หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 1:39 am
โดย poy055
อยากรู้ว่าหุ้นที่ ROE มากๆ เป็นหุ้นที่น่าสนใจหรือควรระวัง

รายชื่อ ROE มากๆๆ (เกิน 30)

1.UVAN 42.54
2.KBS 30.53
3.MALE 30.07
4.OISHI 36.34
5.BLS 32.92
6.BLA 41.66
7.SCBLIF 34.66
8.SMK 32.67
9.IVL 48.16
10.PATO 39.78
11.AJ 51.63
12.PTL 52.68
13.MCS 37.89
14.DCC 45.92
15.SCC 32.75
16.LPN 38.45
17.BANPU 32.44

มีอีกเยอะครับ ขอถามท่านผู้รู้หรือมีประสบการณ์หน่อยว่า
ค่า ROE ที่มากๆมันบอกอะไรเราบ้าง ? (นอกจากกำไรหารส่วนผู้ถือหุ้น)
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันเพื่อเพื่อนมนุษย์

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 2:17 am
โดย simplelife
ผมอาจจะไม่เข้าข่ายผู้รู้นัก แต่

ROE แปลว่า Return on Equity = Net Income / Equity ให้แปลเป็นง่ายๆเลยคือ รายได้ที่ได้มา เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของบริษัทหักด้วยหนี้สินแล้ว มันเยอะ แต่มันก็ยังแปลได้สองทาง ว่า Income เยอะ หรือไม่ก็ Equity น้อยก็ได้

อาจจะตีความแบบเดิมๆคือ ได้ว่าบริษัททำกำไรจาก"เงินลงทุน"ได้ดี และ"ยิ่งถ้า"บริษัทเอาเงินที่ได้กำไรมาปีนี้ไปลงทุนต่อในธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ในปีหน้าหล่ะ ? ROE ที่ 30% สมมติว่าบริษัทได้กำไร 100 ล้าน ถ้าเขาเอาไปลงทุนต่อได้หมด ด้วยประสิทธิภาพการทำกำไรเท่าเิดิมแปลว่า 100 ล้านนี้ จะ generate รายได้ได้อีก 30 ล้าน เพิ่มขึ้นมาอีก บริษัทมันก็เหมือนว่าจะเติบโตได้ดีมากๆ

แต่ต้องดูให้ดี ว่ามันเกิดจากอะไร อย่าไปด่วนสรุปว่า ROE สูงแปลว่าดี อย่างเช่น AJ, PTL มันเป็นวัฎจักร คือ Net Income มันอาจจะสูงจริงๆวันนี้ แต่มันสูงแค่ชั่วคราว Net income ในสภาวะปกติเป็นเท่าไร สภาวะปกติควรจะมี ROE เท่าไร ? เป็นต้น หรืออย่างบางบริษัทที่เพิ่ง turn around ตัวเลข Equity ที่เหลืออยู่กับบริษัทอาจจะน้อยมากๆ จนทำให้ ROE สูงลิบลิ่วก็ได้ หรือถ้าบริษัทเอาเงินตรงนี้ไป re-invest ในธุรกิจเดิมไม่ได้หละ เงินพวกนี้ต้องจ่ายเป็นปันผลออกมาซะเกือบหมดหล่ะ อย่างนี้แปลว่าบริษัทเติบโตได้เท่าไร ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ ROE ใช่หรือไม่ ต้องลองคิดดูดีๆ

ปล. ไปหาหนังสือมาอ่านซะเล่มก่อนครับ

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 7:37 am
โดย Financeseed
ขอบคุณครับ :D :D

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 8:09 am
โดย chukieat30
ROE สำคัญ น้อยกว่า Exp E

กิจการที่จะผลิตเงินสดให้ได้ ในอนาคตย่อมดีกว่า กิจการที่ตอบรับ Eในปัจจุบัน

แต่ E ในอนาคตลดลง

ดังนั้น ถ้า ROE ROA ไม่ได้สูงต่อเนื่องทุกปี ก้อย่าไปเหมารวมว่าจะดี

และ ROE ROA ไม่ได้ต่ำทุกปี ก้อย่าไปเหมาว่าไม่ดี


หุ้นวัฎจกัรต้องมอง Exp E หรือ E future เพราะมันมีช่วงตกต่ำ และช่วงรุ่งเรือง

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 8:16 am
โดย chukieat30
ช่วงรุ่งเรือง เพราะ ดีมานท์มากมากมาก กว่า ซัพพลาย

