หน้า 1 จากทั้งหมด 1

อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 12, 2011 8:03 pm
โดย falling

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 12, 2011 8:10 pm
โดย falling
น้ำท่วมซัดบ้านจัดสรรเซ ตลาดซึมยาวถึงต้นปีหน้าโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 10 พฤศจิกายน 2554 12:01 น.

* ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯฟันธงยอดเปิดโครงการใหม่ปีนี้เหลือไม่เกิน 100,000 ยูนิต
* ยอดเปิดตัวโครงการใหม่วูบ ยอดโอนกรรมสิทธิ์หด
* เผยตลาดคอนโดฯได้รับผลดี เหตุผู้บริโภคเบนเข็มเลือกซื้อคอนโดฯอิงแนวรถไฟฟ้า
หลังจากที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คลอดมาตรการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าภาษีสำหรับที่อยู่อาศัยหลังแรกในราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คึกคักขึ้นมาทันที แม้ว่าในทางปฎิบัติจะไม่ได้ช่วยผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมากนัก

ทั้งนี้ ความคึกคักมีให้เห็นไม่นานนัก เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี ซึ่งท่วมทั้งในกรุงเทพฯปริมณฑล และต่างจังหวัด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทันที เพราะผู้บริโภคไม่มีอารมณ์เลือกซื้อบ้าน เพราะผู้บริโภคจำนวนมากประสบปัญหาน้ำท่วม วัสดุก่อสร้างขาดแคลน ราคาปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงแรงงานประมาณ 600,000-700,000 คน รายได้ลดลงจากการโรงงานหยุดการเดินเครื่อง ซึ่งในอนาคตอาจจะตกงานด้วย

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเมินว่า การเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประเภทอาคารชุดในคอนโดมิเนียม สำหรับปี 2554 ทั้งปี คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 45,000-50,000 ยูนิต เทียบกับปี 2553 ที่มีประมาณ 66,000 ยูนิต

การเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประเภทบ้านจัดสรร สำหรับปี 2554 ทั้งปี คาดว่าจะมีประมาณ 45,000-50,000 ยูนิต ลดลงจากปี 2553 ที่มีประมาณ 54,000 ยูนิต

ดังนั้น การเปิดโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวมกัน สำหรับปี 2554 ทั้งปี จึงน่าจะอยู่ที่ประมาณ 90,000-100,000 ยูนิต เทียบกับปี 2553 ที่มีประมาณ 120,000 ยูนิต

ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2554 คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 80,000 - 90,000 ยูนิตเทียบกับปี 2553 ที่มีประมาณ 107,000 ยูนิต

โดยจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งที่อยู่อาศัยสร้างขายใหม่และที่อยู่อาศัยมือสอง ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล สำหรับปี 2554 คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 140,000 - 150,000 ยูนิต เทียบกับปี 2553 ที่มีประมาณ 178,000 ยูนิต

ภาวะหยุดชะงักของตลาดที่อยู่อาศัยไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่น่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า โดยภายหลังน้ำลดจะเป็นช่วงเวลาของการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ความต้องการสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยน่าจะมีมาก แต่ความต้องการสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจะลดลงเพราะมีการชะลอการขอโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย

สำหรับผู้บริโภคซึ่งมีที่อยู่อาศัยแนวราบและยังมีรายได้เพียงพอ อาจหันไปซื้ออาคารชุดในบริเวณอื่นที่อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ในระดับราคาที่มีความสามารถในการผ่อนชำระ
อีกส่วนหนึ่งจะหันไปซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดใกล้เคียงที่สามารถเดินทางไปกลับ กรุงเทพฯ-ปริมณฑลได้สะดวก โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดชลบุรี อาจได้รับอานิสงค์จากผู้ที่ต้องการที่พักพิงในอนาคตหากประสบปัญหาอุทกภัยใหญ่อีก เพราะมีเส้นทางคมนาคมสะดวกกว่าเส้นทางอื่น และเป็นตลาดที่อยู่อาศัยทุกประเภท ซึ่งมีจำนวนที่อยู่อาศัยมากรองจากกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี
ทั้งนี้ หลังจากเกิดปัญหาน้ำท่วมมาถึงในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประมาณว่าจะมีที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับความเสียหายในเบื้องต้นประมาณ 50,000-65,000 ยูนิต แต่เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมยังไม่ลดระดับลง และยังมีทีท่าที่จะท่วมอีกนาน ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์จึงปรับประมาณการจำนวนบ้านจัดสรรที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเพิ่มขึ้นมาก เป็นประมาณเกือบ 100,000 ยูนิตแล้ว

