อยากให้ทุกคนช่วยเก็บเอกสารต่างๆ ในการเสนอขายหุ้น IPO
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
อยากให้ทุกคนช่วยเก็บเอกสารต่างๆ ในการเสนอขายหุ้น IPO
โพสต์ที่ 1
วันหนึ่งอาจได้ใช้ เหมือนกับกรณี นี้ก็ได้ ...
ขอแสดงความนับถือ และขอยกย่องจากใจจริง
กับคุณทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา ที่ต่อสู้คดีกับยักษ์ใหญ่
และคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานแก่ คนไทยตาดำๆ ต่อไป
ขออนุญาตนำมาโพสในนี้ครับ ...
ถ้าไม่เหมาะสม ย้ายหรือลบออกก็ได้นะครับ
---------------
คำสั่งศาลอุทธรณ์ คดีที่ คุณทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา ฟ้อง บริษัท A I A
เรื่องราวยาวนิดนึง แต่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมาก และนี่เป็นบทสรุปสาระสำคัญทั้งหมดของคดี ที่คุณทรงกฤษณ ฝากมาโพสค่ะ
***ขออนุญาตลงลิงค์เก่าตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อความเข้าใจของคนที่ไม่เคยติดตามเรื่องนี้
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 93113.html
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 70271.html
http://topicstock.pantip.com/social/top ... 59650.html
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 86412.html
http://topicstock.pantip.com/social/top ... 66654.html
เพื่อให้ประชาชน ได้รับประโยชน์ จากคดี ที่ข้าพเจ้า ฟ้องบริษัท AIA ข้าพเจ้า จึงขอสรุป เรื่องของคดีนี้ เพื่อประชาชนจะได้ศึกษา เป็นกรณีตัวอย่าง และจะได้มีความระมัดระวังในการตัดสินใจ ที่จะทำประกันชีวิต
เมื่อ 21 ปีที่แล้ว ในวันที่ 4 สิงหาคม 2532 ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับ ข้าพเจ้า เป็นการประกันชีวิต แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE วงเงินประกันชีวิต 300,000.- บาท ข้าพเจ้า จะต้องชำระเบี้ยประกันชีวิต เป็นรายปีทุกๆ ปีละ 20,301 บาท ระยะเวลา 21 ปี รวมเป็นเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่ต้องชำระทั้งหมด จำนวน 426,321 บาท ซึ่งมากกว่า วงเงินประกันชีวิตถึง 126,321 บาท ( 426,321 – 300,000 = 126,321 บาท )
โดยตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA นำแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE ขนาด กระดาษ A4 มีลักษณะเป็นแผ่นพับสี 3 ตอน ติดต่อกัน รวม 6 หน้า มาประกอบการเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า
เมื่อกรมธรรม์ประกันชีวิตของข้าพเจ้า ครบกำหนดสัญญา 21 ปี ข้าพเจ้า ได้รับเงินครบกำหนดสัญญา น้อยกว่าที่ตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า ตามแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE ที่ข้าพเจ้า ใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องศาล เป็นคดีนี้
ทันทีที่ปัญหานี้เกิดขึ้นกับ ข้าพเจ้าๆ บอกกับลูกสาวว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพ่อครั้งนี้ คงจะไม่ได้เกิดขึ้นกับพ่อเพียงคนเดียว แต่ปัญหานี้ คงจะเกิดขึ้นกับประชาชน ที่ถูกเสนอขายประกันชีวิต เช่นเดียวกันกับพ่อทั่วประเทศ
ปัญหานี้ จึงถือได้ว่า เป็นวิกฤต ทางการเงินของประชาชนเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เป็นปัญหาระดับประเทศ
เพราะ เป็นเรื่องที่กระทบถึงเงินออม เพื่อความมั่นคงในชีวิตของประชาชน
ในเมื่อ พ่อ เป็นคนแรกที่รู้ถึงปัญหานี้ และ มองเห็นผลของความร้ายแรงของปัญหานี้ ก่อนคนอื่น
