'สุทัศน์'แนะ'วีไอ'ตั้งสติ..เฟ้นหา'สุดยอดหุ้น'
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2012 9:43 am
ภายหลัง SET Index ปิดทะลุ 1,200 จุด สูงสุดในรอบเกือบ 16 ปี นับจากวันที่ 11 กรกฎาคม 2539 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนทั้งในแ
ในมุมของนักลงทุนหุ้นคุณค่าหรือแวลูอินเวสเตอร์ (วีไอ) ระดับ "เซียน" ออกมายอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่ม "แพง..เล่นยาก" แต่ต้องไม่ท้อเด็ดขาด
เซียนหุ้นรายใหญ่ สุทัศน์ ขันเจริญสุข กรรมการ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด ในฐานะ "ประธานชมรมไทยวีไอ" กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ในช่วงบ่ายของวันที่หุ้นไทยกำลังวิ่งทะยานทำนิวไฮ! ในรอบ 15 ปีว่า ราคาหน้ากระดานตอนนี้ "แพงมาก" แล้ว แต่หุ้นดีๆ ยังมีอยู่อีกเยอะเพียงแต่ตอนนี้อาจไม่ใช่จังหวะเหมาะสม
สุทัศน์ เตือนสตินักลงทุนว่า หากนักลงทุนนั่งจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องค้าทั้งวันแล้วเห็นความคึกคักของราคาหุ้น ความคิดของเราจะเป๋ตามตลาดรู้สึกว่าต้องตามข่าวที่นั่นที่นี่มากมาย ถ้าหากเราวางสิ่งวุ่นวายเหล่านั้นเอาไว้จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเมื่อวานเลย ไม่ว่าจะตลาดหุ้นไทย นิเคอิ หรือดาวโจนส์ ก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป
“ถ้าเราอายุ 30 ปี วันพรุ่งนี้ก็อายุ 30 ปีกับหนึ่งวัน แม้จะเกิดวิกฤติการเงินหรืออะไรก็ตาม ธุรกิจก็ยังคงเดินอยู่ต่อไปไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง สิ่งที่เราไปใจจดใจจ่อกับตลาดมันไม่เกี่ยวกับธุรกิจที่เขาทำเลย ความหมายที่ผมอยากจะสื่อก็คือ..อย่าไปสนใจมัน”
แต่สำหรับแวลูอินเวสเตอร์ (วีไอ) ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร คุณต้องไม่หยุดค้นหาบริษัทดีๆ ยิ่งราคาหุ้นหน้ากระดานตอนนี้ "แพง" ยิ่งต้องเฟ้นหาสุดยอดหุ้น "แต่ไม่ต้องรีบ(ซื้อ)" การที่คุณจะเข้าใจธรรมชาติของอะไรสักอย่างไม่มีคำว่า "เร็ว" หรอก ทุกอย่างต้องใช้เวลากว่าจะรู้แบบถ่องแท้
ขั้นตอนที่นักลงทุนหุ้นคุณค่าควรทำในตอนนี้ ประธานชมรมไทยวีไอ แนะนำว่า ประการแรกต้องค้นหาบริษัทที่ "สุดยอด" ให้ได้ก่อน จากนั้นก็ "รอซื้อ" ในจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งข้อผิดพลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่คือ ไปให้น้ำหนักที่ "จังหวะ" ก่อนตัวหุ้น เมื่อเราเจอหุ้นที่ดีแล้วให้ "จดใส่โน๊ต" เอาไว้ แล้วก็ "นั่งคอย" ดูว่าเมื่อไรจะซื้อได้ โดยส่วนตัวจะมุ่งเน้นหุ้นที่ให้ผลตอบแทน "เงินปันผล" มาก่อน "ส่วนต่างกำไร" โดยเชื่อว่าพอร์ตที่ลงทุนอยู่จะค่อยๆใหญ่ขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง
สุทัศน์เป็นนักลงทุนระยะยาวที่ไม่ซื้อขายหุ้นบ่อยๆ เขาบอกว่า หุ้นที่ถืออยู่ในพอร์ตทั้งหมด (SCC, SCB, RPC, AJ, PICO, SMT, S&P, CHUO ) ผมไม่ได้ขายเลย!! หลักการที่ใช้ในการลงทุนมาตลอดก็คือ ซื้อหุ้นคิดเหมือนเป็น "หุ้นส่วนธุรกิจ" ตราบใดที่เราเข้าใจว่าธุรกิจกำลังทำอะไรอยู่และกิจการยังสร้างดอกผลที่ดีก็ยังถือต่อไป
ในกรณีของหุ้น บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) ที่สุทัศน์ถือหุ้นผ่าน บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด มีปัญหา บมจ.ปตท ได้หยุดส่งวัตถุดิบให้แก่บริษัทตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 นั้น ในขณะที่เรื่องยังอยู่ระหว่างกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ระยองเพียวต้องทยอยเลิกจ้างพนักงานโดยจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด และปรับลดโครงสร้างองค์กรให้เล็กลงอย่างมาก (Down-Sizing) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
"ในโลกธุรกิจบางครั้งก็เจออุปสรรคได้ เวลานี้ไม่ควรจะหนีปัญหาเพราะจะมีคนเสียกำลังใจยิ่งกว่านี้ สำหรับเคสนี้ผมกับครอบครัวไม่คิดจะละทิ้งบริษัทในช่วงที่มีอุปสรรค ยิ่งต้องร่วมมือกัน ทุกบริษัทในโลกนี้ก็ล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ปัญหาของเราตอนนี้อาจจะดูยิ่งใหญ่ แต่อีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะเป็นเรื่องเล็กก็ได้"
ในฐานะนักลงทุน สุทัศน์ ยอมรับว่าหุ้น RPC พื้นฐานของหุ้นตัวนี้ "เปลี่ยน" (แย่ลง) ขณะนี้กำลังมองหาธุรกิจอื่นทำ ส่วนตัวได้คุยกับผู้บริหาร (ศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร) เขาก็ไม่คิดจะทิ้งบริษัทแน่นอน และกำลังมองหารายได้จากทางอื่นอยู่ ส่วน บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด ขายอุปกรณ์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ยังมีผลการดำเนินงานที่ดี
สำหรับชีวิตในแต่ละวันของเซียนหุ้นรายนี้ เขาบอกว่า นั่งมองหุ้นอยู่แบบเงียบๆ ถ้าเจอหุ้นตัวไหนดีแต่คิดว่าราคายังสูงก็จดเก็บใส่กระเป๋าไว้ มีเวลาว่างก็นั่งดูข่าว ไปประชุมผู้ถือหุ้น ไปดูบรรยากาศธุรกิจดูว่าลูกค้าเยอะหรือเปล่า คนทำงานมีกำลังใจไหม และศึกษาพวกงบการเงินต่างๆ ดูว่าในอดีตมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นและตอนนี้แก้ไขได้หรือยัง ถ้าเริ่มมีสัญญาณว่าปัญหากำลังจะหมดและโครงการต่างๆ เริ่มดำเนินการอย่างราบรื่น "ผมก็จะเข้าลงทุน" สำหรับหุ้นที่ดีและราคาขึ้นมาเยอะก็จะรอราคาลงมาในระดับที่คุ้มค่าถึงจะเข้าไปลงทุน