โดยเป็นการประมาณจากโครงการจัดสรรทั้งหมดที่มีมาตั้งแต่อดีต (ต่างจากตัวเลขประมาณการเดิม ซึ่งนับเฉพาะโครงการจัดสรรที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533) จำนวนที่ประมาณนี้ ยังไม่รวมหน่วยบ้านที่สร้างเองหรืออยู่นอกโครงการจัดสรร ซึ่งหากรวมบ้านที่สร้างเองหรือนอกโครงการจัดสรรที่ประสบภัยน้ำท่วมด้วย ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้ปรับประมาณการทั่วทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน เป็นประมาณ 650,000-700,000 ยูนิต (แบ่งเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 100,000 ยูนิต และบ้านทุกประเภทที่สร้างเองหรืออยู่นอกโครงการจัดสรรอีกประมาณ 550,000-600,000 ยูนิต) และหากภาวะน้ำท่วมยังดำเนินต่อเนื่องไปอีก

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 7:44 am
โดย nasesus
เรื่องคอนโดเห็นมีการถกกันที่กระทู้นี้ครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=50151

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 8:57 am
โดย chukieat30
มีแต่ญี่ปุ่นที่บ๊อง เท่านั้นแหล่ะครับที่จะย้ายฐานการผลิต

แต่ถ้ารัฐบาลนี้ วางแผนจัดการน้ำแบบบ๊องๆ ก้ไม่แน่เค้าอาจจะย้ายจริงๆๆ

ทางที่ดีรัฐบาลควรงดประชานิยมอื่นก่อน พวกแท๊ปเลต

ควรคงไว้พวกบ้านหลังแรกรถคันแรก เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย

ควรวางแผนการจัดการน้ำ แบบบูรณาการ สร้างความเชื่อมั่นแก่ นักลงทุนและผู้ลงทุนในนิคม

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 9:42 am
โดย istyle
ถ้าท่วมซ้ำอีกเป็นใครก็ย้ายฮะ -_-

เราจะมาลองดูกันว่างบประมาณฟื้นฟูและป้องกัน
จะมี ROE เท่าไหร่ SG&A และค่าใช้จ่ายในการบริหารปูดมากน้อยแค่ไหน
ถ้าผบห ชุดเดิมนะ ; )

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 12:07 pm
โดย chukieat30
istyle เขียน:ถ้าท่วมซ้ำอีกเป็นใครก็ย้ายฮะ -_-

เราจะมาลองดูกันว่างบประมาณฟื้นฟูและป้องกัน
จะมี ROE เท่าไหร่ SG&A และค่าใช้จ่ายในการบริหารปูดมากน้อยแค่ไหน
ถ้าผบห ชุดเดิมนะ ; )
+1 เห็นถุงยังชีพแล้วเหนื่อยใจครับ

งบ หลายแสนล้าน จะตกมาฟื้นฟูถึงมือพี่น้องประชาชนสัก 50เปอได้ไหม

:wall: :wall: :wall: :wall:

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 12:09 pm
โดย 996gt3
ก็ต่างชาติเขาดูแล้วเจอว่า ขนาดคนในประเทศตัวเอง รัฐบาลยังไม่ดูแลเลยครับ ดูแลกระเป๋าตัวเองเป็นหลักแบบนี้ :twisted:
แล้วคนต่างชาติจะไปหวังอะไรได้อีกล่ะครับ อยู่ต่อก็คงไม่เหลืออะไร ย้ายได้ ย้ายดีกว่า :mrgreen:

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 12:48 pm
โดย SamuelYeD
ไม่ขู่หรอกครับ ถ้าจะไปเค้าก็ไปเลย เพราะมันกลายเป็นความเสี่ยงไปแล้ว

และไม่ได้แค่หนีน้องน้ำด้วยยังหนีขุนศึกสปาตันอีก
ตัวอย่างไปเขมรแล้วครับ
แม็กซอน-มินิแบร์หนีลงทุนเขมร อ้างกระจายความเสี่ยง BOIถกความช่วยเหลือ
http://www.thaipost.net/news/251111/48677

ยืนยันจากปาก MD ของ แม็กซอน อีกที
http://www.dcs-digital.com/moneychannel ... p?listid=9 (นาทีที่ 35)

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 1:59 pm
โดย vipnum
ไม่อยากพูดเกี่ยวกับการเมือง

แต่ขออณุญาติพูด ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ


ว่า รัฐบาลชุดนี้ห่วยสุดๆเลยครับ .......


