Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

สวัสดีครับ ผมน้องใหม่ครับ พอดีผมพึ่งเล่นหุ้นได้ไม่นานและเข้ามาในช่วงที่ผมคิดว่าเป็น Bullish Mkt เพราะ Overall ผมยังไม่ขาดทุึน ผมเลยยังไม่มีประสบการณ์การขาดทุนแบบ overall ตรงนั้นครับ

และที่ผ่านมาผมได้อ่านประสบการณ์ความสำเร็จการเดินทางและวิธีมากมายจากหลายๆท่านครับ

ทีนี้ผมไปอ่านเจอคำพูดของ Charles T. Munger - "All I want to know is where I'm going to die so I'll never go there." ผมเลยอยาก0รบกวนพี่ๆ ช่วยแบ่งปันความผิดพลาดที่เรียกได้ว่าเกือบตายหน่อยอะครับ

ขออภัยถ้าเคยมีคนตั้งกระทู้แบบนี้แล้วนะครับ ถ้ามีแล้วผมจะไปนั่งอ่านให้ละเอียดเลย

กระทู้เก่าๆ เยอะแยะ ลองหาอ่านดูครับ
อ่านจนตาแฉะเลยทีเดียวครับ

ปล..สิ่งที่คนอื่นทำผิดพลาดหลายๆครั้งมันก็ไม่ได้บอกว่า
มันจะไม่ดีกับเรานะ

อันนี้เป็นเรื่องที่ผมว่าตัวเองเบร๋อสุดๆเลยอ่ะครับ
อ่านหนังสือตีแตกตอนเริ่มเล่น
ไปเจอบทคล้ายกับว่าส่งออกคือความหวัง
ลุยเลยจัดหุ้นส่งออกเต็มพอร์ท
แต่ตอนนี้ปี 40 ค่าเงินบาทอ่อนส่งออกจะได้เปรียบกว่าเพื่อน
ส่วนช่วงหลังมานี้บาทแข็งโป๊กมันตรงกันข้าม

ออกแนวว่าไม่ดูบริบทรอบด้านเลย เอามาคำเดียวว่า ส่งออกคือความหวังอ่ะครับ ตอนนั้น 55555

just not think u are smarter than average kab.

read 100 kon 100 hun in any stock that your idol is expert to.very good case study.

can you reply suitable selling price in the next yr, by when and why?Be reasonable duoy kab.

u will change in 1 yr kab.

ของผมนั้นส่วนมากแล้วถ้าไม่มีการใช้อารมณ์ร่วมมากเกินไปก็จะดีครับ

อารมณ์ที่ว่านั้นรวมหมดนะครับ

รัก โลภ โกรธ หลง กลัว

กลัว กับ โลภนะบ่อยสุดครับ

กลัวก็เช่น อยู่ๆก็กลัวว่าราคาหุ้นหรือธุรกิจของตัวหุ้นจะไม่ดีอย่างที่คิดตอนซื้อ

เช่น Makro เคยซื้อตอน 60 นิดๆ ขายตอน 90 นิดๆ เพราะว่ามองว่า Makro ไม่น่าจะโตมากมายอะไรงบก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษๆ แต่ไม่ได้มองว่าคนอื่นๆหรือตลาดคิดอย่างไรกับ อุตสาหกรรมค้าปลีกตอนนั้นครับ

DTAC ส่วนตัวไม่ชอบหุ้นการเมือง สัมปทานเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นราคา 27-28 บาท กำไรต่อหุ้นเกือบๆ 4 บาทก็จัดไปเยอะครับซื้อไปแบบ 40-50% ของพอร์ทขายไปตอน 42-45 บาทหมดเกลี้ยงเพราะมองว่าสัมปทานใกล้หมด แต่ไม่ได้นึกถึงว่ามันน่าจะมีเหตุการณ์เอาเงินคืนมากมายขนาดนี้

SSC ขายตอนtender รอบแรกครับที่ 32 บาท ทุนไม่ต้องพูดถึง 11-12 บาทเองแต่ขายหมดไม้เดียวตั้งแต่ตอนได้ยิน "เขา" พูดกันว่าtender ล้มแล้ว

ส่วนโลภนั้นเยอะครับ

เช่น JAS เคยซื้อไว้รอบก่อนตอน 2.2-2.6 ตอนไป 3.8 ไม่ขายมาขายวัน ฟลอร์ แถมยิ่งขึ้นยิ่งซื้อครับ
SSI ดอยอยู่ทุกวันนี้
SVI เก็บไม้แรก 3 บาท ตั้งนานแล้ว ตอน5 บาทไม่ขายซื้อเพิ่มกะว่าบริษัทสุดยอดมีน้อยไม่ได้ดอยครับตอนนี้

