Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

(เพิ่มเติม) ก.ล.ต.เผยเสนอสรรพากรยกเว้นภาษีเงินปันผลหวังแข่งขันตลาดหุ้นอาเซียน


ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 13:14:12 น.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ระบุว่าได้เสนอเรื่องให้กรมสรรพากรพิจารณายกเว้นการจัดเก็บภาษีรายได้จากเงินปันผล เนื่องจากเป็นการจัดเก็บซ้ำซ้อนกับภาษีเงินได้ และเพื่อเป็นการแข่งขันกับตลาดหุ้นของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียน



นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต.เห็นว่าปัจจุบันระบบการเสียภาษีของไทยมีความซ้ำซ้อน เนื่องจากมีการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วและเมื่อมีการจ่ายปันผลยังมีการจัดเก็บภาษีจากนักลงทุนอีก ประกอบกับ มองว่าประเทศกำลังก้าวสู่เศรษฐกิจประชาคมอาเซียน ขณะที่ประเทศคู่แข่ง เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีดังกล่าว จึงเห็นว่าควรทำให้ไทยแข่งขันได้ และยังเป็นการสนับสนุนการจดทะเบียนในลักษณะ Dual Listing ด้วย

"ได้มีการหรือในเบื้องต้นกับกรมสรรพากรแล้ว ซึ่งได้เสนอเรื่องไปตั้งแต่พ.ย. 54 ประกอบกับ รัฐบาลและกระทรวงการคลังกำลังปรับโครงสร้างภาษี จึงเห็นแนวทางที่จะเสนอเพื่อรับมือกับสังคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นไม่กี่ปีข้างหน้า ส่วนจะได้อรับอนุมัติเมื่อไรไหร่ขึ้นกับการพิจารณาของรัฐบาล" นายวรพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวโยงกับการลดหย่อนภาษีการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ซึ่งเห็นว่า รัฐบาลควรที่จะสนับสนุนแนวทางการลงทุนดังกล่าวต่อไป เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนในระยะยาวและการลงทุน LTF และ RMF ถือเป็นอีกทางในการสร้างแรงจูงใจ

--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

ถ้าทำได้สำเร็จ แปลว่าอีกหน่อยก็ไม่ต้องยืนเครดิตภาษีแล้วใช่หรือเปล่าครับ

น่าจะเป็นเช่นนั้นน่ะครับ....แต่ที่หวั่นเกรงว่าจะให้นำเงินปันผลที่ได้มารวมเป็นเงินได้ด้วยซิ..

kit556 เขียน:ถ้าทำได้สำเร็จ แปลว่าอีกหน่อยก็ไม่ต้องยืนเครดิตภาษีแล้วใช่หรือเปล่าครับ

ก็เดิม สรรพากร เขาก็ ลดการจัดเก็บภาษี ซ้ำซ้อน อยู่แล้วนี้
โดยคืน ภาษีนิติบุคคลจากกำไรสุทธิ เมื่อจ่ายเงินปันผลมา ที่เรียกว่า เครดิตภาษี

แล้วนำมารวมเป็นเงินได้ที่แท้จริงเพื่อ คิดภาษีแบบ บุคคลธรรมดา

หวังว่าจะหมายถึงแค่ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%

ส่วนรายได้เงินปันผลเค้าก็ให้เลือกอยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าจะเอามารวมเป็นรายได้เพื่อคำนวณภาษีหรือไม่ก็ได้

เดี๋ยวกลายเป็นว่าต่อไปจะไม่ได้เครดิตภาษีเงินปันผลคืนนะสิ

ผมว่ามันก็ซ้ำซ้อนอยู่นะ
หัก ณ ที่จ่าย 10% แล้วคนที่ได้ก็ไปขอ 10% ที่หักคืน เท่ากับทำงานกัน 2 รอบคือบริษัทที่จ่ายคำนวนรอบหนึ่งแล้ว คนได้ปันผลคำนวนอีกรอบ
นอกจากนี้ บริษัทเสียภาษีนิติบุคคลลดลงแล้วจาก 30% ดังนั้นบุคคลธรรมดาก็จะเสียภาษีมากกว่านิติบุคคลแล้ว

เด็ดสุดคือทำอะไรให้ง่ายๆเข้าไว้ครับ แบบ iphone ปุ่มเดียวครอบจักรวาล
1. หัก ณ ที่จ่ายเมื่อได้ปันผล เอาออกไปเลยเพราะคนที่ได้ปันผลต้องเอาไปคำนวนอีกรอบอยู่ดี
2. ลดหยอนบุตร ไม่ต้องมี เพราะเรียนฟรีอยู่แล้ว
3. LTF กับ RMF ไม่ต้องมี ตอนซื้อไม่เสียภาษี ตอนถอนหน่วยมาเสียภาษี มันก็ค่าเท่ากันนั่นแหละ
4. ประกันไม่ต้องลดหย่อน รัฐออกส่วนลดให้คนซื้อประกันไปเลย 10% จ่ายเหมาถูกกว่าเยอะไม่ต้องมานั่งตีความ ประกัน 10 ปีหรือเปลา
5. บริจาคไม่ต้องมี เพระาเป็นช่องทางธุจริต
การคำนวนภาษีของประเทศเราก็จะง่าย ประหยัดแรงงานของประเทศ รัฐได้ตังน่าจะมากขึ้นนะ

เข้าใจว่าทำแบบนี้จะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่มีรายได้รวมเงินปันผลแล้วตกอยู่ในขั้นภาษีสูงสุดคือ 37% เท่านัั้น ส่วนคนอื่นๆจะไม่ได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์แต่อย่างใด กล่าวคือเป็นการช่วยลดภาษีคนรวยเท่านั้น

เห็นข่าวที่อื่นเค้าพูดถึงเฉพาะภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% นะ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป

“ก.ล.ต.” เตรียมเสนอ “คลัง” ยกเว้นภาษีเงินปันผลทั้งระบบ-เท่าเทียมภูมิภาค

“ก.ล.ต.” เตรียมเสนอ “คลัง” ยกเว้นภาษีเงินปันผล 10% ทั้งระบบ เพื่อให้เท่าเทียมกับภูมิภาค เพราะภาษีดังกล่าว เป็นการเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อนกับการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตนเองได้ทำหนังสือเสนอไปยังกรมสรรพากรตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 เพื่อให้ยกเว้นการเก็บภาษีเงินปันผลที่ปัจจุบันมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 10 เนื่องจากเห็นว่าเป็นการเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อนกับการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ไทยควรจะปรับให้สอดคล้องกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ที่ไม่มีการจัดเก็บภาษีดังกล่าว และเป็นการรองรับการเปิดเสรีการเงินการลงทุนของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนไทยสามารถแข่งขันได้

นอกจากนี้ อัตราภาษีที่ใกล้เคียงกันยังเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทที่จดทะเบียนใน 2 ตลาดพร้อมกัน หรือ Duo Listing อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกรมสรรพากร โดยขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ

ส่วนกรณีการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในการหักลดหย่อนภาษีนั้น เห็นว่า ยังมีความจำเป็น เพราะเป็นการส่งเสริมการออม และเป็นการสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะยาวที่จะมีโอกาสให้ผลตอบแทนมากกว่า

http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000001069