ช่วงชีวิตของนักลงทุน
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 1
ถ้าเราลองสังเกตุชีวิตตัวเราเองดู ผมว่าแต่ละช่วงชีวิตของเรานั้น มีความต้องการในชีวิตแตกต่างกันไป นานมาแล้ว พี่แอ๊ด คาราบาวได้เคยแต่งเพลง “ตุ๊กตา” ที่มีเนื้อร้องว่า “หวนคิดคำนึงถึงตอนที่ฉันยังเป็นเด็กๆ ตุ๊กตาที่ตัวเล็กๆ ก็ดูจะมีความหมาย”
ใช่ครับ ผมว่าตอนเราเด็กๆ ของเล่น มีความสำคัญกับเรามากเหลือเกิน ถ้ามีคนมาบอกว่าให้ เลือก ระหว่าง ADVANC 1,000 หุ้น กับ หุ่นยนต์ Transformer แบบ แปลงร่างได้ เด็กห้าขวบอย่างผมก็คงเลือกหุ่นยนต์เป็นแน่แท้
ต่อมาเมื่อโตขึ้นไปอีก เราก็เริ่มทิ้งหุ่นยนต์ และหันมาติดเพื่อน ตามมาด้วยทิ้งเพื่อน ติดหญิง หลายคนคงจำประสพการณ์ในช่วงนั้นได้ดี ยิ่งตอนความรักอยู่ในช่วงหอมหวาน มีกันสองคนก็พอแล้ว ไม่ต้องการอื่นใด อีกเช่นเคย ถ้าตอนนั้นมีคนให้เราเลือกระหว่าง หุ้น PTT 10,000 หุ้น กับ การได้สมหวังในความรักกับแฟนของเรา เราคงเลือกเรื่องรัก มากกว่า เรื่องไหนๆ
พออายุย่างเข้าสักสามสิบขึ้นมา หน้าที่การงาน เงินทอง การสั่งสมความมั่งคั่ง กลายมาเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเรา หลายคนเริ่มค้นหาสิ่งที่ชอบ งานที่เป็นตัวตนจริงๆ และมีอีกมากมายที่แสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “อิสระทางการเงิน” ผมว่าในช่วง สามสิบถึงห้าสิบปีนี่แหละที่ หลายคนคงเลือก BANPU 100,000 หุ้น มากกว่า หุ่นยนต์ มากกว่า เวลากับคนที่เรารัก มากกว่า สุขภาพดี เป็นแน่ หลายคนทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลัง นอนดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย บอกเมียและลูกว่ารอก่อนนะ ถ้าพอร์ทพ่อถึงเท่านั้น เท่านี้ เราจะอย่างนั้นอย่างนี้
พออายุเริ่มเข้าสู่เลขห้า หรือเลขหกนำหน้า สำหรับบางคน อิสระทางการเงิน อาจไม่ใช่จุดมุ่งหมาย “หลัก” ของเขาอีกต่อไป สุขภาพกาย สุขภาพใจ เริ่มเข้ามาเป็นเรื่องหลักในชีวิตของเรา หลายคนเริ่มรู้สึกได้ว่าเงินทองที่ทุ่มเทหามาทั้งชีวิตนั้น เป็นแค่ เครื่องจรรโลงใจ แต่ไม่ใช่ “แก่นสาร” บางคนเริ่มรู้สึกว่า สินทรัพย์ที่มีอยู่นั้น ทำให้เราสุขใจ แค่ตอนที่เรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ ตอนนอน ตอนเข้าห้องน้ำ ตอนทานข้าว ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เรามี เรามั่งคั่งแต่อย่างใด
มีหลายคนเริ่มปฎิบัติธรรมจริงจัง ศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วพบความสุขภายใน ที่ละเอียด ละเมียดละไม กว่า สุขที่ขึ้นกับวัตถุภายนอก หลายคนเริ่มมาออกกำลังกาย เล่นโยคะ ว่ายน้ำ กินชีวจิต กินมังสะ ตอนนี้ ถ้าให้เลือก ระหว่าง SCB 500,000 หุ้น กับ ให้โรคที่เป็นอยู่หายไปได้ แล้วกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ต้องหาหมอทุกอาทิตย์ ไม่ต้องกินยาเป็นกำกำ หลายคนคงเลือก ให้โรคร้ายอัตรธานหายไป
พอมาถึงตอนปลายของชีวิต ตอนที่เราใกล้จะจากโลกนี้ไปนอนอยู่บนเตียง เราก็เริ่มรู้สึกว่า จิตสุดท้าย ก่อน ใจ จะทิ้ง กายไปนั้นสำคัญที่สุด ถึงเพื่อนโทรมาบอกว่าจะโอนหุ้น APPLE ที่มีอยู่ 1,000,000 หุ้นให้กับเรา เราก็คงไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายมากอะไร การจากไปอย่างสงบเป็นสิ่งที่ปรารถนา มากกว่า
ขอฝากบทความนี้สวัสดีปีใหม่ ปี 2555 กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักลงทุนทุกๆท่านครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน
ใช่ครับ ผมว่าตอนเราเด็กๆ ของเล่น มีความสำคัญกับเรามากเหลือเกิน ถ้ามีคนมาบอกว่าให้ เลือก ระหว่าง ADVANC 1,000 หุ้น กับ หุ่นยนต์ Transformer แบบ แปลงร่างได้ เด็กห้าขวบอย่างผมก็คงเลือกหุ่นยนต์เป็นแน่แท้
ต่อมาเมื่อโตขึ้นไปอีก เราก็เริ่มทิ้งหุ่นยนต์ และหันมาติดเพื่อน ตามมาด้วยทิ้งเพื่อน ติดหญิง หลายคนคงจำประสพการณ์ในช่วงนั้นได้ดี ยิ่งตอนความรักอยู่ในช่วงหอมหวาน มีกันสองคนก็พอแล้ว ไม่ต้องการอื่นใด อีกเช่นเคย ถ้าตอนนั้นมีคนให้เราเลือกระหว่าง หุ้น PTT 10,000 หุ้น กับ การได้สมหวังในความรักกับแฟนของเรา เราคงเลือกเรื่องรัก มากกว่า เรื่องไหนๆ
พออายุย่างเข้าสักสามสิบขึ้นมา หน้าที่การงาน เงินทอง การสั่งสมความมั่งคั่ง กลายมาเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเรา หลายคนเริ่มค้นหาสิ่งที่ชอบ งานที่เป็นตัวตนจริงๆ และมีอีกมากมายที่แสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “อิสระทางการเงิน” ผมว่าในช่วง สามสิบถึงห้าสิบปีนี่แหละที่ หลายคนคงเลือก BANPU 100,000 หุ้น มากกว่า หุ่นยนต์ มากกว่า เวลากับคนที่เรารัก มากกว่า สุขภาพดี เป็นแน่ หลายคนทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลัง นอนดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย บอกเมียและลูกว่ารอก่อนนะ ถ้าพอร์ทพ่อถึงเท่านั้น เท่านี้ เราจะอย่างนั้นอย่างนี้
พออายุเริ่มเข้าสู่เลขห้า หรือเลขหกนำหน้า สำหรับบางคน อิสระทางการเงิน อาจไม่ใช่จุดมุ่งหมาย “หลัก” ของเขาอีกต่อไป สุขภาพกาย สุขภาพใจ เริ่มเข้ามาเป็นเรื่องหลักในชีวิตของเรา หลายคนเริ่มรู้สึกได้ว่าเงินทองที่ทุ่มเทหามาทั้งชีวิตนั้น เป็นแค่ เครื่องจรรโลงใจ แต่ไม่ใช่ “แก่นสาร” บางคนเริ่มรู้สึกว่า สินทรัพย์ที่มีอยู่นั้น ทำให้เราสุขใจ แค่ตอนที่เรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ ตอนนอน ตอนเข้าห้องน้ำ ตอนทานข้าว ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เรามี เรามั่งคั่งแต่อย่างใด
