คุยเรื่อง'หุ้น'กับ'ดร.นิเวศน์'
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 10, 2012 5:57 pm
คอลัมน์: จับข่าวมาเล่า: คุยเรื่อง'หุ้น'กับ'ดร.นิเวศน์'
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, September 10, 2012 05:44
ตะวัน BizWeek
หลักชัย! ที่เคยคุยกันเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วที่ 1,000 ล้านบาท เจ้าตัวเพิ่งมารับสารภาพว่ายังคิดว่า "ฝันไป" ด้วยซ้ำ! เคยคำนวณเล่นๆ สงสัยต้องอายุ 80 ปี ถึงจะทำได้ แต่วันนี้ ผศ.ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร มีพอร์ตใหญ่ "ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท" ตลอด 15-16 ปี นับจากวิกฤติปี 2540 หลังอาจารย์เปลี่ยนแนวทางมาเป็น "วีไอ" เต็มตัว ถึงวันนี้ได้ผลตอบแทน "เฉลี่ยปีละ 40%" เร็วกว่ากำหนดเดิม "กว่า 20 ปี""ที่ผ่านมาหลายๆ ปีมันได้กำไรเยอะผิดปกติ ก็ต้องถือเป็น "โชคดี" ผมไม่เคยตั้งความหวังสูงมากได้ผลตอบแทนปีละ 10-15% (ทบต้น) ผมก็พอใจแล้ว ถ้าเราไปตั้งความหวังว่าลงทุนต้องเอากำไรเยอะๆ ปีละ 40-50% คิดอย่างนี้ "มันผิด" ถ้าได้มากกว่านั้นก็ขอให้คิดว่าเป็นโชคของเรา"อาจารย์นิเวศน์มองตลาดหุ้นช่วงนี้อย่างไรครับ...จำได้ เคยบอก "บิซวีค" ว่าปีนี้ มองดัชนีที่ 1,200 จุด ตอนนี้เกินมาตั้งเยอะแล้ว
"จริงๆ ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีความเสี่ยงอาจจะเรียกว่ามี "ระเบิดเวลา" เหมือนกันแต่อาจจะไม่ระเบิดก็ได้ เมื่อมีความเสี่ยงแบบนี้การลงทุนก็ต้อง "ระวัง"...ผมมองตลาดหุ้นค่อนข้าง "ตึง" แล้วนะ! จะหวังมากไม่ค่อยได้ แต่ไม่ใช่ว่าไปต่อไม่ได้"
อาจารย์หมายความยังไงครับ! ในยามที่ตลาดหุ้นดีมัน อาจจะไปได้อีกพอสมควร แต่หลังจากนั้นก็จะถึงจุดที่คุณต้อง คิดเลยว่าจะไปต่อไหวมั้ย! ในยามที่ตลาดหุ้นบูม SET Index เราขึ้นไปได้ที่ P/E มากกว่า 20 เท่า 30 เท่าก็ยังเคย ตอนนี้ก็ 15-16 เท่า อาจจะเกินแล้วไม่แน่ใจ!! แต่ถ้า P/E ขึ้นไปถึง 20 เท่า ถ้าดูจากประวัติที่ผ่านมามันก็จะ "หนาวๆ แล้วล่ะ"ดร.นิเวศน์ ให้ข้อสังเกตว่า P/E ตลาดหุ้นไทย ถ้าถึง 20 เท่าก็ค่อนข้างจะ "เต็ม" ยกเว้นเศรษฐกิจเฟื่องฟู ไม่มีปัจจัยที่อันตรายเลยอย่างงั้นก็ยังพอไหว แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่! โลกไม่ค่อยสดใสเท่าไร แล้วปีนี้หุ้นไทยขึ้นมาเยอะนะ เพราะฉะนั้นถ้า P/E เต็ม 20 เท่าซึ่งน่าจะถึง 1,300 จุด ถ้าถึงตรงนั้นก็ต้อง "ระวังเต็มที่" อาจจะต้อง "ลดพอร์ต" ลงหน่อย ส่วนตัวก็ตระหนักอยู่เหมือนกันว่า มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปลอดภัย 100% ก็ระวังตลอดเวลา