ผมผิดพลาดตอนที่"เล่น"หุ้นไงครับ เเต่ไมได้ลงทุน พนันโดยไม่ได้ดูพื้นฐาน

ผมผิดพลาดตอนที่"โลภ"เเละ"กลัว"ผิดจังหวะ จังหวะที่ควรโลภดันกลัว เช่น วิเคราะห์ดีเเล้ว พอราคาตกมาในจุดที่มั่นใจว่าถูก ก็ไม่กล้าซื้อมากๆ, พอหุ้นกำไรราว10%เเล้วไม่Letprofit run

เเต่ผมทำถูกตรงที่ผมรู้ว่าตนเองผิดเเละพยายามเเก้ไข...

สู้ๆครับ

ขอบคุณครับพี่ Champ พี่ Tor

EQ สำคัญน่าดูเลยนะครับนี้

ผมเองเล่นมาตั้งแต่ เดือนมีนา 54 ก็ซื้อตามหลักการ การเลือกหุ้นและพยายามค้นหาตัวเองอยู่ครับ มีขายหมูไปบ้างเพราะ "กลัว" เหมือนอย่างพี่ Champ
ผมขายหมู BCP ไปครับเร็วๆนี้ครับ ทุน 15.5 ไปขายที่ 16.5-16.6 ตอนนี้ซื้อเพราะ เห็น P/E ต่ำ ปันผลok คิดว่าเป็นหุ้น Cycle และเราซื้อตอนตีนเขาแล้ว แต่ขายเหตุเพราะ ตอนนี้มีข่าวเรื่อง Greece จะล้มครับ Broke ก็เชียร์ให้ขายเพื่อความปลอดภัยโดยไม่ได้ไปสึกษาว่า มันจะเกี่ยวกันยังไง หรือ greece จะล้มเวลานั้นเลยไหม หรือ ถ้าน้ำลด BCP จะเป็นยังไง ผมไม่ได้มองยาวกับ ตัวนี้เวลาที่ขายเลย

แต่ตัวอื่นๆก็ยังถืออยู่ปรกติครับ หลังจากนี้คนพยายามวิเคราะห์ให้กว้างและลึกกว่านี้ครับ

ผมยังไม่เคยได้เจอจังหวะหนาวๆ ผมคิดว่าเป็นเพราะตอนนี้เป็นเพราะโชคอยู่อะครับ แต่ผมเชื่อว่าปีหน้าอาจจะได่้เจอบ้างครับ

ปล. ผมยังใหม่นะครับ อาจจะมองอะไรไม่ท่องแม้นักนัก
ปล 2. ขอบคุณ 100คน 100 หุ้น มากครับ อ่านแล้วเห็นบริษัทกว้่างขึ้นเยอะเลย

เยอะแยะเลยครับ

1. หลงคิดว่า หุ้น PE ต่ำๆ คือ หุ้นคุณค่า หวังลมแล้งว่า PE มันจะปรับขึ้นมาเองได้ ถือนานๆ PE มันก็ต่ำอยู่งั้นเหมือนเดิมซะงั้น
2. มัวแต่วิเคราะห์ งบการเงิน ไม่ค่อย วิเคราะห์ ธุรกิจที่บริษัททำอยู่
3. ซื้อด้วยเหตุผล ขายด้วยอารมณ์ เลยขายหมูบ่อยๆ
4. คิดง่ายๆ หวังกำไรเร็ว เก็งกำไรรายไตรมาส เข้าๆ ออกๆ บ่อยๆ แต่ หลายๆ ครั้ง ลองกลับไปดูย้อนหลัง ถ้าเราไม่ซื้อๆ ขายๆ เลย กำไรมันดีกว่านี้อีก แฮะ ซะงั้น กลายเป็น เสียเวลา จริงๆ
5. หลงคิดว่า หุ้น PE แพง แสดง เว่อร์ไปตลอด เดี๋ยวซักวันมันจะตก รอๆ ๆ มันก็ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกำไรที่เติบโต
6. มืออยู่ไม่สุขเวลามีเงินเหลือ พยายามหาหุ้นตลอดเพื่อขอให้ได้ใช้เงิน เวลามี ธุรกิจสุดยอด ในราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐานมาเยอะๆ จริงๆ กลับไม่มีเงินเหลือซะแล้ว ....

