ผมมองหาบริษัท ที่ไม่ได้เพียงแค่ทำธุรกิจเพื่อทำให้ลูกค้าพอใจ

[OutOfMyMind]

แต่หาธุรกิจที่เดินไปไกลกว่านั้นอีกสองสามก้าวเพื่อมุ่งขายวิธีการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า

ในวันนี้เราคงบอกได้ว่า เราข้ามผ่านแนวคิดแบบ (1) ผลิตสินค้าก่อนแล้วออกไปไล่หาลูกค้า ไปสู่ (2) การออกไปหาความต้องการของลูกค้าแล้วนำมาคิดว่าจะนำอะไรไปเสนอ แน่นอน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าธุรกิจ (1) นั่นคงไม่สามารถเป็นกิจการที่แข็งแกร่งได้ เพราะไม่มีมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า คงต้องแข่งขันกับคู่แข่งอย่างรุนแรงจนกำไรที่ได้นั้นไม่มีความมั่นคง ส่วนธุรกิจ (2) นั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะดำเนินการได้ราบรื่นกว่า เพราะสามารถให้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าคือธุรกิจ (3) ที่มุ่งศึกษาลูกค้าอย่างลึกซึ้งถึงเป้าหมายที่แท้จริงของลูกค้า แล้วนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าไปถึงจุด จุดนั้น

ธุรกิจ (3) คือธุรกิจที่กล้าโต้แย้งกับลูกค้าว่า สิ่งที่ตนนำเสนอนั้นทำให้เป้าหมายของลูกค้าบรรลุผลได้ดีกว่าได้อย่างไร

ยกตัวอย่างเช่นในธุรกิจค้าปลีก ร้านโชว์ห่วย น่าจะเปรียบเป็นแบบ (1) คือมีสินค้าขายในละแวกใกล้บ้าน คุณภาพ ราคา เวลาเปิดปิด แล้วแต่ใจเจ้าของร้าน คงพออยู่ได้แต่กำไรไม่เติบโตนัก

แบบ (2) อาจะเป็นกลุ่มดิสเคาท์สโตร์ มุ่งเอาใจลูกค้าที่บอกว่า ต้องการสินค้าดีราคาถูก จึงออกแบบธุรกิจให้สามารถนำเสนอสินค้าได้ถูกกว่าถูกที่สุดได้ใจลูกค้าไปเต็ม ๆ กำไรน่าจะเติบโตได้แต่แข่งขันรุนแรง

ส่วนผมนั้น ผมเฝ้ารอแบบที่ (3) อาจเป็นร้านสะดวกซื้อหรือคอมมูนิตี้มอลล์ คือมองทะลุไปไกลว่าสิ่งที่ลูกค้าบอกว่าอยากได้ของดีราคาถูก แต่ จัดหาสินค้าที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของลูกค้าอย่างแท้จริงมาขาย โดยแก้ปัญหาปากท้องไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้าในระแวกนั้นได้จริง แต่ขอขายในราคาที่แพงกว่าเพื่อน สุดท้าย กลับพิสูจน์ให้เห็นว่าทำกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ปล. ผมไม่มี CPALL นะครับ แค่ยกตัวที่เห็นภาพได้ง่าย ๆ เท่านั้น เห่ะเห่ะ

[pat4310]

เป็นแนวโน้มของผู้บริโภคยุคนี้ครับที่ต้องการอะไรที่หลากหลายขึ้น สินค้าแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ความต้องการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วถือเป็นความท้าทายของการทำธุรกิจยุคนี้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็แข่งขันได้แต่ก็ต้องทำกำไรให้ได้ด้วยครับไม่ใช่เป็นเจ้าตลาดแต่เงินไม่ตกถึงผู้ถือหุ้นเลยก็ไม่ไหวนะเช่น

นำเสนอนวัตกรรมแต่งบ R&D บาน
นำเสนอสุดยอดแห่งความหรูหราในราคาประหยัดแต่ค่าเสื่อมราคากินเรียบแบบหุ้นโรงแรม (โรงแรม3ในต่างประเทศราคาห้องพักเท่ากับโรงแรม 5 ดาวสุดหรูในไทย)