มีหลายคนเริ่มปฎิบัติธรรมจริงจัง ศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วพบความสุขภายใน ที่ละเอียด ละเมียดละไม กว่า สุขที่ขึ้นกับวัตถุภายนอก หลายคนเริ่มมาออกกำลังกาย เล่นโยคะ ว่ายน้ำ กินชีวจิต กินมังสะ ตอนนี้ ถ้าให้เลือก ระหว่าง SCB 500,000 หุ้น กับ ให้โรคที่เป็นอยู่หายไปได้ แล้วกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ต้องหาหมอทุกอาทิตย์ ไม่ต้องกินยาเป็นกำกำ หลายคนคงเลือก ให้โรคร้ายอัตรธานหายไป
พอมาถึงตอนปลายของชีวิต ตอนที่เราใกล้จะจากโลกนี้ไปนอนอยู่บนเตียง เราก็เริ่มรู้สึกว่า จิตสุดท้าย ก่อน ใจ จะทิ้ง กายไปนั้นสำคัญที่สุด ถึงเพื่อนโทรมาบอกว่าจะโอนหุ้น APPLE ที่มีอยู่ 1,000,000 หุ้นให้กับเรา เราก็คงไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายมากอะไร การจากไปอย่างสงบเป็นสิ่งที่ปรารถนา มากกว่า
ขอฝากบทความนี้สวัสดีปีใหม่ ปี 2555 กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักลงทุนทุกๆท่านครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 2
คล้ายบทความนักธุรกิจหนุ่มกับลุงแก่ชาวประมงครับคนขายของ เขียน:ถ้าเราลองสังเกตุชีวิตตัวเราเองดู ผมว่าแต่ละช่วงชีวิตของเรานั้น มีความต้องการในชีวิตแตกต่างกันไป นานมาแล้ว พี่แอ๊ด คาราบาวได้เคยแต่งเพลง “ตุ๊กตา” ที่มีเนื้อร้องว่า “หวนคิดคำนึงถึงตอนที่ฉันยังเป็นเด็กๆ ตุ๊กตาที่ตัวเล็กๆ ก็ดูจะมีความหมาย”
ใช่ครับ ผมว่าตอนเราเด็กๆ ของเล่น มีความสำคัญกับเรามากเหลือเกิน ถ้ามีคนมาบอกว่าให้ เลือก ระหว่าง ADVANC 1,000 หุ้น กับ หุ่นยนต์ Transformer แบบ แปลงร่างได้ เด็กห้าขวบอย่างผมก็คงเลือกหุ่นยนต์เป็นแน่แท้
ต่อมาเมื่อโตขึ้นไปอีก เราก็เริ่มทิ้งหุ่นยนต์ และหันมาติดเพื่อน ตามมาด้วยทิ้งเพื่อน ติดหญิง หลายคนคงจำประสพการณ์ในช่วงนั้นได้ดี ยิ่งตอนความรักอยู่ในช่วงหอมหวาน มีกันสองคนก็พอแล้ว ไม่ต้องการอื่นใด อีกเช่นเคย ถ้าตอนนั้นมีคนให้เราเลือกระหว่าง หุ้น PTT 10,000 หุ้น กับ การได้สมหวังในความรักกับแฟนของเรา เราคงเลือกเรื่องรัก มากกว่า เรื่องไหนๆ
พออายุย่างเข้าสักสามสิบขึ้นมา หน้าที่การงาน เงินทอง การสั่งสมความมั่งคั่ง กลายมาเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเรา หลายคนเริ่มค้นหาสิ่งที่ชอบ งานที่เป็นตัวตนจริงๆ และมีอีกมากมายที่แสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “อิสระทางการเงิน” ผมว่าในช่วง สามสิบถึงห้าสิบปีนี่แหละที่ หลายคนคงเลือก BANPU 100,000 หุ้น มากกว่า หุ่นยนต์ มากกว่า เวลากับคนที่เรารัก มากกว่า สุขภาพดี เป็นแน่ หลายคนทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลัง นอนดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย บอกเมียและลูกว่ารอก่อนนะ ถ้าพอร์ทพ่อถึงเท่านั้น เท่านี้ เราจะอย่างนั้นอย่างนี้
พออายุเริ่มเข้าสู่เลขห้า หรือเลขหกนำหน้า สำหรับบางคน อิสระทางการเงิน อาจไม่ใช่จุดมุ่งหมาย “หลัก” ของเขาอีกต่อไป สุขภาพกาย สุขภาพใจ เริ่มเข้ามาเป็นเรื่องหลักในชีวิตของเรา หลายคนเริ่มรู้สึกได้ว่าเงินทองที่ทุ่มเทหามาทั้งชีวิตนั้น เป็นแค่ เครื่องจรรโลงใจ แต่ไม่ใช่ “แก่นสาร” บางคนเริ่มรู้สึกว่า สินทรัพย์ที่มีอยู่นั้น ทำให้เราสุขใจ แค่ตอนที่เรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ ตอนนอน ตอนเข้าห้องน้ำ ตอนทานข้าว ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เรามี เรามั่งคั่งแต่อย่างใด
มีหลายคนเริ่มปฎิบัติธรรมจริงจัง ศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วพบความสุขภายใน ที่ละเอียด ละเมียดละไม กว่า สุขที่ขึ้นกับวัตถุภายนอก หลายคนเริ่มมาออกกำลังกาย เล่นโยคะ ว่ายน้ำ กินชีวจิต กินมังสะ ตอนนี้ ถ้าให้เลือก ระหว่าง SCB 500,000 หุ้น กับ ให้โรคที่เป็นอยู่หายไปได้ แล้วกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ต้องหาหมอทุกอาทิตย์ ไม่ต้องกินยาเป็นกำกำ หลายคนคงเลือก ให้โรคร้ายอัตรธานหายไป
พอมาถึงตอนปลายของชีวิต ตอนที่เราใกล้จะจากโลกนี้ไปนอนอยู่บนเตียง เราก็เริ่มรู้สึกว่า จิตสุดท้าย ก่อน ใจ จะทิ้ง กายไปนั้นสำคัญที่สุด ถึงเพื่อนโทรมาบอกว่าจะโอนหุ้น APPLE ที่มีอยู่ 1,000,000 หุ้นให้กับเรา เราก็คงไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายมากอะไร การจากไปอย่างสงบเป็นสิ่งที่ปรารถนา มากกว่า
ขอฝากบทความนี้สวัสดีปีใหม่ ปี 2555 กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักลงทุนทุกๆท่านครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน
ชอบมากๆ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 3
มีนักธุรกิจผู้หนึ่งจบปริญญา ทาง MBA จาก Havard หลังจากที่เขาออกมาทำธุรกิจจน
ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยมหาศาล เมื่อมีเวลา เขาก็มักจะเดินทางไปพักผ่อนที่ชายทะเล
แถว Maxico
วันหนึ่งขณะที่ เขากำลังนอนอาบแดดอยู่ที่ชายหาดนั้นเอง เขาก็เหลือบ ไปเห็นชายหาปลา
ผู้หนึ่ง กำลังนั่งตกปลาอยู่ สักพักชายหาปลาผู้นั้นก็ลุกเดินผ่านเขาไป นักธุรกิจรีบทัก
"ลุง ๆ ตกปลามาได้กี่ตัวละ" ชายหาปลาก็ เปิดถังใส่ปลาที่เขาหามาได้ให้ดู
ข้างใน ก็มีปลาอยู่สี่ตัว แล้วบอกว่า
"ก็ได้มาสี่ตัว กะว่าจะเก็บไว้กิน สองตัว เอาไปแจกเพื่อนฝูง สักตัว เหลือ อีกตัวก็ว่าจะเอา
ไปขายที่ตลาด"
"แล้วกว่าจะจับปลาได้สี่ตัวนี่นานหรือปล่าวละ" นักธุรกิจถาม
"อ๋อ ไม่นานหรอก พักเดียวแหละ" ชายหาปลาตอบ
"อ้าว แล้วเวลาที่เหลือ ลุงทำอะไรละ"
"ก็นอนพักผ่อน ตื่นมาก็เดินเล่นคุยกับเพื่อนพอหิวก็มานั่งตกปลานี่แหละ"
นักธุรกิจรีบออกความเห็น "ทำไมลุงไม่ทำอย่างนี้ละ แทนที่จะจับปลาสามสี่ตัว ลุกก็จับให้
มันเยอะๆหน่อย แล้วก็เอาไปขายที่ตลาด พอได้ เงินมา ลุงก็เอาเงินไปซื้อเรือสักลำ เพื่อจะได้ออกไปจับปลากลางทะเล จะได้ได้ปลามาเยอะๆ"
"แล้วยังไง" ชายหาปลาถามแทรก
"ก็พอได้ปลามาเยอะๆ ลุงก็เอาไปขาย ได้เงินมามากเข้ามากเข้า ลุงก็ซื้อเรือลำใหญ่ขึ้น
หลายๆ ลำ เพื่อจะได้จับปลาได้มากขึ้น"
