Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

การที่เราจะดู Market Cap. ต้องใช้ประสบการณ์มาก และเป็นศิลป์ไม่ใช่ศาสตร์ และบางทีบริษัทก็แพงกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือไม่แสดงมูลค่าที่แท้จริง เพราะมีวอเเรนจำนวนมาก ผมเลยอยากขอฟังจากผู้มีประสบการณ์ในการดู Market Cap. หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

งงครับ
เท่าที่เคยรู้ market cap. = ราคาตลาดของหุ้น x จำนวนหุ้นสามัญ
ถ้าบริษัทออกวอร์แรนท์ ก็คิดแบบอนุรักษ์นิยม โดยสมมติให้วอร์แรนท์ทั้งหมดมีการใช้สิทธิ จำนวนหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นมา แต่มันก็จะไปกระทบกับราคาตลาดอยู่ดี เพราะมันจะไปเจือจางกำไรต่อหุ้น

rafael เขียน:การที่เราจะดู Market Cap. ต้องใช้ประสบการณ์มาก และเป็นศิลป์ไม่ใช่ศาสตร์ และบางทีบริษัทก็แพงกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือไม่แสดงมูลค่าที่แท้จริง เพราะมีวอเเรนจำนวนมาก ผมเลยอยากขอฟังจากผู้มีประสบการณ์ในการดู Market Cap. หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

Market cap พูดง่ายๆก็คือ จำนวนเงินที่เราต้องใช้ทั้งหมด ในการซื้อบริษัททั้งบริษัท โดยเรามักจะตั้งสมมุติฐานว่าไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสภาพคล่องของหุ้น
เพราะงั้น ปกติเวลาดู Market cap ของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ก็ให้เอาราคา ณ วันที่เราต้องการดู x จำนวนหุ้นทั้งหมดในตลาด ขณะนั้น
กรณีที่บริษัทออก warrant และยังเหลือจำนวนที่ยังไม่ได้แปลงในตลาด ให้คิดรวมด้วย โดยเอาราคาวอร์ขณะนั้นคูณจำนวนวอร์ทั้งหมดที่ยังไม่แปลง

ข้อมูลทั้งหมด หาได้จาก set.or.th ครับ

คุณ rafael คงหมายถึงเรื่องการมอง ความเหมาะสมของหุ้นโดยพิจารณาจาก Market Cap ที่ ดร นิเวศ พูดไว้ในหนังสือตีแตก(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ประมาณว่าถ้าเราจะซื้อทั้งบริษัท จ่ายเงินเท่านี้แล้วเหมาะสมหรือไม่ เช่น จ่ายแสนล้านแล้วได้บริษัทผลิตไม้จิ้มฟัน มันก็ดูไม่เหมาะสม จึงควรพิจารณา ขณะที่มูลค่าหุ้นอยู่ในภาวะปรกติ คือไม่มีวอร์แลนท์มากระทบกับราคาขณะนั้น

วิธีดูคงใช้ประสบการณ์ล้วนๆครับ คงประมาณว่าถ้าซื้อทั้งบริษัทแล้วเราจะได้สินทรัพย์ทั้งหมดเท่าไหร่ บริษัทมีค่าความนิยมแค่ไหน หักหนี้สินทั้งหมดแล้วคุ้มหรือไม่

อันนี้ความเห็นส่วนตัว ยังไงก็รอผู้รู้มาตอบอีกทีนะครับ

ความเห็นสุดท้ายใช่ครับ เพราะพื้นฐานผมรู้หมดเเล้วครับ แต่ขาดศิลป์นี่เเละครับ

ถ้าเป็นเรื่องศิลปะ คงสอนกันได้ยาก ต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัว
วิธีพิจารณา MARKET CAP ง่ายๆ คือ
1 เปรียบเทียบกับบริษัทที่ใกล้เคียงกัน ในเชิงคุณภาพ
2 เทียบอัตราส่วนยอดขาย กำไร กระแสเงินสด กับ MARKET CAP
ข้อ 2 อาจไม่ยากเท่าไหร่ แต่ข้อแรกต้องใช้ประสบการณ์ในการเข้าใจธุรกิจในภาพกว้างมาก
ซึ่งผมคิดว่าจะทำได้มีอย่างเดียว คือ อ่านมากดูมาก ก็จะเข้าใจตัวธุรกิจมากขึ้นครับ

อ๋อ เข้าใจแล้ว อ่านทีแรกผมก็งงว่าจะดูแค่ market cap ไปทำไม(ดูในเว็บ set ก็ได้) เพราะปกติมันใช้บอกขนาดของบริษัท(มูลค่าตลาดของบริษัท) ถ้าจะดูก็น่าจะใช้ดูเทียบกับอะไรสักอย่าง

Market cap เท่ากับจำนวนหุ้นคูณราคาในกระดาน

บอกให้รู้ถึงปริมาณ ไม่ได้บอกในเรื่องคุณภาพหุ้น

ผมดู Free cash flow เทียบ market cap ครับ เป็นหลัก
หรือถ้าดูคร่าวๆ ก็ดูกระแสเงินสดดำเนินงานเทียบ market cap
ตรงนี้ไม่มีใครสอน คนอื่นอาจจะใช้แนวทางอื่น แต่ผมคิดของผมเองว่า ถ้าผมต้องการเป็นเจ้าของกิจการแล้ว จะต้องดูอะไรบ้าง เมื่อซื้อกิจการทั้งบริษัทมา

ถ้าบริษัทสามารถสร้าง Free cash flow ได้อย่างสม่ำเสมอทุกปีและเป็นจำนวนมากเทียบกับmarket cap ผมว่าน่าสนใจมาก

