Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ปีหน้าเขาว่าจะเผาจริง ได้อ่านหนังสือชำแหละพอร์ตโฟลิโอของ วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ ในปี 1969 วอร์เรนได้ล้างพอร์ตแล้วถือเงินสดไว้ และกลับเข้าไปซื้อหุ้นที่ดีอย่างเมามันในช่วงตลาดตกต่ำในปี 1973 เพื่อนๆมีความเห็นกันยังไงบ้างครับ

burengnong เขียน:ปีหน้าเขาว่าจะเผาจริง ได้อ่านหนังสือชำแหละพอร์ตโฟลิโอของ วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ ในปี 1969 วอร์เรนได้ล้างพอร์ตแล้วถือเงินสดไว้ และกลับเข้าไปซื้อหุ้นที่ดีอย่างเมามันในช่วงตลาดตกต่ำในปี 1973 เพื่อนๆมีความเห็นกันยังไงบ้างครับ

เขาไหนครับ เขาทรายรึป่าว

หุ้นที่ผมถืออยู่มีp/e=5-15เอง
จะรีบเผาไปไหน555 555

เผาจริงเผาหลอก
ไม่รู้เขาว่าคนนั้นเตรียมฟืนเตรียมไฟเตรียมมหรสพสมโภชน์ หนังกลางแปลง ลิเกละคร มอญร้องไห้ ไว้ตอนเผาหรือยัง

หาดูหุ้นรายตัวผลประกอบการดีดี ที่พวกเซียนชอบพูด มีอัพไซด์
เตรียมชามเตรียมถ้วย เตรียมช้อน เตรียมพับพีก็ได้

จริงๆผมชอบฟังกูรูบางท่านที่ชอบมองภาพมองเทรนยาวๆเก่งๆหนึ่งในนั้นก็ท่าน
อาจารย์ ดร.นิเวศน์ของเราแหละครับ..ผมเคยฟังท่านพูดงานสัมนารายการหนึ่ง
บอกให้ลองสังเกตุดู..เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น..และเริ่มมีความ
รู้ความเข้าใจมากกว่าแต่ก่อน..หุ้นลงๆแป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็ขึ้น..และน่าจะเป็นเทรนขาขึ้น
ระยะยาวของตลาดหุ้นไทยก็ได้นะครับ..ท่านว่าน่าจะเป็น5ปีถึง10ปีเลยก็ได้..แต่ช่วงสั้นๆ
ไม่ใช่ลงไม่ได้นะครับ..แต่ยาวๆผมก็คิดว่านะจะเป็นแบบอาจารย์ว่า..

การไม่ประมาทก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะครับ ระมัดระวังไว้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอะไร
แต่ถ้าหากเป็นการกลัวอย่างไม่ลืมหูลืมตา กลัวเพราะคนนู่น คนนี่ คนนั้นบอกมา แล้วไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลย
อย่างงี้ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาก็คงไม่ต้องลงทุนอะไรแล้วล่ะครับ

ที่ผมอ่านเจอ การที่วอร์เรนล้างพอร์ตนั้น เป็นเพราะไม่สามารถหาหุ้นที่ตรงกับคุณสมบัติตามที่ต้องการมาลงทุนได้เลย
เพราะมันแพงไปหมดไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะซื้อ ไม่ใช่ว่ากลัวตลาดหุ้นตกเลยขายหุ้นล้างพอร์ตน่ะครับ

ปรัชญา เขียน:เผาจริงเผาหลอก
ไม่รู้เขาว่าคนนั้นเตรียมฟืนเตรียมไฟเตรียมมหรสพสมโภชน์ หนังกลางแปลง ลิเกละคร มอญร้องไห้ ไว้ตอนเผาหรือยัง

หาดูหุ้นรายตัวผลประกอบการดีดี ที่พวกเซียนชอบพูด มีอัพไซด์
เตรียมชามเตรียมถ้วย เตรียมช้อน เตรียมพับพีก็ได้

อ่านที่เฮียปรัชญาเขียนแล้ว เหมือนเตรียมจะรอกินมาม่า ^^

เผาจริงไม่จริงไม่รู้ครับ รู้แค่ว่าถ้าหาหุ้นที่น่าลงทุนไม่ได้ก็รอหรือหาตัวใหม่ไปเรื่อยๆ