"แล้วยังไง" ชายหาปลาถามอีก
"ทีนี้ลุงก็ต้องสร้างตู้แช่แข็งเป็นของตัวเองลุงจะได้เอาไว้เก็บปลาที่หามาได้ ไม่เสียของ
จะได้เก็บไว้ขายได้ ถ้าขายไม่หมดลุงก็ตั้งโรงงานปลากระป๋อง เพื่อแปรรูป ก็จะนำกลับไป
ขายได้อีก"
"แล้วยังไง" ชายหาปลาถามอยู่คำเดียว "
อ้าว จะยังไงลุงก็จะร่ำรวยมีเงินทองเหลือใช้จน ไม่ต้องทำงานอีกต่อไป ลุงก็จะมีเวลามา
พักผ่อนชายหาด เหมือนผมตอนนี้
ว่างๆ ลุงก็เดินไปคุยกับเพื่อน ตกปลาเล่นบ้างนอนพักผ่อนบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป"
"หึ หึ" ชายหาปลาไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเงียบอยู่ในใจ
เครดิต ท่านอาจาร์ย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยมหาศาล เมื่อมีเวลา เขาก็มักจะเดินทางไปพักผ่อนที่ชายทะเล
แถว Maxico
วันหนึ่งขณะที่ เขากำลังนอนอาบแดดอยู่ที่ชายหาดนั้นเอง เขาก็เหลือบ ไปเห็นชายหาปลา
ผู้หนึ่ง กำลังนั่งตกปลาอยู่ สักพักชายหาปลาผู้นั้นก็ลุกเดินผ่านเขาไป นักธุรกิจรีบทัก
"ลุง ๆ ตกปลามาได้กี่ตัวละ" ชายหาปลาก็ เปิดถังใส่ปลาที่เขาหามาได้ให้ดู
ข้างใน ก็มีปลาอยู่สี่ตัว แล้วบอกว่า
"ก็ได้มาสี่ตัว กะว่าจะเก็บไว้กิน สองตัว เอาไปแจกเพื่อนฝูง สักตัว เหลือ อีกตัวก็ว่าจะเอา
ไปขายที่ตลาด"
"แล้วกว่าจะจับปลาได้สี่ตัวนี่นานหรือปล่าวละ" นักธุรกิจถาม
"อ๋อ ไม่นานหรอก พักเดียวแหละ" ชายหาปลาตอบ
"อ้าว แล้วเวลาที่เหลือ ลุงทำอะไรละ"
"ก็นอนพักผ่อน ตื่นมาก็เดินเล่นคุยกับเพื่อนพอหิวก็มานั่งตกปลานี่แหละ"
นักธุรกิจรีบออกความเห็น "ทำไมลุงไม่ทำอย่างนี้ละ แทนที่จะจับปลาสามสี่ตัว ลุกก็จับให้
มันเยอะๆหน่อย แล้วก็เอาไปขายที่ตลาด พอได้ เงินมา ลุงก็เอาเงินไปซื้อเรือสักลำ เพื่อจะได้ออกไปจับปลากลางทะเล จะได้ได้ปลามาเยอะๆ"
"แล้วยังไง" ชายหาปลาถามแทรก
"ก็พอได้ปลามาเยอะๆ ลุงก็เอาไปขาย ได้เงินมามากเข้ามากเข้า ลุงก็ซื้อเรือลำใหญ่ขึ้น
หลายๆ ลำ เพื่อจะได้จับปลาได้มากขึ้น"
"แล้วยังไง" ชายหาปลาถามอีก
"ทีนี้ลุงก็ต้องสร้างตู้แช่แข็งเป็นของตัวเองลุงจะได้เอาไว้เก็บปลาที่หามาได้ ไม่เสียของ
จะได้เก็บไว้ขายได้ ถ้าขายไม่หมดลุงก็ตั้งโรงงานปลากระป๋อง เพื่อแปรรูป ก็จะนำกลับไป
ขายได้อีก"
"แล้วยังไง" ชายหาปลาถามอยู่คำเดียว "
อ้าว จะยังไงลุงก็จะร่ำรวยมีเงินทองเหลือใช้จน ไม่ต้องทำงานอีกต่อไป ลุงก็จะมีเวลามา
พักผ่อนชายหาด เหมือนผมตอนนี้
ว่างๆ ลุงก็เดินไปคุยกับเพื่อน ตกปลาเล่นบ้างนอนพักผ่อนบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป"
"หึ หึ" ชายหาปลาไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเงียบอยู่ในใจ
เครดิต ท่านอาจาร์ย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 5
Great self evaluation krab.
U saw a pattern in behavior.
U map your life out.
U know exactly where u are going.
I will try that.
Reading your thoughts give me positive feeling of oxegen as though I were standing on top of Doi Intranon Peak.
. I shouldn't be so greedy .
Investing is not everything, isn't it?
Thanks.
U saw a pattern in behavior.
U map your life out.
U know exactly where u are going.
I will try that.
Reading your thoughts give me positive feeling of oxegen as though I were standing on top of Doi Intranon Peak.
. I shouldn't be so greedy .
Investing is not everything, isn't it?
Thanks.
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 6
ซากเห็นต่างกับวงจรชีวิตที่เขียนถึงแต่ละช่วงอายุ เพราะวงจรตั้งแต่เริ่มเข้าช่วงเริ่มแตกหนุ่มก็ไม่ได้เป็นไปตามวงจรไหนๆอีกเลย
เป็นเรื่องจริงที่ การลงทุนหรือกิจกรรมใดๆก็ตามจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต
แต่เราก็สมควรให้ความสำคัญกับมันมากที่สุดชีวิต เมื่อมันเป็นไม่กี่สิ่งที่เราสนใจมากที่สุดในปัจจุบัน ตามแต่ช่วงเวลานั้นๆ
เราต้องอยู่กับปัจจุบันให้สมกับที่เป็นคนผู้มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา
เป็นเรื่องจริงที่ การลงทุนหรือกิจกรรมใดๆก็ตามจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต
แต่เราก็สมควรให้ความสำคัญกับมันมากที่สุดชีวิต เมื่อมันเป็นไม่กี่สิ่งที่เราสนใจมากที่สุดในปัจจุบัน ตามแต่ช่วงเวลานั้นๆ
เราต้องอยู่กับปัจจุบันให้สมกับที่เป็นคนผู้มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 7
โดนใจครับ ขอบคุณมากครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 8
เราจะสนใจสิ่งที่ไกลรอบตัวก่อน จะเข้ามาสนใจสิ่งรอบตัว
สนใจสิ่งรอบตัวก่อน จะสนใจตัวเอง
สนใจตัวเองก่อน ที่จะสนใจวาระจิตของตัวเอง
ถ้าเราทำย้อนศร จะช่วยทุกเรื่อง รวมถึงการลงทุนด้วย
สนใจสิ่งรอบตัวก่อน จะสนใจตัวเอง
สนใจตัวเองก่อน ที่จะสนใจวาระจิตของตัวเอง
ถ้าเราทำย้อนศร จะช่วยทุกเรื่อง รวมถึงการลงทุนด้วย
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
ผมก็ขออนุญาติส่งความสุขเช่นกันด้วยภาพชุด "จับวัว" ซึ่งผมมองว่าได้ฉายภาพ "เส้นทางชีวิตของนักลงทุน" เช่นกัน
ภาพเหล่านี้คือภาพปริศนาธรรมเซน ซึ่งผมได้อ่านการตีความหมายภาพเหล่านี้โดยท่านพุทธทาส ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือ"พุทธทาสกับเซ็น" อ่านเเล้วโดนใจมากครับ ผมมองว่าภาพเหล่านี้เป็นเหมือนเส้นทางการลงทุนของนักลงทุนทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปได้เเค่ไหน
เริ่มจากลองเปรียบวัวเหมือนทรัพย์สิน คนในภาพคือนักลงทุน ผมจะอธิบายเเต่ละภาพโดยสรุปนะครับ
ภาพที่ 1
เป็นภาพบุคคลยืนอยู่กลางลาน ระหว่างภูเขา ลองสังเกตใบหน้าของเขาเป็นพิเศษจะเห็นว่าใบหน้าของเขาไม่ประสีประสาอะไร เหมือนชีวิตคนที่ตั้งต้นมาจากความไม่รู้อะไร