เช่น มูลค่าทั้งบริษัท 5000 ล้าน แต่มี free cash flow 1000 ล้าน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แล้วถ้ายิ่งหนี้น้อยแล้วด้วยนะ..... คุณลองคิดดูสิครับว่า ถ้าคุณซื้อบริษัทนี้มา คุณจะคืนทุนกี่ปี แล้วเงินสดจะเหลือมหาศาลขนาดไหน

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

market cap. = ราคาตลาดของหุ้น x จำนวนหุ้นสามัญ

ถ้าไม่ได้ออกหุ้นใหม่อะไร (จำนวนหุ้นสามัญคงที่) ตัวแปรที่มีผลต่อ market cap.ก็คือ ราคา
ดังนั้นที่บอกว่า market cap. ต่ำเกินไปก็คือ หุ้นนี้มีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง

สงสัยราคาตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอด แบบนี่mkt cap ก็เพิ่มลดตาม เหรอครับ
เราจะนําค่านี่มาประเมินอย่างไร

Supra เขียน:สงสัยราคาตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอด แบบนี่mkt cap ก็เพิ่มลดตาม เหรอครับ
เราจะนําค่านี่มาประเมินอย่างไร

ตลาดคำนวณ mkt cap ทุกสิ้นวันที่ราคาปิดครับครับ

การตีราคาของมือสองยาก ฉันใด
การใช้มาร์เกต แคป ยากกว่า ไม่รู้กี่เท่า
เพราะ หุ้นเป็นอะไรที่มากกว่าสิ่งของ
มีหลายมุมให้มอง ทั้งในมุมแมงเม่า นักลงทุน หรือ ผู้ประกอบการในตลท เอง

ยกตัวอย่าง ssc แมงเม่า กับ นลท มองว่าแพงแล้ว
แต่ ผู้ประกอบการอาจจะบอกว่า เทียบกับ logistic ของเป็ปซี่
ที่จะมาเสริมกับธุรกิจตนเองราคานี้ถูกไปด้วยซ้ำ

สรุปว่า บ่นเอง งงเอง
ไปดีฟ่า

มันก็คือการประเมินPE Ratioปะครับ

ถ้ามองทั้งบริษัทก็PE=MarketCap/Earning
อยากรู้MarketCapก็ MarketCap=PE*Earning

ถ้ามองแค่ราคาหุ้นก็PE=Price/eps
อยากรู้Priceก็ Price=PE*eps

ดังนั้นKeyในการประเมินMarketcapก็คือ คุณต้องรู้ FairPEกับEarning
FairPEลองหาในกระทู้เก่าๆ ผมว่ามีเยอะนะ หรือBlog yoyoway.com ก็มีครับ^^
ผมว่าจขกท โฟกัสไปหาเรื่องการให้PEน่าจะเจอข้อมูลที่กว่าปะครับ?
ส่วนEarningก็แล้วแต่จะประเมินกันไป^^

http://www.sarut-homesite.net/2009/11/% ... %E0%B8%B1/

LinkของคุณSarutก็โอเคนะครับ เอาของพี่yoyoมารวมอ่านหน้าเดียวง่ายดี^^

Market Cap. มีประโยชน์มากคับในการมองขนาดของบริษัท และมูลค่าที่เหมาะสม

เช่น ธุรกิจนี้ควรมี Market Cap. เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับยอดขาย กำไร และการเติบโต
อันนี้ขึ้นกับประสบการณ์ในการลงทุน แต่มองบ่อยๆ ใส่ใจก็จะพอบอกได้ว่าถูกหรือแพงไป

หรือ Market Cap. ขนาดนี้สามารถสร้างบริษัทที่เหมือนกันได้หรือเปล่า อันนี้บัฟเฟตก็ใช้
ในการดูหุ้น Coke ถ้าใช้เงินขนาดทั้งบริษัท จะสามารถสร้างบริษัทได้อย่างโค้กหรือเปล่า

และ Market Cap. สามารถใช้เปรียบเทียบดูขนาดธุรกิจของบริษัทได้คับ
บางธุรกิจขนาดตลาดน่าจะเล็ก เช่น โรงพยาบาล ที่ไม่มีสาขา NTV TNH SKR
บางธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะมีหลายสาขา เช่น ค้าปลีกที่มีสาขา ลองเทียบ BIGC MAKRO CPALL
ลองดูกลุ่มประกันอย่าง BLA กับ SCBLIF กลุ่มแบงค์ใหญ่ BBL KBANK SCB กับกลุ่มกลาง BAY TCAP
กลุ่มเล็ก KK CIMBT TISCO

ขนาดของ Market Cap. จะสามารถบอกถึงความแตกต่างได้ ถึงลักษณะของธุรกิจต่างๆ ได้พอสมควร
และถึงขนาดบอกได้ว่ามันถูกหรือแพง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ในการลงทุนมาพอสมควร

ดูเยอะๆคับ ในทั้งช่วงตลาดดี ตลาดไม่ดี แล้วก็เปรียบเทียบกับข้อมูลธุรกิจ ส่วนแบ่งการตลาด ยอดขาย กำไร การเติบโต
ก็สามารถบอกได้ว่าหุ้นมีราคาเหมาะสมหรือไม่ ขนาด Market Cap. เหมาะสมไหม

ซึ่งต่างกับ ราคาต่อหุ้น มากมาย เพราะราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย แต่เป็นราคาที่สะท้อนการซื้อขายของนักลงทุนเท่านั้น

ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์มาก

ลองอ่านบทความเรื่อง "ศักดิ์ศรีของหุ้น" ของ ดร.นิเวศน์ ดูครับ อาจจะได้คำตอบ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 99#p759297
คุณ IH แนะนำมาอีกทีครับ