:? :? :? :? :?

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 2:01 pm
โดย vipnum
โดนน้ำท่วม แถมโดน ขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทอีก เป็นผมก็ say bye bye thailand ครับ *.*

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 2:28 pm
โดย AS965
นิคมที่น้ำไม่ท่วมจะได้ผลดีครับ เช่น TFD คิดว่าเป็นหุ้น TURNAROUND ได้เลย
นิคมที่น้ำท่วม แม้ทำกำแพงล้อมรอบ แต่ด้านนอกท่วมหมด
การขนส่งถูกตัดขาดหมด โรงงานที่จะตั้งไหม่ ย้ายไปฝั่งน้ำไม่ท่วมแน่

อานิสงส์น้ำท่วมนายทุนแห่ย้ายรง.เข้าTFD

ข่าวหุ้น-การเงิน หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 23 พฤศจิกายน 2554 01:48:00 น.

นายอภิชัย เตชะอุบล ที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัทไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน)หรือTFD เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดนิคมอุตสาหกรรมว่า ภายหลังจากที่เกิดอุทกภัย ได้มีผู้ประกอบการธุรกิจในนิคมฯต่างๆที่ประสบปัญหาน้ำท่วมต่างย้ายไปเช่าพื้นที่ในนิคมฯที่ไม่สบปัญหาเป็นจำนวนมาก และเชื่อว่าจะมีหลายรายย้ายโรงงานไปอยู่ในนิคมฯโซนตะวันออกมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีความจริงใจในการกู้ 7 นิคมฯให้ฟื้นตัวโดยเร็ว มิเช่นนั้นผู้ประกอบการโรงงานที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น จะถอนตัวไปลงทุนประเทศอื่นหมด

ในส่วนของ "นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี" ซึ่งตั้งอยู่ที่อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ในเฟส1 ซึ่งมีพื้นที่ 302.44 ไร่ล่าสุดได้มีลูกค้าญี่ปุ่นที่หนีปัญหาน้ำท่วมมาซื้อที่ดินของบริษัทฯเพื่อสร้างโรงงาน จำนวน 3 ราย รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท

และประมาณปลายไตรมาส1ปี2555 บริษัทฯมีแผนที่จะนำที่ดินอีก1,000 ไร่ เปิดการขายในเฟส2 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้งบในการพัฒนาพื้นที่และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการสร้างโรงงานสำเร็จรูปประมาณ 25% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยที่ดินเปล่าจะขายในราคาไร่ละ 6-6.5 ล้านบาท เป็นการปรับราคาขายขึ้นมาจากเดิมที่ 5.5 ล้านบาท/ไร่ และเชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการที่เคยลงทุนพัฒนาโรงงานใน 7 นิคมฯที่ประสบปัญหาน้ำท่วมย้ายมาที่นิคมฯทีเอฟดี ประมาณ 20%

นอกจากนี้ยังมีที่ดินสะสมที่เขาใหญ่อีก141 ไร่ มีแผนจะพัฒนาเป็นโรงแรมแบบอนุรักษ์นิยมและไทม์แชร์ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาในปลายปี2555 ส่วนในปี2554 นี้รายได้หลักของบริษัทฯจะมาจากการดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 100% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,962 ล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้ 700-800 ล้านบาท มากกว่าปี 2553 ที่มีรายได้ 362 ล้านบาท


ผลประกอบการ 9 เดือน มีรายได้ 766 ล้านบาท กำไร0.17บาทต่อหุ้น
รายได้ 10 เดือน 1362 ล้านบาท
ประมาณการปี 2554 คาดว่า 1962ล้านบาท คาดว่ากำไร ระเบิดเถิดเทิงแน่
ปี2553 มีรายได้รวม 362 ล้านบาท