ช่วงตกต่ำ เพราะ ดีมานท์น้อยน้อยน้อย กว่า ซัพพลาย

แต่ช่วงรุ่งเรืองคิดเป็น 2หรือ 3 ใน 10 ส่วน

เหมือนเรือไฟเบอร์ ช่วงน้ำท่วม ดีมานท์มาก ราคาแพง

พอน้ำลดลง ดีมานท์หด ราคาลดลง


ถ้าเรารู้ว่า อะไรในอนาคต ต้องใช้เยอะ และราคาจ่อแววดีดตัว ก้ลงทุนซื้อไว้ก่อน

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 8:47 am
โดย poy055
ขอบคุณมากครับสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้

ได้ความรู้เยอะเลย

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 10:32 am
โดย zz99
ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ทุน
ปัจจัยหลักอีกตัวนึงที่มีผลต่อการคำนวณ ROE คือ หนี้
บ.ที่มีหนี้สูง ส่วนของ equity ก็จะต่ำ เพราะแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากการก่อหนี้
หากหักบ.ที่มี ROE สูง แต่มาพร้อมก้บหนี้ที่สูงด้วย ก็คงหายไปหลายบริษัท ซึ่งบ.เหล่านี้ถึงทำ roe ได้สูงก็ต้องมีภาระคชจ.ดอกเบี้ยสูงตามมาด้วยครับ

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 10:38 am
โดย Tsar
ผมใช้ ROTC
:8)

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 11:33 am
โดย simplelife
กลับมาเพิ่มอีกหน่อย

สมมติว่า บริษัทที่มี Equity 1000 ล้าน มีกำไรสุทธิ 100 ล้าน ถามว่าดีหรือไม่ดี เพราะ ROE = 10% ฟังดูต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ถ้าใน Equity 1000 ล้านนี่ มันมีอาคาร/ที่ดิน ที่บริษัทกลางสีลมซื้อมาหลายสิบปี ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร มูลค่า 500 ล้านหล่ะ

แค่อยากกลับมาบอกว่า ตัวเลข สูตรสำเร็จมันไม่มีในโลกครับ จะดูจริงๆต้องเข้าไปดูว่าอะไรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 8:09 pm
โดย ac322628
บริษัทที่ ROE มากๆ ดีกว่า ROE น้อยๆแน่ๆครับ วอร์เรน บัฟเฟต ใช้ค่า ROE มากกว่า 12 มาเป็นตัวชี้วัดในการลงทุนอย่างหนึ่งของเขา แต่ก่อนจะปลงใจเชื่อว่าบริษัทนี้ดีจริงๆ ต้องพิจารณา "คุณภาพ" ของ ROE นั้นด้วยนะครับ

คุณภาพ ROE ที่ต้องดู 4 ข้อ
1.บริษัทมี ROE ที่ดีต่อเนื่องนานหรือไม่ ถ้าบริษัทที่เป็น turn around บริษัทขายสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ บริษัทเล็กๆที่ไม่สามารถมี durable compatitiveness ได้ ท่านอาจติดดอยช่วงที่ Earning สูงไม่ปกติ หรือช่วง peak ของ cycle ที่ทำให้ ROE ดีไปด้วย (และติดลบในปีต่อมา) ROE จะดีเป็นพิเศษถ้ามีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าดีคงที่
2.ROE ที่ดีมากไป ต้องไปอ่านงบการเงินฉบับเต็มเสมอว่า มีรายการกำไรพิเศษใดๆหรือไม่ หากเป็นรายการพิเศษ ROE พิเศษนี้จะทำให้ท่านติดดอยเช่นกัน
3.ROE สูงและหนี้น้อย แปลว่าบริษัทกำไรดีและโตได้จากกระแสเงินสดภายในซึ่งจะดีมาก แต่ ROE สูงและหนี้มากก็ไม่ได้แย่เสมอไปถ้าหนี้นั้นไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หรือเป็นหนี้สินหมุนเวียน หรือเห็นแน่ๆว่าจะใช้หนี้ก้อนนี้หมดในเวลาอันใกล้นี้ เมื่อดูจากกระแสเงินสดรับและงบลงทุนในอนาคต
4.ROE มาจากค่า Earning ถ้าบริษัทตกแต่งหรือแก้ไขนโยบายทางบัญชีให้ Earning ดูดี ROE ก็จะดีตาม ธรรมาภิบาลก็สำคัญ