วิธีการเลือกหุ้น สุทัศน์ บอกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือต้องดูแนวโน้มยอดขาย, ต้นทุน, กำไร, โครงสร้างเงินทุน และกระแสเงินสด ทั้งหมดนี้จะดีได้ขึ้นอยู่กับผู้บริหารและกรรมการบริษัท ให้รอคอยว่าสิ่งที่เขาบริหารมันถูกทางหรือไม่ ให้วิเคราะห์เหมือนกับเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ ถ้าผู้บริหารเก่งแต่ผลประกอบการยังไม่ดีแสดงว่ายังไม่ถึงเวลาของหุ้นตัวนั้น
ในฐานะนักลงทุนสายตายาวไกล เขามองว่า ในปี 2558 ที่จะมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะเกิดการรวมตลาดเป็นหนึ่งเดียว จะส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนที่ "เก่ง" ของไทย บริษัทพวกนี้จะนำความเก๋าในประเทศไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ ส่วนตัวกำลังสนใจหุ้นพวกนี้อยู่คิดว่าจะเติบโตมากในอนาคต แต่ยังศึกษาไม่เสร็จจึงยังไม่อยากเปิดเผย
ก่อนจะจากกันเขาฝากข้อคิดให้นักลงทุนที่เป็นแวลูอินเวสเตอร์ว่า "ปีนี้ เล่นหุ้น "ไม่หมู" ต้องตั้งสติดีๆ"
“ผมคิดว่าการลงทุนไม่ว่าปีนี้ หรือปีไหน ก็ต้องเริ่มจากมองหาบริษัทดีๆ และรอซื้อในจังหวะที่เหมาะสม ถ้ามีใครขายออกมามากๆ ก็เข้าไปย่องเก็บ อย่าลืมว่าต้องเลือกบริษัทที่ดีก่อนเพราะความดี "มีก้น" หุ้นที่พื้นฐานดีผลประกอบการจะมารองรับไม่ให้ราคาตกลงไปมาก แต่ความเลว "ไม่มีก้น" ขอให้นักลงทุนอย่าสิ้นหวังต้องใจเย็นๆหาหุ้นที่ดีตลอดเวลา”
----------------------------------------
เซียนวีไอแนะ 'หุ้นสูง' ต้อง 'ตั้งการ์ดสูง'
---------------------------------------
สามกูรูแวลูอินเวสเตอร์ ชี้ชัดหุ้นขึ้นสูงไม่ใช่อุปสรรคต่อการลงทุนแนวหุ้นคุณค่า หากคิดว่าตลาดยังไม่มีความชัดเจนควรถอยออกมาตั้งหลักก่อน ยิ่งจังหวะที่ทุกคนกำลังกล้ายิ่งต้องระวังตัวให้มาก
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เซียนต้นตำรับหุ้นคุณค่า ยอมรับว่าภาพตลาดหุ้นปีนี้ ยัง “เบลอๆ” สภาพแบบนี้ถือว่า "เล่นยาก" เพราะหุ้นขึ้นกันหมด แต่เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะยังแค่กลางๆ ไม่ถึงกับเป็นตลาดกระทิงเต็มตัวที่ซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมดแต่ก็ขึ้นมาเยอะพอสมควร
“ตอนนี้นึกไม่ออกเลยว่าจะมีหุ้นถูกๆ มาให้ซื้อไหม ส่วนหุ้นที่ขึ้นมาเยอะแล้วจนต้องขายก็ยังไม่มี สรุปว่ายังไม่ตัดสินใจทั้งซื้อและขายและนึกไม่ออกด้วยว่าตอนนี้ถูกหรือแพง จะขายก็กลัวฝรั่งกลับมาซื้ออีก สรุปว่าคำแนะนำตอนนี้อยู่เฉยๆ ไปก่อน” ดร.นิเวศน์ กล่าว
พรชัย รัตนนนทชัยสุข นักลงทุนหุ้นคุณค่าและนักแปลหนังสือชื่อดัง เป็นหนึ่งในคนไทยที่คลั่งไคล้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงขนาดดั้นด้นไปซื้อหุ้น "เบิร์คไชร์ ฮาธะเวย์" (Berkshire Hathaway) บอกในทางเดียวกันว่าตลาดหุ้นขึ้นมาเยอะมาก จากที่เคยเทรดพี/อี 7-8 เท่า ตอนนี้ขึ้นมาเทรดที่ 12 เท่าแล้ว ทำให้ต้องระวังตัวมากๆ ที่จริงแล้วกลยุทธ์ของแวลูอินเวสเตอร์จะไม่สนใจดัชนีหรือภาวะการลงทุน ถ้าเจอหุ้นถูกค่อยซื้อเพียงแต่ตอนนี้หายากมาก
