หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ลูกค้า

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 02, 2012 7:33 pm
โดย thaloengsak
โลกในมุมมองของ Value Investor 23 ธ.ค. 51

นานมาแล้ว เพื่อนคนหนึ่งของผมได้เปิดโรงเรียนสอนการทำงานฝีมือสารพัดชนิด ตั้งแต่จัดดอกไม้ไปจนถึงการถักโครเช ช่วงแรกที่เปิด มีนักเรียนมาเรียนจำนวนมากเพราะไม่เคยมีโรงเรียนแบบนี้มาก่อน ปัญหาก็คือ แต่ละคอร์สนั้นค่อนข้างสั้นเรียนเพียงเดือนสองเดือนก็จบแล้ว เมื่อเรียนจบ โรงเรียนก็ต้องหานักเรียนใหม่มาบรรจุให้เต็มห้องใหม่และการทำแบบนี้จะต้องมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์และเป็นการ “นับหนึ่ง” ใหม่ทุกครั้ง พอถึงจุดหนึ่ง นักเรียนก็หมดหรือต้นทุนในการหานักเรียนสูงเกินรายได้ โรงเรียนต้องปิดลง ตรงกันข้าม เพื่อนอีกคนหนึ่งเปิดโรงเรียนสอนเปียโน ธุรกิจไปได้ด้วยดี เหตุผลก็เพราะนักเรียนเปียโนนั้น เมื่อเข้าเป็นนักเรียนแล้ว จำนวนมากเรียนต่อเนื่องตั้งแต่เด็กเล็กจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วถึงจะเลิกเรียน การหาเด็กมาเรียนนั้นยากในปีแรก แต่หลังจากนั้นในแต่ละปีเขาเพียงแต่ต้องหาเด็กมาเสริมเด็กที่ลาออกไปและหามาเพิ่มบ้างเพื่อขยายจำนวนนักเรียน

บทเรียนข้างต้นนั้นสามารถนำมาใช้กับการวิเคราะห์ธุรกิจที่เราจะลงทุนในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี ธุรกิจที่จะต้องหาลูกค้าประเภท “นับหนึ่งใหม่ทุกปี” กับธุรกิจที่ลูกค้าเป็น “ขาประจำ” เมื่อเป็นแล้วก็มักจะอยู่กันนานเป็นหลาย ๆ ปี มีความแตกต่างกันมาก เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ พวกที่ต้องนับหนึ่งใหม่นั้นมักจะมีรายได้ไม่แน่นอนส่งผลถึงกำไรที่ไม่แน่นอน ส่วนพวกที่มีลูกค้าขาประจำนั้น มักจะมีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนเช่นเดียวกับกำไรที่สามารถคาดการณ์ได้ค่อนข้างแม่นยำ คงไม่ต้องพูดว่าธุรกิจแบบหลังมีค่ามากกว่าธุรกิจแบบแรก พูดแบบ Value Investor ก็คือ ธุรกิจแบบหลังควรมีค่า PE สูงกว่าแบบแรกมาก

ธุรกิจที่ลูกค้ามาซื้อหรือใช้บริการซ้ำแบบลูกค้าขาประจำมีหลายแบบ ที่สำคัญก็คือ แบบที่มีการผูกพันโดยสัญญาและแบบที่เป็นโดยพฤติกรรม ลองมาดูว่าธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดที่ลูกค้ามาใช้บริการซ้ำบ่อย ๆ

กลุ่มแรกที่ชัดเจนก็คือ กลุ่มที่ขายหรือให้บริการสาธารณูปโภค เช่น บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าหรือน้ำประปาขายให้แก่หน่วยงานรัฐและเอกชน สาธารณูปโภคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ซ้ำทุกวันหรือทุกชั่วโมงหรือนาที ดังนั้น ความแน่นอนของรายได้ก็จะสูง แทบไม่มีความจำเป็นต้องหาลูกค้าใหม่มาแทนลูกค้าเดิมและการหาลูกค้าหรือรายได้เพิ่มก็ทำเฉพาะส่วนเพิ่มเท่านั้น

