Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เห็นมีคนเคยพูดกันในเวป จำไม่ได้แล้วว่าเวปนี้หรือเปล่า ว่าคนที่ทำงานสินเชื่อจะวิเคราะห์หุ้นเก่ง
ตอนนี้ผมกำลังสงสัยว่า สินเขื่อที่เค้าบอกกันนี่เป็นรายเล็กหรือต้องเป็นสินเชื่อรายใหญ่เท่านั้นครับ
เพราะสินเชื่อรายใหญ่เค้ารับแต่ปรินยาโททั้งนั้นเลย
อีกคำถามนึงคือ ไม่ทราบว่าใครที่เคยทำงานสินเชื่อลูกค้ารายย่อยหรือให้สินเชื่อบ้านบ้างครับ
ไม่ทราบว่างานมันแย่ขนาดไหน เห็นมีคนบ่นในเวปพันทิปว่างานมันไม่มีอนาคตเลย
เพราะเจอแต่คนมาขอสินเชื่ออะไรก็ไม่รู้...
ก็เลยอยากจะมาถามประสบการณ์จริงในห้องนี้บ้างครับ ขอบคุณมากครับ

ผมเองคิดว่าคนแวดวงสินเชื่อน่าจะใกล้เคียงกับแนวตราสารหนี้มากกว่านะ เพราะเน้นเรื่องความเสี่ยงเป็นหลัก

แนวนั้นไม่น่าจะถนัดหุ้นนะครับ

ดำ เขียน:ผมเองคิดว่าคนแวดวงสินเชื่อน่าจะใกล้เคียงกับแนวตราสารหนี้มากกว่านะ เพราะเน้นเรื่องความเสี่ยงเป็นหลัก

แนวนั้นไม่น่าจะถนัดหุ้นนะครับ

งงครับ หุ้นไม่เน้นเรื่องความเสียงหรอคับ

ไม่จําเป็นครับ เพราะหลายท่านก็ไม่ได้ เรียน Finance หรือ ทําสินเชื่อ
ขณะเดียวกัน Vice President ฝ่าย Corporate Banking เจ๊งหุ้นก็เยอะครับ เพราะซื้อตอนราคาหุ้นแพงไปแล้ว
บางทีราคาหุ้น กับ ผลการดําเนินงานก็ไม่สอดคล้องกันนะครับ หลายครั้งที่ ราคาหุ้นขึ้นไปรอรับผลการดําเนินงานแล้ว
ความเห็นผมว่า อยู่ที่หลักการลงทุน และ วินัยครับ

ข้อดีของการทําสินเชื่อ คือ ได้คุยกับลูกค้า ที่ทําอยู่ในอุตสาหกรรมครับ เวลาทบทวนวงเงินRevolving ประจําปี
จะต้อง interview and update ข้อมูล ที หรือจะปล่อยกู้ Loan แต่ละที

ถ้าสินเชื่อ รายใหญ่ เค้าก็จะแบ่งเป็น อุตสาหกรรม หรือ ภาค ครับ แต่สินเชื่อบางทีก็ระเอียดเกินไป คือ การลงทุนผมมองว่า หากเรามองภาพใหญ่ถูก นั้น เราก็ชนะแล้ว แต่ การทําสินเชื่อนั้น ให้ความสําคัญกับ ความสามารถในการชําระหนี้คืนครับ จะเป็นมุมมองของ Bank มากกว่า Investor ครับ

และ เวลา Forecast งบการเงิน นั้น Bank มักจะใช้ Assumption ที่ Conservative เกินไปครับ หากตั้งตาม CEO ให้ข่าวหลายครั้ง จะถูกตั้งคําถามว่าทําไมสูงกว่า Indurstry Average มาก แต่ในความเป็นจริงนั้น มันโตได้ครับ แต่ช่วงระยะเวลา 1 ครับ

สินเชื่อดูหลายอย่างครับ เวลา ปล่อย แม้ว่าบางทีความสามารถไม่สูงนัก แต่ หากหลักประกันสูง Loan to Value ตํ่า กรรมการ มีเงินฝากคํ้า ดูแล้ว Bank ไม่เสียงก็ปล่อยครับ และ ก็ขึ้นอยู่ กับ Culutre and Policy ในการปล่อยของแต่ ละ Bank ด้วยครับ

ทำไมไม่คิดถึงนักวิเคราะห์โดยตรงเลยล่ะคับ

แล้ว อาจารย์เรียนจบวิศวะ

พี่หมอเรียนจบหมอ

จำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องจบสายการเงิน เห็นเค้าก้9หลัก10หลักกัน

วิเคราะห์เก่งแล้ว ซื้อถูกจังหวะไหมครับ


ผิดจังหวะ timing ก้ดอยได้นะครับ

chukieat30 เขียน:แล้ว อาจารย์เรียนจบวิศวะ

พี่หมอเรียนจบหมอ

จำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องจบสายการเงิน เห็นเค้าก้9หลัก10หลักกัน