พ่อ จะต้องยอมเหนื่อยยากทุกอย่าง เพื่อหาข้อยุติของปัญหานี้ ในแนวทางที่ถูกต้องยุติธรรม ให้ได้ ด้วยจิต และ วิญญาณ ของความเป็นคนไทย ที่จะต้องลุกขึ้นมา ปกป้อง ความเป็นธรรมให้กับคนไทย
บรรพบุรุษของไทยเรานั้น ยอมพลีชีพของตนเอง มาแล้วทุกยุคทุกสมัย เพื่อรักษาประเทศชาติ และปกป้องคนไทย เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข พ่อ จึงต้องเป็นคนหาข้อยุติของปัญหานี้ ในทางกฎหมาย เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานในกรณี ที่เกิดขึ้น ครั้งนี้
ครั้งแรก ข้าพเจ้า คิดที่จะฟ้อง ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA เป็นจำเลย ร่วมกับ บริษัท AIA
เพราะ เรื่องของการขายประกันชีวิต ให้กับ ข้าพเจ้า นั้น มี ผู้ที่รู้เรื่องนี้ และ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อยู่ 3 คน คือ
1. บริษัท AIA
2. ตัวแทนขายประกันชีวิต ของ บริษัท AIA ที่มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า
3. ตัวข้าพเจ้าเอง
ในเมื่อ บริษัท AIA ปฏิเสธ การจ่ายเงินครบกำหนดสัญญา ให้ครบตามที่ ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า
เรื่องนี้ ต้องมีคนรับผิดชอบ
แต่เมื่อ ข้าพเจ้า คิดว่า การฟ้อง บริษัท AIA ของข้าพเจ้า ครั้งนี้ เป็นการฟ้อง กรณีที่สัญญาประกันชีวิตครบกำหนดสัญญา แล้วข้าพเจ้า ได้รับเงินไม่ครบตามที่ตัวแทนขายประกันชีวิต มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า ตามแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE
ข้าพเจ้า เห็นว่า เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ข้าพเจ้าจึงควรที่จะฟ้อง บริษัท AIA เป็นจำเลย เพียงคนเดียว ตามหลักฐานที่มีอยู่ คือ แผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE และ ที่ ข้าพเจ้า จะไม่ฟ้องตัวแทนขายประกันชีวิตเป็น จำเลย ร่วมด้วย และ จะไม่เรียกตัวแทนขายประกันชีวิต มาเบิกความเป็นพยาน ฝ่ายโจทก์ด้วยนั้น
ก็เพราะ ข้าพเจ้าต้องการสร้างมาตรฐานต่ำที่สุด ในทางพยานหลักฐาน เพื่อที่จะดูว่า ผลของคำพิพากษา จะออกมาอย่างไร
ถ้า ผลของคำพิพากษา ออกมา ให้ข้าพเจ้า เป็นฝ่ายชนะคดี ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะสามารถเดินตามคดีของข้าพเจ้า ได้ง่ายขึ้น
เพราะ เป็นที่รู้กันดีว่า ตัวแทนขายประกันชีวิตนั้น น้อยคนนัก ที่จะอยู่ในอาชีพนี้ได้ยาวนาน และ การหาที่อยู่ของตัวแทนขายประกันชีวิต หรือ การหาตัว ของตัวแทนขายประกันชีวิต หลังจากที่ระยะเวลาผ่านมา 20 กว่าปี แล้วนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย รวมทั้ง ตัวแทนขายประกันชีวิตบางคน ก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้า จึงต้องการต่อสู้คดี ด้วยมาตรฐานที่ต่ำที่สุด เพื่อประชาชนจะได้เดินตามได้ง่ายขึ้น ถ้าข้าพเจ้าเป็นฝ่าย ชนะคดี
แต่พอสืบพยานกันจริงๆ บริษัท AIA ขอออกหมายเรียก ตัวแทนขายประกันชีวิตที่ขายประกันชีวิตให้กับ ข้าพเจ้า มาเบิกความ เป็นพยานฝ่าย จำเลย
เมื่อถึงวันนัด ไม่มีตัวแทนมาเบิกความ ทนายของ บริษัท AIA แถลงศาลว่า ยังหาตัวแทนไม่พบ ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดี และ พูดว่าต้องการรู้ความจริงในเรื่องนี้
นัดต่อมา เพื่อให้ความจริงกระจ่าง ข้าพเจ้า จึงไปตามหาตัวแทนขายประกันชีวิต ที่มาขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า ถึงที่ทำงานของตัวแทน ด้วยตนเอง