กลุ่มที่ให้บริการโทรศัพท์แก่ประชาชนทั่วไปเองก็ถือว่าค่อนข้างจะมีลูกค้าขาประจำที่แน่นเหนียว เพราะโทรศัพท์นั้นเป็นสิ่งที่คนต้องใช้ซ้ำตลอดเวลาและการเปลี่ยนแปลงผู้ให้บริการก็มักจะมีไม่มากเนื่องจากจะมีความไม่สะดวกในเรื่องของหมายเลขโทรศัพท์และความยุ่งยากอื่น ๆ ดังนั้น ในธุรกิจนี้ การคาดการณ์ในเรื่องของรายได้และกำไรก็จะทำได้ค่อนข้างแม่นยำกว่าหลาย ๆ ธุรกิจ

ธุรกิจการเงินเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มักจะมีรายได้ค่อนข้างแน่นอนหรือคาดการณ์ได้เพราะลูกค้ามักจะเป็นขาประจำ ตัวอย่างแรกก็คือเรื่องของธุรกิจประกันซึ่งผู้เอาประกันมักจะต่ออายุประกันโดยเฉพาะประกันชีวิตของตนกับบริษัทเดิม ลูกค้าธนาคารพาณิชย์ก็มักจะฝากกับธนาคารเดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงบ่อยนัก การปล่อยกู้และพวกที่ทำเช่าซื้อเองเมื่อทำแล้วก็ต้องผ่อนต่ออีกหลายปี ดังนั้น บริษัทไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ทุกปี สิ่งที่ต้องทำก็คือการหาลูกค้าใหม่เท่านั้นหากต้องการขยายตัว อย่างไรก็ตาม ในธุรกิจการเงินนั้นก็ต้องระวังว่าต้นทุนอาจจะไม่แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของหนี้เสียที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งทำให้กำไรของบริษัทการเงินนั้นไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงสูงในแง่ของนักลงทุน

กลุ่มพาณิชย์ที่เป็นผู้ค้าปลีกสมัยใหม่โดยเฉพาะที่ขายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันก็มักจะมีลูกค้าขาประจำมาก เพราะสินค้าที่ขายนั้นลูกค้าต้องใช้ทุกวันใช้แล้วหมดไปต้องกลับมาซื้อซ้ำ ดังนั้น รายได้ของบริษัทเหล่านั้นมักจะมีความแน่นอนสูงและการขยายตัวก็ทำได้จากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม นอกจากรายได้แล้ว กำไรของบริษัทเหล่านั้นก็มักจะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ค่อนข้างแม่นยำเพราะบริษัทสามารถบวกกำไรเข้าไปในราคาขายสินค้าในอัตราส่วนค่อนข้างแน่นอน

เช่นเดียวกัน โรงพยาบาลก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการแม้ว่าจะไม่ทุกวันหรือทุกสัปดาห์ แต่ในแต่ละปีก็มักจะกลับมาใช้บริการหลายครั้ง เหตุผลก็เพราะคนมักจะคุ้นเคยกับแพทย์ที่ใช้บริการเช่นเดียวกับทำเลของโรงพยาบาล นอกจากนั้น การมีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลก็น่าจะทำให้หมอสามารถวินิจฉัยโรคได้ดีขึ้นในแง่ของลูกค้า