ปรมาจารย์วีไอ ชี้แนะว่า วิธีการระวังอย่างหนึ่งให้เน้น ที่ "หุ้นปลอดภัย" มีเกาะคุ้มกันคือพยายามอิงกับเศรษฐกิจ ในประเทศให้หลีกเลี่ยงหุ้นส่งออก ตัวบริษัทเองก็ควรเป็น บริษัทที่มีเกาะคุ้มกันตัวเอง มีความเสี่ยงทางธุรกิจต่ำ มีหนี้น้อย ตัวธุรกิจมีความผันผวนน้อย และควรเป็นผู้นำ ถ้าอันดับ 1 ก็ดี อย่าไปลงทุนบริษัทที่เป็นเบอร์รองๆ เพราะ ในยามที่มีวิกฤติขึ้นมาผู้นำจะอยู่รอด บริษัทรองจะลำบาก
"ผมยังมองว่าอยู่ในตลาดหุ้นได้ ราคาหุ้นไม่ได้สูงเกินไป แม้ว่าพี/อี ค่อนข้างสูง แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงฟื้นตัว ของเมืองไทย ปัญหาใหญ่ๆ ภายในเราสงบลง ฐานะบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นเยอะ การแข่งขันในตลาดไม่ได้สูงเกินไป ยังอยากให้ลงทุนในหุ้นอยู่แต่อยากให้ระมัดระวังและไม่ควร ทุ่มถึง 100% ผมมองว่าลงทุนตอนนี้ต้อง "ตรงกลาง" คำว่า ตรงกลางของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน เอาเป็นว่าเราคิดถึงตัวเรา ว่าในยามที่เรารู้สึกกลางๆ เราน่าจะลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์" ถ้าเราจะเลือกลงทุนหุ้นแบบ "วีไอ" สักตัวหนึ่ง อาจารย์จะแนะนำอย่างไรครับ!! คำแนะนำง่ายๆ "ให้ดูธรรมชาติของธุรกิจ" เช่น เป็นธุรกิจที่ลงทุนมากรึเปล่า ได้เงินสดมากรึเปล่า ขายเชื่อเยอะมั้ย เป็นธุรกิจที่ขายให้คนจำนวนมากหรือจำนวนน้อย ขายรายย่อยหรือรายใหญ่ ดูลักษณะอย่างนี้ก็พอช่วยได้ หลักการก็คือถ้าบริษัทไหนลงทุนน้อยก็ดี เป็นธุรกิจที่ได้เงินสดเยอะ เป็นธุรกิจที่ขายให้คนเยอะๆ ก็ดี ขายให้คนน้อยๆ ก็อันตราย ขายเชื่อเยอะๆ ก็ไม่ดี เวลาจะดูหุ้นให้ไล่ไปแบบนี้ แล้วควรเลือกบริษัทที่เป็น "ผู้นำ" มีอำนาจการต่อรอง ผมถามว่าหุ้นดีๆ อย่างอาจารย์ว่ายังมีให้ซื้ออีกหรือครับ!"ตอนนี้นี่นะ..ในความคิดผมก็ "แพงกันเกือบหมด"ถ้าวันนี้ผมมีเงินสดเยอะผมยังหนักใจเลยว่าผมจะลงหุ้นตัวไหน หนักใจจริงๆ ถ้ามีเงินก็อาจจะไม่ลง รอไปก่อน ตอนนี้ผมมีหุ้น 100% อยู่แล้ว ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่ม ตัวที่ถือเยอะๆ ถือมา 5-6 ปีแล้วทั้งนั้น"
หุ้นโรงพยาบาลยังน่าซื้อมั้ยครับ!! อาจารย์นิเวศน์ ตอบว่า หุ้นโรงพยาบาลตอนนี้ถือว่า "แพงที่สุด" กลุ่มหนึ่ง ไม่ได้แตกต่างจาก "ค้าปลีก" เผลอๆ แพงกว่ากลุ่มค้าปลีก เวลานี้หุ้นตัวไหนที่ดีมากๆ ก็จะ "แพง" มันก็เลยเป็นประเด็นไงว่าไม่มีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจขนาดต้องรีบซื้อ... ไม่ค่อยมี มีกลุ่มหนึ่งที่ยังพอซื้อได้คือพวก "สถาบันการเงิน" ถ้าเศรษฐกิจโลกไม่เป็นอะไรก็จะ "ดีไปเรื่อยๆ" แต่ก็ต้องระวังถ้าเกิดวิกฤติเขาจะ "กระทบแรงมาก" กลุ่มพลังงานตอนนี้ก็ไม่เลวร้ายนะ เพราะว่าราคามันตกมาแล้ว ระดับหนึ่ง ราคาไม่ยอมลงแล้วถ้าถือยาวหน่อย ยังไงก็เป็นความจำเป็นที่วันหนึ่งต้องกลับมาได้
ถามว่าเทรนด์ธุรกิจในอนาคตต่อจาก "โมเดิร์นเทรด" อาจารย์มองพวกอะไรจะดี...?
