Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พอดีอ่านเจอใน one up on wall street ในเล่มจะมีกราฟราคาหุ้น ร่วมกับ กำไรต่อหุ้น ซึ่ง 2 เส้นนี้ เขียนในเนื้อที่เดียวกัน เพื่อแสดงแนวโน้มว่าไปด้วยกันหรือเปล่า โดยลินซ์แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าเส้นกำไรมาก และขายมันเมื่อราคาเพิ่มเหนือกำไรมหาศาล และเท่าที่สังเกตหุ้นเกือบทุกตัวในหนังสือเล่มนี้มีแนวโน้มตามที่ลินซ์บอกไว้ คือ ไม่ช้าก็เร็วราคากับกำไรต้องไปด้วยกันเสมอ
สาเหตุที่่่ตั้งกระทู้ คือผมอยากทราบครับว่า จะใช้โปรแกรมอะไรเขียนกราฟ ราคา และ กำไร ในแผ่นกราฟเดียวกันได้บ้าง ถ้าเป็นไปได้ช่วยแนะ วิธีเขียนอย่างคร่าวๆ จะขอบคุณมากๆครับ

siam1976 เขียน:พอดีอ่านเจอใน one up on wall street ในเล่มจะมีกราฟราคาหุ้น ร่วมกับ กำไรต่อหุ้น ซึ่ง 2 เส้นนี้ เขียนในเนื้อที่เดียวกัน เพื่อแสดงแนวโน้มว่าไปด้วยกันหรือเปล่า โดยลินซ์แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าเส้นกำไรมาก และขายมันเมื่อราคาเพิ่มเหนือกำไรมหาศาล และเท่าที่สังเกตหุ้นเกือบทุกตัวในหนังสือเล่มนี้มีแนวโน้มตามที่ลินซ์บอกไว้ คือ ไม่ช้าก็เร็วราคากับกำไรต้องไปด้วยกันเสมอ
สาเหตุที่่่ตั้งกระทู้ คือผมอยากทราบครับว่า จะใช้โปรแกรมอะไรเขียนกราฟ ราคา และ กำไร ในแผ่นกราฟเดียวกันได้บ้าง ถ้าเป็นไปได้ช่วยแนะ วิธีเขียนอย่างคร่าวๆ จะขอบคุณมากๆครับ

ก็excelไงครับ?

มีเวปสำเร็จให้ตามดูแบบสำเร็จไหมคับ

ผมใช้ excel ไม่เป็น
รบกวนถามหน่อยคับว่าถ้าเอาไฟล์พี่ครรชิต
มารันเลยได้ไหมคับ โดยไม่ต้อง กรอกข้อมูลเอง ขอบคุณคับ

ถ้าจะทำตาม Lynch ผมขอให้ความเห็นที่ควรระวังคือ ในหนังสือของ Lynch เขาเลือกหุ้นที่ดีมาก่อน แล้วมาดูว่าราคาขณะนั้นถูกหรือแพง โดยใช้เส้นราคากับกำไร (กรณีของ Lynch เส้นที่ว่าจะเทียบเท่ากับ PE 15 ซึ่งผมมองว่าแพงทีเดียว) ผมเชื่อว่าการเลือกหุ้นโดยเริ่มจากกราฟราคาต่อกำไร โดยไม่ดูว่าคุณภาพของกำไรหรือคุณภาพของบริษัทและแนวโน้มของการเติบโต เป็นอย่างไรเป็นวิธีไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะแม้แต่ Lynch เอง ก็ใช้เวลาเยอะมากในการประชุมกับบริษัทต่างๆ เพื่อหาแนวโน้นของการเติบโตของบริษัทตลอดเวลา ไม่ได้ยึดกับกราฟที่ว่าเท่านั้น