วิเคราะห์เก่งแล้ว ซื้อถูกจังหวะไหมครับ


ผิดจังหวะ timing ก้ดอยได้นะครับ

วิเคราะห์เก่ง ประเมินราคาได้ ซื้อในราคาที่มี MOS แล้วจะติดดอยได้อย่างไร

สำหรับ VI เวลาซื้อพิจารณาจากมูลค่าพื้นฐาน และ Margin of Safety เรื่อง timing ที่ว่าคงเป็นแนวอื่น

จากประสบการณ์ตรง การทำสินเชื่อโครงการมีประโยชน์มากๆ

เราจะมีความรู้ ความชำนาญ ในการจัดทำประมาณการงบการเงินในอนาคตอย่างมีเหตุมีผล

เมื่อเราทำการวิเคราะห์แล้ว ก็ต้องนำเสนอแก่คณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อตามขั้นของวงเงินกู้ ถ้ามากก็ต้องผ่านหลายคณะ ซึ่งกรรมการแต่ละท่านจะซักถามเราอย่างละเอียดในการทำประมาณการงบการเงิน

ทำให้เราเข้าใจ Business Model ของธุรกิจต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท

chatchai เขียน:จากประสบการณ์ตรง การทำสินเชื่อโครงการมีประโยชน์มากๆ

เราจะมีความรู้ ความชำนาญ ในการจัดทำประมาณการงบการเงินในอนาคตอย่างมีเหตุมีผล

เมื่อเราทำการวิเคราะห์แล้ว ก็ต้องนำเสนอแก่คณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อตามขั้นของวงเงินกู้ ถ้ามากก็ต้องผ่านหลายคณะ ซึ่งกรรมการแต่ละท่านจะซักถามเราอย่างละเอียดในการทำประมาณการงบการเงิน

ทำให้เราเข้าใจ Business Model ของธุรกิจต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท

ขอบคุณมากครับ

สรุปคือ ทำให้ได้เปรียบกว่าอาชีพด้านอื่นในการวิเคราะห์การลงทุน

nut776 เขียน:ทำไมไม่คิดถึงนักวิเคราะห์โดยตรงเลยล่ะคับ

ที่คุณ nut776 พิมพ์ก็เลยจะสงสัยขอถามอีกข้อนึงครับ
แล้วนักวิเคราะห์นี่เค้าวิเคราะห์กันยังไง อาชีพคือวิเคราะห์หุ้นเลย พื้นฐานก็ต้องเป็น เทคนิคก็ต้องเป็น(ถึงแม้ไม่ค่อยเกี่ยวมากกับ vi)
หรือ ไม่ได้รวยโด่งดังเพราะคาดการณ์เรื่องธุรกิจด้อยกว่าคนทำธุรกิจหรือเปล่าครับ

ปล.คำถามข้อสองใครมี ปสก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ ขอบคุณครับ

สวดมนต์ แล้วเข้านอน

boattaman เขียน:

chatchai เขียน:จากประสบการณ์ตรง การทำสินเชื่อโครงการมีประโยชน์มากๆ

เราจะมีความรู้ ความชำนาญ ในการจัดทำประมาณการงบการเงินในอนาคตอย่างมีเหตุมีผล

เมื่อเราทำการวิเคราะห์แล้ว ก็ต้องนำเสนอแก่คณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อตามขั้นของวงเงินกู้ ถ้ามากก็ต้องผ่านหลายคณะ ซึ่งกรรมการแต่ละท่านจะซักถามเราอย่างละเอียดในการทำประมาณการงบการเงิน

ทำให้เราเข้าใจ Business Model ของธุรกิจต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท

ขอบคุณมากครับ

สรุปคือ ทำให้ได้เปรียบกว่าอาชีพด้านอื่นในการวิเคราะห์การลงทุน

อาจจะได้เปรียบด้านอื่นในการ"วิเคราะห์ทางด้านการเงิน"อย่างที่พี่ฉัตรชัยบอกไว้ แต่ถ้าเรื่องอย่างวิสัยทัศน์ในการลงทุน การมองทางด้านคุณภาพของธุรกิจ อันนี้อาชีพอื่นก็ศึกษาเองได้ หรือบางครั้ง อาชีพอื่นอย่างเช่นวิศวะ คนที่เรียนวิศวะอุตสาหการ ก็มีความรู้ด้าน operation management ด้าน logistic อะไรทำนองนี้ ก็คงวิเคราะห์หุ้นในด้านนี้ได้ดีกว่าคนทำสินเชื่อ คนที่เรียนMBAอาจจะวิเคราะห์ด้านโมเดล ด้านคุณภาพได้ลึกกว่า จริงมั้ยครับ
สรุป ได้เปรียบในด้านนึง ไม่ใช่ว่าจะได้เปรียบไปทั้งหมด ถูกมั้ยครับ?