“หุ้นขึ้นเยอะยิ่งต้องตั้งการ์ดสูง แต่ก็อย่าไปถือเงินสดอย่างเดียวให้เกาะๆ ไว้บ้าง แต่ต้องเลือกตัวที่ดีอย่าไปเลือกกลุ่ม ส่วนตัวผมถ้าไม่สามารถหามูลค่าของหุ้นได้หรือยังไม่แน่ใจจะไม่ซื้อ ถ้าอยู่ในสภาวะที่ดูไม่ออกก็ไม่ควรทำอะไร”
พรชัย แนะนำว่าถ้ามีความรู้น้อยก็ควรซื้อหุ้นหลายตัวประมาณ 10-15 ตัว อย่าไปกระจุกตัวที่กลุ่มใดเยอะและซื้อลงทุนกิจการที่เข้าใจง่าย อย่าไปลงทุนธุรกิจที่ขึ้นๆ ลงๆ นอกจากนี้ถ้าเป็นนักลงทุนหุ้นคุณค่าจริงๆ ห้ามถามว่าจะซื้อหุ้นอะไรดีหรือตอนนี้จะซื้อหุ้นดีไหม เพราะนั่นแปลว่า "คุณยังศึกษาไม่พอ"
วิบูลย์ พึงประเสริฐ คอลัมนิสต์ Value Way หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ BizWeek กล่าวว่า แนวคิดที่บอกว่าให้มีความกล้าเมื่อคนอื่นกำลังกลัว และให้มีความกลัวเมื่อคนอื่นกำลังกล้า ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าถูกต้อง เพราะช่วงน้ำท่วมคนที่ไปซื้อหุ้นบางกลุ่ม เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบก็สามารถทำกำไรได้ดี ถ้าจะมาซื้อตอนนี้ก็ลำบากแล้ว ส่วนตัวมองว่าตลาดหุ้นตอนนี้คาดเดายากเช่นกัน แต่ผู้ที่เป็นแวลูอินเวสเตอร์ต้องไม่หยุดที่จะศึกษาและหาหุ้นที่ดีอยู่ตลอดเวลา
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... ดหุ้น.html
ในมุมของนักลงทุนหุ้นคุณค่าหรือแวลูอินเวสเตอร์ (วีไอ) ระดับ "เซียน" ออกมายอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่ม "แพง..เล่นยาก" แต่ต้องไม่ท้อเด็ดขาด
เซียนหุ้นรายใหญ่ สุทัศน์ ขันเจริญสุข กรรมการ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด ในฐานะ "ประธานชมรมไทยวีไอ" กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ในช่วงบ่ายของวันที่หุ้นไทยกำลังวิ่งทะยานทำนิวไฮ! ในรอบ 15 ปีว่า ราคาหน้ากระดานตอนนี้ "แพงมาก" แล้ว แต่หุ้นดีๆ ยังมีอยู่อีกเยอะเพียงแต่ตอนนี้อาจไม่ใช่จังหวะเหมาะสม
สุทัศน์ เตือนสตินักลงทุนว่า หากนักลงทุนนั่งจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องค้าทั้งวันแล้วเห็นความคึกคักของราคาหุ้น ความคิดของเราจะเป๋ตามตลาดรู้สึกว่าต้องตามข่าวที่นั่นที่นี่มากมาย ถ้าหากเราวางสิ่งวุ่นวายเหล่านั้นเอาไว้จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเมื่อวานเลย ไม่ว่าจะตลาดหุ้นไทย นิเคอิ หรือดาวโจนส์ ก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป
“ถ้าเราอายุ 30 ปี วันพรุ่งนี้ก็อายุ 30 ปีกับหนึ่งวัน แม้จะเกิดวิกฤติการเงินหรืออะไรก็ตาม ธุรกิจก็ยังคงเดินอยู่ต่อไปไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง สิ่งที่เราไปใจจดใจจ่อกับตลาดมันไม่เกี่ยวกับธุรกิจที่เขาทำเลย ความหมายที่ผมอยากจะสื่อก็คือ..อย่าไปสนใจมัน”
แต่สำหรับแวลูอินเวสเตอร์ (วีไอ) ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร คุณต้องไม่หยุดค้นหาบริษัทดีๆ ยิ่งราคาหุ้นหน้ากระดานตอนนี้ "แพง" ยิ่งต้องเฟ้นหาสุดยอดหุ้น "แต่ไม่ต้องรีบ(ซื้อ)" การที่คุณจะเข้าใจธรรมชาติของอะไรสักอย่างไม่มีคำว่า "เร็ว" หรอก ทุกอย่างต้องใช้เวลากว่าจะรู้แบบถ่องแท้
ขั้นตอนที่นักลงทุนหุ้นคุณค่าควรทำในตอนนี้ ประธานชมรมไทยวีไอ แนะนำว่า ประการแรกต้องค้นหาบริษัทที่ "สุดยอด" ให้ได้ก่อน จากนั้นก็ "รอซื้อ" ในจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งข้อผิดพลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่คือ ไปให้น้ำหนักที่ "จังหวะ" ก่อนตัวหุ้น เมื่อเราเจอหุ้นที่ดีแล้วให้ "จดใส่โน๊ต" เอาไว้ แล้วก็ "นั่งคอย" ดูว่าเมื่อไรจะซื้อได้ โดยส่วนตัวจะมุ่งเน้นหุ้นที่ให้ผลตอบแทน "เงินปันผล" มาก่อน "ส่วนต่างกำไร" โดยเชื่อว่าพอร์ตที่ลงทุนอยู่จะค่อยๆใหญ่ขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง
สุทัศน์เป็นนักลงทุนระยะยาวที่ไม่ซื้อขายหุ้นบ่อยๆ เขาบอกว่า หุ้นที่ถืออยู่ในพอร์ตทั้งหมด (SCC, SCB, RPC, AJ, PICO, SMT, S&P, CHUO ) ผมไม่ได้ขายเลย!! หลักการที่ใช้ในการลงทุนมาตลอดก็คือ ซื้อหุ้นคิดเหมือนเป็น "หุ้นส่วนธุรกิจ" ตราบใดที่เราเข้าใจว่าธุรกิจกำลังทำอะไรอยู่และกิจการยังสร้างดอกผลที่ดีก็ยังถือต่อไป
ในกรณีของหุ้น บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) ที่สุทัศน์ถือหุ้นผ่าน บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด มีปัญหา บมจ.ปตท ได้หยุดส่งวัตถุดิบให้แก่บริษัทตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 นั้น ในขณะที่เรื่องยังอยู่ระหว่างกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ระยองเพียวต้องทยอยเลิกจ้างพนักงานโดยจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด และปรับลดโครงสร้างองค์กรให้เล็กลงอย่างมาก (Down-Sizing) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
"ในโลกธุรกิจบางครั้งก็เจออุปสรรคได้ เวลานี้ไม่ควรจะหนีปัญหาเพราะจะมีคนเสียกำลังใจยิ่งกว่านี้ สำหรับเคสนี้ผมกับครอบครัวไม่คิดจะละทิ้งบริษัทในช่วงที่มีอุปสรรค ยิ่งต้องร่วมมือกัน ทุกบริษัทในโลกนี้ก็ล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ปัญหาของเราตอนนี้อาจจะดูยิ่งใหญ่ แต่อีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะเป็นเรื่องเล็กก็ได้"