ประมาณนี้

Think more.

Calculate less.

ลงทุนในหุ้นที่รายได้มาจากการประมูล ประมูลงานโน้นงานนี้ รายได้ไม่แน่นอน แถมผู้บริหารขี้โม้ไปหน่อย
เล่นเก็งกำไรข่าว เล่นเก็งกำไรหุ้นIPO
ลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดี แต่ราคาแพงไปแล้ว
สนใจแต่หุ้นที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ โบรกเชียร์ อะไรทำนองนี้ ทำให้ไม่เห็นหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกที่หลบมุมอยู่ ซึ่งก็เป็นผลทำให้เกิดข้อข้างบน

ผมคิดว่า ควรหาเวลาว่าง ไล่ดูบริษัทไปทีละตัว ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ สแกนดูก่อน เลือกตัวที่สนใจ ค่อยๆกรองทีละขั้น จนได้ตัวที่ถูกใจจริงๆ

ทำการบ้านอย่างหนัก เจอหุ้นดี ราคาขึ้น ไม่ได้ถือยาว

เคยซื้อ bigc 12.50 ขาย 18

ข้อผิดพลาดคือเรื่องของ timing ครับ...

บริษัทที่ซื้อไปงบการเงินดีทุกอย่าง มีการเติบโต ธรรมาภิบาลดีมาก
เพียงแต่ผมซื้อผิดเวลาครับคือซื้อตอนตลาดมันจะถึงขาลงอยู่แล้ว...

แต่มันก็เป็นข้อผิดพลาดที่ผมนั้นรับความเสี่ยงไว้แล้วนั่นคือ
เราจะได้ปันผลราว 7-8% ณ ราคาวันนั้น ซึ่งนั่นทำให้ผมตัดสินใจซื้อ
และพร้อมที่รอให้ผลประกอบการมันดีขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ราคาในตลาดมันสูงขึ้นครับ

ข้อสรุปจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือ
1.เราจะต้องรอให้เป็น
รอจนกว่าตลาดเป็นภาวะวิฤตจริง การลงทุนนั้นถึงจะคุ้มค่า
ทั้งในแง่ของเงินปันผลและ Capital gained

2. ความเข้าใจหลักการการลงทุนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในช่วงต้น
ความเข้าใจจิตใจตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างสุดท้าย
และยังสามารถแบ่งระหว่างนักลงทุนระยะยาวกับระยะสั้นได้อย่างชัดเจน

3. ถ้าเข้าใจหลักการของ VI
การลงทุนของคุณจะเป็นการลงทุนเพื่อชีวิต เพื่อการยังชีพได้จริงๆ

ซื้อ หุ้นเพราะดูข้อมูลย้อนหลังกำไรโตมาตลอด 3 ปีมั่ง 2 ปีมั่ง แต่ตอนที่เราซื้อกำไรลดลงทุกไตรมาส สาเหตุคือเมื่อเศรษฐกิจดีมากๆราคาสินค้าวัตถุดิบมันปรับขึ้น แต่ขายได้เท่าเดิม ราคาเดิม กำไรมันเลยเตี้ยลงๆ

ความผิดพลาดของผมคือ อ่านหนังสือน้อยเกินไปครับ

อยากแนะนำจขกทว่าก่อนจะศึกษาความผิดพลาดให้เข้าใจ ความรู้ในเรื่องที่ถูกต้องต้องแน่นก่อนครับ
เหมือนคุณอยากจะซ่อมรถเป็น คุณต้องรู้เรื่องระบบรถให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างงั้นมันก็จะเหมือน "ใครว่าไงก็ว่างั้น"

ที่ผมบอกว่าความผิดพลาดของผมคืออ่านหนังสือน้อยเกินไป จะว่าไปตอนผมเริ่มรู้จักคำว่า "หุ้น" หนังสือการลงทุนดี ๆ มีน้อยมาก ยิ่งคำว่าวีไอไม่ต้องพูดถึง รู้จักกันน่าจะในวงแคบ ๆ

หนังสือการลงทุนของ "โคตรเซียนตัวจริง" ทั้งหลายที่ผ่านร้อนหนาวมามาก ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ ลินซ์, เกรแฮม, จอร์น เนฟฟ์ ฯลฯ โดยเฉพาะหนังสือที่ท่านเหล่านั้นเขียนขึ้นเอง ผมว่าเป็นเหมือนหนังสือ standard ที่ควรจะต้องอ่านก่อนจะเริ่มลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานครับ ในหนังสือส่วนใหญ่จะบอกไว้ค่อนข้างครอบคลุม รวมถึงเรื่องความผิดพลาดที่ท่านเหล่านั้นก็ได้กล่าวไว้ครับ

multipleceilings เขียน:Think more.