ROE ไม่ได้มีราคาหุ้นเข้ามาเกี่ยว ค่าจึงไม่แปรผันตามอารมณ์ตลาด แต่หลังจากบริษัทผ่านทั้ง 4 ข้อนี้ไปได้ ขั้นต่อไปต้องอย่าลืมคำนวณหาราคาที่เหมาะสมก่อนจะตัดสินใจลงทุน เพราะ ROE มีผลกับการลงทุนระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 8:44 pm
โดย BHT
ลองดูการวิเคราะห์ดูปองท์ครับ จะเข้าใจมากขึ้น

แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นตัวเลขทางบัญชีนะครับ

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 9:36 pm
โดย poy055
ยังงงครับ ?

1. สรุปว่า ROE หายังไง(ไม่ใช่กำไรสุทธิหารส่วนผู้ถือหุ้น หรือครับ)

2. ROE บอกอะไรเรา

3. ควรให้ความสำคัญ ROE มากแค่ไหน

4. ค่า ROE ที่ควรระวัง

ขอบคุณมากครับผม

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 11:48 pm
โดย navapon
poy055 เขียน:ยังงงครับ ?

1. สรุปว่า ROE หายังไง(ไม่ใช่กำไรสุทธิหารส่วนผู้ถือหุ้น หรือครับ)

2. ROE บอกอะไรเรา

3. ควรให้ความสำคัญ ROE มากแค่ไหน

4. ค่า ROE ที่ควรระวัง

ขอบคุณมากครับผม
อยากรู้ว่าหุ้นที่ ROE มากๆ เป็นหุ้นที่น่าสนใจหรือควรระวัง
เป็นหุ้นที่น่าสนใจมากๆ
เพียงแต่ให้รู้ว่า ไม่มีปัจจัยเดียวหรือตัวเลขตัวเดียวที่ใช้ในการตัดสินหุ้นครับ ต้องดูอีกหลายอย่างประกอบ
เปรียบเทียบก็เหมือนกับ P/E ratio ตํ่าๆ แปลว่าหุ้นถูก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเอาตัวเลขนี้ตัวเดียวมาตัดสินใจซื้อหุ้น

1. สรุปว่า ROE หายังไง(ไม่ใช่กำไรสุทธิหารส่วนผู้ถือหุ้น หรือครับ)
ก็ถูกแล้วนี่ครับ

2. ROE บอกอะไรเรา
เป็นตัวบอกคุณภาพของบริษัทอย่างหนึ่ง
ROEแปลว่า อัตราการทำกำไร(ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น) ไอ้ตรง"ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น"ลองอย่าเพิ่งสนก่อน
ดังนั้น ROEมากๆ ก็แปลว่า มีอัตราการทำกำไรมาก, กำไรงาม, กำไรยิ่งยวด, กำไรสูง, กำไรมาก, กำไร กำไร รวย รวย, etc
นั่นคือROEยิ่งมาก ยิ่งดี (ณ เวลาตอนนั้น) แต่มันจะกำไรอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆทุกปีจริงหรือเปล่าก็ต้องมาพิจารณาดูจากอย่างอื่นด้วย

3. ควรให้ความสำคัญ ROE มากแค่ไหน
มากเป็นอันดับต้นๆในการเลือกหุ้นเลยครับ

4. ค่า ROE ที่ควรระวัง
- กำไรดีแต่ไม่สมํ่าเสมอ เช่น บางปีอัตราการทำกำไรก็น้อย บางปีก็กำไรมาก (ROEเดี๋ยวตํ่าเดี๋ยวสูง)
เราต้องดูหลายๆปี เอาการทำกำไรแค่ปีเดียวมาตัดสินไม่ได้ว่า ทำกำไรเก่งจริงหรือไม่
ถ้าROEสูงมากติดต่อกันหลายๆปี อย่างนี้น่าจะ มีอัตราการทำกำไรดีจริง เป็นต้น
เช่น บริษัท A ปี50 ROE 17%, ปี51 ROE 10%, ปี52 ROE 6%, ปี53 ROE 25% อย่างนี้เรียกกำไรไม่สมําเสมอ บางปีกำไรมาก บางปีกำไรน้อย อย่างนี้ไม่ดีเท่าไหร่

