อะไรก็ตามที่สร้างประโยชน์ให้บริษัทมากที่สุด บริษัทบางบริษัทในนาทีนี้ อาจดูเป็นรองอีกบริษัทอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังพัฒนาตัวเองไม่หยุด ไม่แน่เขาอาจเบียดขึ้นมาแล้วโตได้พอ ๆ กันหรือแซงแล้วฉีกตัวนำห่างออกไป ก็ไม่มีใครรู้ ทุกคนกำลังสู้ครับ มีบริษัทจำนวนมากกำลังสู้เพื่อให้ได้ Earning ดีที่สุด

และสำคัญกว่านั้นผมคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่ลดความเสี่ยงลงไปได้มาก สมมุติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราคงไม่คาดคิดว่านิคมที่อยู่ด้านอยุทธยาจะเสี่ยงถูกน้ำท่วม เพราะปัญหาน้ำท่วมมีมาหลายปีแต่ไม่เคยต้องกังวลเราอาจพลาดก็ได้เช่นปีนี้ ความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมนี่แบบว่าจัดหนัก ในขณะที่นิคมฝั่งภาคตะวันออกก็ยังชิว ๆ กันอยู่

ในบ้านเราสถานการณ์ปัจจุบัน การลงทุนในหุ้น 15 ตัว เราสามารถคาดหวังความมั่นคงระดับสูง แต่ก็ยังสามารถลุ้นผลตอบแทนในระดับดีเยี่ยมได้อยู่นะครับ ไม่ใช่ว่าจะหมดลุ้นไปเลยเสียทีเดียว

มาสนใจแค่เรื่อง 10% ต่อปีนีล่ะ ผมว่าถ้าสักขนาดนี้ สบาย ไม่เครียดเลยครับ ได้แน่นอน แต่ต้องรอเวลา

อีกเรื่อง สำหรับผมเอง ผมชอบที่จะจ้องไปที่ ROE มากกว่า เพราะมันเป็น ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเลยน่ะ

ไม่รู้เหมือนกัน
เคยถือมากสุด
ก็ 8 ตัว เมื่อปี 51-52
แต่ตอนนี้ถืออยู่แค่ 2 ตัวครับ

ผมว่าเรื่องถือหุ้นกี่ตัว
มันมีปัจจัยหลายอย่าง
นอกจากเวลาแล้ว
ความรู้ก็สำคัญนะครับ
อย่างหุ้นบางกลุ่ม
ถ้าผมไม่มีความรู้
ผมก็จะไม่ยุ่งเลย
ถึงจะเป็น growth stock ผมก็ไม่ยุ่งครับ
ตราบใดที่ผมบอกไม่ได้
ว่าเป็นหุ้นถูกหุ้นแพง

และที่สำคัญ...

เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยหรือเปล่า ?

ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำครับ

ลองดูลิ้งค์นี้นะครับ ผมว่าหลายๆอย่างใกล้เีคียงกัน
http://dekisugi.net/7thltg

ถ้าเคยอ่านแล้วขออภัยครับ

มุมมองผมPortที่เราตัดสินใจเองไม่ควรถือหุ้นเยอะตัวครับเพราะมันจะยากในการติดตามกิจการ ส่วนถ้าจะลงทุนเบบ Dollar cost average เราซื้อหุ้นที่ไม่ค่อยเข้าใจเเต่เรามีPassionอยากเป็นเจ้าของ ที่สำคัญถ้าเป็นหุ้นGrowthก็มีดอกาสทำกำไรในอนาคต แต่หุ้นGrowthมักจะปันผลไม่ค่อยดีครับเพราะต้องเก็บเงินไว้ลงทุน ส่วนPort DCFผมมองว่าถือกี่ตัวก็ได้เเล้วเเต่ชอบ เเต่ถ้ามากไปก็จะไม่ต่างอะไรกับการลงทุนในกองทุน โดยมีคนพยามทำการทดลองโดยซ้อหุ้นGrowthแบบDCA ปรากฎว่าตอนนี้Portนี้ก็ยังกำไรอยู่

http://dekisugi.net/7thltg

วิธีการDCAมีประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ในการลงทุนหุ้นมากนักเเต่ต้องการลงทุนในหุ้น

plasmid เขียน:ลองดูลิ้งค์นี้นะครับ ผมว่าหลายๆอย่างใกล้เีคียงกัน
http://dekisugi.net/7thltg

ถ้าเคยอ่านแล้วขออภัยครับ

Postเหมือนกันเลยครับ 555 เเต่ผมกดช้ากว่าไปเสี้ยวนิง ขำดีครับ มีคนบอกว่าถ้าเราคิดอะไรได้อย่าคิดว่าเราคิดคนเดียวจะมีอีกคนหนึ่งอย่างน้อยในโลกนี้คิดเเบบเรา

torpongpak เขียน:

plasmid เขียน:ลองดูลิ้งค์นี้นะครับ ผมว่าหลายๆอย่างใกล้เีคียงกัน
http://dekisugi.net/7thltg

ถ้าเคยอ่านแล้วขออภัยครับ

Postเหมือนกันเลยครับ 555 เเต่ผมกดช้ากว่าไปเสี้ยวนิง ขำดีครับ มีคนบอกว่าถ้าเราคิดอะไรได้อย่าคิดว่าเราคิดคนเดียวจะมีอีกคนหนึ่งอย่างน้อยในโลกนี้คิดเเบบเรา

555+ ผมพิมพ์สั้นกว่าเยอะเลยส่งก่อน

สาเหตุที่ผมไม่ซื้อกองทุนรวมเพราะค่าใช้จ่ายที่กองทุนเรียกเก็บจากผู้ลงทุนสูงกว่าการที่เราลงทุนเองมาก (กองทุนเก็บประมาณ 1-1.5%ของกองทุน เท่ากับ 10-15% ของผลตอบแทนต่อปี) ถ้าผมลงทุนแบบ SET50 ผมมั่นใจว่าผมชนะกองทุน Tdex แน่นอนเพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลกองทุนของผมต่ำกว่าถึงแม้จะถือหุ้นเหมือนกัน