Calculate less.

I don't know if this is a stupid question...but i don't really get your comment kub.
This i personally mean it.
When you mean by think more...Calculate less..do you mean to think more about the qualitative aspects that can't be valuated by numbers or something like that? Thanks in advance kub.

ความอดกลั้นครับ ขอแชร์ว่าเคยถือหุ้นแล้ว อดกลั้นไม่พอ ผมชอบเลี้ยงฟารม์หมู

1.VNG ผมมีืทุนแถว 1.80หน่อยๆ แต่ผมก้ลอยไปปล่อยหมูที่ 3 บาท สุดท้ายลอย 7บาท

2.TTA 10กว่าๆ ไปขาย 20กว่าๆ และมัน ก้ผ่านไป พร้อมเงินที่น่าจะได้

3.PTL ---7บาท ไปปล่อยแค่ 10กว่าๆ AJ 6บา ทก้หมูไป 10กว่า

ถ้านับๆๆ แล้ว ถ้าผมไม่พลาด 3ตัวนี้ คงมีเวลาไปหัดเล่น ดอทเอกับท่านอื่นได้

คงไม่ต้องมานั่งเล่นเรด3 คนเดียวเปลี่ยวใจ

สุดท้าย ผมก้คือ เม่า แต่ต่อไปผมจะเลิกเม่า เลิกหมู


เลิกเม่า เลิกจน เริ่มต้น ตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ

ผมสงสัยว่าการขายหมูเป็นเรื่องที่ผิดพลาดเหรอ?
เช่นเรามีหุ้น a ที่ทุน 1บาท ขายไปที่ 2บาท แต่แล้วราคามันขึ้นไปที่3บาท

ถามว่าเราผิดพลาดยังไง
เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะขึ้นไป 3บาท

ก็ในเมื่อด้วยข้อมูลและความรู้ของเรา ทำให้เราสรุปได้ว่าหุ้น a ควรจะมีค่า2บาท
(อันนี้พูดในแง่พื้นฐานวีไอนะ)
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน (ผลประกอบการและราคา)
เราก็ควรจะทำตามแผนเราไม่ใช่หรือ คือขายที่2บาทไม่ใช่หรือ

ผมว่าถ้าเราไม่ขายแล้วรอลุ้นที่ 3บาท เท่ากับเรากำลังเล่นกับความโลภที่มันเกินความรู้เราหรือเปล่า?

ในทางกลับกันเกิดอยู่ๆมันลงมาที่ 1.5บาท เราไม่ต้องมาบ่นหรอกหรือว่าผิดพลาดที่ไม่ยอมขายที่ 2บาท

ผมว่าซื้อด้วยเหตุผลไหนก็ขายด้วยเหตุผลนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องที่ผิดพลาดนะ

ผมว่าจะเรียกว่าพลาดก็ตรงที่ เราคิดว่ามันน่าจะมีมูลค่า 3บาท
แต่เราขายไปที่2บาทเสียก่อนเพราะกลัวหุ้นตกอะไรประมาณนั้น

หรือเราประเมินธุรกิจผิด อะไรประมาณนั้น

sathaporne เขียน:ผมสงสัยว่าการขายหมูเป็นเรื่องที่ผิดพลาดเหรอ?
เช่นเรามีหุ้น a ที่ทุน 1บาท ขายไปที่ 2บาท แต่แล้วราคามันขึ้นไปที่3บาท

ถามว่าเราผิดพลาดยังไง
เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะขึ้นไป 3บาท

ก็ในเมื่อด้วยข้อมูลและความรู้ของเรา ทำให้เราสรุปได้ว่าหุ้น a ควรจะมีค่า2บาท
(อันนี้พูดในแง่พื้นฐานวีไอนะ)
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน (ผลประกอบการและราคา)
เราก็ควรจะทำตามแผนเราไม่ใช่หรือ คือขายที่2บาทไม่ใช่หรือ

ผมว่าถ้าเราไม่ขายแล้วรอลุ้นที่ 3บาท เท่ากับเรากำลังเล่นกับความโลภที่มันเกินความรู้เราหรือเปล่า?