ภาพที่ 2 พบรอยเท้าวัว
เป็นภาพเริ่มเห็นรอยบางอย่าง เเม้จะไม่เเน่ใจว่าเป็นร่องรอยอะไร เเต่ก็น่าสนใจ เขาจึงลองเดินตามไป
ผมเปรียบเหมือนกับมีคนเเนะนำให้เราซึ่งไม่รู้อะไรเลย รู้จักการลงทุนหุ้นเพื่ออิสรภาพทางการเงิน เเต่เราก็ยังไม่ใจว่าเเนวทาง(รอยเท้า)เหล่านี้คืออะไร จะทำได้จริงไหม? เเต่น่าสนใจลองศึกษาดู
ภาพที่ 3 เห็นวัว
มนุษย์คนเดิมได้ตามรอยมาจนเห็นวัว ตัวเป็นๆ อยากได้วัวเป็นเจ้าของ
ผมเปรียบเหมือนเราเห็นคนรวยจากการลงทุนในหุ้นได้จริงๆ เห็น"อิสรภาพทางการเงิน"ของคนอื่นที่เป็นรูปธรรมจริงๆจับต้องได้ เราจึง"อยาก"เป็นเหมือนเขาบ้าง เป้าหมายของเราชัดเจนขึ้น..คือมีอิสรภาพทางการเงิน(เสมือนเป็นเจ้าของวัว)
ภาพที่ 4 จับวัว
มนุษย์คนเดิมพยามต่อสู้เพื่อจับวัว ลองจ้องดูหน้าตาของมนุษย์คนนี้เเสดงเเววเเห่งอะไร? ในที่สุดการต่อสู้ก็เป็นไป เป็นไปตามลำดับ
ผมเปรียบเสมือนกับเราขยันอ่านหนังสือการลงทุน, อ่านงบการเงิน, บางคนอาจเข้าอบรมCourse ต่างๆ, เเละทดลองลงทุนจริง กำไร ขาดทุน จริง
ซึ่งผมนักลงทุนส่วนใหญ่คนก็ติดอยู่เเค่ขั้นนี้เพราะจับวัวไม่สำเร็จ สาเหตุสำคัญมีได้ 2 อย่าง
1) ขาดทุน
2) กำไร เเต่ไม่รู้จักพอ...ต้องหาเรื่อยๆ จากเป้า Port 8 หลัก มาเป็น 9, 10, 11 หลัก
ภาพที่ 5 จับวัวได้สำเร็จ
คนเริ่มชนะวัว พาวัวไปตามประสงค์เเห่งตน
ภาพที่ 6 เป่าปี่ขี่วัว
ดูหน้าคนเป่าปี่ เห็นเเววเเห่งความพึงพอใจ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เปรียบเหมือนนักลงทุนที่มีอิสรภาพทางการเงิน ประสบความสำเร็จทางโลก อย่างไรก็ตามผมมีความเห็นว่าภาพนี้จะไม่เกิดขึ้น, อิสรภาพทางการเงินจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่รู้จัก"พอ" ประมาณว่ามีเงินหมื่นล้าน ก็ไม่มีอิสรภาพทางการเงิน
มาถึงคำถามสำคัญว่าได้"อิสรภาพทางการเงิน"เเล้วไงต่อ?
ภาพที่ 7
ภาพคนคนเดียวกันมองชะเง้อไปในทางสูงบนฟ้า หมายความว่า เวลาล่วงมานานพอสมควร จนชินชากับความสุขอย่างโลกๆ ลืมตัวเองว่าเป็นเจ้าของวัว ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของวัวคือ ความยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินลดลง
เราลองมาสังเกตนักลงทุนเอกของโลกหรือมหาเศรษฐี หรือเเม้เเต่พี่ๆในWebของเราที่ลงทุนจน Port โต>9 หลัก ที่เริ่มชินชากับความสุขทางโลก ก็หันเข้าสู่การคืนให้สังคมอย่างจริงจัง ในรูปเเบบต่างๆ การตั้งมูลนิธิการกุศล, การบริจาค หรืออย่างพี่ท่านนึงทำห้องสมุดธรรมมะ ผมมองว่าถ้าใครมาถึงขั้นตอนนี้ได้ก็เก่งมากเลยครับ
เเล้วถัดจากนั้นคืออะไร? ถัดจากนั้นในที่สุดสิ่งทั้งปวงที่เคยยึดถือจะหลุดร่วงไป กลายสภาพเป็น...
ภาพที่ 8 สุญญตา
คือความว่าง วงกลมใช้เเทนสภาพของความว่าง ไม่มีที่สิ้นสุด ว่างจากคน ว่างจากวัว...ละความยึดติดในทรัพย์สินได้ ปล่อยวางทั้งหมด เป็นการจบขั้นตอนที่เป็นขั้นตอนของโลกียธรรม
ปล.เนื่องจากเป็นภาพปริศนาธรรม การตีความอาจจะเเตกต่างกันไปในเเต่ละคน บางเเหล่งตีความว่าวัวคือปัญญา พูดถึงการฝึกจิตจนทำให้เกิดปัญญาและยังมีภาพต่อจากนี้อีก 2 ภาพซึ่งเป็นเรื่องของโลกกุตรธรรม ก็ขอไม่กล่าวถึงเเล้วกันครับ
ผมก็ขออนุญาติส่งความสุขเช่นกันด้วยภาพชุด "จับวัว" ซึ่งผมมองว่าได้ฉายภาพ "เส้นทางชีวิตของนักลงทุน" เช่นกัน
ภาพเหล่านี้คือภาพปริศนาธรรมเซน ซึ่งผมได้อ่านการตีความหมายภาพเหล่านี้โดยท่านพุทธทาส ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือ"พุทธทาสกับเซ็น" อ่านเเล้วโดนใจมากครับ ผมมองว่าภาพเหล่านี้เป็นเหมือนเส้นทางการลงทุนของนักลงทุนทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปได้เเค่ไหน
เริ่มจากลองเปรียบวัวเหมือนทรัพย์สิน คนในภาพคือนักลงทุน ผมจะอธิบายเเต่ละภาพโดยสรุปนะครับ
ภาพที่ 1
เป็นภาพบุคคลยืนอยู่กลางลาน ระหว่างภูเขา ลองสังเกตใบหน้าของเขาเป็นพิเศษจะเห็นว่าใบหน้าของเขาไม่ประสีประสาอะไร เหมือนชีวิตคนที่ตั้งต้นมาจากความไม่รู้อะไร
ภาพที่ 2 พบรอยเท้าวัว
เป็นภาพเริ่มเห็นรอยบางอย่าง เเม้จะไม่เเน่ใจว่าเป็นร่องรอยอะไร เเต่ก็น่าสนใจ เขาจึงลองเดินตามไป
ผมเปรียบเหมือนกับมีคนเเนะนำให้เราซึ่งไม่รู้อะไรเลย รู้จักการลงทุนหุ้นเพื่ออิสรภาพทางการเงิน เเต่เราก็ยังไม่ใจว่าเเนวทาง(รอยเท้า)เหล่านี้คืออะไร จะทำได้จริงไหม? เเต่น่าสนใจลองศึกษาดู
ภาพที่ 3 เห็นวัว
มนุษย์คนเดิมได้ตามรอยมาจนเห็นวัว ตัวเป็นๆ อยากได้วัวเป็นเจ้าของ
ผมเปรียบเหมือนเราเห็นคนรวยจากการลงทุนในหุ้นได้จริงๆ เห็น"อิสรภาพทางการเงิน"ของคนอื่นที่เป็นรูปธรรมจริงๆจับต้องได้ เราจึง"อยาก"เป็นเหมือนเขาบ้าง เป้าหมายของเราชัดเจนขึ้น..คือมีอิสรภาพทางการเงิน(เสมือนเป็นเจ้าของวัว)
ภาพที่ 4 จับวัว
มนุษย์คนเดิมพยามต่อสู้เพื่อจับวัว ลองจ้องดูหน้าตาของมนุษย์คนนี้เเสดงเเววเเห่งอะไร? ในที่สุดการต่อสู้ก็เป็นไป เป็นไปตามลำดับ
ผมเปรียบเสมือนกับเราขยันอ่านหนังสือการลงทุน, อ่านงบการเงิน, บางคนอาจเข้าอบรมCourse ต่างๆ, เเละทดลองลงทุนจริง กำไร ขาดทุน จริง
ซึ่งผมนักลงทุนส่วนใหญ่คนก็ติดอยู่เเค่ขั้นนี้เพราะจับวัวไม่สำเร็จ สาเหตุสำคัญมีได้ 2 อย่าง
1) ขาดทุน
2) กำไร เเต่ไม่รู้จักพอ...ต้องหาเรื่อยๆ จากเป้า Port 8 หลัก มาเป็น 9, 10, 11 หลัก
ภาพที่ 5 จับวัวได้สำเร็จ
คนเริ่มชนะวัว พาวัวไปตามประสงค์เเห่งตน
ภาพที่ 6 เป่าปี่ขี่วัว
ดูหน้าคนเป่าปี่ เห็นเเววเเห่งความพึงพอใจ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เปรียบเหมือนนักลงทุนที่มีอิสรภาพทางการเงิน ประสบความสำเร็จทางโลก อย่างไรก็ตามผมมีความเห็นว่าภาพนี้จะไม่เกิดขึ้น, อิสรภาพทางการเงินจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่รู้จัก"พอ" ประมาณว่ามีเงินหมื่นล้าน ก็ไม่มีอิสรภาพทางการเงิน
มาถึงคำถามสำคัญว่าได้"อิสรภาพทางการเงิน"เเล้วไงต่อ?
