Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าใครยังจำตัวอักษรย่อของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งได้
ช่วงนั้นมีหลักทรัพย์คือ FIN1 เป็นหลักทรัพย์ที่ร้อนแรงมากๆ มีข่าวเรื่อง Take Over บริษัทที่จดทะเบียนอื่นๆในตลาดหลักทรัพย์อยู่เนื่องๆ

กลยุทธ์ในการเข้าเทคโอเวอร์คือการแลกหุ้นซึ่งกันและกัน โดยเป้าหมายคือหุ้นที่มีหลักทรัพย์จำนวนมากไม่ได้ใช้งาน
มี PE ต่ำๆ จนกระทั่ง FIN1 มีขนาดเกือบเทียบเท่าธนาคารขนาดกลางเลย
แต่เมื่อเจออุปสรรคสำคัญคือ วิกฤติทางการเงิน ทำให้นาวานี้ต้องจมลงอย่างน่าเสียดาย

สิ่งที่ต้องดูคือ กลยุทธ์การ Take Over นั้น เป็นกลยุทธ์ที่ทำโดยบริษัทที่มี PE สูงๆ ไป Take Over บริษัทที่มี PE ต่ำๆ เข้ามาเป็นบริษัทลูก จึงทำให้นักลงทุนในสมัยนั้นมองว่า บริษัทที่โดน Take over นั้นมีการดำเนินการที่ PE สูงๆไปด้วย เนื่องจากมีการแลกหุ้นกับ Fin1 นั้นคือสรุปสั้นๆว่าโตแบบก้าวกระโดด

ในปัจจุบันก็มีการ Take Over กันมากมายในสมัยนี้ ต้องดูว่า การ Take over นั้นส่งเสริมกลยุทธ์โดยรวมของบริษัทหรือไม่
แหล่งเงินที่ใช้ในการดำเนินการ Take Over มาจากแหล่งไหน และด้วยวิธีอะไรด้วย เป็นสิ่งที่ต้องดูไว้ด้วย

จึงฝากไว้ว่า ปัจจุบันย้อนรอยอดีตอีกหรือไม่

พี่ครับ ผมขอคำแนะนำด้วยครับ สำหรับการ take over
สมมติ D/E ratio ของบริษัทต่ำ แต่บริษัทไปเพิ่มทุนเพิ่ม แบบนี้ไม่ค่อยดีใช่มั้ยครับ

และถ้าสมมติมีการ take over แล้วมา synergy กับธุรกิจเราได้ดี แล้วแหล่งเงินลงทุนชนิดไหนพี่คิดว่าดีที่สุดครับในสมมติฐานต่างๆกัน ขอบคุณพี่มากครับ ประเด็นนี้ผมกำลังสนใจพอดีเลย

กลยุทธของคุณปิ่นในการ Take Over ครั้งแรกๆ ก็คือ การซื้อกิจการฟิลาเท็กซ์ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเส้นใยสิ่งทอ หลังจากซื้อมาแล้วก็ยังคงธุรกิจเดิมอยู่บ้าง แต่เพิ่มธุรกิจโฮลดิ้ง เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เอกโฮลดิ้ง

และต่อมาบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทหลักในการซื้อหุ้นกิจการในธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์หลายบริษัท

ฟังดูเรื่องราวแล้วรู้สึกคล้ายกับ Buffett ไหมที่เริ่มต้นจากการซื้อกิจการธุรกิจสิ่งทอ

มันไม่ใช่ว่าไม่ดี ต้องดูว่า Take over แล้วบริษัทได้อะไร
แล้วบริษัทที่ถูก Take over ยังสามารถการทำกำไรดีอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า

กลอันนี้ในอดีต คือ การแลกหุ้นระหว่างกัน
ทำให้เกิดใยแมงมุมในการสะท้อนราคาสินทรัพย์
ถ้าหากราคาหลักทรัพย์ขึ้นตัวเดียวทำให้ มันขึ้นไปหมด จนหาทางออกไม่เจอ
สิ่งนี้แหล่งเป็นสิ่งที่น่ากลัว (มันคือการถือหุ้นไขว้กันไปไขว้กันมา)

แต่อย่างไงก็ตาม การ Take over ต้องดูจุดประสงค์การทำเป็นหลัก
ที่ผมมาโพสเพื่อบ่งบอกว่า ปัจจุบันย้อนรอยอดีต อยู่ละเนี่ย
เป็นการบอกว่า นักลงทุนควรที่ศึกษาอดีตไว้ด้วยว่า เมื่อก่อนทำแบบนี้เพราะอะไร
เพื่ออนาคต เกิดแล้วก็ดูว่า Take over ดีหรือไม่

ขอบคุณพี่มี่กับพี่ฉัตรชัยมากเลยครับ ตอนนี้ผมเสิร์ชใน google หาเรื่องราวในยุคนั้นมาอ่านอยู่ ได้ความรู้เยอะเลยครับเกี่ยวกับการ take over
พี่ครับ แล้วบริษัทที่ถูก take over ผมเคยได้ยินมาที่ว่าโดนดูดเลือดจนแห้งกรอบ เค้าทำกันยังไงอ่ะครับ หรือว่า take over มาแล้วก็ผองถ่ายเงิน แล้วก็ขายบริษัทนี้ไปอีกรอบ

เสวนา "M&A : ปัจจัยวามสำเร็จของธุรกิจไทย"

เสวนา "M&A : ปัจจัยวามสำเร็จของธุรกิจไทย" กล่าวเปิดงานพร้อมปาฐกถาพิเศษ : การควบรวมกิจการ วาระแห่งชาติและทางรอดของธุรกิจไทยโดยคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสวนา M&A : ปัจจัยวามสำเร็จของธุรกิจไทยคุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) คุณอดิเรก ปฏิทัศน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) คุณอภินันท์ เกลียปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทุนภัทร (PHATRA) คุณกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บ.เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ ดำเนินการเสวนาโดยดร. วิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายานวางแผนกลยทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทย

Date/Time : 26/03/2012 - 26/03/2012 From 08:00 to 11:00
Venue : หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
Registration Fee : 0.00 Baht
Total Seats : 300
Available Seats : 219
Remark : สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ สุนัดดา สุจริต (2019)

http://www.setfinmart.com/seminar.do?ccID=5&cosID=4177

ผมมีประสบการณ์กับ หุ้นฟิลาเท็กซ์ เป็นหุ้นตัวแรกที่ซื้อ โดยซื้อหุ้นนอกตลาด จากการชักชวนของเพื่อนที่ทำงานอยู่ธนชาติ โดยซื้อผ่านบัญชีเพื่อนคนนั้น ถ้าจำไม่ผิดผมซื้อที่ 80 บาท ต่อหุ้น ขอออกตัวก่อนว่าไม่มีความรู้เลย พอหุ้นเข้าตลาดราคาก็ไหลลงตลอด จนเหลือสัก 20 บาท แล้วราคาก็แช่ๆแถวนี้ พอสักพักราคาขยับ ไปที่ 30 บาท ผมก็ขายหุ้นออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าว คุณปิ่น take over แล้วเปลี่ยนเป็น Holding company หลังจากนั้น ราคาก็วิ่งไปที่ 200 บาท ผมก็ออกจากตลาดเลย