ซึ่งข้าพเจ้า จำได้ว่า เมื่อ 21 ปี ก่อน ขณะนั้นตัวแทน ทำงานอยู่ที่ รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง จนได้พบตัวแทน และขอให้มาเบิกความเป็นพยานจำเลย ตามหมายเรียกพยานบุคคล ที่ทนายของ บริษัท AIA จำเลย ขอออกหมายเรียกพยานไว้ ซึ่งตัวแทน ก็มาเบิกความ ตามวันที่ ข้าพเจ้า แจ้งให้ทราบ จนการสืบพยานจำเลย เสร็จสิ้น
เท่ากับว่า คดีของข้าพเจ้านั้น การสืบพยาน มีข้าพเจ้า ซึ่งเป็นโจทก์ บริษัท AIA จำเลย และ ตัวแทนขายประกันชีวิตที่มาขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า มาเบิกความ ครบทั้ง 3 คน ที่รู้เรื่องนี้
จึงถือได้ว่าคดีของข้าพเจ้า ที่ฟ้องบริษัท AIA นั้น จากความตั้งใจเดิม ที่จะสร้างมาตรฐานต่ำที่สุด ในการต่อสู้คดี กลับกลายเป็นมาตรฐานที่สูง ไปโดยปริยาย โดยที่ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจไว้แต่แรก
ประชาชน ที่ต้องการจะเรียกร้องความเป็นธรรม โดยการฟ้องศาล จึงควรที่จะรู้เรื่องนี้ไว้ จะได้เป็นประโยชน์ ในการตัดสินใจฟ้องคดี
ข้าพเจ้า ฟ้อง บริษัท A I A เป็นจำเลย ที่ศาลแขวงพระนครใต้ เป็นคดีผู้บริโภค คดีหมายเลขดำที่ ผบ. 2592 / 2553 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553
ทุนทรัพย์ในการฟ้องคดีนั้น ข้าพเจ้า ฟ้องเรียกเงินครบกำหนดสัญญาส่วนที่ขาด
- เป็นเงินจำนวน 36,000.- บาท
- พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ทวงถามจนถึงวันฟ้อง คิดเป็นเงิน 214.52 บาท
- ค่าคัดหนังสือรับรอง และค่าถ่ายเอกสาร รวม 480.- บาท
- ค่าเดินทางไปดำเนินคดีกับค่าเสียเวลา และ โอกาสในการประกอบอาชีพของโจทก์ วันละ 600 บาท ประมาณ 7 วัน คิดเป็นเงิน 4,200.- บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40,894.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 40,680.- บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลย จะชำระเสร็จสิ้น
ที่ข้าพเจ้า ไม่ได้เรียกร้องค่าทนายความ ก็เพราะคดีนี้ ข้าพเจ้าต่อสู่คดีด้วยตนเอง ถ้าประชาชนจ้างทนายความต่อสู้คดีให้ ก็สามารถเรียกร้องค่าทนายความได้ด้วย
บริษัท AIA จำเลย ให้การต่อสู้คดีว่า
“ แผ่นพับในการเสนอขายประกันชีวิตแก่โจทก์นั้น เอกสารดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารของจำเลย อีกทั้ง เอกสารดังกล่าว ก็ไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ของบริษัทจำเลย หรือ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลย ลงลายมือชื่อรับรองเอกสารดังกล่าวไว้ ”
“ ทางจำเลย ได้ดำเนินการจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่โจทก์ ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการแล้ว ”
ในส่วนของการต่อสู้คดี และ การสืบพยานนั้น มีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก จึงไม่ขอกล่าวถึงในขณะนี้
คดีนี้ ศาลแขวงพระนครใต้ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ. 2728 / 2554 คำพิพากษา คดีนี้ มีจำนวนถึง 23 หน้า
จึงมีรายละเอียด ตามคำพิพากษาของศาล เป็นจำนวนมาก ไม่สามารถที่จะนำรายละเอียด ตามคำพิพากษา มาเผยแพร่ได้ทั้งหมด รวมทั้งสรุปเหตุผลตามคำพิพากษาด้วย
เพราะถ้าประชาชน ไม่รู้รายละเอียดตามคำพิพากษาทั้งหมด แล้ว ข้าพเจ้า นำแต่สรุป เหตุผล ตามคำพิพากษามาเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบ ประชาชนก็อาจจะตีความกันไปเอง ตามแต่จะคิด ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน
ตอนท้ายของคำพิพากษาของศาล
ศาล พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,894.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 40,680 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