"ผมมองว่าธุรกิจที่เป็น Soft Company จะดี พวกขาย ระบบ ขายโนว์ฮาว ขายชื่อเสียง ขายอะไรที่ไม่ใช่ของหนักๆ ไม่ได้ลงทุนอะไรมาก อาศัยฝีมือ เอาของเก่ามาขายได้ ผมมอง กลุ่มพวกนี้มานานแล้ว แต่ถ้าต้องลงทุนหนักๆ โรงงานเหล็ก โรงงานปูน โรงงานปิโตรเคมี หรือโรงงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ อย่างนี้ไม่ใช่แล้ว อย่างแบงก์ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ Soft Company เหมือนกัน ไม่ได้ขายอะไรมาก เอาเงินหมุนไปหมุนมา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ใช่! Soft Company มันกระจายอยู่ในหลายเซ็คเตอร์มากไม่กระจุกตัวเหมือนโมเดิร์นเทรด"
จากบทความเฟ้นหุ้น First Class ใช้ชีวิต Economy เมื่อวันนั้น!!! วันนี้ ดร.นิเวศน์ ยังคงดำเนินชีวิตเฉกเช่นนั้น อาจารย์ยังคงเป็น "น้ำ" ที่ "ไม่เต็มแก้ว" เหมือนเดิม!!!... ครั้งต่อไปจะคุยถึงคมความคิด กระบี่ที่คมกริบในสมอง ดร.นิเวศน์ ร่วม 10 ปีที่เคยคุยกันวันนี้ความคิดอาจารย์"แอดวานซ์" ไปถึงขั้นไหนแล้ว สัปดาห์นี้ "คุณฉุย" ติดภารกิจ..คอลัมน์ "คุณฉุยคุยเอง" ขอสลับไปเป็นอาทิตย์หน้าแทนครับ!!!
"ปีนี้หุ้นไทยขึ้นมาเยอะนะ เพราะฉะนั้น ถ้า P/E เต็ม 20 เท่า ก็ต้อง 'ระวังเต็มที่' อาจจะต้อง 'ลดพอร์ต' ลงหน่อย...ในความคิดผมหุ้นดีๆ 'แพงกันเกือบหมด' ถ้าวันนี้ผมมีเงินสดเยอะยังหนักใจเลยว่าจะลงหุ้นตัวไหน...หนักใจจริงๆ"
บรรยายใต้ภาพ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, September 10, 2012 05:44
ตะวัน BizWeek
หลักชัย! ที่เคยคุยกันเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วที่ 1,000 ล้านบาท เจ้าตัวเพิ่งมารับสารภาพว่ายังคิดว่า "ฝันไป" ด้วยซ้ำ! เคยคำนวณเล่นๆ สงสัยต้องอายุ 80 ปี ถึงจะทำได้ แต่วันนี้ ผศ.ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร มีพอร์ตใหญ่ "ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท" ตลอด 15-16 ปี นับจากวิกฤติปี 2540 หลังอาจารย์เปลี่ยนแนวทางมาเป็น "วีไอ" เต็มตัว ถึงวันนี้ได้ผลตอบแทน "เฉลี่ยปีละ 40%" เร็วกว่ากำหนดเดิม "กว่า 20 ปี""ที่ผ่านมาหลายๆ ปีมันได้กำไรเยอะผิดปกติ ก็ต้องถือเป็น "โชคดี" ผมไม่เคยตั้งความหวังสูงมากได้ผลตอบแทนปีละ 10-15% (ทบต้น) ผมก็พอใจแล้ว ถ้าเราไปตั้งความหวังว่าลงทุนต้องเอากำไรเยอะๆ ปีละ 40-50% คิดอย่างนี้ "มันผิด" ถ้าได้มากกว่านั้นก็ขอให้คิดว่าเป็นโชคของเรา"อาจารย์นิเวศน์มองตลาดหุ้นช่วงนี้อย่างไรครับ...จำได้ เคยบอก "บิซวีค" ว่าปีนี้ มองดัชนีที่ 1,200 จุด ตอนนี้เกินมาตั้งเยอะแล้ว
"จริงๆ ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีความเสี่ยงอาจจะเรียกว่ามี "ระเบิดเวลา" เหมือนกันแต่อาจจะไม่ระเบิดก็ได้ เมื่อมีความเสี่ยงแบบนี้การลงทุนก็ต้อง "ระวัง"...ผมมองตลาดหุ้นค่อนข้าง "ตึง" แล้วนะ! จะหวังมากไม่ค่อยได้ แต่ไม่ใช่ว่าไปต่อไม่ได้"
