Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ก็อย่างที่รู้ๆกันดีว่า

กำไรส่วนเกินทุน ส่วนใหญ่มักจะได้มาจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น

แต่อีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรคือ

กำไรส่วนเกินทุน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ผ่านเงินปันผลสะสมรับ

เท่าที่ผมคำนวณดู

ได้เงินต้นคืนจากเงินปันผลรับสะสมจากหุ้น


MCS ได้เงินต้นคืนจากเงินปันเร็วที่สุด ตั้งแต่ซืิ้อขายหุ้นมา

JCT ได้เกินสองเท่าของเงินต้นแล้ว

ROJNA ได้เกินน่าจะสามสี่เท่าของเงินต้น

IFEC น่าจะได้คืนครบ ภายในปีนี้

ยังไม่ได้เลยครับ

ผมได้จาก WG ครับ

ยังไม่ครบเลย

ได้จาก SNC

คลายเครียด เขียน:ก็อย่างที่รู้ๆกันดีว่า

กำไรส่วนเกินทุน ส่วนใหญ่มักจะได้มาจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น

แต่อีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรคือ

กำไรส่วนเกินทุน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ผ่านเงินปันผลสะสมรับ

เท่าที่ผมคำนวณดู

ได้เงินต้นคืนจากเงินปันผลรับสะสมจากหุ้น


MCS ได้เงินต้นคืนจากเงินปันเร็วที่สุด ตั้งแต่ซืิ้อขายหุ้นมา

JCT ได้เกินสองเท่าของเงินต้นแล้ว

ROJNA ได้เกินน่าจะสามสี่เท่าของเงินต้น

IFEC น่าจะได้คืนครบ ภายในปีนี้

ป๋าเล่นเป็นเด้งๆ เลย ผมเพิ่งจะตามควายจากปีที่แล้วสำเร็จ โชคดีที่มีอัศวินมาช่วยไม่งั้นนอนจมกองเลือด ครับ

STPI ได้เงินปันผลเกือบ 2 เท่าของเงินต้น ได้หุ้นปันผลอีก 14:1 และ capital gain อีกกว่า 6 เด้ง

คลายเครียด เขียน:ก็อย่างที่รู้ๆกันดีว่า

กำไรส่วนเกินทุน ส่วนใหญ่มักจะได้มาจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น

แต่อีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรคือ

กำไรส่วนเกินทุน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ผ่านเงินปันผลสะสมรับ

เท่าที่ผมคำนวณดู

ได้เงินต้นคืนจากเงินปันผลรับสะสมจากหุ้น


MCS ได้เงินต้นคืนจากเงินปันเร็วที่สุด ตั้งแต่ซืิ้อขายหุ้นมา

JCT ได้เกินสองเท่าของเงินต้นแล้ว

ROJNA ได้เกินน่าจะสามสี่เท่าของเงินต้น

IFEC น่าจะได้คืนครบ ภายในปีนี้

เเต่ละตัวใช้เวลาเท่าไหร่ครับ จะได้มองเห็นภาพว่าการถือหุ้นระยะยาวเเล้วคุ้มค่าครับ

ปูเสื่อรอครับ อยากฟังๆ

ไม่มีสักตัว ได้ปันผล 5% ไม่ต้องรอ 20 ปีเลยหรอ..เฮ้อ..

รอฟังด้วยคนครับ

pornchal เขียน:ไม่มีสักตัว ได้ปันผล 5% ไม่ต้องรอ 20 ปีเลยหรอ..เฮ้อ..

จะหวังปันผลโตสะสมไปเรื่อยๆจน cover เงินทุน คุณต้องมั่นใจว่า กำไรของกิจการนั้นโตอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี และกำไรที่โตขึ้นนั้นต้องได้รับการยืนยันจากกระแสเงินสดดำเนินงานว่าได้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วย อย่างนี้ก็ไม่ต้องรอถึง 20 ปี ชะตาชีวิตของเงินลงทุนที่ฝากไว้ จะเป็นดังการทบต้นด้วยตัวมันเอง โดยเราไม่ต้องไปทำอะไรเลย

อย่างสไตล์พี่คลายเครียด และ พี่ฉัตรชัย ซากอยากตั้งชื่อใหม่แทนที่นักลงทุนสายเต่าว่า นักลงทุนสาย โชริวเคน 5555 ขอคึกก่อนนอนนะครับ

chatchai เขียน:ผมได้จาก WG ครับ

สุดยอดเลยครับ น่าจะได้ส่วนเกินทุนจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า ๔ เท่า