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... iew=unread

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 4:00 pm
โดย harikung
จริงๆส่วนตัวเชื่อว่าพี่ยุ่นเค้าไม่อยากย้ายหรอกครับ แต่รัฐยังไม่สามารถทำให้เค้ามั่นใจได้เลยว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างไร ญี่ปุ่นเองคงชินกับภัยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราต่างจากบ้านเค้าคือการจัดการ และมาตรการป้องกันต่างๆ บวกกับเจอค่าแรง300 และที่น่าจะทำให้เค้าเสียอารมณ์อยากหนีไปอีกคือในเวลาแบบนี้รัฐกลับมาวุ่นวายกับพ.ร.ฎ.อภัยโทษ แล้วจะให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้อย่างไรล่ะครับ นี่พูดกันตามเนื้อผ้านะครับ ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นพิเศษ

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 7:17 pm
โดย MO101
ดู rojan ละกันครับ mk cap 7000 ล้าน กู้เงินมาสร้าง กำแพงปูน 2000 ล้าน
หนี้เดิม 2000 ล้านกลายเป็นมีหนี้เพิ่มเป็น 4000 ล้าน โดยรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่นิดเดียว

สรุปสั้นๆ ว่าเสียหายประมาณ 1/3 เลยทีเดียว

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 8:32 pm
โดย kabu
MO101 เขียน:ดู rojan ละกันครับ mk cap 7000 ล้าน กู้เงินมาสร้าง กำแพงปูน 2000 ล้าน
หนี้เดิม 2000 ล้านกลายเป็นมีหนี้เพิ่มเป็น 4000 ล้าน โดยรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่นิดเดียว

สรุปสั้นๆ ว่าเสียหายประมาณ 1/3 เลยทีเดียว
ปกติหนี้เดิมที่มีดอกเบี้ย ของ Rojana มากกว่า 10,000 ล้าน อยู่แล้วนี่ครับ??

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 9:12 pm
โดย vipnum
ผมว่าต่อให้สร้างกำแพงปูน ซัก แสนล้านเลยก็ได้ครับ

ถ้าข้างใน นิคมมันแห้ง แต่ข้างนอกท่วมหมด มันก็เหมือนติดเกาะอยู่ดี โดยส่วนตัวผมแล้วไม่คิดเลยว่าวิธีนี้มันจะเป็นวิธีที่ถูกต้องเหมือนแก้ปัญหาปลายเหตุ ชัดๆเลยครับ


ถ้าติดเกาะยังไง ธรุรกิจก็ดำเนินต่อไปไม่ได้อยู่ดี ....มีค่าเท่ากันรึปล่าวครับ ?

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 26, 2011 9:13 am
โดย yoko
ไม่อยากพูดเกี่ยวกับการเมือง

แต่ขออณุญาติพูด ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ


ว่า รัฐบาลชุดนี้ประชาชนเลือกมาครับ


:D :D :D :D :D

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 26, 2011 11:06 pm
โดย dome@perth
^^^ ถึงจะเป็นแค่ปลายเหตุ ติดเกาะ แต่ก็เป็นป้องกันความเสียหายของ
เครื่องจักร อุปรณ์ วัตถุติบ อาคารและทรัพย์สินอื่นๆ ภายในนิคมไงครับ
หากรู้ตัวก่อนว่าจะท่วมการจัดการขนย้าย ก็เกิดค่าใช้จ่ายอยู่ดี

สรุปว่าการทำำกำแพงกั้นน้ำก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอยู่ดี

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 27, 2011 7:07 am
โดย sathaporne
dome@perth เขียน:^^^ ถึงจะเป็นแค่ปลายเหตุ ติดเกาะ แต่ก็เป็นป้องกันความเสียหายของ
เครื่องจักร อุปรณ์ วัตถุติบ อาคารและทรัพย์สินอื่นๆ ภายในนิคมไงครับ
หากรู้ตัวก่อนว่าจะท่วมการจัดการขนย้าย ก็เกิดค่าใช้จ่ายอยู่ดี