ในทางกลับกันเกิดอยู่ๆมันลงมาที่ 1.5บาท เราไม่ต้องมาบ่นหรอกหรือว่าผิดพลาดที่ไม่ยอมขายที่ 2บาท

ผมว่าซื้อด้วยเหตุผลไหนก็ขายด้วยเหตุผลนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องที่ผิดพลาดนะ

ผมว่าจะเรียกว่าพลาดก็ตรงที่ เราคิดว่ามันน่าจะมีมูลค่า 3บาท
แต่เราขายไปที่2บาทเสียก่อนเพราะกลัวหุ้นตกอะไรประมาณนั้น

หรือเราประเมินธุรกิจผิด อะไรประมาณนั้น

VNG ผมพลาดตรง ประเมินมูลค่าแล้ว 7 บาท แต่ขายก่อน 7 บาทนี่แหล่ะ

รอบนี้ เลิกเม่าครับ หวัง แค่3 นักเตะ คนละ เกิน 3-4เด้งให้ได้

ใน 5 ปี ก้ พอใจละครับ

chukieat30 เขียน:

sathaporne เขียน:ผมสงสัยว่าการขายหมูเป็นเรื่องที่ผิดพลาดเหรอ?
เช่นเรามีหุ้น a ที่ทุน 1บาท ขายไปที่ 2บาท แต่แล้วราคามันขึ้นไปที่3บาท

ถามว่าเราผิดพลาดยังไง
เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะขึ้นไป 3บาท

ก็ในเมื่อด้วยข้อมูลและความรู้ของเรา ทำให้เราสรุปได้ว่าหุ้น a ควรจะมีค่า2บาท
(อันนี้พูดในแง่พื้นฐานวีไอนะ)
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน (ผลประกอบการและราคา)
เราก็ควรจะทำตามแผนเราไม่ใช่หรือ คือขายที่2บาทไม่ใช่หรือ

ผมว่าถ้าเราไม่ขายแล้วรอลุ้นที่ 3บาท เท่ากับเรากำลังเล่นกับความโลภที่มันเกินความรู้เราหรือเปล่า?

ในทางกลับกันเกิดอยู่ๆมันลงมาที่ 1.5บาท เราไม่ต้องมาบ่นหรอกหรือว่าผิดพลาดที่ไม่ยอมขายที่ 2บาท

ผมว่าซื้อด้วยเหตุผลไหนก็ขายด้วยเหตุผลนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องที่ผิดพลาดนะ

ผมว่าจะเรียกว่าพลาดก็ตรงที่ เราคิดว่ามันน่าจะมีมูลค่า 3บาท
แต่เราขายไปที่2บาทเสียก่อนเพราะกลัวหุ้นตกอะไรประมาณนั้น

หรือเราประเมินธุรกิจผิด อะไรประมาณนั้น

VNG ผมพลาดตรง ประเมินมูลค่าแล้ว 7 บาท แต่ขายก่อน 7 บาทนี่แหล่ะ

รอบนี้ เลิกเม่าครับ หวัง แค่3 นักเตะ คนละ เกิน 3-4เด้งให้ได้

ใน 5 ปี ก้ พอใจละครับ

ผมว่า การเป็น VI คือเชื่อมั่นในพื้นฐานบริษัทรึเปล่าครับ
ถ้าเป็นหยังงั้น มูล 'x' ที่เรากำหนดน่าจะเป็นพื้นฐานที่ไว้ใช้ในการกำหนดราคาซื้อ "ของถูก" รึเปล่าครับ
และตราบใดที่พื้นฐานบริษัทนั้นไม่เปลียน หรือ ราคาเกิด Panic Buy พุ่งสูงกว่าราคาพื้นฐานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงจะขายรึเปล่าครับ

ปล. คุณ Chekieat ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ดอทเลย มันใกล้ปีใหม่แล้วเลยได้แต่ตามข่าว QE3 กับ EU แล้วก็งบการเงิน ปีหน้าผมขอแค่ +20% พอ ที่ขอหยังงี้ เพราะคิดว่าปีหน้าน่าจะแย่ <-- ความคิดผมคนเดียวน้าาา

การถือหุ้นบางตัวนานๆมีอาการเข้าไปยึดติดเกิดความรักในตัวหุ้น
จนทำให้บางทีบางครั้งจากหลักการก็เป็นหลักเกิน..