MrRobot เขียน:

คลายเครียด เขียน:ก็อย่างที่รู้ๆกันดีว่า

กำไรส่วนเกินทุน ส่วนใหญ่มักจะได้มาจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น

แต่อีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรคือ

กำไรส่วนเกินทุน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ผ่านเงินปันผลสะสมรับ

เท่าที่ผมคำนวณดู

ได้เงินต้นคืนจากเงินปันผลรับสะสมจากหุ้น


MCS ได้เงินต้นคืนจากเงินปันเร็วที่สุด ตั้งแต่ซืิ้อขายหุ้นมา

JCT ได้เกินสองเท่าของเงินต้นแล้ว

ROJNA ได้เกินน่าจะสามสี่เท่าของเงินต้น

IFEC น่าจะได้คืนครบ ภายในปีนี้

เเต่ละตัวใช้เวลาเท่าไหร่ครับ จะได้มองเห็นภาพว่าการถือหุ้นระยะยาวเเล้วคุ้มค่าครับ

คำถามนี้ ทำให้ผมนึกไปถึง

แต้มต่อ margin of safety ด้านยีลด์
ถ้าเรายิ่งเริ่มต้น จากราคาหุ้นที่ได้ยีลด์สูงมากเท่าไร
ก็จะได้เปรียบกว่า การเริ่มจากราคาหุ้นที่ให้ยีลด์ต่ำเท่านั้น


MCSใช้เวลา ๓ ปี่กว่าๆ

ซื่้อตอนที่ยีลด์ขยับขึ้นจาก สิบ ไปเป็น ยี่สิบ เพราะราคาหุ้นลดลงครึ่งหนึ่ง
โดยที่เงินปันผลไม่ได้ลดตาม
แต่ตอนซื้อก็เผื่อใจไว้ ให้เงินปันผลลดตามมาครึ่งหนึ่ง
ซึ่งยังไงก็สูงกว่า ผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่มีความเสี่ยง
จากเงินฝากธนาคารถึง แปดเก้าเท่า
ยังงงๆว่า คนขาย ขายเพื่อทิ้งยีลด์สิบ ไปกินยีลด์หนึ่งหรือไง ??????????????????????????

JCTได้คืนเงินต้นหนึ่งเท่า ใช้เวลา ๔ ปี สองเท่า ใช้เวลา ๘ ปี



ROJNA
ยอมรับว่าเขาแจกให้จนจำไม่ได้แล้วว่า ซื้่อมาเมื่อไร ได้เงินจากอะไรมาบ้าง
เพราะนอกจากเงินปันผลสะสม ยังได้จากวอร์แรนท์ฟรีอีกสองหรือสามชุด ได้เงินต้นคืนมาอีกสี่ห้าเท่า ?

IFECใช้เวลาสี่ปีกว่าๆ ได้คืนเร็วขึ้นเพราะปีนี้แจกปันผลให้มากเป็นพิเศษ

ซื่้อแบบเดียวกับ mcs
แต้มต่อ mos ด้านยีลด์
ขยับจากสิบเปอร์เซนต์ขึ้นไปเกือบยี่สิบเปอร์เซนต์
เพราะราคาหุ้นที่ลดลงแบบ ไม่รู้เหตุผลว่าเขาขายทำไม
แต่เรารู้เหตุผลว่า ทำไมเราสมควรจะซื้อ

ความจริงมีอีกตัว
ที่ไม่รู้จะนับยังไงคือ

FE ขายเอาทุนคืนจนหมดแล้ว
เหลือแต่หุ้นปันผล ไว้กินเงินปันผลไปเรื่อยๆ ครับ

ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาพี่คลายเครียด พี่รบกวนช่วยเล่าแนวคิดว่า ทำไมเวลาเลือกหุ้น พี่ใช้จุดอะไรตัดสินใจบ้างครับ

wasan_yu เขียน:ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาพี่คลายเครียด พี่รบกวนช่วยเล่าแนวคิดว่า ทำไมเวลาเลือกหุ้น พี่ใช้จุดอะไรตัดสินใจบ้างครับ

ก็เริ่มจาก mos มหภาคที่ว่า

ไม่โลภเกินความรู้ ความสามารถตามปัจจัยพื่้นฐานสะสมของตัวเองครับ

พอตั้งต้นจากจุดนี้

ผมก็ต้องซื่้อแบบกระจายความเสี่ยง

"เพราะไม่มีความสามารถ ที่จะคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตได้อย่างแม่นยำ"