สรุปว่าการทำำกำแพงกั้นน้ำก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอยู่ดี
เห็นด้วยครับ ถ้าเครื่องจักร ไลน์การผลิต ฯลฯ ยังอยู่
หลังจากน้ำลดก็สามารถกลับมาผลิตได้เลย นั่นแปลว่าอาจจะหยุดสัก1-2เดือน
แต่ในกรณีที่ป้องกันไม่ได้เหมือนตอนนี้ ที่เครื่องจักรต่างๆเสียหาย
นอกจากจะรอให้น้ำลดแล้ว ยังต้องรอซื้อ/ติดตั้งเครื่องจักรใหม่อีก
กว่าจะเดินได้ก็อีกหลายเดือน ความเสียหายก็ต่างกันเยอะ

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 27, 2011 8:14 am
โดย chukieat30
dome@perth เขียน:^^^ ถึงจะเป็นแค่ปลายเหตุ ติดเกาะ แต่ก็เป็นป้องกันความเสียหายของ
เครื่องจักร อุปรณ์ วัตถุติบ อาคารและทรัพย์สินอื่นๆ ภายในนิคมไงครับ
หากรู้ตัวก่อนว่าจะท่วมการจัดการขนย้าย ก็เกิดค่าใช้จ่ายอยู่ดี

สรุปว่าการทำำกำแพงกั้นน้ำก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอยู่ดี
+1 เห็นด้วยกับคุณโดม อีก 1 เสียงครับ

ส่วนตัวไม่เชื่อว่า รัฐบาลจะทำแค่กำแพงกั้นน้ำครับ ยังคงคิดว่าอดีตนายกลงทุนบินไป

เกาหลีรอบนี้ เพื่อไปดูการบริหารจัดการน้ำ

ส่วนตัวเชื่อว่า กำแพงกันน้ำ1หมื่น 5พันล้าน มันแค่น้ำจิ้มครับ


ของจริงน่าจะอยู่ที่ การทำทางเดินน้ำ เพื่อแยกน้ำออกจากกัน หรือ ฟลัดเวย์

รวมถึงการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ รองรับน้ำจาก แม่น้ำปิง และแม่น้ำวัง

เพื่อหวังผล หากเกิดร้อนแล้ง ประชาชนจะได้มีน้ำในเขื่อนใช้ทำเกษตรครับ

ทุกวันนี้ที่มันท่วม เพราะ ปิง วัง ยม น่าน มารวมกันได้ ผมเชื่อว่า อดีตนายกต้องทำ

สิ่งที่คิดค้างไว้เมื่อปี 49 แน่นอน นั่นก้คือ ฟลัดเวย์

มูลค่าโครงการ ที่จะทำ คงไม่น่าจะน้อยกว่า 4 แสนล้านแน่นอน

ก้ต้องรอดูกันไปครับ :mrgreen: :mrgreen:

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 29, 2011 12:02 am
โดย vipnum
dome@perth เขียน:^^^ ถึงจะเป็นแค่ปลายเหตุ ติดเกาะ แต่ก็เป็นป้องกันความเสียหายของ
เครื่องจักร อุปรณ์ วัตถุติบ อาคารและทรัพย์สินอื่นๆ ภายในนิคมไงครับ
หากรู้ตัวก่อนว่าจะท่วมการจัดการขนย้าย ก็เกิดค่าใช้จ่ายอยู่ดี

สรุปว่าการทำำกำแพงกั้นน้ำก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอยู่ดี

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ


แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอยู่ดี

ถ้ารู้ว่ามันจะเข้านิคมแน่ๆ น่าจะมีวิธีดีกว่าสร้างกำแพงมาปกป้องนิคมนะครับ

เข้าใจว่ายังไงกำแพงกต้องสร้างถูกต้องอย่างที่คุณพี่บอกเลย แต่ส่วนตัวแล้ว (เน้นว่าความคิดเห็นส่วนตัวนครับ)

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าน้ำจะมา ทำไมไม่ทำทางน้ำที่ชัดเจน , สร้างเขี่อนเพิ่มไปเลยถ้ามันจะไม่ทำให้น้ำท่วมได้ หรือทำอะไรที่เป็นการ

แก้ปัญหาที่ยั่งยืนอ่ะครับ

ผมคิดว่ามันเหมือนวัวหายล้อมคอกอ่ะครับ ปีหน้าน้ำมาอีก ก็สร้างกำแพงกันน้ำละกัน ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็จะมาอีก