อาจารย์หมายความยังไงครับ! ในยามที่ตลาดหุ้นดีมัน อาจจะไปได้อีกพอสมควร แต่หลังจากนั้นก็จะถึงจุดที่คุณต้อง คิดเลยว่าจะไปต่อไหวมั้ย! ในยามที่ตลาดหุ้นบูม SET Index เราขึ้นไปได้ที่ P/E มากกว่า 20 เท่า 30 เท่าก็ยังเคย ตอนนี้ก็ 15-16 เท่า อาจจะเกินแล้วไม่แน่ใจ!! แต่ถ้า P/E ขึ้นไปถึง 20 เท่า ถ้าดูจากประวัติที่ผ่านมามันก็จะ "หนาวๆ แล้วล่ะ"ดร.นิเวศน์ ให้ข้อสังเกตว่า P/E ตลาดหุ้นไทย ถ้าถึง 20 เท่าก็ค่อนข้างจะ "เต็ม" ยกเว้นเศรษฐกิจเฟื่องฟู ไม่มีปัจจัยที่อันตรายเลยอย่างงั้นก็ยังพอไหว แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่! โลกไม่ค่อยสดใสเท่าไร แล้วปีนี้หุ้นไทยขึ้นมาเยอะนะ เพราะฉะนั้นถ้า P/E เต็ม 20 เท่าซึ่งน่าจะถึง 1,300 จุด ถ้าถึงตรงนั้นก็ต้อง "ระวังเต็มที่" อาจจะต้อง "ลดพอร์ต" ลงหน่อย ส่วนตัวก็ตระหนักอยู่เหมือนกันว่า มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปลอดภัย 100% ก็ระวังตลอดเวลา
ปรมาจารย์วีไอ ชี้แนะว่า วิธีการระวังอย่างหนึ่งให้เน้น ที่ "หุ้นปลอดภัย" มีเกาะคุ้มกันคือพยายามอิงกับเศรษฐกิจ ในประเทศให้หลีกเลี่ยงหุ้นส่งออก ตัวบริษัทเองก็ควรเป็น บริษัทที่มีเกาะคุ้มกันตัวเอง มีความเสี่ยงทางธุรกิจต่ำ มีหนี้น้อย ตัวธุรกิจมีความผันผวนน้อย และควรเป็นผู้นำ ถ้าอันดับ 1 ก็ดี อย่าไปลงทุนบริษัทที่เป็นเบอร์รองๆ เพราะ ในยามที่มีวิกฤติขึ้นมาผู้นำจะอยู่รอด บริษัทรองจะลำบาก
"ผมยังมองว่าอยู่ในตลาดหุ้นได้ ราคาหุ้นไม่ได้สูงเกินไป แม้ว่าพี/อี ค่อนข้างสูง แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงฟื้นตัว ของเมืองไทย ปัญหาใหญ่ๆ ภายในเราสงบลง ฐานะบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นเยอะ การแข่งขันในตลาดไม่ได้สูงเกินไป ยังอยากให้ลงทุนในหุ้นอยู่แต่อยากให้ระมัดระวังและไม่ควร ทุ่มถึง 100% ผมมองว่าลงทุนตอนนี้ต้อง "ตรงกลาง" คำว่า ตรงกลางของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน เอาเป็นว่าเราคิดถึงตัวเรา ว่าในยามที่เรารู้สึกกลางๆ เราน่าจะลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์" ถ้าเราจะเลือกลงทุนหุ้นแบบ "วีไอ" สักตัวหนึ่ง อาจารย์จะแนะนำอย่างไรครับ!! คำแนะนำง่ายๆ "ให้ดูธรรมชาติของธุรกิจ" เช่น เป็นธุรกิจที่ลงทุนมากรึเปล่า ได้เงินสดมากรึเปล่า ขายเชื่อเยอะมั้ย เป็นธุรกิจที่ขายให้คนจำนวนมากหรือจำนวนน้อย ขายรายย่อยหรือรายใหญ่ ดูลักษณะอย่างนี้ก็พอช่วยได้ หลักการก็คือถ้าบริษัทไหนลงทุนน้อยก็ดี เป็นธุรกิจที่ได้เงินสดเยอะ เป็นธุรกิจที่ขายให้คนเยอะๆ ก็ดี ขายให้คนน้อยๆ ก็อันตราย ขายเชื่อเยอะๆ ก็ไม่ดี เวลาจะดูหุ้นให้ไล่ไปแบบนี้ แล้วควรเลือกบริษัทที่เป็น "ผู้นำ" มีอำนาจการต่อรอง ผมถามว่าหุ้นดีๆ อย่างอาจารย์ว่ายังมีให้ซื้ออีกหรือครับ!"