Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

โดยโพสไว้ในกระทู้นี้ วันนี้ผมว่างคิดวิเคราะห์ให้เขาแล้วครับ
เรทเครดิตที่สูงที่สุดคือเรท 30% ความจริงมีสูงกว่านี้คือ 50% แต่ปัจจุบันนี้สรรพากรไม่ให้เครดิตที่อัตรานี้แล้ว เพราะมันจะเครดิตได้ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีเพดาน
ผู้ถามได้ตั้งสมมุติฐานว่ามีรายได้จากเงินปันผลทางเดียว
การขอเครดิตภาษีที่อัตรา 30% จะเป็นการขอเงินที่เสียภาษีในอัตรา 37% คืน(สมมุติว่าบริษัทแห่งหนึ่งได้กำไร 100 บาท เสียภาษี 30% จะเหลือกำไร 70 บาท จ่ายเป็นเงินปันผล เสียภาษีปันผลอีก 10% ของเงินปันผล เสียไปอีก 7 บาท เหลือเงินปันผลถึงมือ 63 บาท เสียภาษีไป 37 บาท คิดเป็น 37% ด้วยประการนี้)
รายได้จากเงินปันผลเมื่อทำการเครดิตจะมีค่าเท่ากับเงินปันผลรวมกับเงินเครดิตเงินปันผล รายละเอียดดูได้จาก http://thaijvi.blogspot.com/2012/01/blog-post_3674.html

อัตราการเสียภาษีบุคคลธรรมดาที่สูงที่สุดคือ 37% ช่วงที่มีรายได้เกิน 4,000,000 บาท จะเห็นได้ว่ารายได้ที่เกิน 4,000,000 บาท การขอเครดิตภาษีจะไม่ทำให้ได้ภาษีเพิ่มหรือลดลงไปเพราะจอเครดิตเพิ่มรายได้ไปเท่าไรก็เรียกร้องเงินคืนได้แค่ 37% แต่ก็ต้องเสียภาษี 37% กลายเป็นเสมอตัวไป

คำนวณเงินที่ได้จากการเครดิตภาษีจึงคำนวณที่ 4,000,000 บาท เสียภาษีไป 1,035,000 บาท รายละเอียดดูได้ที่ http://www.rd.go.th/publish/1780.0.html
รายได้ 4,000,000 บาท ขอเครดิตจะได้เงินเครดิตภาษีรวมกับภาษีเงินปันผลคืน 37% คิดเป็น 1,480,000 บาท แต่ต้องเสียภาษี 1,035,000 บาท เหลือได้ภาษีคืน 445,000 บาท คิดต่อเดือนได้ประมาณ 37,000 บาท กว่า ๆ

แต่ปัญหาคือการเครดิตภาษีเงินปันผลมีหลายอัตราเครดิต ไม่ใช่ 30% อย่างเดียวและการขอเครดิตภาษีจะต้องขอเครดิตภาษีทั้งหมดทุก ๆ เงินปันผลที่ได้ในปีนั้น ไม่เชื่อลองถามสรรพากรดูได้ หรือจะลองลักไก่ดูก็ได้ แต่สรรพากรเขามีข้อมูลการได้เงินปันผลของคุณจาก TSD นะ จะลองดูก็ได้เผื่อ human error
และคนโดยส่วนใหญ่จะมีรายได้หลายทาง และการขอเครดิตจนาดนั้นสรรพกรย่อมเพ่งเล็งไม่มากก็น้อย เว้นแต่คุณมีรายได้จากเงินปันผลอย่างเดียวจริง ๆ สมควรเครดิตอย่างยิ่ง
และจะได้เงินคืนภาษีสูงสุดเท่ากับ 445,000 บาท

มันอาจจะได้มากกว่านั้นก้ได้ถ้าคุณหาทางลดหย่อนรายได้ได้บ้าง อย่างน้อยผู้มีเงินได้ก้ได้สิทธิลดหย่อน 30,000 บาท ถ้ารายได้ของคุณอยู่ในช่วงที่ต้องเสียภาษี 37% คุณก็จะได้ลดหย่อนภาษี (ได้เงินคืนภาษี) ไป 37% ของรายได้ที่หักลดหย่อนได้
สุดท้ายนี้หวังว่าผู้ถามจะไม่ไปไหนเสียก่อน

