Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คือ อยากทราบว่าพี่ๆ ส่วนใหญ่ในนี้
เวลาหุ้นที่เราลงทุนไว้ ราคาวิ่งไปไกลมากแล้ว
แต่ว่าพื้นฐาน ข่าว ทุกๆ อย่างยังดีอยู่เช่นเดิม

จะพิจารณาทำอย่างไรกันบ้างครับ

คือ ตอนแรกผมว่าจะไม่สนใจในราคาหุ้น เพราะพื้นฐานธุรกิจยังดี
น่าจะเป็นการลงทุนที่ไปได้อีกไกลพอสมควร ถือยาวๆ ไปได้อีกหลายปี
แต่พอราคามันไปแรง PE เริ่มสูง ผมก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจละครับ

ใจนึงก็อยากจะขายทำกำไรออกมาก่อนแล้วรอจังหวะค่อยกลับไปซื้อมาใหม่
อีกใจนึงก็กลัวว่าถ้าขายไปแล้วราคามันไปต่อ ผมก็จะซื้อหุ้นคืนได้หุ้นน้อยลง
ตัวอย่างก็เช่น CPALL น่ะครับ พื้นฐานดี อนาคตไกล PE ก็เยอะ
ราคามันก็ไปเรื่อยๆ ไม่ลงมาให้เก็บเพิ่มเลย

รบกวนแชร์ประสบการณ์ให้ฟังด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

ผมดูที่ MOS ครับถ้าบริษัทนั้นยัง undervalue อยู่ก็เก็บไปเรื่อยๆครับ

ถ้าเป็นผม ผมรอครับ ถ้าบัฟเฟตรอcoca colaได้ ทำไมผมจะรอบริษัทคุณภาพดีๆที่ราคาวิ่งเกินพื้นฐานหรือซื้ออนาคตมากเกินไปไม่ได้

เพราะผมเห็นว่าบางครั้งหุ้นที่ดีมันก็ไปได้เป็น 3-4 เด้ง
แต่ถ้าเรามองแต่ PE มันทำให้เราเขวได้น่ะครับ

บางที หุ้น PE กระฉูด เรารีบขายไปตอน 2 เด้ง แต่สุดท้ายมันไปได้ซะ 4 เด้ง
กลัวจะขายหมูไปโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะครับ

มีใครที่ซื้อโดยไม่ขายนานๆ บ้างไหมครับ

ผมว่าถ้าจะแก้น่าจะมาจากการเปลี่ยนมุมมอง แทนที่จะมองว่ามันคือ Ticker ตัวนึงที่มี upside เท่านั้นเท่านี้มาเป็น "ลงทุน" ถ้าคุ ณZEIIเป็นเจ้าของบริษัทแล้วบริษัทยังไปได้ดีคุณจะขายหุ้นส่วนคุณให้คุณอื่นหรือไม่ครับ

ส่วนคนที่ถือหุ้นนานๆด้วยกลยุทธ buy&hold ก็มีตัวอย่างให้เห็นหลายท่านนะครับไม่ว่าในเมืองไทย ต่างประเทศหรือแม้แต่พี่ๆหลายๆคนในบอรด์นี้

ประสบการณ์ผมยังน้อย แต่ขอแชความคิดหน่อยนะครับ

ส่วนตัวที่เคยทำคือ ขายหมดเลยครับ เพราะคิดว่า พื้นฐานดีก็จริง แต่ราคาขึ้นไปสูงมาก ก็คิดว่า คนอื่นๆทั้งโบรก ต่างชาติ นักลงทุนรายย่อย ต่างก็รู้กันหมดแล้ว เลยแห่เข้ามาซื้อ และตั้งความหวังเอาไว้สูงซึ่งก็แสดงออกมาทางPE ซึ่งถ้าทำได้ตามที่หวังก็แค่เสมอตัว แต่ถ้าผิดคาดก็อาจจะเจ็บตัวได้ สำหรับผมผมถือว่าหมดเสน่ห์ในการลงทุนไปแล้ว และหุ้นตัวนั้นจะมีเสน่ห์อีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติอะไรสักอย่าง ทำให้ผู้คนพากันทิ้งหุ้นจนทำให้ราคากลับมาน่าสนอีกครั้ง
แต่ที่ขายหมดเพราะผมต้นทุนสูงด้วยครับ ซื้อที่PEค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ซึ่งผมตัดสินด้วย PE/growth อะครับ แต่ถ้าต้นทุนต่ำ ถ้าเป็นผมก็คงขายส่วนหนึ่ง เก็บไว้ส่วนหนึ่ง เพราะยังไงก็เป็นทรัพย์สินที่ยังคงดีอยู่(เพียงแค่หมดเสน่ห์ไปแล้ว) และคงนำเงินที่ขายได้ไปหาเสน่ห์ครั้งใหม่