ธุรกิจที่ต้องนับหนึ่งใหม่ทุกปีนั้น ที่หนักที่สุดธุรกิจหนึ่งก็น่าจะรวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม เพราะนี่คือธุรกิจที่คนซื้อแล้วมักจะไม่ซื้อซ้ำอาจจะเป็นเวลาสิบ ๆ ปีหรือตลอดไป ดังนั้น ในธุรกิจนี้บริษัทจะต้องนับหนึ่งใหม่ทุกปี และการนับหนึ่งใหม่ทำให้การคาดการณ์ยอดขายในปีหน้าเป็นไปได้ยากเพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย เหนือสิ่งอื่นใด บริษัทต้องทำการตลาดใหม่ทั้งหมดเพื่อดึงลูกค้าใหม่ทั้งหมดและก็ยังต้องสวดมนต์ขอให้พระเจ้าช่วยเพื่อให้ขายได้ตามที่วางแผนไว้ ดังนั้น รายได้และกำไรของบริษัทเหล่านั้นจึงคาดการณ์ได้ยาก

พวกที่ทำงานรับเหมาหรือรับจ้างจากผู้จ้างที่เป็นรายใหญ่เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่รายได้และกำไรมักไม่ค่อยแน่นอน เพราะงานแต่ละชิ้นมักมีมูลค่าสูง การประมูลได้หรือไม่ได้เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก เช่นเดียวกัน ลูกค้ามักจะไม่ซื้อซ้ำ ทุกปีบริษัทก็จะต้องนับหนึ่งใหม่หาลูกค้าใหม่ ที่ยิ่งลำบากกว่าบริษัทขายบ้านก็คือ จำนวนลูกค้ามีน้อยกว่ามากและแต่ละรายเป็นรายใหญ่ การพลาดงานแต่ละงานอาจมีผลกระทบต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว

ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงตัวอย่างในการวิเคราะห์ว่าบริษัทมีลูกค้าแบบไหน ในการวิเคราะห์กิจการนั้น ลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะบอกฐานะและผลการดำเนินงานโดยเฉพาะในระยะยาวของบริษัท ว่าที่จริง การวิเคราะห์กิจการหรือการวิเคราะห์หุ้นโดยไม่ได้วิเคราะห์ลูกค้านั้นต้องถือว่าเป็นการวิเคราะห์ที่ไม่สมบูรณ์และไม่ใช่สไตล์การวิเคราะห์แบบ Value Investment ที่มุ่งมั่นเลย

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 02, 2012 9:11 pm
โดย pawattt
เยี่ยมเลยคับพี่ :D :D

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 03, 2012 6:55 pm
โดย Paul VI
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

เรื่องลูกค้าประจำ และขาจร ในแง่ว่าต้องหาใหม่เรื่อยๆ ก็มีผสมปนเปกันในธุรกิจทุกชนิดครับ


แต่ธุรกิจก็ต้องบริหารลูกค้า เหล่านี้ให้ดี ให้ได้ครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 8:39 am
โดย yoyo
ผมมีอีกมุมมองมาเสนอครับ..... สำหรับธุรกิจที่ต้องหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอ

ธุรกิจพวกนี้มีต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งถ้าต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่มากกำไรตลอดอายุของความเป็นลูกค้านั้นๆ (หรือไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป) ธุรกิจนั้นก็ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้

แต่ในอีกมุมมองหนึ่งธุรกิจประเภทนี้แม้ดูเผินๆเหมือนจะต้องปิดตัวลงไป แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจเหล่านี้ก็จะต้องคงอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรายใหม่เข้ามาทำ หรือรายเก่าสามารถหาวิธีอยู่รอดได้ เพราะยังไงก็ตามก็ยังมีคนต้องใช้บริการสิ่งเหล่านี้อยู่ดี ....

เราจะเห็นธุรกิจที่มีรายได้มั่นคง คาดการณ์ได้หลายๆตัวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นธุรกิจที่ดี ทำแล้วอยู่รอดไปได้ง่าย แต่หลายๆครั้งธุรกิจเหล่านี้ก็ไม่ได้มีผลตอบแทนในการลงทุนที่สูงมากอะไร เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า เพราะความมั่นคงของมั่น เพราะการคาดการณ์ได้ง่ายของมันทำให้ไม่มีคนที่ขาดทุนกับมันมาก ในขณะเดียวกันก็มีคนเข้ามาทำมากมาย จนผลตอบแทนนั้นอยู่ในระดับกลางๆถึงต่ำ อย่างธุรกิจโรงไฟฟ้านั้น ผลตอบแทนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในระดับประมาณ 10-15% เท่านั้น คนเจ๊งไม่เยอะ แต่คนที่รวยมากๆจากธุรกิจนี้ก็ไม่เยอะเช่นกัน..