อย่าใส่ใจมากครับ เล่นตามเกมส์ของตัวเองก็พอ

จำนวนหุ้นที่มีผู้ขายเท่าใด ก็ย่อมมีผู้รับซื้อเท่านั้นเท่ากัน

..จำนวนหุ้นทั้งหมดก็มีเท่าเดิม

..ราคาก็ว่ากัน ตามความพอใจของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

..มีคนเดินเข้า-ออกจากเกมส์ ตลอดเวลา

..ก็คงว่ากัน ตามเหตุ ความเห็น หรือสิ่งอื่นๆ ของแต่ละบุคคล

..ทุกคน มีอิสระ ที่จะกระทำเช่นไรก็ได้

..ถ้าเรามีความสุข กับสิ่งที่เราเลือกแล้ว ก็น่าจะพอใจ ครับ

จะเผาจริงเผาหลอกไม่ทำให้หวั่นไหวหรอกครับ ตราบใดที่ทนเห็นหุ้นแดงทั้งพอร์ทมาแล้ว มันก็กลับมาที่เดิมของ

มันอยู่ดี หาเงินสดมา shopping เพิ่มเพื่อลดต้นทุนดีกว่า

ผมก็พยายามลดๆหุ้นลงมาเหมือนกันครับ กะว่าผ่าน Q3 ไปจะถือเงินสดซัก 40%
เว้นแต่จะเห็นโอกาสงามๆ

พูดเล่นหรือเปล่าครับ เศรษฐกิจไทยเพิ่งจะฟื้นเอง ยังไม่ใช่ฟองแน่นอน

เผาจริงๆเผาหลอกผมไม่รู้ แต่ผมจะซื้อหุ้นที่(คิดว่า)ได้รับผลกระทบทีหลังชาวบ้าน กว่าจะถึงรอบของหุ้นในพอร์ดก็มีเงินไปซื้อหุ้นที่ได้รับผลกระทบก่อนและราคาตกมาเยอะๆคับ

ถ้าจำไม่ผิดได้แนวคิดนี้จากคุณฮงในงานสัมมนาอะไรซักอย่าง

วันเสาร์ (25สค) ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปสัมมาสังสรรค์กับทาง VI ครั้งแรกดีใจมากที่ได้ไปร่วมงานเสียทีทั้งที่ผมเองติดตามแนวทางนี้มากว่าสิบปีเหมือนกันแต่ก็ยังไม่ได้ลงทุนเพราะสนุกกับงานกฎหมายอยู่ จนกระทั่งต้นปี 48 ได้ขอถ่ายรูปกับดร.นิเวศน์เป็นครั้งแรกด้วย ขอขอบพระคุณอาจารย์นิเวศน์เป็นการส่วนตัวที่ได้เผยแพร่ความรู้ และคณะกรรมการสมาคมทุกๆคนที่ได้อุทิศเวลาอันมีค่าทำประโยชน์แก่สังคมในด้านการลงทุนไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

เรื่องเผาจริงเผาหลอกนี่อาจารย์นิเวศน์บอกนัยๆว่าเศรษฐกิจถ้าจะพังมันก็อาจจะพังได้เนื่องจากตัว corporate หรือไม่ก็พวก retails หรือพวก individual ซึ่งหากเราตอนนี้ดูเหมือน bank หรือธุรกิจใหญ่ๆก็แข็งแรง ระมัดระวังมากเพราะประสบการณ์ปี 40 แต่พวก individuals ต่างหากอาจจะมีปัญหาเพราะกู้กันมากๆ (เหมือนsubprime ปี08) ซึ่งมุมนี้อาจต้องระมัดระวังกันให้มากๆหน่อยครับ มันมามันก็ไม่ได้บอกเราหลอกว่ามันกำลังมาแล้ว และก็ไม่มีใตรรู้หลอกว่ามาแล้ว ถ้าเรามั่นใจว่ากิจการเราดีสุดยอดเราก็ไม่ต้องออกแล้วมันก็จะผ่านไป ส่วนใครที่มีหยั่งรู้และทำได้อย่างบัฟเฟตต์ทำในปี 1969 ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือตำนานในเมืองไทย

ไม่มีใคร รู้อนาคตหรอกครับ วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ถึงมีเงินสดอยู่ส่วนนึงไม่ได้ซื้อทั้งหมด

อย่าเดาเลยครับ ไม่ประมาทก็พอ

จะเผาไม่เผาผมไม่รู้ แต่ผมก็อยู่กับหุ้นที่ผมอยู่แล้วสบายใจก็พอแล้ว ศึกษาหุ้น บริษัทในเชิงการทำธุรกิจดีกว่าครับ อย่าตามข่าว(ลือ)...