จริงครับ ผมเห็นด้วยว่าควรเรียน MBA ในสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่ดี เพราะจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ในด้านต่างๆที่หลากหลาย และเมื่อเราทำงานสินเชื่อก็เปรียบเสมือนเราได้ทำแบบฝึกหัดอยู่ตลอดเวลาต่อเนื่อง

ถ้าให้ดีจริงๆ ทำงานด้านวิเคราะห์ที่ TRIS ได้จะมีประโยชน์มากๆ เพราะที่นั่นวิเคราะห์ละเอียด เจาะลึกมากๆ

พวกสินเชื่อประเมินจากPBV1เท่าเสมอปะครับ แต่ตลาดหุ้นไม่ใช่PBV1ปะครับ ดังนั้นความถูกแพงจะไม่ได้เทียบกับเงินที่ลงทุนไปแล้ว แต่เทียบกับราคาที่ซื้อขาย เหมือนกับนำวิศวกรยานยนต์ที่เก่งมากๆมาทำธุรกิจซื้อขายรถมือสองซึ่งการมองสภาพรถอาจจะเก่งขั้นเทพ แต่อาจจะขาดทุนเพราะไม่มีหัวพ่อค้าก็ได้นะครับ ซึ่งผมว่าการซื้อถูกขายแพงเป็นน่าจะเป็นkeysuccessมากกว่าการธุรกิจดีๆเยอะเลย

ทำงานแผนกไหนไม่สำคัญเท่าการฝึกมองภาพรวมธุรกิจธุรกิจบ่อยๆ เข้าใจความเชื่อมโยงของทุกแผนก ตั้งแต่วัตถุดิบเป็นสินค้าและกลับมาเป็นกำไรมาเลี้ยงลูกเมีย และสารพัดปัจจัยที่เข้ามากระทบแล้วส่งผลอย่างไรกับบริษัท นักลงทุนส่วนใหญ่จะจับภาพแบบนี้ไม่ค่อยออกเพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานในระดับแผนก รับผิดชอบเป็นเรื่องๆไปไม่ได้รับผิดชอบทุกเรื่องในบริษัท

วิธีง่ายๆวันว่างๆให้ลองเปิดกิจการขายของเล็กๆน้อยๆดู(ต้องทำคนเดียวตังแต่ต้นจนจบด้วย) ขายข้าวไข่เจียวก็ได้ ทำไปซักพักจะเริ่มจับภาพออกแล้วเชื่อมโยงงบการเงินกับflowธุรกิจให้ได้ ขายไปก็มองร้านข้างๆไปด้วยว่าทำไม่มันขายดีกว่ากรูฟระ แล้วจะรู้ว่าเป็นเจ้าของกิจการผ่านตลาดหุ้นสบายที่สุดแล้ว

chatchai เขียน:จริงครับ ผมเห็นด้วยว่าควรเรียน MBA ในสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่ดี เพราะจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ในด้านต่างๆที่หลากหลาย และเมื่อเราทำงานสินเชื่อก็เปรียบเสมือนเราได้ทำแบบฝึกหัดอยู่ตลอดเวลาต่อเนื่อง

ถ้าให้ดีจริงๆ ทำงานด้านวิเคราะห์ที่ TRIS ได้จะมีประโยชน์มากๆ เพราะที่นั่นวิเคราะห์ละเอียด เจาะลึกมากๆ

พี่ฉัตรชัยแนะนำสถาบันไหนน่าสนใจมั่งครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ziannoom เขียน:

chatchai เขียน:จริงครับ ผมเห็นด้วยว่าควรเรียน MBA ในสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่ดี เพราะจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ในด้านต่างๆที่หลากหลาย และเมื่อเราทำงานสินเชื่อก็เปรียบเสมือนเราได้ทำแบบฝึกหัดอยู่ตลอดเวลาต่อเนื่อง

ถ้าให้ดีจริงๆ ทำงานด้านวิเคราะห์ที่ TRIS ได้จะมีประโยชน์มากๆ เพราะที่นั่นวิเคราะห์ละเอียด เจาะลึกมากๆ

พี่ฉัตรชัยแนะนำสถาบันไหนน่าสนใจมั่งครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

จุฬา ธรรมศาสตร์ นิด้า มาตรฐานก็สูง

ยิ่งนิด้าจะได้เรียนกับอาจารย์ไพบูลย์ด้วย

นักลงทุนที่พอศึกษามาบ้าง สนใจธุรกิจ มีความต้องการหาความรู้เพื่อมาใช้วิเคราะห์ในโลกการลงทุนที่แท้จริง ก็น่าจะทำให้ได้ความรู้ที่ละเอียด และลึกขึ้นนะครับ

หลายคนแม้จะเรียนในสถาบันที่มืชื่อเสียง มีอาจารย์เก่งๆมาสอน แต่ไม่ได้มีความสนใจธุรกิจ เรียนเพื่อใบปริญญาอย่างเดียว สอบเสร็จก็ลืมหมดครับ