คำแนะนำ 10 ข้อ สำหรับ Value Investor เพื่อคว้าโอกาสในวิกฤต
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2011 3:59 pm
คำแนะนำ 10 ข้อ สำหรับ Value Investor เพื่อคว้าโอกาสในวิกฤต
1.เขียน Wish List ของคุณไว้ – ระบุให้ชัดเจนว่าเล็งหุ้นตัวไหนไว้บ้าง หากราคาตกลงมาถึงเท่าไรจะซื้อเป็นจำนวนเท่าไร รวมแล้วมีงบสำหรับหุ้นตัวนี้เท่าไร เป็นสัดส่วนเท่าไรของพอร์ท ลองร่างภาพรวมของพอร์ทที่ต้องการออกมาเลยยิ่งดี การเขียนรายการที่ปรารถนาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ในเวลาที่โอกาสมาถึง
2.เตรียมกระสุน – หากคุณมีเงินสด จงเตรียมไว้ให้พร้อม และให้พอ แต่หากไม่มีเงินสด และจำเป็นต้องขายหุ้นที่มีเพื่อเอาไปซื้อตัวอื่น ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสเติบโตน้อยที่สุดแล้วขายตัวนั้น แต่ต้องมั่นใจว่าตัวใหม่ที่จะเข้าไปซื้อดีกว่าตัวปัจจุบันแน่ๆ ต้องระวังว่า “หญ้าอีกฝั่งหนึ่งแม้ดูเขียวกว่าแต่อาจไม่ดีเท่าหญ้าฝั่งเราก็ได้”
3.อย่าพยายามหาจุดต่ำสุด – คุณไม่มีทางรู้ว่าก้นเหวอยู่ที่ไหน จะตกลงไปถึงกี่จุด 700,500 หรือ 300 จุด ก็ไม่รู้ ดังนั้น อย่าพยายามค้นหา ไม่จำเป็นต้องฟังนักวิเคราะห์ เพราะความจริงคือ “ไม่มีใครรู้หรอก”
4.ดูหุ้นเป็นรายตัว อย่าดูทั้งตลาด – หากจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ให้ศึกษาพื้นฐานของกิจการและจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นตัวนั้นๆ ประกอบ ดีกว่าที่จะเข้าซื้อในวันที่ทั้งตลาดตก เพราะในสถานการณ์ที่ผันผวน คุณไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าวันต่อไปจะเป็นเช่นไร
5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ – คำขวัญ “Anything is Possible” ปกติใช้ในทางบวก แต่ในที่นี้ใช้ในทางลบ คืออย่าคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้น อย่าคิดว่าอะไรเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด อย่าคิดว่าหุ้นตัวไหนไม่มีทางตกลงไปมากกว่าจุดนั้นจุดนี้ เพราะในเวลาวิกฤต ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
6.ตามข่าวเพื่อเข้าใจภาพรวม – ปกติ VI พันธุ์แท้ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเกาะติดมากนัก เพราะเราให้ความสำคัญกับพื้นฐานกิจการเป็นสำคัญ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เราควรเข้าใจภาพรวมของวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นพื้นฐานเอาไว้ เช่น กรีซจะ Default หรือยัง เยอรมนียอมช่วยกรีซหรือไม่ อย่างน้อยจะได้เห็นภาพที่ดีและร้ายที่สุด
7.อย่าหลงไปกับการ Rebound – เวลาหุ้นถูกแรงบีบให้ลงต่ำมาเรื่อยๆ พอมีข่าวดีหรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักเล็กน้อย หุ้นจะดีดกลับขึ้นแรงมากเพราะถูกอั้นไว้นาน ซึ่งไม่ได้แปลว่าสถานการณ์โดยรวมมีอะไรดีขึ้นมากมายแต่อย่างใด ดังนั้น หากกระโดดเข้าไปซื้ออาจพลาดพลั้งได้
8.อย่ากลัวตกรถไฟ –ในช่วงวิกฤต มักเกิด “Head & Shoulders Pattern” คือ ดัชนีตกถึงจุดหนึ่งแล้วหันหัวกลับขึ้นไป ซึ่งอาจไม่ใช่แค่การ Rebound สั้นๆ แต่ขึ้นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้เราเชื่อว่า “คราวนี้ของจริง” แล้วกระโดดเข้าไปซื้อ จากนั้นดัชนีก็ตกลงอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คิดให้ดี อย่าเอาแต่กลัวที่จะพลาดโอกาสทอง จงอย่ากลัวที่จะตกรถไฟ ถ้าไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนั้นจะพาคุณไปไหน
9.ซื้อแล้วอย่าคิดมาก – เราไม่มีทางซื้อได้ที่จุดต่ำสุด ถ้าเลือกถูกตัว ยังไงก็กำไร อย่าลืมว่า VI เราถือยาวอยู่แล้ว อย่าอิจฉาถ้าใครเขาซื้อได้ถูกกว่าเรา บั่นทอนจิดใจเปล่าๆ
10.เน้นหุ้นพื้นฐานดีสุดๆ – ปกติ VI เน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่กรณีวิกฤตมักมีของดีราคาถูกเต็มไปหมด จึงยิ่งต้อง “เน้นของดี” เป็นหลัก เวลาแบบนี้ คุณไม่ต้องไปเสี่ยงกับกิจการที่อนาคตไม่แน่นอนใดๆ เพราะหุ้นของกิจการที่มั่นคงมากๆ โตเร็วๆ มันก็ถูกอยู่แล้ว ในเมื่อโอกาสทองมาถึงแล้ว จะเสี่ยงไปทำไม?!!
