VI DIY : การให้ MoS กับ ค่าความผันผวนของตลาดหุ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 09, 2012 11:23 am
จากข้อมูลที่รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ใน 5 ปีที่ผ่านมา
หุ้นในตลาดเกิดใหม่มีค่าความผันผวน 22.56% ต่อปี
ในขณะที่หุ้นทั่วโลกมีค่าความผันผวน 18.91% ต่อปี
และหุ้นไทย คือ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีค่าความผันผวน 20.11% ต่อปี
ลองเดาเล่นๆหนุกๆนะคับ 555
ไม่เอาความคิดเห็นประเภท เราซื้อหุ้นคือซื้อธุรกิจ ไม่สนใจภาวะตลาด ภาวะเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นจะเป็นไง ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นไง เราไม่สนใจ ตราบเท่าที่บริษัทเรายังดีนะคับ
ผมว่าเป็นทัศนคติที่อันตรายพอควร ถ้าเรายังไม่เข้าใจการลงทุนอย่างเพียงพอ
มีความรู้สึกว่าตลาดเริ่มปรับฐาน จากการที่เงินร้อน (พวกพอร์ตโฟลิโอ อินเวสเม้นต์ทั้งหลาย)
เข้ามาซื้อหุ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วจนปัจจุบัน เค้าได้กำไรกันไป
20% แล้ว เพราะข่าวดีต่างๆตลาดรับรู้แล้ว บวกกับค่าเงินที่เริ่มอ่อนลง รวมถึงการคาดการณ์
การปรับอัตราภาษีลง 23% ในปีนี้ และ 20% ในปีหน้า
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่คาดกว่าจะทำให้การบริโภคดีขึ้น
รัฐจะเก็บภาษีได้มากขึ้นจากฐานการใช้จ่าย การผลิตที่เพิ่มขึ้น
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ และอิเล็คโทรนิค
หลังจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่แล้ว การตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เพิ่มขึ้น
แล้วก็การคาดการณ์เงินเฟ้อที่น่าจะเป็นได้ ซึ่งดูเหมือนรัฐบาล
จะฝากความหวังไว้ที่ราคาน้ำมันให้ลดลงเสียมากกว่า
เลยแค่ออกมาตรการประวิงเวลากันไปก่อน รวมถึงการส่งออกที่เร่งตัวดีขึ้น
รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของกลุ่มธนคารที่ดีขึ้น จนหุ้นแบงค์วิ่งกันถ้วนหน้า
แถมนายกเรายังแต่งองค์ทรงเครื่อง อย่างงามออกงานต่างประเทศกันไปตามหน้าที่
ที่ผู้นำใหม่ต้องออกไปทำความรู้จัก แนะนำตัวกับประเทศเพื่อนบ้านตามธรรมเนียมปฏิบัติ
แม้จะมีข่าววินาศกรรมต่างๆ แต่ดูเหมือนการท่องเที่ยวก็ยังดำเนินไป
ในช่วงไฮซีซั่น สบามบินยังคับคั่ง จนจะนำดอนเมืองกลับมาให้โลคอสได้ใช้
ถือได้ว่าภาพใหญ่ปีนี้บ้านเราออกมาดีพอควร
จากข้อมูลโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ดัชนีตลาดไทยมีค่าความผันผวน 20.11% ต่อปีเลยทีเดียว
คือขึ้นและลงได้ประมาณ 20% ต่อปี อันนี้นำมาซึ่งหลักการณ์ว่าเราควรจะเผื่อใจไว้สักหน่อย
เวลาจะซื้อหุ้นจากราคาที่เราประเมินมูลค่าหุ้นไว้ ไม่ควรต่ำกว่า 20% อย่างอนุรักษ์นิยม คือมี MoS
ประมาณ 20% โดยไม่ควรเผื่อความเติบโตของกิจการลงไปด้วยมากนัก ณ.เวลาตลาดหุ้นเฉียด 1200 จุด
มีหุ้นค้าส่งอยู่ตัวนึง ที่เป็นตัวอย่างได้พอสมควรถึงการคาดการณ์การเติบโตของกำไร
ที่อาจจะมากเกินไปที่ความสามารถพื้นฐานของกิจการจะทำได้ในระยะ 2-3 ปีต่อไป
หมายความราคาหุ้นสะท้อนพื้นฐานของกิจการไป 2-3 ปีเลยหรือไม่?
ก็คงต้องระวังตัวหน่อยสำหรับผู้ที่เข้าตลาดช่วงนี้
"หุ้นดีอาจยังไม่ใช่การลงทุนที่ดีถ้ายังไม่ถึงเวลา"
หุ้นในตลาดเกิดใหม่มีค่าความผันผวน 22.56% ต่อปี
ในขณะที่หุ้นทั่วโลกมีค่าความผันผวน 18.91% ต่อปี
และหุ้นไทย คือ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีค่าความผันผวน 20.11% ต่อปี
ลองเดาเล่นๆหนุกๆนะคับ 555
ไม่เอาความคิดเห็นประเภท เราซื้อหุ้นคือซื้อธุรกิจ ไม่สนใจภาวะตลาด ภาวะเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นจะเป็นไง ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นไง เราไม่สนใจ ตราบเท่าที่บริษัทเรายังดีนะคับ
ผมว่าเป็นทัศนคติที่อันตรายพอควร ถ้าเรายังไม่เข้าใจการลงทุนอย่างเพียงพอ
มีความรู้สึกว่าตลาดเริ่มปรับฐาน จากการที่เงินร้อน (พวกพอร์ตโฟลิโอ อินเวสเม้นต์ทั้งหลาย)
เข้ามาซื้อหุ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วจนปัจจุบัน เค้าได้กำไรกันไป
20% แล้ว เพราะข่าวดีต่างๆตลาดรับรู้แล้ว บวกกับค่าเงินที่เริ่มอ่อนลง รวมถึงการคาดการณ์
การปรับอัตราภาษีลง 23% ในปีนี้ และ 20% ในปีหน้า
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่คาดกว่าจะทำให้การบริโภคดีขึ้น
รัฐจะเก็บภาษีได้มากขึ้นจากฐานการใช้จ่าย การผลิตที่เพิ่มขึ้น
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ และอิเล็คโทรนิค
หลังจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่แล้ว การตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เพิ่มขึ้น
แล้วก็การคาดการณ์เงินเฟ้อที่น่าจะเป็นได้ ซึ่งดูเหมือนรัฐบาล
จะฝากความหวังไว้ที่ราคาน้ำมันให้ลดลงเสียมากกว่า
เลยแค่ออกมาตรการประวิงเวลากันไปก่อน รวมถึงการส่งออกที่เร่งตัวดีขึ้น
รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของกลุ่มธนคารที่ดีขึ้น จนหุ้นแบงค์วิ่งกันถ้วนหน้า
แถมนายกเรายังแต่งองค์ทรงเครื่อง อย่างงามออกงานต่างประเทศกันไปตามหน้าที่
ที่ผู้นำใหม่ต้องออกไปทำความรู้จัก แนะนำตัวกับประเทศเพื่อนบ้านตามธรรมเนียมปฏิบัติ
แม้จะมีข่าววินาศกรรมต่างๆ แต่ดูเหมือนการท่องเที่ยวก็ยังดำเนินไป
ในช่วงไฮซีซั่น สบามบินยังคับคั่ง จนจะนำดอนเมืองกลับมาให้โลคอสได้ใช้
ถือได้ว่าภาพใหญ่ปีนี้บ้านเราออกมาดีพอควร
จากข้อมูลโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ดัชนีตลาดไทยมีค่าความผันผวน 20.11% ต่อปีเลยทีเดียว
คือขึ้นและลงได้ประมาณ 20% ต่อปี อันนี้นำมาซึ่งหลักการณ์ว่าเราควรจะเผื่อใจไว้สักหน่อย
เวลาจะซื้อหุ้นจากราคาที่เราประเมินมูลค่าหุ้นไว้ ไม่ควรต่ำกว่า 20% อย่างอนุรักษ์นิยม คือมี MoS
ประมาณ 20% โดยไม่ควรเผื่อความเติบโตของกิจการลงไปด้วยมากนัก ณ.เวลาตลาดหุ้นเฉียด 1200 จุด
มีหุ้นค้าส่งอยู่ตัวนึง ที่เป็นตัวอย่างได้พอสมควรถึงการคาดการณ์การเติบโตของกำไร
ที่อาจจะมากเกินไปที่ความสามารถพื้นฐานของกิจการจะทำได้ในระยะ 2-3 ปีต่อไป
หมายความราคาหุ้นสะท้อนพื้นฐานของกิจการไป 2-3 ปีเลยหรือไม่?
ก็คงต้องระวังตัวหน่อยสำหรับผู้ที่เข้าตลาดช่วงนี้
"หุ้นดีอาจยังไม่ใช่การลงทุนที่ดีถ้ายังไม่ถึงเวลา"