อีกตัวอย่างที่ชัดก็ธุรกิจให้เช่า ... คาดการณ์ง่าย มั่นคงไม่ต้องนับ 1 ใหม่บ่อยๆ แต่ทุกวันนี้ธุรกิจให้เช่านั้นได้ผลตอบแทนที่ประมาณ 5-10% เท่านั้นเอง

ในขณะที่เรามองย้อนกลับไปถึงธุรกิจที่ต้องนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ตัวอย่างที่ชัดมากๆก็คือกลุ่มอสังหา พวกขายบ้านขายคอนโด ... ถ้าเรามองธุรกิจโดยรวมเราก็อาจจะเห็นว่า มีอสังหาจำนวนมากเข้ามาในตลาดนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีคนที่ต้องออกจากธุรกิจจำนวนมากเช่นกัน (ต่างจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีคนเข้ามา แต่ไม่ค่อยมีคนออก) และจุดนี้เองทำให้เกิด รางวัลของผู้ชนะขึ้นมา... บริษัทอสังหาที่ไม่สามารถแข่งขันได้ก็ต้องปิดตัวลง แต่คนที่อยู่ได้ก็จะได้รับผลตอบแทนระดับสูงพิเศษที่อุตสาหกรรมที่มีความมั่นคงสูงไม่สามารถได้รับ บริษัทอสังหาในตลาดที่สามารถอยู่รอดมาได้นานๆและมีความสามารถในการแข่งขันระดับสูงสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับ 25-30%

การที่เราจะได้มาซึ่งความมั่นคงนั้น บางทีเราก็ต้องแลกด้วยผลตอบแทนที่จะได้รับ... สุดท้ายแล้วมันก็ย้อนกลับมาที่เรื่องของ high risk high return ถ้าคุณต้องการความมั่นใจ คุณต้องแลกมาด้วยผลตอบแทนที่ต่ำ

ผมชอบตลาดหุ้น เพราะตลาดหุ้นให้โอกาสผมในการเลือกผู้ชนะได้ แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดูโดยรวมอาจจะไม่ได้ แต่ถ้าเราสามารถเลือกผู้ชนะออกมาได้ มันจะทำผลตอบแทนในระดับที่การลงทุนแบบอื่นๆไม่สามารถให้ได้

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 8:40 am
โดย yoyo
มีตัวอย่างมาให้ดูอีกครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 8:51 am
โดย yoyo
จากตารางข้างบน ผมประยุกต์มาจากไฟล์ที่ครรชิต (ขอบคุณพี่ครรชิตมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) แม้ว่าข้อมูลจะไม่ได้ update งบล่าสุด (ผมทำไว้ถึงสิ้นปี 2009) แต่ผมใช้ในการมองภาพใหญ่ 10 ปี ข้อมูลแม้จะล่าช้าไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

จุดสำคัญในตารางอยู่ที่ค่า roe เฉลี่ย ผมเอาหุ้นทั้งตลาดมาหาค่าเฉลี่ย roe แล้วเรียงจากมากไปน้อย และตัดหุ้นที่มีกำไรพิเศษเว่อร์ๆและทำให้ roe พุ่งสูงมากในบางปีจนทำให้ค่าเฉลี่ยดูสูงออกไปส่วนหนึ่ง (บางส่วนก็ไม่ได้ตัดออก แต่เดี๋ยวเราจะมาดูเป็นรายตัวกันไป)