- ROEสูงจากหนี้ได้ต้องระวัง อย่างนี้คุณภาพของกำไรจะสู้ ROEสูง โดยไม่มีหนี้ไม่ได้
ตรงนี้ต้องมาอธิบายจากสูตรแล้วว่า ROEแปลว่า อัตราการทำกำไร ต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้น
แต่ในบริษัทที่มีหนี้มาก กำไรที่ได้อาจไม่ต้องพึ่งพาเงินจากส่วนของผู้ถือหุ้น
แต่อาศัยเงินกู้หรือเงินจากหนี้สินมาลงทุน ทำให้เกิดกำไรแทน
จึงดูเหมือนว่าใช้เงินจากผู้ถือหุ้นน้อยแต่ได้กำไรมาก

- สรุปROEมันเปลี่ยนตามกำไรสุทธิ ถ้ามองแล้วกำไรยังจะดีไปเรื่อยๆ ROEมันก็จะยังสูงได้ต่อไป
แต่อย่าเอาตัวเลขในอดีตอย่างเดียวมาตัดสินทั้งหมด ก็แค่นั้นแหละ ต้องดูแนวโน้มในอนาคตด้วย

####
ผมว่าพี่ข้างบนแต่ละคนเขาก็อธิบายไว้อย่างชัดเจนดีนะครับ แต่อาจจะลึกเกินไปบ้างสำหรับมือใหม่ อ่านหลายๆรอบครับ
สุดท้ายยํ้าอีกที บริษัทดี กำไรดีแค่ไหน แต่ซื้อหุ้นแพงเกินไปก็ไม่คุ้ม
ถ้ายังไม่เข้าใจจริงๆ ผมว่าคุณลองหาหนังสือมาอ่านเพิ่มก่อน ถ้ายังไม่เข้าใจอีก ก็เลิกเถอะ คุณอาจจะไม่เหมาะกับหุ้นครับ

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 30, 2011 11:59 pm
โดย poy055
ขอบคุณครับพอกระจ่างขึ้นหน่อย จะพยามขัดเกลา

:P :P :P

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2011 12:05 am
โดย poy055
poy055 เขียน:ขอบคุณครับพอกระจ่างขึ้นหน่อย จะพยามขัดเกลา

:P :P :P
แต่ ROEสูงจากหนี้

หนี้ในที่นี้คือหนี้จากส่วนไหนครับ

อีกนิดนึง จะเข้าใจแล้วครับ

Re: ROE มากๆ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2011 1:18 am
โดย viim
เสริมข้างต้น ถ้าสงสัยว่า ROE ที่สูงๆดีๆมีคุณภาพหรือไม่ก็ให้ไปดู D/E ratio ประกอบว่าสูงพรวดพราดหรือไม่ โดยเฉพาะตัว D ที่ไม่ใช่ หนี้การค้า แต่เป็นหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งก็จะมีทั้งหนี้จากหุ้นกู้ หนี้จากการยืมเงินระยะยาว (หนี้ 2 แบบี้เป็นหนี้ที่ควรจะเอามาลงทุน) และอีกอันคือ หนี้ระยะสั้น (เช่น เงินเบิกเกินบัญชี) อันนี้เอามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เช่น เอามาจ่ายค่าสินค้า ซื้อสินค้ามาเก็บไว้ในคลังรอขาย ช่วงที่เก็บเงินจากลูกหนี้ยังไม่ได้ เป็นต้น
โดยสรุปก็ดูหลายๆตัวประกอบกัน ROE ROA สูงดี D/E สูง ไม่ดี ถามว่า D/E เท่าไหร่เหมาะสม ก็โดยทฤษฎียิ่งน้อยยิ่งดี วิธีดูคือ ธรรมชาติของธุรกิจเป็นไงและเทียบกับคู่แข่งเป็นไง เทียบกับตัวเองในอดีตเป็นไง ทำนองนี้