ภาพที่ 7
ภาพคนคนเดียวกันมองชะเง้อไปในทางสูงบนฟ้า หมายความว่า เวลาล่วงมานานพอสมควร จนชินชากับความสุขอย่างโลกๆ ลืมตัวเองว่าเป็นเจ้าของวัว ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของวัวคือ ความยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินลดลง
เราลองมาสังเกตนักลงทุนเอกของโลกหรือมหาเศรษฐี หรือเเม้เเต่พี่ๆในWebของเราที่ลงทุนจน Port โต>9 หลัก ที่เริ่มชินชากับความสุขทางโลก ก็หันเข้าสู่การคืนให้สังคมอย่างจริงจัง ในรูปเเบบต่างๆ การตั้งมูลนิธิการกุศล, การบริจาค หรืออย่างพี่ท่านนึงทำห้องสมุดธรรมมะ ผมมองว่าถ้าใครมาถึงขั้นตอนนี้ได้ก็เก่งมากเลยครับ
เเล้วถัดจากนั้นคืออะไร? ถัดจากนั้นในที่สุดสิ่งทั้งปวงที่เคยยึดถือจะหลุดร่วงไป กลายสภาพเป็น...
ภาพที่ 8 สุญญตา
คือความว่าง วงกลมใช้เเทนสภาพของความว่าง ไม่มีที่สิ้นสุด ว่างจากคน ว่างจากวัว...ละความยึดติดในทรัพย์สินได้ ปล่อยวางทั้งหมด เป็นการจบขั้นตอนที่เป็นขั้นตอนของโลกียธรรม
ปล.เนื่องจากเป็นภาพปริศนาธรรม การตีความอาจจะเเตกต่างกันไปในเเต่ละคน บางเเหล่งตีความว่าวัวคือปัญญา พูดถึงการฝึกจิตจนทำให้เกิดปัญญาและยังมีภาพต่อจากนี้อีก 2 ภาพซึ่งเป็นเรื่องของโลกกุตรธรรม ก็ขอไม่กล่าวถึงเเล้วกันครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 11
ขอเเก้ไขหน่อยครับ สอบตกเรียงความ
ภาพที่ 4 จับวัว
มนุษย์คนเดิมพยามต่อสู้เพื่อจับวัว ลองจ้องดูหน้าตาของมนุษย์คนนี้เเสดงเเววเเห่งอะไร? ในที่สุดการต่อสู้ก็เป็นไป เป็นไปตามลำดับ
ผมเปรียบเสมือนกับเราขยันอ่านหนังสือการลงทุน, อ่านงบการเงิน, บางคนอาจเข้าอบรมCourse ต่างๆ, เเละทดลองลงทุนจริง กำไรจริง ขาดทุนจริง พัฒนาเเนวทางการลงทุนของตนเรื่อยๆ เหมือนพัฒนาวิธี"การจับวัว"เเต่ต้องระวังสาเหตุสำคัญที่ทำให้"จับวัว"ไม่สำเร็จ 2 อย่างคือ
1) ขาดทุน
2) กำไร เเต่ไม่รู้จักพอ...ต้องหาเรื่อยๆ จากเป้า Port 8 หลัก มาเป็น 9, 10, 11 หลัก
ภาพที่ 4 จับวัว
มนุษย์คนเดิมพยามต่อสู้เพื่อจับวัว ลองจ้องดูหน้าตาของมนุษย์คนนี้เเสดงเเววเเห่งอะไร? ในที่สุดการต่อสู้ก็เป็นไป เป็นไปตามลำดับ
ผมเปรียบเสมือนกับเราขยันอ่านหนังสือการลงทุน, อ่านงบการเงิน, บางคนอาจเข้าอบรมCourse ต่างๆ, เเละทดลองลงทุนจริง กำไรจริง ขาดทุนจริง พัฒนาเเนวทางการลงทุนของตนเรื่อยๆ เหมือนพัฒนาวิธี"การจับวัว"เเต่ต้องระวังสาเหตุสำคัญที่ทำให้"จับวัว"ไม่สำเร็จ 2 อย่างคือ
1) ขาดทุน
2) กำไร เเต่ไม่รู้จักพอ...ต้องหาเรื่อยๆ จากเป้า Port 8 หลัก มาเป็น 9, 10, 11 หลัก
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 12
+1 ให้พี่ต่อไปละครับ
สื่อได้สุดยอดครับ
สื่อได้สุดยอดครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 14
ผมออกจะประหลาดอะคับคนขายของ เขียน:ถ้าเราลองสังเกตุชีวิตตัวเราเองดู ผมว่าแต่ละช่วงชีวิตของเรานั้น มีความต้องการในชีวิตแตกต่างกันไป นานมาแล้ว พี่แอ๊ด คาราบาวได้เคยแต่งเพลง “ตุ๊กตา” ที่มีเนื้อร้องว่า “หวนคิดคำนึงถึงตอนที่ฉันยังเป็นเด็กๆ ตุ๊กตาที่ตัวเล็กๆ ก็ดูจะมีความหมาย”
ใช่ครับ ผมว่าตอนเราเด็กๆ ของเล่น มีความสำคัญกับเรามากเหลือเกิน ถ้ามีคนมาบอกว่าให้ เลือก ระหว่าง ADVANC 1,000 หุ้น กับ หุ่นยนต์ Transformer แบบ แปลงร่างได้ เด็กห้าขวบอย่างผมก็คงเลือกหุ่นยนต์เป็นแน่แท้
ต่อมาเมื่อโตขึ้นไปอีก เราก็เริ่มทิ้งหุ่นยนต์ และหันมาติดเพื่อน ตามมาด้วยทิ้งเพื่อน ติดหญิง หลายคนคงจำประสพการณ์ในช่วงนั้นได้ดี ยิ่งตอนความรักอยู่ในช่วงหอมหวาน มีกันสองคนก็พอแล้ว ไม่ต้องการอื่นใด อีกเช่นเคย ถ้าตอนนั้นมีคนให้เราเลือกระหว่าง หุ้น PTT 10,000 หุ้น กับ การได้สมหวังในความรักกับแฟนของเรา เราคงเลือกเรื่องรัก มากกว่า เรื่องไหนๆ
พออายุย่างเข้าสักสามสิบขึ้นมา หน้าที่การงาน เงินทอง การสั่งสมความมั่งคั่ง กลายมาเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเรา หลายคนเริ่มค้นหาสิ่งที่ชอบ งานที่เป็นตัวตนจริงๆ และมีอีกมากมายที่แสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “อิสระทางการเงิน” ผมว่าในช่วง สามสิบถึงห้าสิบปีนี่แหละที่ หลายคนคงเลือก BANPU 100,000 หุ้น มากกว่า หุ่นยนต์ มากกว่า เวลากับคนที่เรารัก มากกว่า สุขภาพดี เป็นแน่ หลายคนทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลัง นอนดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย บอกเมียและลูกว่ารอก่อนนะ ถ้าพอร์ทพ่อถึงเท่านั้น เท่านี้ เราจะอย่างนั้นอย่างนี้
พออายุเริ่มเข้าสู่เลขห้า หรือเลขหกนำหน้า สำหรับบางคน อิสระทางการเงิน อาจไม่ใช่จุดมุ่งหมาย “หลัก” ของเขาอีกต่อไป สุขภาพกาย สุขภาพใจ เริ่มเข้ามาเป็นเรื่องหลักในชีวิตของเรา หลายคนเริ่มรู้สึกได้ว่าเงินทองที่ทุ่มเทหามาทั้งชีวิตนั้น เป็นแค่ เครื่องจรรโรงใจ แต่ไม่ใช่ “แก่นสาร” บางคนเริ่มรู้สึกว่า สินทรัพย์ที่มีอยู่นั้น ทำให้เราสุขใจ แค่ตอนที่เรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ ตอนนอน ตอนเข้าห้องน้ำ ตอนทานข้าว ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เรามี เรามั่งคั่งแต่อย่างใด
มีหลายคนเริ่มปฎิบัติธรรมจริงจัง ศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วพบความสุขภายใน ที่ละเอียด ละเมียดละไม กว่า สุขที่ขึ้นกับวัตถุภายนอก หลายคนเริ่มมาออกกำลังกาย เล่นโยคะ ว่ายน้ำ กินชีวจิต กินมังสะ ตอนนี้ ถ้าให้เลือก ระหว่าง SCB 500,000 หุ้น กับ ให้โรคที่เป็นอยู่หายไปได้ แล้วกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ต้องหาหมอทุกอาทิตย์ ไม่ต้องกินยาเป็นกำกำ หลายคนคงเลือก ให้โรคร้ายอัตรธานหายไป
พอมาถึงตอนปลายของชีวิต ตอนที่เราใกล้จะจากโลกนี้ไปนอนอยู่บนเตียง เราก็เริ่มรู้สึกว่า จิตสุดท้าย ก่อน ใจ จะทิ้ง กายไปนั้นสำคัญที่สุด ถึงเพื่อนโทรมาบอกว่าจะโอนหุ้น APPLE ที่มีอยู่ 1,000,000 หุ้นให้กับเรา เราก็คงไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายมากอะไร การจากไปอย่างสงบเป็นสิ่งที่ปรารถนา มากกว่า