รบกวนช่วยหาทางลดหย่อนรายได้ หักค่าใช้จ่าย แก่เศรษฐีผู้ยากไร้ด้วยครับ

สอบถามคุณ todsapon ครับ

กรณีรัฐบาลจะลดภาษีนิติบุคคล จะทำให้อัตราการเครดิตภาษีลดลงยังไงบ้างครับ

อีกเรื่องหนึ่งคือ หากรัฐบาลยกเลิกการหักภาษีเงินปันผล 10% บุคคลธรรมดาจะยังเครดิตภาษีเงินปันผลได้อยู่อีกหรือไม่ครับ

ส่วนเรื่องลดหย่อน ผมก็มองไปที่ RMF, LTF (ถึงแม้คุณจะเล่นหุ้นเก่ง แต่จุดประสงค์ของการซื้อคือเพื่อลดหย่อนภาษี) หรือซื้อประกันชีวิตนั่นแหละครับ

อีกอันหนึ่งคือการบริจาคครับ ง่ายๆและได้บุญด้วย

Belffet เขียน:สอบถามคุณ todsapon ครับ

กรณีรัฐบาลจะลดภาษีนิติบุคคล จะทำให้อัตราการเครดิตภาษีลดลงยังไงบ้างครับ

อีกเรื่องหนึ่งคือ หากรัฐบาลยกเลิกการหักภาษีเงินปันผล 10% บุคคลธรรมดาจะยังเครดิตภาษีเงินปันผลได้อยู่อีกหรือไม่ครับ

ส่วนเรื่องลดหย่อน ผมก็มองไปที่ RMF, LTF (ถึงแม้คุณจะเล่นหุ้นเก่ง แต่จุดประสงค์ของการซื้อคือเพื่อลดหย่อนภาษี) หรือซื้อประกันชีวิตนั่นแหละครับ

อีกอันหนึ่งคือการบริจาคครับ ง่ายๆและได้บุญด้วย

ผมต้องออกตัวก่อนเลยว่าเล่นหุ้นไม่เก่งครับ ผลตอบแทนที่ได้รับได้ไม่ถึง 10% ต่อปีเลย แต่ถ้าคิดเครดิตเงินปันผลเข้าไปด้วยถึงจะถึง 10% ต่อปีครับ

ถ้ารัฐบาลลดอัตราภาษีนิติบุคคลการเครดิตก็จะได้น้อยลงอย่างแน่นอนครับ เพราะการเครดิตภาษีคือดึงภาษีที่เสียไปผ่านทางบริษัทกลับคืนมา แต่กำไรสุทธิของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้นเพราะเสียภาษีน้อยลงครับ สรุปง่าย ๆ การเครดิตภาษีคือการดึงภาษีที่เสียไปผ่านทางบริษัทกลับคืนมา ยิ่งถ้ารัฐบาลประกาศว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษีอีกแล้ว คุณก็จะเครดิตภาษีไมได้เลย แต่บริษัทที่ถือหุ้นอยู่ก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้น ได้เงินปันผลก็น่าจะได้มากขึ้น ดีเสียอีกไม่ต้องเสียเวลาไปทำเรื่องเครดิตภาษี บางคนก็ไม่สะดวกที่จะเครดิต

ถ้าหากรัฐบาลยกเลิกภาษีเงินปันผล 10% ก็ยังเครดิตภาษีได้เหมือนเดิม เพราะการเครดิตภาษีคือการดึงภาษีที่เสียผ่านทางบริษัทกลับคืนมา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับภาษีเงินปันผลที่หัก ณ ที่จ่ายเลยครับ

ถ้ายังงง ดูอันนี้ครับ
http://thaijvi.blogspot.com/2012/01/blog-post_3674.html

ขอบคุณมากนะครับ สำหรับบทความดีๆ

ขอบคุณคุณ todsapon มากครับ

ขอให้คุณ todsapon ประสบความสำเร็จในการลงทุนยิ่งๆขึ้นไปครับ