เมื่อเปรียบเทียบ จำนวนเงินที่ข้าพเจ้า เป็นโจทก์ ฟ้อง บริษัท AIA จำเลย กับคำพิพากษาของศาลแล้ว ศาลพิพากษาให้ บริษัท AIA จำเลย ชำระเงินให้ ข้าพเจ้า ซึ่งเป็น โจทก์ เต็มตามฟ้อง
แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด เพราะ บริษัท AIA จำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 และ ศาล ได้นำ อุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย มาส่งให้กับข้าพเจ้า ในวันที่ 21 มีนาคม 2555 อุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย มีทั้งหมด 16 หน้า
ซึ่ง หนึ่งในเหตุผล ของการอุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย ข้อหนึ่ง ที่น่าสนใจ ก็คือ
อุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย ในหน้าที่ 11 บรรทัดที่ 1 วรรคที่ 2 ถึงบรรทัดที่ 3 วรรคแรก มีข้อความว่า
“ อีกทั้งคดีนี้ทางจำเลย ก็ปฏิเสธความถูกต้องของเอกสารหมาย จ. 2 (หมายถึงแผ่นพับ แบบ สะสมทรัพย์ 21TMAE ที่โจทก์ ยื่นเป็นพยานเอกสารในศาลของโจทก์) นี้มาตั้งแต่ต้น ทั้งตัวโจทก์เอง ก็ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่าจำเลย เป็นผู้จัดทำเอกสารดังกล่าวขึ้นมาแต่อย่างใด ”
ทำให้คิดถึง เรื่อง ทางการเมืองในอดีต เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่อง ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน นำเสนอข้อมูลให้ประชาชนทราบว่า โครงการของรัฐบาลโครงการหนึ่ง น่าเชื่อว่า จะมีการทุจริต
ถ้าข้าพเจ้า จำไม่ผิด เท่าที่จำได้ ผู้นำฝ่ายรัฐบาล ออกมากล่าวทำนอง ว่า
“ ถ้าฝ่ายค้าน มีใบเสร็จรับเงิน ก็ให้นำมาให้ดู จะจัดการให้ ”
คำพูดนี้ เมื่อออกอากาศ ผ่านสื่อโทรทัศน์ ประชาชน เป็นจำนวนมาก มีความรู้สึก ขำ ในคำพูดดังกล่าว และงงว่า การทุจริต จะมีใบเสร็จรับเงิน ได้อย่างไร
เมื่อข้าพเจ้า ทำคำแก้อุทธรณ์ ของบริษัท AIA จำเลยเสร็จแล้ว ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษา ออกมาอย่างไร ก็จะได้บรรทัดฐานในกรณีนี้ ซึ่งประชาชน ควรที่จะได้ทราบ ถึงผล ของคำพิพากษา ของศาลอุทธรณ์ ต่อไป
อย่างน้อย คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ในคดีของ ข้าพเจ้า นี้ ก็คงจะเป็นกำลังใจให้กับประชาชนได้บ้าง ในการที่จะรียกร้องความเป็นธรรม ในการฟ้องศาล
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลในคดีนี้ จะออกมาอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้า น้อมรับคำพิพากษา นั้น และ ผลของคำพิพากษา ก็จะเป็นประโยชน์ กับประชาชน
ถ้าคำพิพากษาของศาล เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว พิพากษาให้ข้าพเจ้า เป็นฝ่ายชนะคดี ผลของคำพิพากษา ก็จะสร้างกำลังใจ ให้กับประชาชน ที่ต้องการจะเรียกร้องความเป็นธรรม โดยการฟ้องศาลได้
แต่ก็ยังไม่ถือว่า ข้าพเจ้า ทำหน้าที่ ของคนไทย ตอบแทนคุณของประเทศชาติ ด้วยการปกป้อง เงินออม เพื่อความมั่นคงในชีวิต ของประชาชน ที่ควรจะได้รับตามความเป็นจริง ได้สำเร็จ
ข้าพเจ้า จะปกป้องประชาชนได้สำเร็จ ก็ต่อเมื่อ ประชาชนได้รับเงิน ครบกำหนดสัญญา ไม่น้อยกว่า ที่ตัวแทนขายประกันชีวิต มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับประชาชน โดยที่ไม่ต้องฟ้องเป็นคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
เรื่องนี้ เป็นเรื่องของการออมเงิน เพื่อความมั่นคงในชีวิต และ เรื่องนี้ มีประชาชน เป็นจำนวนมาก ที่ได้รับผลกระทบ จึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนในวงกว้าง