เคยเห็นบางท่านสร้างเส้นราคาโดยใช้ p/(pe) แต่ติดตรงที่ว่าเขาแยกกราฟต่างหาก ไม่รวมกับเส้นราคา ทำให้เทียบดูไม่ถนัด กรณีที่ท่าน Proxity แนะว่าเส้นที่ว่าจะเทียบเท่ากับ PE 15 ช่วยอธิบายหน่อยครับ เพราะตามความเข้าใจของผมคือ ลินซ์จะเอากำไรสุทธิจริงๆมาเขียนกราฟ ซึ่งช่วงที่ PE สูงๆ เส้นราคาจะสูงกว่่าเส้นกำไร และเท่าที่ผมสังเกตดูหุ้นบางตัว มีเส้นราคาเหนือเส้นกำไรนานเป็น สิบๆปี ก่อนที่ราคาจะตกลงมาให้สมดุลกัน กลายเป็นว่าถ้าใช้หลักการนี้เป็นหลักเราอาจจะขายหมูก่อนเวลาอันควร

เพื่อให้เห็นภาพตรงกัน ผมเริ่มต้นอ้างอิงจากหนังสือแปล Beating The Street ปกฟ้าที่คุณพรชัย ลงแรงแปลให้เราอ่านกัน
เอากราฟของ Norwest Corp หน้า 150..

แกนกราฟด้านซ้ายคือ EPS และแกนกราฟด้านขวาคือ Price

ถ้าเวลาเรา Plot กราฟเอง แบบไม่รู้ไม่ชี้ เราจะใช้อะไรอ้างอิงว่า EPS เริ่มที่เท่าไร และ Price เริ่มที่เท่าไร ?? เพื่อจะให้เห็นว่าราคามันต่ำกว่า EPS หรือสูงกว่า EPS เพราะถ้าเราขยับ scale ทางซ้ายหรือทางขวาขึ้นลงเอง เส้นราคามันก็จะอยู่สูงต่ำกว่าเส้นกำไรได้..

ทีนี้ถ้าเราดูกราฟของ Lynch เราจะเห็นเลยว่า แกนซ้ายที่กำไร 0.25 cent จะเท่ากับแกนขวาที่ 3.75 เหรียญ และถ้าแกนซ้ายที่กำไร 0.50 cent จะเท่ากับแกนขวาที่ 7.50 เหรียญ และทำนองเดียวกันแกนซ้ายที่กำไร 1 เหรียญ จะเท่ากับแกนขวาที่ 15 เหรียญ (เทียบแล้วคือ PER 15x) หรือดูที่หน้า 151 ของ NDB ก็จะเป็น Scale แบบเดียวกัน

แปลว่า ถ้าเรา plot กราฟแล้ว หุ้นที่มี PE ต่ำกว่า 15 เส้นราคาและเส้นกำไรจะตัดกันพอดี และเมื่อราคาหุ้นสูงขึ้นขณะที่กำไรคงตัว เช่นกลายเป็น PE 20 เส้นราคาก็จะวิ่งเหนือเส้นกำไร และ เมื่อราคาตกกลับลงมาเป็น PE10 เส้นราคาก็จะวิ่งต่ำกว่าเส้นกำไรครับ..ลอง plot ดูก็จะเห็นน่ะครับ

Proxity เขียน:เพื่อให้เห็นภาพตรงกัน ผมเริ่มต้นอ้างอิงจากหนังสือแปล Beating The Street ปกฟ้าที่คุณพรชัย ลงแรงแปลให้เราอ่านกัน
เอากราฟของ Norwest Corp หน้า 150..

แกนกราฟด้านซ้ายคือ EPS และแกนกราฟด้านขวาคือ Price

ถ้าเวลาเรา Plot กราฟเอง แบบไม่รู้ไม่ชี้ เราจะใช้อะไรอ้างอิงว่า EPS เริ่มที่เท่าไร และ Price เริ่มที่เท่าไร ?? เพื่อจะให้เห็นว่าราคามันต่ำกว่า EPS หรือสูงกว่า EPS เพราะถ้าเราขยับ scale ทางซ้ายหรือทางขวาขึ้นลงเอง เส้นราคามันก็จะอยู่สูงต่ำกว่าเส้นกำไรได้..