sakkaphan เขียน:ประสบการณ์ผมยังน้อย แต่ขอแชความคิดหน่อยนะครับ

ส่วนตัวที่เคยทำคือ ขายหมดเลยครับ เพราะคิดว่า พื้นฐานดีก็จริง แต่ราคาขึ้นไปสูงมาก ก็คิดว่า คนอื่นๆทั้งโบรก ต่างชาติ นักลงทุนรายย่อย ต่างก็รู้กันหมดแล้ว เลยแห่เข้ามาซื้อ และตั้งความหวังเอาไว้สูงซึ่งก็แสดงออกมาทางPE ซึ่งถ้าทำได้ตามที่หวังก็แค่เสมอตัว แต่ถ้าผิดคาดก็อาจจะเจ็บตัวได้ สำหรับผมผมถือว่าหมดเสน่ห์ในการลงทุนไปแล้ว และหุ้นตัวนั้นจะมีเสน่ห์อีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติอะไรสักอย่าง ทำให้ผู้คนพากันทิ้งหุ้นจนทำให้ราคากลับมาน่าสนอีกครั้ง
แต่ที่ขายหมดเพราะผมต้นทุนสูงด้วยครับ ซื้อที่PEค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ซึ่งผมตัดสินด้วย PE/growth อะครับ แต่ถ้าต้นทุนต่ำ ถ้าเป็นผมก็คงขายส่วนหนึ่ง เก็บไว้ส่วนหนึ่ง เพราะยังไงก็เป็นทรัพย์สินที่ยังคงดีอยู่(เพียงแค่หมดเสน่ห์ไปแล้ว) และคงนำเงินที่ขายได้ไปหาเสน่ห์ครั้งใหม่

ขออธิบายความคิดเพิ่มเติม ในส่วนที่ว่า ต้นทุนต่ำเท่าไรล่ะจึงจะทำให้ตัดสินใจว่า ถือต่อ ขายบางส่วน หรือขายหมด??
สำหรับผม ผมคำนวณ PE ที่คิดว่าควรจะเป็นก่อนสำหรับบริษัทนี้ จะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่ PE/growth หรือPEเฉลี่ยย้อนหลังของตัวมันเอง หรือPEเฉลี่ยย้อนหลังอุตสาหกรรม อะไรประมาณนี้

เมื่อได้PEในใจแล้ว สมมติตีซะว่า PE17 แต่ขณะนี้เทรดกันที่PE25 ก็ลองคิดซะว่า ถ้าเกิดภายในปีนี้ หรือปีหน้า กำไรไม่เป็นดังที่หวัง ทำให้PEปรับลดลงมาอยู่ที่คาดไว้คือ 17 แล้วนั้น เรายังจะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอยู่หรือไม่ ถ้ายังคงพอใจอยู่ ก็ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องขาย แต่ถ้าเริ่มไม่พอใจแล้ว ผมก็คงขายออกไปส่วนหนึ่ง

ปล. ที่ผมขายหมดเพราะพอผมคิดแบบนี้แล้ว หากPEปรับลดลงมา ผมจะขาดทุนทันทีในปีนั้น

นี่เป็นความคิดของผมครับ รอผู้มีประสบการณ์ท่านอื่นๆ มาตอบด้วยครับ

ชอบทั้งคำถาม และคำตอบของทุกๆท่านครับ

ถ้าเป็นหุ้น growth ที่ธุรกิจแข็งแกร่งจริงๆ ผมจะซื้อตอนที่ P/E ที่ผมรับได้ ตอนขายจะไม่ดู P/E แต่จะดูว่าเมื่อไหร่ที่ธุรกิจเริ่มเติบโตลดลง สัญญาณที่เกี่ยวกับการแข่งขัน หรือการอิ่มตัวทางธุรกิจเริ่มจะมากขึ้นอย่างมีนัยยะ