หุ้นเหล่านี้ได้ผ่านวิกฤตมา ได้ล้มลุกคลุกคลานแล้วยังสามารถเอาตัวรอดมาได้ ลองไล่วิเคราะห์แบบผ่านๆกันเป็นรายตัวไปครับ ว่าอะไรทำให้มันสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสูงในเวลาที่ยาวนานแบบนี้ได้

1. sat มีค่าเฉลี่ยที่ 40 สูงเป็นอันดับ 1 ของตลาด ในปี 04 มีค่า abnormal สูงถึง 140 อาจจะมีกำไรพิเศษบางอย่าง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเราตัดค่านี้ออก sat ก็น่าจะให้ค่า roe เฉลี่ยอยู่ในระดับสูงถึง 25-30% ได้อย่างต่อเนื่อง ผมไม่รู้ลึกๆว่า sat นั้นเด่นอย่างไร (ไม่เคยไปศึกษาตัวนี้ลึกๆ) แต่ในธุรกิจรับจ้างผลิตนั้น การผลิตได้คุณภาพ deliver ได้ต่อเนื่อง และที่สำคัญต้นทุนต่ำเป็น key success factor ผมเชื่อว่า sat น่าจะสามารถทำได้อย่างครบถ้วน จึงสามารถสร้างผลตอบแทนระดับนี้ได้

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 11:25 am
โดย Loby
yoyo เขียน:มีตัวอย่างมาให้ดูอีกครับ
เรียนคุณyoyo
อยากทราบครับว่า GL ติดอยู่ในตารางด้วยหรือไม่ครับ พอดีไม่มีข้อมูลครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 2:24 pm
โดย yoyo
พอดีลูกร้องแล้วก็ยุ่งๆทั้งวัน เลยยังไม่ได้ต่อ

2. ttcl บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพิ่งเข้ามาใหม่ นี่ก็เป็นอีกธุรกิจที่เริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกปี แต่ก็สามารถทำ roe ได้สูงมาก อย่างไรก็ตามก็แลกมาด้วย d/e ที่สูง ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่มากขึ้น และบริษัทก็เพิ่มข้อมูลไม่นานอาจจะยังทำให้เห็นภาพไม่ชัด

3. uvan 1 ในยอดบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ commodities ซึ่งเป็นธุรกิจที่คนมองว่าผันผวนมาก แต่บริษัทก็สามารถทำ roe ได้สูงจิงๆอย่างสม่ำเสมอ และยังมีความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำดูได้จาก d/e ที่ต่ำเรี่ยเหมือนกับไม่มีหนี้เลย บริษัทแบบนี้แหละครับที่สร้าง wealth ให้กับผู้ถือหุ้นระยะยาวได้อย่างจริงจัง ย้อนไปดูราคาหุ้นหลายๆปีก็จะเห็นได้ชัด

4. as ธุรกิจผู้จัดจำหน่ายเกม เพิ่งเข้าตลาดมาไม่นานนัก ในช่วงแรกดูเหมือนกับว่าบริษัททำ roe ได้สูงพอสมควร แต่ก็มาลดลงในปี 09 ผมไม่ได้ตามต่อว่าหลังจากนั้นเป็นอย่างไร แต่ถ้ามองคร่าวๆแล้วน่าจะเป็นธุรกิจที่ลงทุนต่ำ ถ้าสามารถแข่งขันได้ดีก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีมาก แต่เนื่องจากธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีคนเข้ามาแข่งขันหลายราย มีความเป็นไปได้ว่า roe อาจจะไม่สามารถรักษาไว้ได้สูงมาก นอกจากกว่า as สามารถขยายเครือข่ายให้แข็งแกร่งและแย่งแชร์มาได้เยอะก่อนใครเพื่อน บริษัทเกมไหนจะทำก็อยากมาขายผ่าน as เมื่อนั้น as ก็จะเป็นเหมือนกับร้านค้าปลีกพวก modern trade ที่มีอำนาจต่อรองสูง แต่บริษัทจะทำได้ หรือทำได้ระดับนั้นแล้วรึยัง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ตามอีกเช่นกันครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 2:26 pm
โดย yoyo
Loby เขียน:
yoyo เขียน:มีตัวอย่างมาให้ดูอีกครับ
เรียนคุณyoyo
อยากทราบครับว่า GL ติดอยู่ในตารางด้วยหรือไม่ครับ พอดีไม่มีข้อมูลครับ
gl ค่าเฉลี่ยนประมาณ 20.78 ครับ ก็ถือว่าสูงใช้ได้ ไม่ติดอันดับตารางข้างต้น แต่ก็หลุดมาไม่ไกลเท่าไหร่ครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 5:40 pm
โดย MaiFuen
ปูเสื่อรอฟังต่อครับ