ปล. คุณ Chekieat ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ดอทเลย มันใกล้ปีใหม่แล้วเลยได้แต่ตามข่าว QE3 กับ EU แล้วก็งบการเงิน ปีหน้าผมขอแค่ +20% พอ ที่ขอหยังงี้ เพราะคิดว่าปีหน้าน่าจะแย่ <-- ความคิดผมคนเดียวน้าาา


ขอความเห็นเรื่องที่มองปีหน้าแย่ด้วยครับ อยากฟังทัศนะ ครับ

chukieat30 เขียน:ปล. คุณ Chekieat ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ดอทเลย มันใกล้ปีใหม่แล้วเลยได้แต่ตามข่าว QE3 กับ EU แล้วก็งบการเงิน ปีหน้าผมขอแค่ +20% พอ ที่ขอหยังงี้ เพราะคิดว่าปีหน้าน่าจะแย่ <-- ความคิดผมคนเดียวน้าาา


ขอความเห็นเรื่องที่มองปีหน้าแย่ด้วยครับ อยากฟังทัศนะ ครับ

ิคือผมเป็นพวกมองโลกแง่ร้าย ก็เลยชอบคิดว่า ตลาดจะไปได้ไม่ดี
เวลาคิดแบบนี้ผมจะระวังการเลือกหุ้นมากขึ้นนะครับ
แล้วก็อย่าเอาไปคิดมากนะครับ เดียววิธีคิดหรือตัดสินใจจะเอาอารมไปเกี่ยวด้วยค่อนข้างมาก

ขออภัยด้วยครับ ที่สร้างความสับสน

เอาความรู้แบบงูๆปลาๆ มาตัดสินใจแทนที่จะใช้ความเชี่ยวชาญ

คิดฟุ้งซ่านแทนที่จะโฟกัส

ใช้อารมณ์แทนที่ใช้หลักการ

ดำ เขียน:เอาความรู้แบบงูๆปลาๆ มาตัดสินใจแทนที่จะใช้ความเชี่ยวชาญ

คิดฟุ้งซ่านแทนที่จะโฟกัส+1

ใช้อารมณ์แทนที่ใช้หลักการ

โดนใจครับ

"รักหุ้นมากกว่ารักเงิน"
ซื้อให้ถูก และขายให้เป็น

"เก่งทฤษฏี ไม่สนปฏิบัติ"
สำรวจตลาด ดีกว่าอ่านหนังสือ 100 เล่ม 56-1 100 รอบ

ขายหุ้น BANPU ที่ราคา 24 บาท
ขายหุ้น ADVANC ที่ราคา 100 กว่าๆ พาร์ 10 บาท
เมื่อ 10 กว่าปีก่อน

ผมก็มีบัญหาเรื่องความไม่นิ่ง ขายหมูบ่อย อิอิ

financeseed เขียน:ผมก็มีบัญหาเรื่องความไม่นิ่ง ขายหมูบ่อย อิอิ

ยังดีครับที่ยังมีหมูให้ขาย...ถ้าอยู่บนดอยคงไม่สนุกแน่

ผมก็น้องใหม่เหมือนกันครับเค้าว่า ผิดเป็นครู แต่ ครูเยอะมากเลยครับ

ความผิดพลาดของผมครับ

- ดูแต่ราคาหุ้นเห็นว่าราคาต่ำก็เลยซื้อ โดยไม่ดูมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ทั้งที่มันเพิ่มขึ้นตลอด

อาจมาจากเพิ่มทุน หรือ แตกพาร์ หรือ แจกหุ้น มั้งครับ

- เห็นกำไรต่อหุ้นเยอะ ไม่ได้ดูว่ากำไรมาจากไหน บางบริษัทขายสินทรัพย์ หรือไม่ก็ปรับโครงสร้างหนี้

หรือไม่ก็ขายหลักทรัพย์

- ซื้อตอนกำไรสูงสุด แล้วปีถัดมากำไรก็ลด

เด็ดดอกไม้ รดน้ำวัชพืช

เชื่อกราฟ

กลัวตกรถ กลัวกำไรหาย

ซื้อหุ้นถูกๆ แต่อุตสาหกรรมเป็นขาลง

จ้องจอ

ซื้อขายหุ้นตามข่าว

คิดว่าตัวเองเก่ง

ไม่เข้าใจธุรกิจดีพอ

ซื้อหุ้นมากตัวเกินไป

เชื่อเซียนที่มาออกรายการ แต่พูดครึ่งเดียว

คำนึงถึงกำไรขาดทุนในพอร์ต จนตัดสินใจพลาด