ในฐานะนักลงทุน สุทัศน์ ยอมรับว่าหุ้น RPC พื้นฐานของหุ้นตัวนี้ "เปลี่ยน" (แย่ลง) ขณะนี้กำลังมองหาธุรกิจอื่นทำ ส่วนตัวได้คุยกับผู้บริหาร (ศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร) เขาก็ไม่คิดจะทิ้งบริษัทแน่นอน และกำลังมองหารายได้จากทางอื่นอยู่ ส่วน บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด ขายอุปกรณ์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ยังมีผลการดำเนินงานที่ดี
สำหรับชีวิตในแต่ละวันของเซียนหุ้นรายนี้ เขาบอกว่า นั่งมองหุ้นอยู่แบบเงียบๆ ถ้าเจอหุ้นตัวไหนดีแต่คิดว่าราคายังสูงก็จดเก็บใส่กระเป๋าไว้ มีเวลาว่างก็นั่งดูข่าว ไปประชุมผู้ถือหุ้น ไปดูบรรยากาศธุรกิจดูว่าลูกค้าเยอะหรือเปล่า คนทำงานมีกำลังใจไหม และศึกษาพวกงบการเงินต่างๆ ดูว่าในอดีตมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นและตอนนี้แก้ไขได้หรือยัง ถ้าเริ่มมีสัญญาณว่าปัญหากำลังจะหมดและโครงการต่างๆ เริ่มดำเนินการอย่างราบรื่น "ผมก็จะเข้าลงทุน" สำหรับหุ้นที่ดีและราคาขึ้นมาเยอะก็จะรอราคาลงมาในระดับที่คุ้มค่าถึงจะเข้าไปลงทุน
วิธีการเลือกหุ้น สุทัศน์ บอกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือต้องดูแนวโน้มยอดขาย, ต้นทุน, กำไร, โครงสร้างเงินทุน และกระแสเงินสด ทั้งหมดนี้จะดีได้ขึ้นอยู่กับผู้บริหารและกรรมการบริษัท ให้รอคอยว่าสิ่งที่เขาบริหารมันถูกทางหรือไม่ ให้วิเคราะห์เหมือนกับเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ ถ้าผู้บริหารเก่งแต่ผลประกอบการยังไม่ดีแสดงว่ายังไม่ถึงเวลาของหุ้นตัวนั้น
ในฐานะนักลงทุนสายตายาวไกล เขามองว่า ในปี 2558 ที่จะมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะเกิดการรวมตลาดเป็นหนึ่งเดียว จะส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนที่ "เก่ง" ของไทย บริษัทพวกนี้จะนำความเก๋าในประเทศไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ ส่วนตัวกำลังสนใจหุ้นพวกนี้อยู่คิดว่าจะเติบโตมากในอนาคต แต่ยังศึกษาไม่เสร็จจึงยังไม่อยากเปิดเผย
ก่อนจะจากกันเขาฝากข้อคิดให้นักลงทุนที่เป็นแวลูอินเวสเตอร์ว่า "ปีนี้ เล่นหุ้น "ไม่หมู" ต้องตั้งสติดีๆ"
“ผมคิดว่าการลงทุนไม่ว่าปีนี้ หรือปีไหน ก็ต้องเริ่มจากมองหาบริษัทดีๆ และรอซื้อในจังหวะที่เหมาะสม ถ้ามีใครขายออกมามากๆ ก็เข้าไปย่องเก็บ อย่าลืมว่าต้องเลือกบริษัทที่ดีก่อนเพราะความดี "มีก้น" หุ้นที่พื้นฐานดีผลประกอบการจะมารองรับไม่ให้ราคาตกลงไปมาก แต่ความเลว "ไม่มีก้น" ขอให้นักลงทุนอย่าสิ้นหวังต้องใจเย็นๆหาหุ้นที่ดีตลอดเวลา”
----------------------------------------
เซียนวีไอแนะ 'หุ้นสูง' ต้อง 'ตั้งการ์ดสูง'
---------------------------------------