ได้ประโยชน์มากๆครับพี่yoyo

:D :D :D

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 04, 2012 5:53 pm
โดย MaiFuen
ขอถามอีกนิดนึงครับ พี่yoyo

คือ พี่ัyoyo เคยบอกว่า หุ้นที่มีROEสูงสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง5-10ปี

จะเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดดีเสมอ

คือ มีความสัมพันธ์กันระหว่าง ROE และ DCF

เลยอยากจะขอให้ช่วยขยายความหน่อยครับ
ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไรครับ?

ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับพี่
:D

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 05, 2012 12:33 am
โดย yy
ผมขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ
สำหรับเจ้าของกระทู้
...
เวลาจะตั้งกระทู้อะไร ..
ผมว่าต้องตรงประเด็น และให้เกียรติผู้ที่เกี่ยวข้อง
...
กระทู้นี้ดีมาก .... แต่ดูแล้ว คำว่า "ลูกค้า" สื่อสารได้น้อยมาก .. และที่สำคัญคนอ่านแต่หัวข้อจะไม่รู้ว่า เป็นบทความของ ดร.
...
ดังนั้น ต่อไป ถ้าเป็นไปได้
ผมขอ .....

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 05, 2012 11:18 pm
โดย Loby
yoyo เขียน:
Loby เขียน:
yoyo เขียน:มีตัวอย่างมาให้ดูอีกครับ
เรียนคุณyoyo
อยากทราบครับว่า GL ติดอยู่ในตารางด้วยหรือไม่ครับ พอดีไม่มีข้อมูลครับ
gl ค่าเฉลี่ยนประมาณ 20.78 ครับ ก็ถือว่าสูงใช้ได้ ไม่ติดอันดับตารางข้างต้น แต่ก็หลุดมาไม่ไกลเท่าไหร่ครับ
ขอบคุณครับ :)

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 06, 2012 12:50 am
โดย sakkaphan
MaiFuen เขียน:ขอถามอีกนิดนึงครับ พี่yoyo

คือ พี่ัyoyo เคยบอกว่า หุ้นที่มีROEสูงสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง5-10ปี

จะเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดดีเสมอ

คือ มีความสัมพันธ์กันระหว่าง ROE และ DCF

เลยอยากจะขอให้ช่วยขยายความหน่อยครับ
ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไรครับ?

ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับพี่
:D
เอ... ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยนะครับว่า ไม่เสมอไปนา มันน่าจะขึ้นอยู่กับ nature ของธุรกิจนั้นซะมากกว่า รึป่าวครับ?? เพราะอย่าง gl เนี่ยก็ROE สูงมานาน แต่ด้วยnatureของธุรกิจนี้ซึ่งเป็นการกู้ยืมเงินมาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้เช่าซื้อ ลักษณะจะเป็นว่าเมื่อปล่อยสินเชื่อ จะเกิดลูกหนี้ขึ้นมากมาย กระแสเงินดำเนินงานติดลบ ก็กู้ยืมเงินมาอีก เวลาผ่านไปลูกหนี้จ่ายหนี้ ลูกหนี้ลดลง กระแสเงินเป็นบวก ก็เอาไปจ่ายหนี้ แล้วก็กู้มาปล่อยสินเชื่ออีก วนเวียนไปอย่างนี้ทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกเป็นลบสลับกันไป...
ผมเข้าใจของผมอย่างนี้นะ ถ้าผิดอะไรยังไงก็ขอโทษด้วย ต้องรบกวนผู้รู้มาชี้แจงละครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 06, 2012 10:23 am
โดย yoyo
sakkaphan เขียน:
MaiFuen เขียน:ขอถามอีกนิดนึงครับ พี่yoyo

คือ พี่ัyoyo เคยบอกว่า หุ้นที่มีROEสูงสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง5-10ปี

จะเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดดีเสมอ

คือ มีความสัมพันธ์กันระหว่าง ROE และ DCF

เลยอยากจะขอให้ช่วยขยายความหน่อยครับ
ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไรครับ?

ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับพี่
:D
เอ... ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยนะครับว่า ไม่เสมอไปนา มันน่าจะขึ้นอยู่กับ nature ของธุรกิจนั้นซะมากกว่า รึป่าวครับ?? เพราะอย่าง gl เนี่ยก็ROE สูงมานาน แต่ด้วยnatureของธุรกิจนี้ซึ่งเป็นการกู้ยืมเงินมาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้เช่าซื้อ ลักษณะจะเป็นว่าเมื่อปล่อยสินเชื่อ จะเกิดลูกหนี้ขึ้นมากมาย กระแสเงินดำเนินงานติดลบ ก็กู้ยืมเงินมาอีก เวลาผ่านไปลูกหนี้จ่ายหนี้ ลูกหนี้ลดลง กระแสเงินเป็นบวก ก็เอาไปจ่ายหนี้ แล้วก็กู้มาปล่อยสินเชื่ออีก วนเวียนไปอย่างนี้ทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกเป็นลบสลับกันไป...
ผมเข้าใจของผมอย่างนี้นะ ถ้าผิดอะไรยังไงก็ขอโทษด้วย ต้องรบกวนผู้รู้มาชี้แจงละครับ
ผมเข้าใจว่าเงินที่ปล่อยสินเชื่อน่าจะอยู่ในส่วนกระแสเงินสดที่ใช้ในการลงทุนนะครับ เพราะฉะนั้นรายการติดลบเงินสดคือเอาไปลงทุนให้เงินนั้นงอกเงยมากขึ้น เงินสดจากการดำเนินงานโดยรวมในระยะยาวน่าจะเป็น + ซึ่งผมลองไปเปิดดูงบ ปี 54 53 52 ดูก็เป็น + จริง (+มากซะด้วย)

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 06, 2012 1:36 pm
โดย sakkaphan
yoyo เขียน:
sakkaphan เขียน:
MaiFuen เขียน:ขอถามอีกนิดนึงครับ พี่yoyo

คือ พี่ัyoyo เคยบอกว่า หุ้นที่มีROEสูงสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง5-10ปี

จะเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดดีเสมอ

คือ มีความสัมพันธ์กันระหว่าง ROE และ DCF

เลยอยากจะขอให้ช่วยขยายความหน่อยครับ
ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไรครับ?

ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับพี่
:D
เอ... ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยนะครับว่า ไม่เสมอไปนา มันน่าจะขึ้นอยู่กับ nature ของธุรกิจนั้นซะมากกว่า รึป่าวครับ?? เพราะอย่าง gl เนี่ยก็ROE สูงมานาน แต่ด้วยnatureของธุรกิจนี้ซึ่งเป็นการกู้ยืมเงินมาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้เช่าซื้อ ลักษณะจะเป็นว่าเมื่อปล่อยสินเชื่อ จะเกิดลูกหนี้ขึ้นมากมาย กระแสเงินดำเนินงานติดลบ ก็กู้ยืมเงินมาอีก เวลาผ่านไปลูกหนี้จ่ายหนี้ ลูกหนี้ลดลง กระแสเงินเป็นบวก ก็เอาไปจ่ายหนี้ แล้วก็กู้มาปล่อยสินเชื่ออีก วนเวียนไปอย่างนี้ทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกเป็นลบสลับกันไป...
ผมเข้าใจของผมอย่างนี้นะ ถ้าผิดอะไรยังไงก็ขอโทษด้วย ต้องรบกวนผู้รู้มาชี้แจงละครับ
ผมเข้าใจว่าเงินที่ปล่อยสินเชื่อน่าจะอยู่ในส่วนกระแสเงินสดที่ใช้ในการลงทุนนะครับ เพราะฉะนั้นรายการติดลบเงินสดคือเอาไปลงทุนให้เงินนั้นงอกเงยมากขึ้น เงินสดจากการดำเนินงานโดยรวมในระยะยาวน่าจะเป็น + ซึ่งผมลองไปเปิดดูงบ ปี 54 53 52 ดูก็เป็น + จริง (+มากซะด้วย)
ปี 53 เป็นลบนี่ครับ ผมมองว่าลักษณะแบบนี้อยู่ที่ช่วงเวลาในการบันทึกบัญชีมากกว่า หากตอนที่บันทึกบัญชีตอนนั้นมีการชะลอการปล่อยสินเชื่อ จะได้รับเงินจากลูกค้ามากกว่าสินเชื่อที่ปล่อยทำให้กระแสเงินดำเนินงานเป็นบวก แต่ช่วงไหนที่ขยายการปล่อยสินเชื่อเยอะๆคือเกิดลูกหนี้มากกว่าที่ลูกหนี้ลดลงกระแสเงินอาจจะเป็นลบได้ ถ้าลงไปดูรายไตรมาสจะเห็นชัดเจนครับว่าเป็นลบบวกสลับกันบ่อยครั้ง
แต่ระยะยาวแล้วเห็นด้วยครับว่าหากมีการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ที่ดีจะมีกระแสเงินเป็นบวก คือไอที่เห็นว่ากระแสเงินเป็นลบนั้นแค่เกิดจากช่วงที่ขยายการปล่อยสินเชื่อเท่านั้น

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 06, 2012 2:44 pm
โดย adi
คุณ sakkaphan พูดถึง free cash flow
คุณ yoyo พูดถึง cash flow from operation

มันก็เลยไม่ตรงกันครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 06, 2012 2:55 pm
โดย rayvi
@adi คุณ sakkaphan ยังคงพูดอยู่ในเรื่องแค่ CFO ครับ และเนื้อหาก็เห็นด้วยตามนั้น ซึ่งมันเป็นลักษณะเฉพาะพวกบริษัททำธุรกิจให้สินเชื่อ

แต่ที่อ่านแล้วดูไม่ตรงกันน่าจะเป็นเพราะ
เงินให้สินเชื่อของบริษัท leasing บันทึกในกิจกรรมการดำเนินงานครับ เพราะบริษัทตั้งขึ้นมาดำเนินกิจการในการให้สินเชื่อ
ถ้าเป็นบริษัทขายหมูเห็ดเป็ดไก่ เงินให้สินเชื่อ บันทึกในกิจกรรมการลงทุนครับ (ขออภัยหากเข้าใจผิด)

โดยหลักการที่ดียังคงใช้ได้เสมอ แต่บริษัทบางสายพันธุ์ จะมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนชาวบ้านก็ได้ อันนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนนำหลักการไปใช้ครับ

Re: ลูกค้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 06, 2012 3:00 pm
โดย adi
จริงครับ

พึ่งเข้าไปดูมา ปี 53 เป็นลบจริงๆด้วย

ขอบคุณคุณ rayvi ครับ