ทีนี้ถ้าเราดูกราฟของ Lynch เราจะเห็นเลยว่า แกนซ้ายที่กำไร 0.25 cent จะเท่ากับแกนขวาที่ 3.75 เหรียญ และถ้าแกนซ้ายที่กำไร 0.50 cent จะเท่ากับแกนขวาที่ 7.50 เหรียญ และทำนองเดียวกันแกนซ้ายที่กำไร 1 เหรียญ จะเท่ากับแกนขวาที่ 15 เหรียญ (เทียบแล้วคือ PER 15x) หรือดูที่หน้า 151 ของ NDB ก็จะเป็น Scale แบบเดียวกัน

แปลว่า ถ้าเรา plot กราฟแล้ว หุ้นที่มี PE ต่ำกว่า 15 เส้นราคาและเส้นกำไรจะตัดกันพอดี และเมื่อราคาหุ้นสูงขึ้นขณะที่กำไรคงตัว เช่นกลายเป็น PE 20 เส้นราคาก็จะวิ่งเหนือเส้นกำไร และ เมื่อราคาตกกลับลงมาเป็น PE10 เส้นราคาก็จะวิ่งต่ำกว่าเส้นกำไรครับ..ลอง plot ดูก็จะเห็นน่ะครับ

พอจะเห็นภาพแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ

อาจดูได้จาก http://www.corporateinformation.com/ เขาคิด PE เทียบเคียงเท่ากับ 10

http://www.corporateinformation.com/Com ... px?s=major

จะได้

http://www.corporateinformation.com/Com ... =C764CU530

เคยสงสัยด้วยว่าจะมี tool อะไรช่วยพล๊อตแบบนี้ได้บ้าง
ไปหามาได้ยังไงเนี่ยครับเว็ป http://www.corporateinformation.com/
ถึงจะไม่ละเอียดมาก แต่เอาไว้ดูเล่นคร่าวๆก็โอเคเลย

Banpu-ดูน่าสนใจเเต่ผมแปะกราฟไม่เป็นครับ

kamonrat เขียน:อาจดูได้จาก http://www.corporateinformation.com/ เขาคิด PE เทียบเคียงเท่ากับ 10

ขอบคุณครับ

ผมทำไว้ให้แล้ว สารพัด กราฟ ใน EPS16YEAR

ชีต Chart





ในชีต PRICE CHART

ของพี่ครรชิตนี่ครบเครื่องครับ

ของพี่ครรชิต มาเต็ม

[quoteพอดีอ่านเจอใน one up on wall street ในเล่มจะมีกราฟราคาหุ้น ร่วมกับ กำไรต่อหุ้น ซึ่ง 2 เส้นนี้ เขียนในเนื้อที่เดียวกัน เพื่อแสดงแนวโน้มว่าไปด้วยกันหรือเปล่า โดยลินซ์แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าเส้นกำไรมาก และขายมันเมื่อราคาเพิ่มเหนือกำไรมหาศาล][/quote]

ขอโทษนะครับถ้าถามเชยๆ
แบบว่าหมายถึงกราฟหน้าไหนอ่ะครับ??

tournoi เขียน:[quoteพอดีอ่านเจอใน one up on wall street ในเล่มจะมีกราฟราคาหุ้น ร่วมกับ กำไรต่อหุ้น ซึ่ง 2 เส้นนี้ เขียนในเนื้อที่เดียวกัน เพื่อแสดงแนวโน้มว่าไปด้วยกันหรือเปล่า โดยลินซ์แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าเส้นกำไรมาก และขายมันเมื่อราคาเพิ่มเหนือกำไรมหาศาล]

ขอโทษนะครับถ้าถามเชยๆ
แบบว่าหมายถึงกราฟหน้าไหนอ่ะครับ?? [/quote]

ปีเตอร์ลินซ์ยกตัวอย่างให้ดูกราฟหุ้น 3 ตัว Shoney's ,The Limited , Marriott อยู่หน้าที่ 202 ครับ

ขอบคุณครับ