จึงเน้นไปที่กระจายความเสี่ยงถือหุ้นหลายๆตัว
แล้วก็หาต่อไปว่า หุ้นตัวไหนมีแต้มต่อด้านยีลด์
มากกว่าผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ ที่ไม่มีความเสี่ยง จากเงินฝากธนาคาร

ยิ่งมีแต้มต่อมาก ก็ยิ่งน่าสนใจ

ยิ่งบริษัท มีหนี้สินต่อทุนน้อยๆ ก็ยิ่งน่าสนใจ
ยิ่งมูลค่าหุ้นจริงๆ มีมากกว่าราคาหุ้นในตลาด ก็ยิ่งน่าสนใจ
ยิ่งดูเงินปันผลย้อนหลัง จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งน่าสนใจ

แต่ jct ซื้่อเพราะราคาหุ้น ลงไปถึงแนวรับสุดท้ายของผมที่ว่า

ซากของบริษัทจะขายได้ราคาเท่าไร
ถ้าเอาหนี้สินทั้งหมด หักออกจากส่วนผู้ถือหุ้น แล้วหารด้วยสอง


หลักการในการซื้อ ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
เพราะความสามารถที่แท้จริงของผมมีแค่

"สามารถถือหุ้น ที่คิดว่ามันดีๆ ได้ไม่จำกัดเวลา"

ระยะเวลาการลงทุนของผมยังน้อยเกินไปครบเฮีย ยังไม่มีตัวไหนได้ปันผลเท่าต้นทุนเลยครับ
แค่เข้ามาอ่านและขอชื่นชมความยอดเยี่มของเฮียครับ

ซากคน เขียน: อย่างสไตล์พี่คลายเครียด และ พี่ฉัตรชัย ซากอยากตั้งชื่อใหม่แทนที่นักลงทุนสายเต่าว่า นักลงทุนสาย โชริวเคน 5555 ขอคึกก่อนนอนนะครับ

โชริวเคน เป็นยังไงครับ คุณซากช่วยอธิบายหน่อยครับ

ขอบคุณครับพี่คลายเครียด

คลายเครียด เขียน:

chatchai เขียน:ผมได้จาก WG ครับ

สุดยอดเลยครับ น่าจะได้ส่วนเกินทุนจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า ๔ เท่า

ผมถือมานานหลายปีครับ ได้รับผลตอบแทนก็ถือว่าดีพอสมควร เมื่อพิจารณาว่าถือผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆมามากมาย ส่วนเกินทุนก็ได้รับประมาณที่พี่คลายเครียดบอกไว้ครับ

ที่ถือได้นาน ส่วนหนึ่งก็เพราะราคาหุ้นไม่เคยเกินมูลค่าพื้นฐานของบริษัทเลย ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า

พี่ฉัตรชัย ระหว่างทางที่ถือหุ้น ผมเข้าใจว่าพี่ไม่เครียดกับไม่กังวลในการถือหุ้นนานๆๆ
พี่มีวิธีคิดยังไง ที่ทำให้ถือหุ้นได้นานๆ ครับ โดยไม่ขายหุ้นในช่วงวิกฤติ

เริ่มแรกก็เริ่มจาก แนวคิดในการลงทุนซะก่อน ถ้าเราคิดซื้อหุ้นโดยหวังผลตอบแทนที่มาจากการดำเนินงานที่ดีของบริษัทเป็นหลัก ไม่ได้หวังคิดที่จะกำไรจากการขายให้คนอื่นในราคาแพงๆในระยะเวลาสั้นๆ

จากนั้นก็ศึกษาข้อมูลของบริษัทให้ละเอียด ประเมินมูลค่าของกิจการ ซ์้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่ามากพอสมควร

ระหว่างทาง เราก็ติดตามข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเป็นระยะ วิเคราะห์สถาการณ์ต่างๆให้ดีว่ากระทบต่อบริษัทมากน้อยแค่ไหน

ปัญหาของคนส่วนใหญ่ คือ ขาดความรู้ ความเข้าใจ ไม่มีความเข้าใจในตัวบริษัท ไม่มีความเข้าใจสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น วิเคราะห์ถึงผลกระทบไม่ได้ ขาดความมั่นใจตัวเอง เลือกที่จะเชื่อนักวิเคราะห์ เซียนรายใหญ่