ขอฝากบทความนี้สวัสดีปีใหม่ ปี 2555 กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักลงทุนทุกๆท่านครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน
ถ้าให้ผมเลือกระหว่าง ptt 10,000หุ้น กับความรัก
ผมเลือกความรักอะคับ
show me money.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณครับ
คล้ายๆกับที่ผมเจอตอนหนีน้ำปีที่แล้วเลยครับ ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้ว่าเงินกับความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตครับ เวลาหุ้นที่ถืออยู่ราคาไม่ขยับหรือตกลงเยอะๆยังเครียดไม่เท่ากับตอนที่น้ำจะท่วมที่บ้าน หาที่พักต่างจังหวัดตอนหนีน้ำ รวมไปถึงบ่อปลาที่โดนน้ำท่วมมิดบ่อโดยที่เราไม่มีโอกาสได้อยู่ดูสถานการณ์เลยครับ
ปล. แต่ยังไงหุ้นที่ถืออยู่ขึ้นก็ยังดีกว่าลงนะครับ
คล้ายๆกับที่ผมเจอตอนหนีน้ำปีที่แล้วเลยครับ ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้ว่าเงินกับความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตครับ เวลาหุ้นที่ถืออยู่ราคาไม่ขยับหรือตกลงเยอะๆยังเครียดไม่เท่ากับตอนที่น้ำจะท่วมที่บ้าน หาที่พักต่างจังหวัดตอนหนีน้ำ รวมไปถึงบ่อปลาที่โดนน้ำท่วมมิดบ่อโดยที่เราไม่มีโอกาสได้อยู่ดูสถานการณ์เลยครับ
ปล. แต่ยังไงหุ้นที่ถืออยู่ขึ้นก็ยังดีกว่าลงนะครับ
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 1187
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 19
ปีนี้ผมอายุ 31 ปีพอดี เห็นกระทู้พี่คนขายของ..อ่านแล้วรู้สึกใช่ดีครับ..
ช่วงเวลานี้ก็พูดกับแฟนประมาณที่พี่คนขายของบอก..แต่ก็รูสึกเวทนาตัวเอง..
ที่เวลาช่วงที่ผ่านมานั้น..ถึงได้เอาเวลาไปสูญเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตั้งนาน..
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ..
ช่วงเวลานี้ก็พูดกับแฟนประมาณที่พี่คนขายของบอก..แต่ก็รูสึกเวทนาตัวเอง..
ที่เวลาช่วงที่ผ่านมานั้น..ถึงได้เอาเวลาไปสูญเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตั้งนาน..
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ..
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
- ake3004
- Verified User
- โพสต์: 511
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 20
สนามหญ้าบ้านคนอื่นเขียวกว่าของบ้านตัวเองLinzhi เขียน:เราจะสนใจสิ่งที่ไกลรอบตัวก่อน จะเข้ามาสนใจสิ่งรอบตัว
สนใจสิ่งรอบตัวก่อน จะสนใจตัวเอง
สนใจตัวเองก่อน ที่จะสนใจวาระจิตของตัวเอง
ถ้าเราทำย้อนศร จะช่วยทุกเรื่อง รวมถึงการลงทุนด้วย
One up on SET
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 21
นี่ผมเป็นแฟนคลับของท่านคนขายนะครับ
เขียนได้ดีจริง ๆ สุด ๆ
เขียนได้ดีจริง ๆ สุด ๆ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 22
ถ้าสมหวังในสิ่งที่ต้องการ ตลอดช่วงชีวิต ก็คงดี
ขอบคุณพี่ คนขายของ ครับ
ขอบคุณพี่ คนขายของ ครับ
เริ่มต้นด้วยการหาความรู้ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยเงิน
-
- Verified User
- โพสต์: 480
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 23
ประทับใจครับ อ่านแล้วได้ย้อนคิดว่า คนเราทุกคนควรใช้เวลาอย่างน้อยวันละครั้งหรือสัปดาห์ละครั้งอยู่กับตัวเองเงียบๆ และค่อยๆ คิดวิเคราะห์อย่างมีสติว่าเราได้ดำเนินชีวิตมาอย่างไร บางคนมีสติและปัญญามากพอก็สามารถเข้าใจรูปแบบที่เกิดขี้นกับตนเอง บางคนมีสติแต่ยังขาดปัญญาก็อาจต้องใช้เวลาสะสมประสบการณ์จนรอวันที่จะตกผลึกทางความคิด แต่บางคนยังโชคไม่ดีที่ขาดทั้งสติขาดทั้งปัญญา จมไปกับความลุ่มหลงต่างๆ อย่างไม่ยั้งคิด ผมเองในบางช่วงเวลาก็เหมือนกัน ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับบทความ อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็สามารถเรียกสติกลับมาได้และรู้ว่าชีวิตเราต้องการอะไร
คนเรามี 2 ประเภท ประเภทแรก คือ ต้องขี้นให้ถึงจุดสูงสุดหรือพิชิตเป้าหมายให้ได้ก่อน ถึงจะค่อยปล่อยวางและเข้าใจว่าเมื่อถึงจุดนั้นแล้วก็แค่นั้น มีเงินมากมายก็แค่นั้น ชีวิตที่ผ่านมาได้สูญเสียอะไรไปบ้างกว่าจะมาถึงจุดหมาย
ประเภทที่สอง อยู่กับปัจจุบัน มีเป้าหมายแต่ไม่ร้อนรน ค่อยๆทำไป และมีความสุขกับสิ่งรอบข้างไปพร้อมๆ กัน ให้ความสำคัญกับครอบครัว สุขภาพ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ยิ้มง่ายๆ กับสิ่งเล็กๆ หายใจโล่งๆ สบายๆ เหมือนกับที่เขาว่ากันว่า ความสุขของการเดินทางอยู่ที่การชมวิวทิวทัศน์ข้างทางมากกว่าที่จะต้องการถึงจุดหมาย
ผมเองก็อยากเป็นให้ได้แบบประเภทที่ 2 แต่บางครั้งก็ลืมตัวกลายเป็นประเภทที่ 1
คนเรามี 2 ประเภท ประเภทแรก คือ ต้องขี้นให้ถึงจุดสูงสุดหรือพิชิตเป้าหมายให้ได้ก่อน ถึงจะค่อยปล่อยวางและเข้าใจว่าเมื่อถึงจุดนั้นแล้วก็แค่นั้น มีเงินมากมายก็แค่นั้น ชีวิตที่ผ่านมาได้สูญเสียอะไรไปบ้างกว่าจะมาถึงจุดหมาย
ประเภทที่สอง อยู่กับปัจจุบัน มีเป้าหมายแต่ไม่ร้อนรน ค่อยๆทำไป และมีความสุขกับสิ่งรอบข้างไปพร้อมๆ กัน ให้ความสำคัญกับครอบครัว สุขภาพ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ยิ้มง่ายๆ กับสิ่งเล็กๆ หายใจโล่งๆ สบายๆ เหมือนกับที่เขาว่ากันว่า ความสุขของการเดินทางอยู่ที่การชมวิวทิวทัศน์ข้างทางมากกว่าที่จะต้องการถึงจุดหมาย
ผมเองก็อยากเป็นให้ได้แบบประเภทที่ 2 แต่บางครั้งก็ลืมตัวกลายเป็นประเภทที่ 1
The miracle of compounding,
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 24
กลับมาอ่านอีกรอบ รอบนี้คงรอบที่20แล้ว
เหมือนกับหนังสือดีๆสักเล่ม เราหยิบเราอ่านและวางลง
ในยามที่จิตใจสงบลง
เราก้หยิบขึ้นมาอ่านอีกรอบ