ไม่ไปดูปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุหละครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น น้ำมาเข้านิคมเพราะว่ะ ?? 1 2 3 4 ก็ไล่มาเลย แล้วสุดท้ายค่อยมาปิดที่

สร้างกำแพง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

แต่ตอนนี้เห็น รัฐบาลจะเน้นไปทางเอางปประมาณไปสร้างกำแพงก่อนเลย ผมก็เลยไม่ค่อยเห็นด้วยหนะครับง



(แค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับผิดถูก ขออภัยครับ)

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 29, 2011 1:21 pm
โดย chukieat30
ผมถามพี่นิดนึงนะครับ

สร้างเขื่อนเนี่ย ปีเดียวสร้างเสร็จไหมครับ เขื่อนขนาดใหญ่ก้ต้องใช้เวลาถึง 2ปี+

แต่ยังไงก้ทำแน่ แต่ขอให้กู้เงินสำเร็จหรือระดมทุนสำเร็จก่อน

ที่เค้าต้องทำกำแพงกั้นเนี่ย เค้าเรียกแก้ปัญหาเรียกความม่ั่นใจแก่ผู้ลงทุนครับระยะสั้น

ถ้าเราเป็น เจ้าของ ก้น่าจะเข้าใจ เจ้าของกิจการ เค้าก้คงอยากได้ความแน่นอนว่า

น้ำไม่ท่วม ก้ยังดีกว่าไม่ทำอะไร ปล่อยเจ้าของเค้าใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ

และลอยแพคนงานเรา และหนีไปขะแมร์

จะให้เป็นแบบนั้นหรือ...

ถ้าคนตกงานเป็นล้าน หนี้ภาคครัวเรือนพุ่ง อะไรจะตามมา ก้คงจะได้ศัพท์ใหม่

คือ แม่ใหญ่ พ่อใหญ่จะได้ไม่เหงาครับ

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 29, 2011 1:34 pm
โดย chukieat30
ผมว่าเดินถูกทางแล้ว ต้องลดดอกเบี้ยก่อน และ ผ่อนผันการชำระหนี้ ของภาคครัวเรือน

ควบคู่ไปกับ การฟื้นฟูภาคนิคมให้กลับมาทำงานได้

การให้แหล่งเงินกู้ ดอกต่ำ และให้เลื่อน 300ไปก่อนสัก 2ไตรมาส


ตอนนี้ก้เหมือน คนอยู่ในอีอาร์ ถ้าไม่ปั๊มหัวใจ ให้ออกซิเจน และ ถ้าหนักไม่ฉีด อิพริ ลงไป

ก้ แม่ใหญ่ ครับ นัยทางการเมือง ก้จะทำให้ ปชช ส่วนใหญ่เทคะแนนเลือกอีกฝั่งทันที

ด้านรายได้ ถ้าลดการเก็บภาษี ก้ต้องเพิ่มรายได้ทางอื่น ทำไมไม่แลกหมัด ทำโพลล์

เรื่องน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนไปเลยครับ ถ้าเราเสียที่ครึ่งนึง แต่เราไ้ด้น้ำมันและเอาน้ำมัน

มาขายได้ และช่วยพี่น้องประชาชน ให้กลับมามีชีวิตที่ดี

และแปลงดำให้เป็นขาว

แปลงยาเลวให้เป็นยาดี และ สอนหนังสือเพิ่มเรื่องวินัยการเงิน ตั้งแต่ป 6

ดำให้เป็นขาว -แปลงบ่อนเถื่อนใต้ดิน มาทำเป็นเปิดคาสิโนเอง ในพื้นที่ที่ปลูกอะไรไม่ได้

-เปิดอาบอบนวด ถูกกฎหมายไปเลย บริหารงานโดยรัฐบาล

แปลงยาเลวเป็นยาดี -เอายาบ้า แปลงกลับมาเป็น ซูโดเอฟฟริดีน ใช้กลับมาเป็นยาลดน้ำ

มูกได้

สอนการเงิน ให้กับเด็กป 6 เพื่อให้โตมา จะได้ไม่รู้จักแต่ ไม่พอก้กู้


ประเทศไม่มีเงิน และยังจะประชานิยม

Re: อาจมีนิคมฯล้ม ญี่ปุ่นขู่ย้าย หากยังน้ำท่วมซ้ำ!!!!!!!!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 29, 2011 3:33 pm
โดย vipnum
:D