บทเรียนที่ ข้าพเจ้าได้รับ จากการทำประกันชีวิตครั้งนี้ ก็คือ เมื่อตอนที่ตัวแทนขายประกันชีวิต มาขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า เมื่อ 21 ปี ก่อนนั้น ข้าพเจ้า มีความคิดว่า
การที่ข้าพเจ้า ตัดสินใจทำประกันชีวิตในครั้งนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าเป็นคนฉลาด ที่ตัดสินใจทำประกันชีวิตไว้
แต่อีก 21 ปี ผ่านมา หลังจากที่ข้าพเจ้า ผ่านการต่อสู้คดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมแล้ว
ในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้า มีความคิดว่า ตัวข้าพเจ้า เป็นคนที่โง่ที่สุด ที่ตัดสินใจทำประกันชีวิต เมื่อ 21 ปี ที่แล้ว
ประเด็นสำคัญ ในการต่อสู้คดีนี้ นั้น อยู่ที่ว่า การต่อสู้คดีนี้ นั้น เป็นการต่อสู้คดีกัน ด้วยความสัตย์จริง ทั้งหมด หรือ ไม่
ความเป็นจริง ในเรื่องที่เป็นมูลเหตุแห่งคดีนี้ นั้น เป็นอย่างไร ย่อมรู้อยู่แก่ใจของทุกฝ่ายดี
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า
คนโกหก ทั้งที่รู้อยู่ ทำชั่วได้ทุกชนิด
ข้าพเจ้า ขอฝากบทธรรมนี้ไว้ เพื่อเป็นการเตือนใจ
ถ้าท่านเชื่อ เรื่อง ผลของกรรม
เงินที่ประชาชน หามาได้ จากหยาดเหงื่อแรงงาน ในการทำงานที่สุจริต และออมเงินนั้น เพื่อความมั่นคงในชีวิต ไม่ว่าประชาชน จะออมเงิน ในรูปแบบใดก็ตาม เงินออมของประชาชนนั้น เป็นเงิน ที่บริสุทธิ์
ใครก็ตาม รวมทั้ง ผู้ที่ช่วยเหลือ ผู้ที่สนับสนุน และ ผู้ที่ดำเนินการ เบียดบัง เอาเงินออมของประชาชน ที่บริสุทธิ์ ที่ประชาชน ออมเงินไว้ เพื่อความมั่นคงในชีวิต นั้น ไปโดยไม่ชอบ
ผลของการทำกรรมนี้ นั้น มีผลมาก เป็นกรรมใหญ่ เป็นกรรมหนัก และ ผลของกรรมนี้ จะส่งผล ตามตอบสนอง ผู้ที่ร่วมทำกรรมนี้ ทุกคน ต่อไป ทั้งในชาตินี้ และ ใน ทุกภพ ทุกชาติ
จากการยื่นอุทธรณ์ ของบริษัท AIA ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ในคดีที่ข้าพเจ้า ฟ้องบริษัท AIA เป็นจำเลย ในคดีนี้ นั้น ศาลแขวงพระนครใต้ ส่งหมาย นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ข้าพเจ้าไปฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ใน วันที่ 11 กันยายน 2555 เวลา 13.00 น.
ใจความ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๐,๘๙๔.๕๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๔๐,๖๘๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คำสั่งศาล อุทธรณ์
โดยสรุป
ไม่อนุญาตให้อุทธรณ์ และ ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลย
จากคดีที่ข้าพเจ้า ฟ้อง บริษัท AIA เป็นจำเลย ดังกล่าว ประชาชน ได้ทราบเรื่องเริ่มต้นของมูลเหตุของการฟ้องคดีนี้ ได้ทราบ คำพิพากษาของคดีนี้ และ คำสั่งของศาลอุทธรณ์แล้ว
ข้าพเจ้า หวังว่า จากคดีที่ข้าพเจ้าฟ้อง บริษัท AIA เป็นคดีนี้ จะเป็นคดีตัวอย่างให้ประชาชนได้ศึกษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ กับ ประชาชนในการเรียกร้องความเป็นธรรม ในกรณี เช่นเดียวกับข้าพเจ้า ต่อไป
ทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา
จากคุณ : gungging
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:54:28
ถูกใจ :
ขอแสดงความนับถือ และขอยกย่องจากใจจริง
กับคุณทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา ที่ต่อสู้คดีกับยักษ์ใหญ่
และคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานแก่ คนไทยตาดำๆ ต่อไป
ขออนุญาตนำมาโพสในนี้ครับ ...