ตอนนี้นี่นะ..ในความคิดผมก็ "แพงกันเกือบหมด"ถ้าวันนี้ผมมีเงินสดเยอะผมยังหนักใจเลยว่าผมจะลงหุ้นตัวไหน หนักใจจริงๆ ถ้ามีเงินก็อาจจะไม่ลง รอไปก่อน ตอนนี้ผมมีหุ้น 100% อยู่แล้ว ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่ม ตัวที่ถือเยอะๆ ถือมา 5-6 ปีแล้วทั้งนั้น"
หุ้นโรงพยาบาลยังน่าซื้อมั้ยครับ!! อาจารย์นิเวศน์ ตอบว่า หุ้นโรงพยาบาลตอนนี้ถือว่า "แพงที่สุด" กลุ่มหนึ่ง ไม่ได้แตกต่างจาก "ค้าปลีก" เผลอๆ แพงกว่ากลุ่มค้าปลีก เวลานี้หุ้นตัวไหนที่ดีมากๆ ก็จะ "แพง" มันก็เลยเป็นประเด็นไงว่าไม่มีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจขนาดต้องรีบซื้อ... ไม่ค่อยมี มีกลุ่มหนึ่งที่ยังพอซื้อได้คือพวก "สถาบันการเงิน" ถ้าเศรษฐกิจโลกไม่เป็นอะไรก็จะ "ดีไปเรื่อยๆ" แต่ก็ต้องระวังถ้าเกิดวิกฤติเขาจะ "กระทบแรงมาก" กลุ่มพลังงานตอนนี้ก็ไม่เลวร้ายนะ เพราะว่าราคามันตกมาแล้ว ระดับหนึ่ง ราคาไม่ยอมลงแล้วถ้าถือยาวหน่อย ยังไงก็เป็นความจำเป็นที่วันหนึ่งต้องกลับมาได้
ถามว่าเทรนด์ธุรกิจในอนาคตต่อจาก "โมเดิร์นเทรด" อาจารย์มองพวกอะไรจะดี...?
"ผมมองว่าธุรกิจที่เป็น Soft Company จะดี พวกขาย ระบบ ขายโนว์ฮาว ขายชื่อเสียง ขายอะไรที่ไม่ใช่ของหนักๆ ไม่ได้ลงทุนอะไรมาก อาศัยฝีมือ เอาของเก่ามาขายได้ ผมมอง กลุ่มพวกนี้มานานแล้ว แต่ถ้าต้องลงทุนหนักๆ โรงงานเหล็ก โรงงานปูน โรงงานปิโตรเคมี หรือโรงงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ อย่างนี้ไม่ใช่แล้ว อย่างแบงก์ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ Soft Company เหมือนกัน ไม่ได้ขายอะไรมาก เอาเงินหมุนไปหมุนมา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ใช่! Soft Company มันกระจายอยู่ในหลายเซ็คเตอร์มากไม่กระจุกตัวเหมือนโมเดิร์นเทรด"
จากบทความเฟ้นหุ้น First Class ใช้ชีวิต Economy เมื่อวันนั้น!!! วันนี้ ดร.นิเวศน์ ยังคงดำเนินชีวิตเฉกเช่นนั้น อาจารย์ยังคงเป็น "น้ำ" ที่ "ไม่เต็มแก้ว" เหมือนเดิม!!!... ครั้งต่อไปจะคุยถึงคมความคิด กระบี่ที่คมกริบในสมอง ดร.นิเวศน์ ร่วม 10 ปีที่เคยคุยกันวันนี้ความคิดอาจารย์"แอดวานซ์" ไปถึงขั้นไหนแล้ว สัปดาห์นี้ "คุณฉุย" ติดภารกิจ..คอลัมน์ "คุณฉุยคุยเอง" ขอสลับไปเป็นอาทิตย์หน้าแทนครับ!!!
"ปีนี้หุ้นไทยขึ้นมาเยอะนะ เพราะฉะนั้น ถ้า P/E เต็ม 20 เท่า ก็ต้อง 'ระวังเต็มที่' อาจจะต้อง 'ลดพอร์ต' ลงหน่อย...ในความคิดผมหุ้นดีๆ 'แพงกันเกือบหมด' ถ้าวันนี้ผมมีเงินสดเยอะยังหนักใจเลยว่าจะลงหุ้นตัวไหน...หนักใจจริงๆ"
บรรยายใต้ภาพ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