555 กระทู้ล่อเป้า

พอดีผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น
แต่สงสัยว่า บัฟเฟตต์ถือเงินสดไม่ซื้อหุ้นเลยตั้ง 4 ปีหรอครับ

ชวนให้ผมจินตนาการต่อไม่ออกจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มันจะสามารถเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่กล้าซื้อหุ้นเลยตลอด 4 ปีได้ไหมครับ?
ถ้าเป็นเหตุการณ์ตอนหุ้นขึ้นไป 1700 จุดในบ้านเรา อารมณ์มันจะคล้ายๆกันไหมครับ?
หรือสมัยนั้นบ้านเรายังไม่มี VI ???

มุมมองของพี่ burennong ผมว่าเป็นมุมมองน่าคิดนะครับ ส่วนใหญ่คนที่ใช้วิกฤตให้เป็นประโยชน์ เหมือนจะไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นนะครับ เปรียบกับไปเชียงใหม่โดยขึ้นจรวด คนอื่นอาจจะแค่นั่งรถไป ดูจากวิกฤตที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครั้ง ตอนต้มยำกุ้ง ซับไพร์ม ก็ทำให้เกิดเซียน VI ดังๆ หลายคนนะครับ ก็เป็นดอกผลของวิกฤตนี่แหละครับ ถ้าไม่มี 2 วิกฤต ก็ยังมีเซียน VI แหละครับ แต่คงจะไม่เร็วขนาดนี้ สรุปง่ายๆครับ ใครอ่านเกมออกก็ช่วยเร่งให้เป็นไททางการเงินเร็วขึ้นแหละครับ ส่วนเหตุผลก็แตกต่างกันไปตามแต่ละคน

burengnong เขียน:ปีหน้าเขาว่าจะเผาจริง ได้อ่านหนังสือชำแหละพอร์ตโฟลิโอของ วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ ในปี 1969 วอร์เรนได้ล้างพอร์ตแล้วถือเงินสดไว้ และกลับเข้าไปซื้อหุ้นที่ดีอย่างเมามันในช่วงตลาดตกต่ำในปี 1973 เพื่อนๆมีความเห็นกันยังไงบ้างครับ

ไม่ได้ล้าง Port นะครับ ยังมีบริษัทต่างๆ อยู่ในมือมากมาย โดยเฉพาะ Berkshire Hathaway
http://beginnersinvest.about.com/cs/war ... meln_2.htm

แต่ผมว่า เก็บเงินสดหรือเทียบเท่า ไว้ส่วนหนึ่งของ Port บ้างก็ดีนะครับ เผื่ิอโอกาสดีๆ รอคอยอยู่ข้างหน้า
เราก็ไม่ได้รีบอะไรนิครับ ลงทุนไปเรื่อยๆ ชิวๆ

ปล.ผมเอามาจากคนในนี้แหละ

เผาจริง เผาหลอกคงไม่มีใครรู้หรอกครับ

หนังสือชำแหละพอร์ตโฟลิโอของ วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ ในปี 1969 วอร์เรนได้ล้างพอร์ตแล้วถือเงินสดไว้ และกลับเข้าไปซื้อหุ้นที่ดีอย่างเมามันในช่วงตลาดตกต่ำในปี 1973 เพื่อนๆมีความเห็นกันยังไงบ้างครับ

ผมว่าสิ่งที่เขียนในหนังสือ เป็นเพียงความคิดเห็นจากมุมมองของ แมรี่ เท่านั้นนะครับ

เพราะถ้าหาก วอเรน บัฟเฟตต์ ทำอย่างนั้นจริง เขาก็คงจะต้อง ล้างพอร์ต อีกหลาย ๆ ครั้ง ในช่วงเวลาต่อมา เพื่อรอซื้อของถูกครับ เพราะมีเหตุการณ์ช่วงตลาดตกต่ำอีกมากมายหลายครั้งครับ

แต่จะเห็นว่า วอเรน บัฟเฟตต์ ก็ยังคงถือยาวในหุ้นหลาย ๆ ตัว ตลอดเรื่อย ๆ มาครับ