และนี่ก็คือหลักในการ “คว้าโอกาสจากวิกฤต” 10 ประการ ขอให้ทุกคนทำผลงานให้ดีที่สุดในโอกาสครั้งนี้ครับ
1.เขียน Wish List ของคุณไว้ – ระบุให้ชัดเจนว่าเล็งหุ้นตัวไหนไว้บ้าง หากราคาตกลงมาถึงเท่าไรจะซื้อเป็นจำนวนเท่าไร รวมแล้วมีงบสำหรับหุ้นตัวนี้เท่าไร เป็นสัดส่วนเท่าไรของพอร์ท ลองร่างภาพรวมของพอร์ทที่ต้องการออกมาเลยยิ่งดี การเขียนรายการที่ปรารถนาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ในเวลาที่โอกาสมาถึง
2.เตรียมกระสุน – หากคุณมีเงินสด จงเตรียมไว้ให้พร้อม และให้พอ แต่หากไม่มีเงินสด และจำเป็นต้องขายหุ้นที่มีเพื่อเอาไปซื้อตัวอื่น ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสเติบโตน้อยที่สุดแล้วขายตัวนั้น แต่ต้องมั่นใจว่าตัวใหม่ที่จะเข้าไปซื้อดีกว่าตัวปัจจุบันแน่ๆ ต้องระวังว่า “หญ้าอีกฝั่งหนึ่งแม้ดูเขียวกว่าแต่อาจไม่ดีเท่าหญ้าฝั่งเราก็ได้”
3.อย่าพยายามหาจุดต่ำสุด – คุณไม่มีทางรู้ว่าก้นเหวอยู่ที่ไหน จะตกลงไปถึงกี่จุด 700,500 หรือ 300 จุด ก็ไม่รู้ ดังนั้น อย่าพยายามค้นหา ไม่จำเป็นต้องฟังนักวิเคราะห์ เพราะความจริงคือ “ไม่มีใครรู้หรอก”
4.ดูหุ้นเป็นรายตัว อย่าดูทั้งตลาด – หากจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ให้ศึกษาพื้นฐานของกิจการและจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นตัวนั้นๆ ประกอบ ดีกว่าที่จะเข้าซื้อในวันที่ทั้งตลาดตก เพราะในสถานการณ์ที่ผันผวน คุณไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าวันต่อไปจะเป็นเช่นไร
5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ – คำขวัญ “Anything is Possible” ปกติใช้ในทางบวก แต่ในที่นี้ใช้ในทางลบ คืออย่าคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้น อย่าคิดว่าอะไรเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด อย่าคิดว่าหุ้นตัวไหนไม่มีทางตกลงไปมากกว่าจุดนั้นจุดนี้ เพราะในเวลาวิกฤต ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
6.ตามข่าวเพื่อเข้าใจภาพรวม – ปกติ VI พันธุ์แท้ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเกาะติดมากนัก เพราะเราให้ความสำคัญกับพื้นฐานกิจการเป็นสำคัญ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เราควรเข้าใจภาพรวมของวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นพื้นฐานเอาไว้ เช่น กรีซจะ Default หรือยัง เยอรมนียอมช่วยกรีซหรือไม่ อย่างน้อยจะได้เห็นภาพที่ดีและร้ายที่สุด
7.อย่าหลงไปกับการ Rebound – เวลาหุ้นถูกแรงบีบให้ลงต่ำมาเรื่อยๆ พอมีข่าวดีหรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักเล็กน้อย หุ้นจะดีดกลับขึ้นแรงมากเพราะถูกอั้นไว้นาน ซึ่งไม่ได้แปลว่าสถานการณ์โดยรวมมีอะไรดีขึ้นมากมายแต่อย่างใด ดังนั้น หากกระโดดเข้าไปซื้ออาจพลาดพลั้งได้
8.อย่ากลัวตกรถไฟ –ในช่วงวิกฤต มักเกิด “Head & Shoulders Pattern” คือ ดัชนีตกถึงจุดหนึ่งแล้วหันหัวกลับขึ้นไป ซึ่งอาจไม่ใช่แค่การ Rebound สั้นๆ แต่ขึ้นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้เราเชื่อว่า “คราวนี้ของจริง” แล้วกระโดดเข้าไปซื้อ จากนั้นดัชนีก็ตกลงอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คิดให้ดี อย่าเอาแต่กลัวที่จะพลาดโอกาสทอง จงอย่ากลัวที่จะตกรถไฟ ถ้าไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนั้นจะพาคุณไปไหน
9.ซื้อแล้วอย่าคิดมาก – เราไม่มีทางซื้อได้ที่จุดต่ำสุด ถ้าเลือกถูกตัว ยังไงก็กำไร อย่าลืมว่า VI เราถือยาวอยู่แล้ว อย่าอิจฉาถ้าใครเขาซื้อได้ถูกกว่าเรา บั่นทอนจิดใจเปล่าๆ
10.เน้นหุ้นพื้นฐานดีสุดๆ – ปกติ VI เน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่กรณีวิกฤตมักมีของดีราคาถูกเต็มไปหมด จึงยิ่งต้อง “เน้นของดี” เป็นหลัก เวลาแบบนี้ คุณไม่ต้องไปเสี่ยงกับกิจการที่อนาคตไม่แน่นอนใดๆ เพราะหุ้นของกิจการที่มั่นคงมากๆ โตเร็วๆ มันก็ถูกอยู่แล้ว ในเมื่อโอกาสทองมาถึงแล้ว จะเสี่ยงไปทำไม?!!
และนี่ก็คือหลักในการ “คว้าโอกาสจากวิกฤต” 10 ประการ ขอให้ทุกคนทำผลงานให้ดีที่สุดในโอกาสครั้งนี้ครับ