Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

http://money.sanook.com/58374/%E0%B8%A3 ... %E0%B8%99/


ใครจะได้ประโยชน์ครับ

การอัดเงินลงสู่สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานแบบนี้

พอจะเรียก คิวอีไทยแลนด์ไหมครับ

แล้วใคร บริษัทไหนจะได้ประโยชน์ ในสายตานักลงทุนคุณค่าครับ

โลจิสติก

พวกโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่แล้วครับในการพัฒนาประเทศ เป็นสิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว อยากนั่งรถไฟความเร็วสูงไปตจว.อย่างประเทศที่พัฒนาแล้วบ้าง

วัสดุก่อสร้าง เหล็ก รับเหมา พลังงาน น่าจะได้รับประโยชน์นะครับ

ผมขออนุญาติตอบในมุมมองผมว่า

การที่รัฐบาลทำเช่นนี้ก้เพื่อ เป็นการกระตุ้นจากภายในประเทศโดยตรง

เพราะการอัดเงินลงไปโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการจ้างงานและทำให้เม็ดเงินเหล่านั้น

กลับไปหมุนในระบบเศรษฐกิจ กล่าวคือ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับวิกฤติยูโรโซน

ประเทศไทยเรานั้น เน้นพึ่งพาการส่งออกมาตลอด วิกฤติยูโรโซน ทำให้การส่งออกในหลายๆ

เซกเตอร์ของเราชะงักลง ซึ่งผลที่ตามมาก้คือ บางเซกเตอร์เช่น สิ่งทอ และเครื่องประดับ

ได้รับผลกระทบจากการส่งออก ทำให้ตัวเลขGDP โตได้น้อยกว่าที่คาดไว้

ดังนั้นการทำคิวอีไทยแลนด์ (ขอเรียกแบบนี้)รอบนี้ จึงเปรียบได้กับยุทธศาสตร์เชิงรุก

เพื่อป้องกันวิกฤติหนี้สินยุโรป

ซึ่งการทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว อย่างที่สมัยก่อนเมกาเคยประสบปัญหา ก้เคยมีคำกล่าวว่า

จะกระตุ้นเรื่องการจ้างงาน ก้แค่จ้างคนมาขุดหลุม และก้จ้างคนมากลบหลุม

กลุ่มที่จะได้ประโยชน์นั้นในสายตาผม ได้แก่

1.กลุ่มค้าปลีก เพราะการอัดเงินลงไปจะทำให้เงินกลับไปหมุนจนคนมีรายได้มากขึ้น

การกินดีอยู่ดีก้จะมีมากขึ้น แน่นอนการบริโภคในประเทศย่อมจะดีขึ้น

2.กลุ่มเหล็กที่ไม่ได้ส่งออก หรือเหล็กปลายน้ำ กลุ่มนี้น่าจะดีได้ ถ้าได้ดีลกับพวก

รับเหมาที่ไม่ใช่สีตรงข้าม เพราะ งานสาธารณูปโภค ก้ได้แก่ การทำถนน ไฟฟ้า ประปา

3.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง

4.กลุ่มรับเหมา ที่คิดว่าจะได้งาน(สร้างจากรัฐบาล)

5.กลุ่มขนส่ง (ผลพวงจากการทำถนน)


แล้วเพื่อนๆหล่ะครับ มีมุมมองยังไง ขอความเห็นพร้อมคำอธิบายหน่อยก้ดี

bank มั้ยครับ

เค้าบอกวงเงินที่กู้ จะเป็นการกู้ในประเทศ

ความน่าทึ่งลำดับที่ 9 และ10

9.ดอกเบี้ยทบต้น

10.เงินหมุน จากนาย ก ไปสู่ นาย ข จากนาย ข ไปหานาย เอ นายเอซื้อของนาย บี

นาย บี ซื้อรถนาย ซี นายซี จ่ายเงินค่ารถให้นาย ดี...................และไปเรื่อยๆ

ขอเพียงไม่โกงกิน เงินที่อัดลงไปรอบนี้

ก้มากพอ ที่จะนำพาประเทศให้พ้นวิกฤติรอบนี้ไปได้ จะทำโดยตรงหรือทางอ้อมก้ได้

เช่น การแจกเงินสดลงไปให้แก่ผู้มีรายได้น้อย คนละ 3000-4000 บาท

แม้ฟังดูนอนเซ้นท์ แต่ในทางปฎิบัติแล้ว เงินที่แจกให้ไป จะทำให้คนนำไปกินใช้

ทำให้ระบบเงินหมุนในประเทศมีแรงขับเคลื่อน

ควบคู่ไปกับการ กระตุ้นภาคอสังหา+ยานยนต์

ผมเชื่อว่า ถ้าไม่มีอะไรพลาด(เช่นกินร้อยละ 50ของงบ) เรารอดแน่

newbie_12 เขียน:bank มั้ยครับ

เค้าบอกวงเงินที่กู้ จะเป็นการกู้ในประเทศ

รัฐบาลอาจจะออกพันธบัตร หรืออาจจะอัฐยายซื้อขนมยายกู้จากแบงค์ชาติ โดยใช้พันธบัตร

ค้ำไว้เพื่อเอาทุนสำรองที่มีออกมาหมุนก้ได้นะครับ

เข้าทำนอง กู้เงินบาท เพื่อคืนเป็นเงินบาทไม่มีอัตราแลกเปลี่ยน


การกู้จากแบงค์คงทำได้ยากครับ เพราะเป็นการดึง สภาพคล่องของแบงค์ไป

อาจจะทำให้สภาพคล่องไม่พอ

chukieat30 เขียน:

newbie_12 เขียน:bank มั้ยครับ

เค้าบอกวงเงินที่กู้ จะเป็นการกู้ในประเทศ

รัฐบาลอาจจะออกพันธบัตร หรืออาจจะอัฐยายซื้อขนมยายกู้จากแบงค์ชาติ โดยใช้พันธบัตร

ค้ำไว้เพื่อเอาทุนสำรองที่มีออกมาหมุนก้ได้นะครับ

เข้าทำนอง กู้เงินบาท เพื่อคืนเป็นเงินบาทไม่มีอัตราแลกเปลี่ยน


การกู้จากแบงค์คงทำได้ยากครับ เพราะเป็นการดึง สภาพคล่องของแบงค์ไป

อาจจะทำให้สภาพคล่องไม่พอ

การเป็นหนี้ตัวเองในกระเป๋าขวา และเจ้าหนี้คือกระเป๋าซ้าย

ย่อมจะดีครับ

เพราะกระเป๋าซ้ายหรือขวา ก้คือ ประเทศไทย

ถ้ารัฐบาลทำถูกต้องไม่มีทุจริต ผลที่ได้ควรจะกระจายไปทั้งประเทศ ไม่กระจุกอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครับ

Ok ล่ะ บางธุรกิจจะได้รับผลดีก่อนหรือหลัง ก็แล้วแ่ต่วงจร เช่นพวกรับเหมา วัสดุก่อสร้าง อสังหาได้อันดับต้นๆ แต่สุดท้ายแล้วเม็ดเงินควรจะเข้าไปสร้างกำลังการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ตอนนี้เห็นงานก่อสร้างคึกคักกว่าเดิมจริงๆครับ

สำหรับเรื่องการจัดหาเงินลงทุน เท่าที่เคยได้ยินจะเป็นการกู้ธนาคารตามงบประมาณในโครงการต่างๆ เป็นเบื้องต้น พอมียอดหนี้รวมสูงในระดับหนึ่งก็จะออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อ refinance หนี้ธนาคาร เพื่อลดดอกเบี้ยจ่ายครับ วิธีนี้ไม่ต้องออกพันธบัตรมาดูดสภาพคล่องครั้งเดียวจำนวนมากๆ ลดปัญหาเงินงบประมาณใช้จ่ายไม่ทันจนเกิดอาการรั่วไหลด้วยครับ

เพื่อนๆคิดว่า เงินจะไปโผล่ในโครงการไหนครับ