ผมว่าขึ้นอยู่กับตอนซื้อครับว่าซื้อตอนp/eเท่าไรเช่น
ซื้อตอนp/e5ต่อมาราคาปรับสูงขึ้น ทำให้ p/e=10,p/e=15,p/e=20
หมายความว่าราคาเป็นมากกว่าสองเท่าสามเท่าสี่เท่า
ผมไม่ขายครับแต่ต่อมาp/e=25,p/e=35,p/e=45
ผมทยอยขายจนหมดครับ เพราะผมคิดว่าบทำกำไรไล่ตามราคาหุ้นไม่ทัน
และผมเชื่อว่าไม่มีบไหนที่จะผปกดีตลอดกาลครับ

ทำตามความมั่นใจครับ ถ้าความมั่นใจน้อยลงก็ take profit มาบ้างก็ได้ ถือว่าไม่โลภเกินความรู้
แต่ถ้ามั่นใจในพื้นฐานว่ายังไปได้อีกไกล ราคาแม้จะแพงแต่ยังเหลือ upside อีกเยอะ ก็ถือต่อครับ

อีกอย่างนึงคือ เปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่นที่เราสนใจดูครับ มันอาจมีตัวที่เรามั่นใจมากกว่าแล้วราคายังไม่แพง
ถ้ามีอย่างนั้น ก็อาจขาย(ทั้งหมดหรือบางส่วน ตามความมั่นใจ)แล้วมาซื้อตัวที่น่าสนใจมากกว่าครับ

เพราะถ้าลงทุนแล้วต้องมาสับสนกระวนกระวายแล้ว ผมว่าความสบายใจมีค่ามากกว่านะครับ
ในตลาดหุ้นไม่มีใครมาบังคับเราให้เราซื้อ-ขายครับ ถ้าเดินตามหลักการของ VI อย่างถูกต้อง
ซักวันก็มีอิสรภาพทางการเงินเองครับ ช้าบ้างเร็วบ้างไม่เป็นไร ขอให้ระหว่างทางรื่นรมย์ผมก็โอเคแล้ว หุหุ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์กันนะครับ

ได้มุมมองที่แตกต่างกันไปหลายๆ ทาง
ทำให้เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเราเองได้มากเลยครับ

ผมคงทำใจครับ รอถูกแพงไม่รู้จะซื้อไปทำไม

ต้องดูมูลค่าก่อนว่า มันใกล้เต็มมูลค่ามันยัง

ถ้ามันใกล้มากก็ไม่มี mos มากเพียงพอสำหรับความผิดพลาดผมว่า ใจเย็นๆค่อยๆวิเคราะห์ไปอย่าให้

อารมณ์ตลาดมาชักจูงเรานะครับ

good luck

ต้องดูก่อนครับ ว่า เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งขนาดไหน (ลองวิเคราะห์เชิงคุณภาพดูก่อนครับ)...

ถ้ามั่นใจว่าเป็นหุ้นที่ดีจริง ๆ ...ผมจะให้เวลาเค้าสักพักนึงครับ ดูว่าพื้นฐาน หรือผลกำไรนั้น ขยับตามราคาขึ้นมารึป่าว
สุดท้ายถ้า ราคายังแพงขึ้นไปอีก ผมจะทยอยลดการถือครองครับ (เพื่อไปซื้อหุ้นอื่น ที่คุณภาพเหมาะสมกับราคามากกว่า)

...สำหรับ CPALL ก้อเป็นหุ้นที่ผมหนักใจอยู่เหมือนกัน...ถือมานาน เกือบจะเป็น หุ้น 10 เด้งแล้ว (ต่อนี้ประมาณ 8 เด้งกว่า ๆ) ....ราคาขึ้นมาสูงมาก แต่พอดูงบการเงิน ทีไร ก้อเห็นว่า กำไรก้อยังเพิ่มขึ้นตลอด แถมโมเดลธุรกิจก้อดีมาก.....

...แต่ผมก้อพยายามกำหนดราคาเพดานไว้ตลอด ประมาณว่าถ้าขึ้นมาถึง ก้อจะขายออกนิดนึง แต่ไม่กล้าขายหมด กลัวซื้อคืนไม่ได้อ่ะครับ