แต่ไม่ว่าจะอ่านสักกี่ครั้ง มันก้สะท้อนสิ่งที่เราเห็นสิ่งที่เราเป็นได้อย่างดี
ชื่อเสียงแค่ชั่วคราว แต่ความดีและความถูกต้องสิถาวร
บทความดีๆแบบนี้ อ่านกี่ทีก้อด ที่จะย้อนมองไปในอดีตไม่ได้
ขอบคุณพี่คนขายของ
เหมือนกับหนังสือดีๆสักเล่ม เราหยิบเราอ่านและวางลง
ในยามที่จิตใจสงบลง
เราก้หยิบขึ้นมาอ่านอีกรอบ
แต่ไม่ว่าจะอ่านสักกี่ครั้ง มันก้สะท้อนสิ่งที่เราเห็นสิ่งที่เราเป็นได้อย่างดี
ชื่อเสียงแค่ชั่วคราว แต่ความดีและความถูกต้องสิถาวร
บทความดีๆแบบนี้ อ่านกี่ทีก้อด ที่จะย้อนมองไปในอดีตไม่ได้
ขอบคุณพี่คนขายของ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 26
กระทู้ดี มีคุณค่า ขอบคุณมากครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- นายมานะ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1167
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณพี่คนขายของครับ เพียงแต่เสพเพียงอย่างเดียวกลัวจะไม่เกิดปัญญา ขออนุญาตตั้งคำถามทั้งพี่ชาย และพี่ๆ ท่านอื่นๆ ที่เลยจุด banpu 100,000 หุ้นไปแล้วครับ
หากเรามองกลับกันคือ เราอาจผ่านพ้นจุดที่ต้องการเงินไปได้ ก็เพราะเรามีมันมากเพียงพอแล้วรึเปล่าครับ
คำถามของผมคือระหว่าง "วัยที่มากขึ้น" เป็นเหตุให้ความอยากได้ อยากมีลดลง หรือเป็นเพราะ "ความมั่งคั่งที่มากขึ้น" ในระดับที่เราบอกกับตัวเองได้ว่าพอแล้ว นั่นต่างหาก คือเหตุที่ทำให้ความอยากได้ อยากมีลดลง หรืออันที่จริงแล้วเป็น "ความเข้าใจชีวิตที่มากขึ้น" ที่ทำให้ความอยากได้ อยากมีลดลงกันแน่
คือผมเห็นเส้นทางของพี่ๆ หลายท่านที่เป็นอิสระภาพแล้ว มักจะยึดติดกับตัวเลขในพอร์ตหรือวัตถุน้อยลง แล้วก็จะบอกกับน้องๆ ที่ยังศึกษาการลงทุนเป้นบ้าเป็นหลังว่า วันหนึ่ง เมื่อน้องๆ ถึงจุดที่เป็นอิสระภาพทางการเงินแล้ว ก็จะเลิกยึดติดกับวัตถุเหมือนกับพี่เอง ลักษณะแบบนี้คือเราจะเข้าถึงจุดนั้นได้จากการที่ไปถึงด้วยตัวเองเท่านั้น กล่าวคือสิ่งสนใจของเราได้เปลี่ยนไปเพราะเราได้บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว ดังนั้นถ้าเรายังไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย ก็ยากที่เราจะเปลี่ยนจุดที่เราสนใจได้รึเปล่าครับ
คำถามที่ผมถามอาจจะงงๆ ไม่เคลียร์ อาจเพราะยังไม่ตกผลึก หรืออาจเพราะผมยังไปไม่ถึงจุดที่จะเลือก scb 500,000 หุ้นกับสุขภาพก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ
หากเรามองกลับกันคือ เราอาจผ่านพ้นจุดที่ต้องการเงินไปได้ ก็เพราะเรามีมันมากเพียงพอแล้วรึเปล่าครับ
คำถามของผมคือระหว่าง "วัยที่มากขึ้น" เป็นเหตุให้ความอยากได้ อยากมีลดลง หรือเป็นเพราะ "ความมั่งคั่งที่มากขึ้น" ในระดับที่เราบอกกับตัวเองได้ว่าพอแล้ว นั่นต่างหาก คือเหตุที่ทำให้ความอยากได้ อยากมีลดลง หรืออันที่จริงแล้วเป็น "ความเข้าใจชีวิตที่มากขึ้น" ที่ทำให้ความอยากได้ อยากมีลดลงกันแน่
คือผมเห็นเส้นทางของพี่ๆ หลายท่านที่เป็นอิสระภาพแล้ว มักจะยึดติดกับตัวเลขในพอร์ตหรือวัตถุน้อยลง แล้วก็จะบอกกับน้องๆ ที่ยังศึกษาการลงทุนเป้นบ้าเป็นหลังว่า วันหนึ่ง เมื่อน้องๆ ถึงจุดที่เป็นอิสระภาพทางการเงินแล้ว ก็จะเลิกยึดติดกับวัตถุเหมือนกับพี่เอง ลักษณะแบบนี้คือเราจะเข้าถึงจุดนั้นได้จากการที่ไปถึงด้วยตัวเองเท่านั้น กล่าวคือสิ่งสนใจของเราได้เปลี่ยนไปเพราะเราได้บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว ดังนั้นถ้าเรายังไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย ก็ยากที่เราจะเปลี่ยนจุดที่เราสนใจได้รึเปล่าครับ
คำถามที่ผมถามอาจจะงงๆ ไม่เคลียร์ อาจเพราะยังไม่ตกผลึก หรืออาจเพราะผมยังไปไม่ถึงจุดที่จะเลือก scb 500,000 หุ้นกับสุขภาพก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 29
ธรรมชาติของจิตที่ต่างกัน ก็ให้ผลที่ต่างกันครับ คนบางคนมีเท่าไหร่ก็ไม่พอจนวันตาย มีสิบอยากได้ร้อย มีร้อยอยากได้พัน มีพันอยากได้หมื่น คนบางคนมีเป็นแสนๆ ล้านผมก็ยังเห็นเค้ายุ่งวุ่นวายกับชีวิตทางโลกอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องของเกียรติยศ ศักดิ์ศรี อุดมคติ หรือทิฏฐิอะไรบางอย่างนายมานะ เขียน:ขอบคุณพี่คนขายของครับ เพียงแต่เสพเพียงอย่างเดียวกลัวจะไม่เกิดปัญญา ขออนุญาตตั้งคำถามทั้งพี่ชาย และพี่ๆ ท่านอื่นๆ ที่เลยจุด banpu 100,000 หุ้นไปแล้วครับ
หากเรามองกลับกันคือ เราอาจผ่านพ้นจุดที่ต้องการเงินไปได้ ก็เพราะเรามีมันมากเพียงพอแล้วรึเปล่าครับ
คำถามของผมคือระหว่าง "วัยที่มากขึ้น" เป็นเหตุให้ความอยากได้ อยากมีลดลง หรือเป็นเพราะ "ความมั่งคั่งที่มากขึ้น" ในระดับที่เราบอกกับตัวเองได้ว่าพอแล้ว นั่นต่างหาก คือเหตุที่ทำให้ความอยากได้ อยากมีลดลง หรืออันที่จริงแล้วเป็น "ความเข้าใจชีวิตที่มากขึ้น" ที่ทำให้ความอยากได้ อยากมีลดลงกันแน่
คือผมเห็นเส้นทางของพี่ๆ หลายท่านที่เป็นอิสระภาพแล้ว มักจะยึดติดกับตัวเลขในพอร์ตหรือวัตถุน้อยลง แล้วก็จะบอกกับน้องๆ ที่ยังศึกษาการลงทุนเป้นบ้าเป็นหลังว่า วันหนึ่ง เมื่อน้องๆ ถึงจุดที่เป็นอิสระภาพทางการเงินแล้ว ก็จะเลิกยึดติดกับวัตถุเหมือนกับพี่เอง ลักษณะแบบนี้คือเราจะเข้าถึงจุดนั้นได้จากการที่ไปถึงด้วยตัวเองเท่านั้น กล่าวคือสิ่งสนใจของเราได้เปลี่ยนไปเพราะเราได้บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว ดังนั้นถ้าเรายังไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย ก็ยากที่เราจะเปลี่ยนจุดที่เราสนใจได้รึเปล่าครับ
คำถามที่ผมถามอาจจะงงๆ ไม่เคลียร์ อาจเพราะยังไม่ตกผลึก หรืออาจเพราะผมยังไปไม่ถึงจุดที่จะเลือก scb 500,000 หุ้นกับสุขภาพก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ
พระพุทธองค์ท่านว่าเอาไว้ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ ความสุขชนิดนี้สามารถหาได้ในตัวเรานี้เอง ตราบใดที่มนุษย์ยังวิ่งวุ่นหาความสุขจากที่อื่น เขาจะไม่พบความสุขที่แท้จริงเลย มนุษย์ได้สรรค์สร้างสิ่งต่างๆขึ้นไว้เพื่อให้ตัวเองวิ่งตาม แต่ก็ตามไม่เคยทัน การแสวงหาความสุขโดยการปล่อยใจให้ไหลเลื่อนไปตามอารมณ์ที่ปรารถนานั้น เป็นการลงทุนที่ไม่มีผลคุ้มเหนื่อย เหมือนบุคคลลงทุนวิดน้ำในบึงใหญ่เพื่อต้องการปลาเล็กๆเพียงตัวเดียว มนุษย์ส่วนใหญ่มักวุ่นวายอยู่กับเรื่องกาม เรื่องกิน และเรื่องเกียรติ จนลืมนึกถึงสิ่งหนึ่งซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้ทุกเวลา สิ่งนั้นคือ ดวงจิตที่ผ่องแผ้ว เรื่องกามเป็นเรื่องที่ต้องดิ้นรน เรื่องกินเป็นเรื่องที่ต้องแสวงหา และเรืองเกียรติเป็นเรื่องที่ต้องแบกไว้ เมื่อมีเกียรติมากขึ้น ภาระที่จะต้องแบกเกียรติเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งของมนุษย์ผู้หลงตนว่าเจริญแล้ว ในหมู่ชนที่เพ่งมองแต่ความเจริญทางด้านวัตถุนั้น จิตใจของเจาเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยประสบความสงบร่มเย็นเลย เขายินดีที่จะมอบตัวให้จมอยู่ในคาวของโลกอย่างหลับหูหลับตา เขาพากันบ่นว่าหนักและเหน็ดเหนื่อย พร้อมๆกันนั้น เขาได้แบกก้อนหินวิ่งไปบนถนนแห่งชีวิตอย่างไม่รู้จักวาง"
สำหรับคนที่ยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของวัตถุที่น้อยลง เหตุก็น่าจะมาจากการเข้าใจชีวิตที่มากขึ้นอย่างที่คุณมานะว่าเอาไว้ครับ เพราะ เขาเข้าใจว่าแม้ว่าวัตถุจะนำมาซึ่งความสุข แต่การยึดมั่นถือมั่นในวัตถุนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ เราเป็นเจ้าของ เป็นนายของวัตถุ เราจึงหาความสุขจากมันได้ เราใช้ประโยชน์จากมัน ไม่ใช่ทาสของมัน แต่หากเมื่อใดที่เราเป็นทาสของมันเราก็จะเต็มไปด้วยทุกข์
อย่างไรก็ตามในบรรดาคนที่ประสบความสำเร็จการลงทุนแล้วสามารถปล่อยวาง ก้าวข้ามผ่านตรงนี้ไปได้ก็มีจำนวนน้อย ซึ่งการที่จะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ต้องเห็นทุกข์ในการยึดมั่นถือมั่นในวัตถุ และรู้ว่าสุขอันปราณีตยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่ และเมื่อใดที่เราก้าวข้ามผ่านไปได้ เราก็จะใช้เงินทองที่หามาได้ตามความเหมาะสมยิ่งขึ้น ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไป ใช้อย่างเข้าใจว่ามันสามารถให้ประโยชน์ ให้โทษอย่างไรกับเรา และสามารถใช้เพื่อทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ดียิ่งๆ ขึ้น
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์ที่ 30
เรารู้ว่าชีวิตเราเกิดมาสั้นนัก เมื่อเทียบกับชาติภพในอดีตที่เวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน
หากเรามีญาณวิเศษเหมือนพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าบางองค์ที่ได้เห็นวัฏจักรชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนในสังสารวัฏ
เกิด แก่ เจ็บ และตาย และเกิด แก่ เจ็บ ตาย วนเวียนกัน
ในช่วงชีวิต จึงมีแต่สุขเทียม คละคล้าวกับทุกข์ เพื่อเป็นเหตุจูงใจให้เราสำคัญความเป็นตัวตนและอัตตาในโลกใบนี้
ยึดมั่นถือมั่นว่าเสมือนว่าชีวิตี่เป็นละครในปัจจุบันจะเป็นดังนี้ไปตลอด
แต่มัจจุราชไม่เคยให้สิ่งที่ปราถนากับมนุษย์เลย เราสามารถนับถอยหลังชีวิตของเราเหมือนเปลวเทียนที่รอวันดับโดยไม่มีทางรู้ตัวว่าเปลวเทียนจะดับเมื่อใด
กว่าจะรู้ตัวก็อาจหมดเวลาที่จะแก้ไขเหมือนดังบทความของพี่คนขายของที่เมื่อเราย้อนอดีตกลับไปเปรียบเทียบ
ดังนั้นเพียงแต่เรามีมรณานุสติ ทำเสมือนว่าทุกวันคือวันสุดท้ายของชีวิตเราที่เหลืออยู่
ดำรงค์ความไม่ประมาทในทุกวัน
แล้วทำในสิ่งที่ควรทำ และละในสิ่งที่ไม่ควรทำ
เราจึงเห็นคุณค่าของการแสวงหาความสุขภายในจิตใจที่แท้จริงที่ละเอียด
มากกว่าความสุขจอมปลอมที่ปรุงแต่งของจิตเพื่อหลอกให้เรามีความสุขจาก ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นต้น ซึ่งไม่เคยจีรังยั่งยืนเลยหากเทียบกับสัดส่วนของวงจรชีวิตที่เกิดมานับชาติไม่ถ้วนและเราเป็นเจ้าของมันเพียงชั่วคราวที่เมื่อตายไปเราก็ต้องคืนกลับไปเเมื่อหมดชาติภพนั้นและท่องเที่ยวไปในวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดต่อไปจนกว่าเราจะเห็นความจริงของชีวิต ใช้สติและปัญญาเพื่อให้หลุดพ้นไปสู่นิพพาน หายทุกข์เพราะไม่ต้องมาเกิดอีกนั้นเอง
หากเรามีญาณวิเศษเหมือนพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าบางองค์ที่ได้เห็นวัฏจักรชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนในสังสารวัฏ
เกิด แก่ เจ็บ และตาย และเกิด แก่ เจ็บ ตาย วนเวียนกัน
ในช่วงชีวิต จึงมีแต่สุขเทียม คละคล้าวกับทุกข์ เพื่อเป็นเหตุจูงใจให้เราสำคัญความเป็นตัวตนและอัตตาในโลกใบนี้
ยึดมั่นถือมั่นว่าเสมือนว่าชีวิตี่เป็นละครในปัจจุบันจะเป็นดังนี้ไปตลอด
แต่มัจจุราชไม่เคยให้สิ่งที่ปราถนากับมนุษย์เลย เราสามารถนับถอยหลังชีวิตของเราเหมือนเปลวเทียนที่รอวันดับโดยไม่มีทางรู้ตัวว่าเปลวเทียนจะดับเมื่อใด
กว่าจะรู้ตัวก็อาจหมดเวลาที่จะแก้ไขเหมือนดังบทความของพี่คนขายของที่เมื่อเราย้อนอดีตกลับไปเปรียบเทียบ
ดังนั้นเพียงแต่เรามีมรณานุสติ ทำเสมือนว่าทุกวันคือวันสุดท้ายของชีวิตเราที่เหลืออยู่
ดำรงค์ความไม่ประมาทในทุกวัน
แล้วทำในสิ่งที่ควรทำ และละในสิ่งที่ไม่ควรทำ
เราจึงเห็นคุณค่าของการแสวงหาความสุขภายในจิตใจที่แท้จริงที่ละเอียด
มากกว่าความสุขจอมปลอมที่ปรุงแต่งของจิตเพื่อหลอกให้เรามีความสุขจาก ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นต้น ซึ่งไม่เคยจีรังยั่งยืนเลยหากเทียบกับสัดส่วนของวงจรชีวิตที่เกิดมานับชาติไม่ถ้วนและเราเป็นเจ้าของมันเพียงชั่วคราวที่เมื่อตายไปเราก็ต้องคืนกลับไปเเมื่อหมดชาติภพนั้นและท่องเที่ยวไปในวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดต่อไปจนกว่าเราจะเห็นความจริงของชีวิต ใช้สติและปัญญาเพื่อให้หลุดพ้นไปสู่นิพพาน หายทุกข์เพราะไม่ต้องมาเกิดอีกนั้นเอง
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger