Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คือผมสงสัยว่า ถ้าผมเข้าซื้อหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา XX บาท ผมถือจนราคาขึ้นไป ZZZ บาทเกิดวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ราคาดิ่งลงแน่ๆ แล้วผมตัดสินใจทำ Short Against Port ผมอยากทราบว่าผมทำ Short Against Port ได้ที่ราคาใดระหว่างราคา
XX กับราคา ZZZ

อยากขายราคาไหนก็ราคานั้นแหละคับ
แต่ตอนซื้อคืนต้องต่ำกว่าราคาที่ขายไปถึงจะสำเร็จเป็น Short Against Port
ถ้าขายแล้วมันขึ้นจนไม่ได้ซื้อคืนจะกลายเป็น Sell All Pig แทน

gaup9 เขียน:อยากขายราคาไหนก็ราคานั้นแหละคับ
แต่ตอนซื้อคืนต้องต่ำกว่าราคาที่ขายไปถึงจะสำเร็จเป็น Short Against Port
ถ้าขายแล้วมันขึ้นจนไม่ได้ซื้อคืนจะกลายเป็น Sell All Pig แทน

ขอบคุณครับ ได้เครื่องมือใหม่แล้ว

คำถามนี้ต้องเชิญเฮียคลายเครียดมาตอบเลยครับ เฮียเค้าทำบ่อย

ถ้าตอบตามหลักการVIคือไม่ทำSAPครับ เนื่องจากVIไม่สนราคา"ระหว่างทาง" สนแต่ราคาเริ่มต้น(margin of safety)กับราคาสุดท้าย(expected value) เพราะVIเชื่อว่าคาดการณ์ตลาดไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าขายไปแล้วราคาจะลงต่อรึเปล่า??? มีแต่จะรับเพิ่มเมื่อมีmargin of safety

การจะทำSAPต้องพึ่งกราฟอย่างเดียวมั้ง ตามความคิดผมนะ
ส่วนตอนทำSAPจะขายราคาไหนก็ได้ แต่เวลารับต้องถูกกว่า ไม่งั้นเรียกขายหมูตามด้านบนว่า

รูปไม่ขึ้น

anubist เขียน:คำถามนี้ต้องเชิญเฮียคลายเครียดมาตอบเลยครับ เฮียเค้าทำบ่อย

ถ้าตอบตามหลักการVIคือไม่ทำSAPครับ เนื่องจากVIไม่สนราคา"ระหว่างทาง" สนแต่ราคาเริ่มต้น(margin of safety)กับราคาสุดท้าย(expected value) เพราะVIเชื่อว่าคาดการณ์ตลาดไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าขายไปแล้วราคาจะลงต่อรึเปล่า??? มีแต่จะรับเพิ่มเมื่อมีmargin of safety

การจะทำSAPต้องพึ่งกราฟอย่างเดียวมั้ง ตามความคิดผมนะ
ส่วนตอนทำSAPจะขายราคาไหนก็ได้ แต่เวลารับต้องถูกกว่า ไม่งั้นเรียกขายหมูตามด้านบนว่า

ทำไมหาMOSได้
จะหาOver valueบ้างไม่ได้หละคับ

anubist เขียน:คำถามนี้ต้องเชิญเฮียคลายเครียดมาตอบเลยครับ เฮียเค้าทำบ่อย

ถ้าตอบตามหลักการVIคือไม่ทำSAPครับ เนื่องจากVIไม่สนราคา"ระหว่างทาง" สนแต่ราคาเริ่มต้น(margin of safety)กับราคาสุดท้าย(expected value) เพราะVIเชื่อว่าคาดการณ์ตลาดไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าขายไปแล้วราคาจะลงต่อรึเปล่า??? มีแต่จะรับเพิ่มเมื่อมีmargin of safety

การจะทำSAPต้องพึ่งกราฟอย่างเดียวมั้ง ตามความคิดผมนะ
ส่วนตอนทำSAPจะขายราคาไหนก็ได้ แต่เวลารับต้องถูกกว่า ไม่งั้นเรียกขายหมูตามด้านบนว่า

ผมเอาไว้ใช้กับคอมโมนิตี้ ถ้ารู้ว่ามีเครื่องมือตัวนี้อยู่ผมคงไม่ต้องคัตหลายตัวจากสถานะการที่ผ่านมา เพราะเพิ่งเข้าตลาดก็โดนหนักละเป็น VI เป๋ไปเลย เจอทั้งกำไรพิเศษ เจอทั้งคอมโมนิตี้ ดีนะที่ตอนนี้ตีตื้นมาได้เท่าทุนล่ะ

เครื่องมือนี้ใครจะใช้ก็ต้องดูเทคนิคอย่างคุณว่า ไม่เหมาะกับชาวVIแน่นอน แต่ผมบอกได้คำเดียวว่าไม่ใช่ผม VI 100% ผมเป็น VI
แค่ 60% จะเข้าก็ต้องดูตลาด กับกราฟก่อน เจอะ SAP เข้าไปสำหรับผมแฮปปี้เลย ดีกว่าดอยแล้วถัว

gaup9 เขียน:

anubist เขียน:คำถามนี้ต้องเชิญเฮียคลายเครียดมาตอบเลยครับ เฮียเค้าทำบ่อย

ถ้าตอบตามหลักการVIคือไม่ทำSAPครับ เนื่องจากVIไม่สนราคา"ระหว่างทาง" สนแต่ราคาเริ่มต้น(margin of safety)กับราคาสุดท้าย(expected value) เพราะVIเชื่อว่าคาดการณ์ตลาดไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าขายไปแล้วราคาจะลงต่อรึเปล่า??? มีแต่จะรับเพิ่มเมื่อมีmargin of safety

การจะทำSAPต้องพึ่งกราฟอย่างเดียวมั้ง ตามความคิดผมนะ
ส่วนตอนทำSAPจะขายราคาไหนก็ได้ แต่เวลารับต้องถูกกว่า ไม่งั้นเรียกขายหมูตามด้านบนว่า

ทำไมหาMOSได้
จะหาOver valueบ้างไม่ได้หละคับ

ใช่เลยครับผม
หุ้นที่เข้าค่าย VI ส่วนใหญ่ราคาไม่ถูกด้วย เจอะตลาดขาลงจริงๆผมก็จะมีโอกาศเก็บเพิ่มด้วยโดยที่เงินก็อยู่กับพอร์ท 100%

หาได้ครับ ไม่ได้บอกว่าหาไม่ได้ แต่เราขายเมื่อพื้นฐานแย่ลงไม่ใช่เหรอ??? หุ้นมันราคาoverแล้วอาจจะoverขึ้นไปอีกก็ได้ อย่างหุ้นโรงพยาบาลตัวหนึ่งสำหรับผมตอนนี้overมากๆ แต่หากถามว่าขายไหมก็ไม่ขายเพราะยังมีโอกาสโตได้อีก ซื้อเพิ่มไหมไม่ซื้อเพราะover price

gaup9 เขียน:ทำไมหาMOSได้
จะหาOver valueบ้างไม่ได้หละคับ

หาไปใช้ทำอะไรครับ overvalue ?

ส.สลึง เขียน:

gaup9 เขียน:ทำไมหาMOSได้
จะหาOver valueบ้างไม่ได้หละคับ

หาไปใช้ทำอะไรครับ overvalue ?

ทำSAPคับ

แสดงว่า overvalue แล้วสามารถทำ sap ?

ฟังหลักการแล้วเหมือนง่าย ต้องลองทำดูถึงจะรู้ว่าไม่ง่ายเหมือนที่คิด

ส.สลึง เขียน:แสดงว่า overvalue แล้วสามารถทำ sap ?

ถ้าราคามันเกินกว่ากำไรที่บ.น่าจะทำได้มากๆในปีนั้นผมทำคับ (บ.ต้องน่าจะดีในปีต่อๆไปด้วยนะคับ ถ้าปีต่อๆไปไม่น่าจะดีหรือเจอดีกว่าคงไม่ซื้อคืนอะคับ)

ถ้าผมคิดไม่ถูกพี่ช่วยชี้แนะด้วยก็ดีคับ ไม่ค่อยโพสเลยไม่รู้ว่าที่อ่านๆไปเข้าใจถูกมั้ย

ต่างกันนะครับ ระหว่างขายเอาต้นทุนออกมา (คลายเครียดเรโช) กับ SAP
คลายเครียดเรโช ทำเมื่อได้กำไร แต่มาในจุดที่เราเริ่มไม่รู้ เราจึงขายทำกำไรเอาต้นทุนออกมา
SAP ทำเมื่อรู้ว่าราคากำลังจะลง ถามว่าแล้วใครรู้ว่าจะลง มันเป็นการเก็งกำไร เดาจังหวะตลาดชัดๆ
ถ้าท่านตอบว่าขายเพราะพื้นฐานเปลี่ยน พื้นฐานมันเปลี่ยนกันง่ายอย่างงั้นเลยหรือ
จริงๆแล้วกำลังหลอกตัวเองหรือเปล่า เป็นแค่เก็งผลประกอบการหรือเปล่า หรือแค่เราเดาๆว่ามันจะเป็น

SAP มันต้องเดาตลาด หุ้น ABC ต้นทุน 10 ขาย 9 บาท มาซื้อกลับ 7 บาท
ถ้าเรารู้ว่ามันจะลงไป 9 บาท เราจะซื้อ 10 บาท เหรอ
แล้วที่เราซื้อ 7 บาท เพราะเราคิดว่ามันราคาจะขึ้นใช่ไหม
ถ้ามันขึ้นไป 12 บาท คุณอาจจะถูก แต่ถ้ามันลงไป 5 บาทล่ะ
แล้วพื้นฐานที่เราว่าจะมันอยู่ตรงไหน หรือจะบอกว่าขายหนีวิกฤติ? ถ้าเดาได้รวยเละไปแล้ว
แต่พูดไปก็เหมือนองุ่นเปรี้ยวหรือเปล่าไม่ทราบ
จริงที่แมวสีไหนก็ได้ขอให้จับหนูได้ แต่อันนี้มันเป็นแมวหรือเปล่าล่ะ
จริงอยู่ที่ 4 ใน 5 ครั้ง ราคาอาจจะกลับขึ้นไป แต่ครั้งเดียวที่ไม่ขึ้นไปนั้นแหละ ตูม เอวัง
การลงทุนนั้นไม่ง่ายก็จริง เพราะต้องทำการบ้าน มีจิตใจที่เหมาะสม ฯลฯ แต่มันก็ไม่ซับซ้อนนะครับ
ซื้อหุ้นที่สร้างมูลค่า ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า อดทนและรอ ไม่ต้องซื้อๆขายๆเดาตลาดหรอกครับ
แค่แลกเปลี่ยนนะครับ เพราะเราจะทำอะไรก็ได้ เงินของเรานินา หนุกหนานนะครับ

ไม่มีคำแนะนำครับ มีแต่ความเห็น

คือถ้าเราประเมินว่าหุ้น บ. นึง
มัน overvalue ไม่ได้แปลว่า
คนอื่นจะเห็นมัน overvalue ด้วย
และไม่ได้แปลว่าราคาหุ้นมันจะลง
เพื่อให้เราทำ sap

ในทางกลับกัน ถ้าเราประเมินหุ้น บ. นึง
ว่า undervalue ก็ไม่ได้แปลว่า
ราคาหุ้นมันจะขึ้น

sipoonya เขียน:ต่างกันนะครับ ระหว่างขายเอาต้นทุนออกมา (คลายเครียดเรโช) กับ SAP
คลายเครียดเรโช ทำเมื่อได้กำไร แต่มาในจุดที่เราเริ่มไม่รู้ เราจึงขายทำกำไรเอาต้นทุนออกมา
SAP ทำเมื่อรู้ว่าราคากำลังจะลง ถามว่าแล้วใครรู้ว่าจะลง มันเป็นการเก็งกำไร เดาจังหวะตลาดชัดๆ
ถ้าท่านตอบว่าขายเพราะพื้นฐานเปลี่ยน พื้นฐานมันเปลี่ยนกันง่ายอย่างงั้นเลยหรือ
จริงๆแล้วกำลังหลอกตัวเองหรือเปล่า เป็นแค่เก็งผลประกอบการหรือเปล่า หรือแค่เราเดาๆว่ามันจะเป็น

SAP มันต้องเดาตลาด หุ้น ABC ต้นทุน 10 ขาย 9 บาท มาซื้อกลับ 7 บาท
ถ้าเรารู้ว่ามันจะลงไป 9 บาท เราจะซื้อ 10 บาท เหรอ
แล้วที่เราซื้อ 7 บาท เพราะเราคิดว่ามันราคาจะขึ้นใช่ไหม
ถ้ามันขึ้นไป 12 บาท คุณอาจจะถูก แต่ถ้ามันลงไป 5 บาทล่ะ
แล้วพื้นฐานที่เราว่าจะมันอยู่ตรงไหน หรือจะบอกว่าขายหนีวิกฤติ? ถ้าเดาได้รวยเละไปแล้ว
แต่พูดไปก็เหมือนองุ่นเปรี้ยวหรือเปล่าไม่ทราบ
จริงที่แมวสีไหนก็ได้ขอให้จับหนูได้ แต่อันนี้มันเป็นแมวหรือเปล่าล่ะ
จริงอยู่ที่ 4 ใน 5 ครั้ง ราคาอาจจะกลับขึ้นไป แต่ครั้งเดียวที่ไม่ขึ้นไปนั้นแหละ ตูม เอวัง
การลงทุนนั้นไม่ง่ายก็จริง เพราะต้องทำการบ้าน มีจิตใจที่เหมาะสม ฯลฯ แต่มันก็ไม่ซับซ้อนนะครับ
ซื้อหุ้นที่สร้างมูลค่า ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า อดทนและรอ ไม่ต้องซื้อๆขายๆเดาตลาดหรอกครับ
แค่แลกเปลี่ยนนะครับ เพราะเราจะทำอะไรก็ได้ เงินของเรานินา หนุกหนานนะครับ

ผมว่าSAPกับคลายเครียดเรโชวิธีทำเหมือนกันแต่จุดประสงค์ต่างกัน
SAPทำเพื่อเพิ่มหุ้นในมือ ทำแล้วเงินลงทุนเท่าเดิมแต่หุ้นในมือมากขึ้น
คลายเครียดเรโชทำเพื่อลดทุน ทำแล้วหุ้นเท่าเดิมแต่ต้นทุนถูกลงซึ่งสุดท้ายคือมีหุ้นฟรีในพอร์ต
ทำให้หุ้นขึ้นหรือลง ก็ไม่เครียดเพราะเป็นหุ้นฟรี
ความต่างคือจะเลือกเพิ่มหุ้นในมือหรือลดทุนลง

SAPมันก็คือการเดาตลาดอย่างที่ท่านว่านั่นแหละ พื้นฐานไม่เปลี่ยนแต่อารมณ์ตลาดเปลี่ยน ราคาก็เปลี่ยนถูกมั้ยครับ
ที่เห็นชัดๆก็ราคาทองก่อน/หลังประชุมFED

ในมุมมองของผม SAPเป็นการต่อยอดจากวิธีการทางพื้นฐาน เพราะเราเชื่อว่าPriceจะวิ่งเข้าหาValueเสมอ ฉนั้นเมื่อ"ราคาเกินมูลค่า" ก็มีโอกาสที่ราคาจะลดลงเพื่อสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งวิธีการทางพื้นฐานอธิบายการเปลี่ยนแปลงราคารายวันไม่ได้ แต่กราฟทำได้ กราฟบอก"โอกาส"หรือ"ความน่าจะเป็น" ฉนั้นก็มีผิดบ้างถูกบ้าง แต่ผิดต้องน้อยกว่าถูก

ผมไม่อยากพูดเรื่องกราฟหรือเทคนิคมากเพราะต้องการให้เกียรติเวป แต่SAPเป็นเรื่องที่นอกเหนือพื้นฐานไปแล้วก็เลี่ยงไม่ได้

Short Against Port
ถามพี่เอ็นโดฟิน ท่าทางจะไม่ใช่แนว VSOP
มันเป็นแนวของพี่เด่นศรี ห้องย่อยของสินธร

แนวจอง พี่เอ็นโดฟิน คือ
การทำคลายเครียด แบบ มหภาคและจุลภาค
คือเมื่อหุ้นขึ้นไปประมาณหนึ่งแล้ว ผู้ถือหุ้นรู้สึกว่า กำไรมันสูงมากแล้ว ก็เอาต้นทุนออกมาพร้อมกับกำไรบ้างส่วน
แล้วหลือหุ้นไว้ เพื่อเป็นการลดอาการเครียดของตัวเองลง เพราะเมื่อหุ้นขึ้นไปแล้วเราไม่ขายมันรู้สึกเสียใจ ว่าทำไมไม่ขาย หรือ พูดง่ายๆคือ รู้อะไรไม่สู้ รู้อย่างงี้

แต่ผมคิดว่าไม่เหมือนนะ
sap ต้องอาศัยการคาดการณ์ทิศทางของราคา
แต่คลายเครียดไม่ใช่

เพราะคลายเครียดไม่ได้สนใจทิศทางของราคา
แต่สนใจอารมณ์ของตัวเอง
หุ้นจะขึ้นจะลง ไม่สน ตอนนี้มีกำไร
ขอทำคลายเครียดเรโชไปก่อน
อาจจะบ้างบางส่วน หรือ
อาจจะทั้งหมด

หลังจากนั้นหุ้นจะลงก็ได้ หุ้นขึ้นก็ดี
ยังไงก็ไม่เครียด

แต่ถ้าคิดว่าคนที่ทำคลายเครียด
เอาเงินกลับมาซื้อหุ้นตัวเดิม
เมื่อราคาหุ้นลดลง
พฤติกรรมจะเหมือน sap
แต่โดยหลักคิดแล้ว ผมคิดว่าไม่ใช่

สำหรับคนที่ตั้งใจทำ sap โดยนำหลักการคลายเครียดเรโชไปใช้
ผมว่ามันก็ต้องแยกแยะเป็นอีกประเด็น

หลายปีก่อนผมเคยสนุกสนานกับ SAP กำไรเอาไปฝันหวานได้เรื่อยๆ
จนวันหนี่ง หลังจาก Short หุ้นตัวที่เราถนัดที่สุด ราคามันขึ้นแบบรวดเดียว ภายในปีเดียวราคามัน 5 เท่าของราคาที่ผม Short ไป

ที่ผ่านมาทั้งหมดมันน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่ควรจะได้
จริงๆผมก็เข้าใจอยู่แล้วว่า ความสำเร็จและกลยุทธของบริษัทนี้มันสูงกว่ามูลค่าหุ้นมาก...

สุภาษิตจีน รบร้อยครั้งขอให้ครั้งสุดท้ายชนะ แต่ถ้าชนะ 99 ครั้งสุดท้ายแพ้ มันคือแพ้หมด

ผมเลิกไปนานแล้วครับ SAP..../Octopus

ชนะศึกในสมรภูมิ 100 ครั้ง
เทียบไม่ได้กับชัยชนะในสงครามครั้งเดียว

ผมว่าSAPเหมาะเล่นกับหุ้นพื้นฐานดีแต่รายได้มาจากสินค้าที่เป็นคอมมูนิตี้ มีสต็อกเกนกับสต็อกลอส อย่างที่ผ่านมาเลยจากประสบการณ์ตรง หุ้นคอมโมนิตี้ตัวหนึ่งทำกำไรสุทธิถึง AA% มาจากรายได้จากการขายสินทรัพย์ แถมสินค้าหลักที่ขายราคาขึ้นผ่านมาหนึ่งปี ราคาสินค้าที่ขายหลักดิ่งทิ้งเหวแถมไม่มีรายได้อื่น อัตราการทำกำไรเหลือ Z%
เป็นท่านมีหุ้นตัวนี้อยู่ จะทำอย่างไร ขายทิ้ง ซื้อถั่ว ยอมดอย ก็พื้นฐานดีนี่
เป็นผมใช้ SAP ช่วงนี้ คงไม่มีมิสเตอร์มาร์เก็ตลากกลุ่นคอมโมนิตี้ ขณะที่ราคาขายของคอมมูนิตี้ทิ้งดิ่งกับไม่มีรายการพิเษศ
แต่ให้ใช้ SAP กับกลุ่มอื่นที่ไม่ได้ขายสินค้าคอมมูนิตี้ ผมก็ไม่กล้าเสี่ยงนะ คาดการมิสเตอร์มาเก็ตไม่ถูก ต้องดูพื้นฐานอย่างเดียว

ผมเคย SAP กับหุ้น MAKRO อยู่หลายรอบเลย
ซื้อ 7x ขาย 8x อะไรมันจะง่ายขนาดนี้
หุ้นขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตรงนั้นนานมาก

แล้วครั้งสุดท้ายที่ผมทำคือ ปล่อยไปที่ 85 บาท
ผมได้กำไรมาจำนวนหนึ่ง
ผมรอให้มันกลับมาที่ 7x อีกครั้งหนึ่ง
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันต่างไป
มันวิ่งต่อไปที่ 90 บาท ผมไม่กล้าซื้อกลับแล้ว
ผมเฝ้ารอให้มันกลับมาที่ 85 อีกครั้ง คราวนี้ผมจะซื้อกลับแน่ๆ
มันกลับวิ่งไปที่ 1xx แล้วก็ 2xx แล้วก็ 3xx

ตั้งแต่นั้นมา ผมเลิก SAP ไปเลย

ส.สลึง เขียน:ชนะศึกในสมรภูมิ 100 ครั้ง
เทียบไม่ได้กับชัยชนะในสงครามครั้งเดียว

อันนี้มาจากสงครามครั้งสุดท้ายของยุคเลียดก๊กนี่น่า

short against port
ชนะก็ได้หุ้นเพิ่ม และเงินสดกลับบ้าน
แต่ถ้าแพ้ก็คือ เพิ่มเงิน

ซึ่ง คนที่ชนะทั้งสองขาคือ ค่าคอมที่นักลงทุนเสียไป
นั้นคือ โบรกเกอร์เป็นผู้ชนะตัวจริง เสียงจริง

bunacer เขียน:คอมมูนิตี้ หุ้นคอมโมนิตี้ กลุ่นคอมโมนิตี้ .....ขณะที่ราคาขายของคอมมูนิตี้...ขายสินค้าคอมมูนิตี้

สักอันไหมครับ 555

และคำมันคือ "คอมโมดิตี้" ครับ (commodity)

community แปลว่าชุมชนครับ

chatchai เขียน:ฟังหลักการแล้วเหมือนง่าย ต้องลองทำดูถึงจะรู้ว่าไม่ง่ายเหมือนที่คิด

ถ้าซื้อแล้วมันขึ้นให้ sap ก้อดีครับพี่

อย่าตายตอนซื้อและราคาลงทำอะไรไม่ถูกละกัน

vi เดี๋ยวนี้พูดกัน ง่าย อะไรก็เป็น vi แล้ว

miracle เขียน:

ส.สลึง เขียน:ชนะศึกในสมรภูมิ 100 ครั้ง
เทียบไม่ได้กับชัยชนะในสงครามครั้งเดียว

อันนี้มาจากสงครามครั้งสุดท้ายของยุคเลียดก๊กนี่น่า

แบบว่าลักจำเขามาอีกทีครับ

SAPในภาวะตลาดปกติผมว่าไม่น่าทำเท่าไหร่ เพราะหุ้นที่เราเลือกเราต้องมั่นใจอยู่แล้ว ฉนั้นโอกาสที่ราคาจะตกมันน้อยมากอยู่แล้ว จริงมั้ยครับ?
SAPจะน่าทำเมื่อเราคาดว่าหุ้นจะลง100จุด+ เพราะคงมีหุ้นน้อยตัวที่จะต้านภาวะตลาดที่รุนแรงขนาดนี้ได้ แต่ให้ดีที่สุดก็ทำเมื่อตลาดเกิดวิกฤติ

การทำ SAP ต้องใช้เครื่องมือทาง.....

ไม่ได้ให้ใช้ความรู้สึกครับ

หลายๆคน บอกว่า ทำ SAP แล้วขายหมู
ราคาขึ้นไป หลายๆเท่า

คำถาม ก็คือ ได้ใช้เครื่องมือ .... ประกอบหรือเปล่า

ถ้าใช้ รับรองว่า ไม่มีทางขายหมู
เพราะ มันต้องเกิดสัญญาณให้เข้าซื้อ กลับไป อีกทีด้วย

ไม่งั้น แสดวงว่า ไม่มีวินัย
ซึ่งเป็นการทำ SAP ที่ไม่ถูกต้อง



หลายๆคน บอกว่า
ไม่มีใคร จับจังหวะตลาดได้

แต่หลายๆคน ก็บอกว่า
ราคาหุ้นตอนนี้ หลายๆตัวแพงแล้ว

เพราะ ดูจาก อัตราส่วนทางการเงิน ต่างๆ
ให้รอ

แต่หุ้นหลายๆตัว ก็ไม่เคยลงมาต่ำกว่า
ราคาที่ต้องการซื้อ นั้น เลยก็ได้

E มันสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ลาก P ขึ้นไปเรือ่ยๆ
ก็เห็นกันอยู่หลายๆตัว

คำถาม

การเชื่อว่า สักวันหนึ่ง
ราคาหุ้น จะตกลงมา จนมี MOS
อย่างที่เราต้องการ ในขณะที่เรากำลังพิจารณาซื้อ
แต่กำลัง ต่อรอง ราคา

ถือเป็นการ... จับจังหวะตลาด
หรือเปล่า