สามกูรูแวลูอินเวสเตอร์ ชี้ชัดหุ้นขึ้นสูงไม่ใช่อุปสรรคต่อการลงทุนแนวหุ้นคุณค่า หากคิดว่าตลาดยังไม่มีความชัดเจนควรถอยออกมาตั้งหลักก่อน ยิ่งจังหวะที่ทุกคนกำลังกล้ายิ่งต้องระวังตัวให้มาก
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เซียนต้นตำรับหุ้นคุณค่า ยอมรับว่าภาพตลาดหุ้นปีนี้ ยัง “เบลอๆ” สภาพแบบนี้ถือว่า "เล่นยาก" เพราะหุ้นขึ้นกันหมด แต่เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะยังแค่กลางๆ ไม่ถึงกับเป็นตลาดกระทิงเต็มตัวที่ซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมดแต่ก็ขึ้นมาเยอะพอสมควร
“ตอนนี้นึกไม่ออกเลยว่าจะมีหุ้นถูกๆ มาให้ซื้อไหม ส่วนหุ้นที่ขึ้นมาเยอะแล้วจนต้องขายก็ยังไม่มี สรุปว่ายังไม่ตัดสินใจทั้งซื้อและขายและนึกไม่ออกด้วยว่าตอนนี้ถูกหรือแพง จะขายก็กลัวฝรั่งกลับมาซื้ออีก สรุปว่าคำแนะนำตอนนี้อยู่เฉยๆ ไปก่อน” ดร.นิเวศน์ กล่าว
พรชัย รัตนนนทชัยสุข นักลงทุนหุ้นคุณค่าและนักแปลหนังสือชื่อดัง เป็นหนึ่งในคนไทยที่คลั่งไคล้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงขนาดดั้นด้นไปซื้อหุ้น "เบิร์คไชร์ ฮาธะเวย์" (Berkshire Hathaway) บอกในทางเดียวกันว่าตลาดหุ้นขึ้นมาเยอะมาก จากที่เคยเทรดพี/อี 7-8 เท่า ตอนนี้ขึ้นมาเทรดที่ 12 เท่าแล้ว ทำให้ต้องระวังตัวมากๆ ที่จริงแล้วกลยุทธ์ของแวลูอินเวสเตอร์จะไม่สนใจดัชนีหรือภาวะการลงทุน ถ้าเจอหุ้นถูกค่อยซื้อเพียงแต่ตอนนี้หายากมาก
“หุ้นขึ้นเยอะยิ่งต้องตั้งการ์ดสูง แต่ก็อย่าไปถือเงินสดอย่างเดียวให้เกาะๆ ไว้บ้าง แต่ต้องเลือกตัวที่ดีอย่าไปเลือกกลุ่ม ส่วนตัวผมถ้าไม่สามารถหามูลค่าของหุ้นได้หรือยังไม่แน่ใจจะไม่ซื้อ ถ้าอยู่ในสภาวะที่ดูไม่ออกก็ไม่ควรทำอะไร”
พรชัย แนะนำว่าถ้ามีความรู้น้อยก็ควรซื้อหุ้นหลายตัวประมาณ 10-15 ตัว อย่าไปกระจุกตัวที่กลุ่มใดเยอะและซื้อลงทุนกิจการที่เข้าใจง่าย อย่าไปลงทุนธุรกิจที่ขึ้นๆ ลงๆ นอกจากนี้ถ้าเป็นนักลงทุนหุ้นคุณค่าจริงๆ ห้ามถามว่าจะซื้อหุ้นอะไรดีหรือตอนนี้จะซื้อหุ้นดีไหม เพราะนั่นแปลว่า "คุณยังศึกษาไม่พอ"
วิบูลย์ พึงประเสริฐ คอลัมนิสต์ Value Way หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ BizWeek กล่าวว่า แนวคิดที่บอกว่าให้มีความกล้าเมื่อคนอื่นกำลังกลัว และให้มีความกลัวเมื่อคนอื่นกำลังกล้า ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าถูกต้อง เพราะช่วงน้ำท่วมคนที่ไปซื้อหุ้นบางกลุ่ม เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบก็สามารถทำกำไรได้ดี ถ้าจะมาซื้อตอนนี้ก็ลำบากแล้ว ส่วนตัวมองว่าตลาดหุ้นตอนนี้คาดเดายากเช่นกัน แต่ผู้ที่เป็นแวลูอินเวสเตอร์ต้องไม่หยุดที่จะศึกษาและหาหุ้นที่ดีอยู่ตลอดเวลา
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... ดหุ้น.html