และที่สำคัญ บางคนพยายามคาดเดาตลาด คิดว่าตลาดจะตก ราคาหุ้นจะตก ขายก่อนแล้วค่อยซื้อกลับ คิดว่าเป็นการลดต้นทุน แต่หลายคนก็ตกรถเป็นประจำ

ขอถามหน่อยครับว่าปกติ พี่ฉัตรชัย ต้องมี mos อย่างน้อยกี่ % ครับ
แล้วต้องการผลตอบแทนอย่างต่ำเท่าไหร่ครับ เพราะ ถ้าราคาของหุ้นไม่ขึ้นไปตามมูลค่าหรือใช้เวลานาน
เท่ากับผลตอบแทนต่อปีเราลดลงใช่ไหมครับ
แล้วในส่วนนี้พี่ได้มองตัวเร่งของราคาหุ้นอย่างอื่นนอกจากกำไรด้วยไหมครับ
สุดท้าย ถ้าปันผลไม่พอกินทำยังไงครับพี่ หรือพี่มีเกณฑ์ปันผลขั้นต่ำด้วยครับ
(แหะๆ ขออนุญาติถามหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ)

ส่วนเฮียคลายเครียดสุดยอดเลยครับ ผมอ่านหนังสือเฮียก่อนจะมารู้จักในเว็บอีกครับ
ทำให้สุขภาพจิตผมไม่แย่ตั้งแต่ก่อนเข้าตลาด ขอบคุณเฮียไว้ตรงนี้ด้วยครับ
นอกจากอย่าโลภเกินความรู้แล้ว ตอนเฮียบอกว่า มีแผนที่ แต่ไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน
แผนที่ก็ไม่มีความหมาย มันลึกซึ้งมากครับ

พูดถึงเฮียคลาดเครียด เคยได้ยินมาว่า เฮียเคยออกหนังสือเล่มนึง ซึ่งปัจจุบันไม่รู้จะไปหาที่ไหน ไม่ทราบมีผู้ใจบุญ ทำเป็น ebook ให้อ่านได้หรือเปล่าครับ

ไม่ทราบว่าเฮียคลายเครียดรวมแบบที่ได้หุ้นปันผลมาด้วยหรือเปล่าครับ

ถ้ารวม ผมก็คงมีตัวนึง

หนังสือเฮียคลายเครียด ผมเคยอ่านเเล้วครับ สุดยอดมวยวัดเลยครับ ออกหมัดมัวเเต่โดนทุกเม็ด น่าจะมีภาคต่อนะครับเฮีย

อ่่านง่ายและสนุกดีครับ ผมอุดหนุนมาเล่ม. templeboxing

ขอบคุณ พี่คลายเครียด พี่ฉัตรชัย
ที่มาให้ความรู้น้องๆ รุ่นหลัง นะครับ

ช่วยกรุณามาให้ความรู้ ประสบการณ์การลงทุน บ่อยๆนะครับ
ติดตามผลงาน มาโดยตลอด จากหลายๆสื่อ

คนขายของ เขียน:ไม่ทราบว่าเฮียคลายเครียดรวมแบบที่ได้หุ้นปันผลมาด้วยหรือเปล่าครับ

ถ้ารวม ผมก็คงมีตัวนึง

หุ้นปันผล ผมไม่ได้นับครับ
แต่ถ้าหุ้นปันผล ที่ได้ คำนวณหลังจาก XA เท่ากับไม่มีต้นทุน
ผมก็นับเอาจากที่มันไม่มีต้นทุนครับ

ก็เลยนับไม่ถูกว่า FE ได้ยีลด์เท่าไร


ขอบคุณท่านที่ถามถึงหนังสือ
คงต้องหาอ่านจากห้องสมุดครับ

ผมตอบไว้มีรายละเอียดพอสมควร ไว้ในความคิดเห็นที่ 2 ของกระทู้นี้


http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 69544.html


ไม่มีอะไรน่ายินดี สำหรับคนทำหนังสือมากไปกว่า
คนอ่าน อ่านแล้วได้ประโยชน์ครับ




ขอบคุณคุณฉัตรชัย ที่กรุณาเข้ามาโพสต์ให้ความคิดเห็นที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนด้วยครับ

อยากบอกว่า ผมได้ใช้จากการดู "กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน" มาใช้ในการตัดสินใจว่า
ควรถือหุ้นตัวนั้นต่อหรือไม่ ครับ