ถ้าไม่เหมาะสม ย้ายหรือลบออกก็ได้นะครับ
---------------
คำสั่งศาลอุทธรณ์ คดีที่ คุณทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา ฟ้อง บริษัท A I A
เรื่องราวยาวนิดนึง แต่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมาก และนี่เป็นบทสรุปสาระสำคัญทั้งหมดของคดี ที่คุณทรงกฤษณ ฝากมาโพสค่ะ
***ขออนุญาตลงลิงค์เก่าตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อความเข้าใจของคนที่ไม่เคยติดตามเรื่องนี้
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 93113.html
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 70271.html
http://topicstock.pantip.com/social/top ... 59650.html
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 86412.html
http://topicstock.pantip.com/social/top ... 66654.html
เพื่อให้ประชาชน ได้รับประโยชน์ จากคดี ที่ข้าพเจ้า ฟ้องบริษัท AIA ข้าพเจ้า จึงขอสรุป เรื่องของคดีนี้ เพื่อประชาชนจะได้ศึกษา เป็นกรณีตัวอย่าง และจะได้มีความระมัดระวังในการตัดสินใจ ที่จะทำประกันชีวิต
เมื่อ 21 ปีที่แล้ว ในวันที่ 4 สิงหาคม 2532 ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับ ข้าพเจ้า เป็นการประกันชีวิต แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE วงเงินประกันชีวิต 300,000.- บาท ข้าพเจ้า จะต้องชำระเบี้ยประกันชีวิต เป็นรายปีทุกๆ ปีละ 20,301 บาท ระยะเวลา 21 ปี รวมเป็นเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่ต้องชำระทั้งหมด จำนวน 426,321 บาท ซึ่งมากกว่า วงเงินประกันชีวิตถึง 126,321 บาท ( 426,321 – 300,000 = 126,321 บาท )
โดยตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA นำแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE ขนาด กระดาษ A4 มีลักษณะเป็นแผ่นพับสี 3 ตอน ติดต่อกัน รวม 6 หน้า มาประกอบการเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า
เมื่อกรมธรรม์ประกันชีวิตของข้าพเจ้า ครบกำหนดสัญญา 21 ปี ข้าพเจ้า ได้รับเงินครบกำหนดสัญญา น้อยกว่าที่ตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า ตามแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE ที่ข้าพเจ้า ใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องศาล เป็นคดีนี้
ทันทีที่ปัญหานี้เกิดขึ้นกับ ข้าพเจ้าๆ บอกกับลูกสาวว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพ่อครั้งนี้ คงจะไม่ได้เกิดขึ้นกับพ่อเพียงคนเดียว แต่ปัญหานี้ คงจะเกิดขึ้นกับประชาชน ที่ถูกเสนอขายประกันชีวิต เช่นเดียวกันกับพ่อทั่วประเทศ
ปัญหานี้ จึงถือได้ว่า เป็นวิกฤต ทางการเงินของประชาชนเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เป็นปัญหาระดับประเทศ
เพราะ เป็นเรื่องที่กระทบถึงเงินออม เพื่อความมั่นคงในชีวิตของประชาชน
ในเมื่อ พ่อ เป็นคนแรกที่รู้ถึงปัญหานี้ และ มองเห็นผลของความร้ายแรงของปัญหานี้ ก่อนคนอื่น
พ่อ จะต้องยอมเหนื่อยยากทุกอย่าง เพื่อหาข้อยุติของปัญหานี้ ในแนวทางที่ถูกต้องยุติธรรม ให้ได้ ด้วยจิต และ วิญญาณ ของความเป็นคนไทย ที่จะต้องลุกขึ้นมา ปกป้อง ความเป็นธรรมให้กับคนไทย
บรรพบุรุษของไทยเรานั้น ยอมพลีชีพของตนเอง มาแล้วทุกยุคทุกสมัย เพื่อรักษาประเทศชาติ และปกป้องคนไทย เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข พ่อ จึงต้องเป็นคนหาข้อยุติของปัญหานี้ ในทางกฎหมาย เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานในกรณี ที่เกิดขึ้น ครั้งนี้
ครั้งแรก ข้าพเจ้า คิดที่จะฟ้อง ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA เป็นจำเลย ร่วมกับ บริษัท AIA
เพราะ เรื่องของการขายประกันชีวิต ให้กับ ข้าพเจ้า นั้น มี ผู้ที่รู้เรื่องนี้ และ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อยู่ 3 คน คือ
1. บริษัท AIA
2. ตัวแทนขายประกันชีวิต ของ บริษัท AIA ที่มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า
3. ตัวข้าพเจ้าเอง
ในเมื่อ บริษัท AIA ปฏิเสธ การจ่ายเงินครบกำหนดสัญญา ให้ครบตามที่ ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า
เรื่องนี้ ต้องมีคนรับผิดชอบ
แต่เมื่อ ข้าพเจ้า คิดว่า การฟ้อง บริษัท AIA ของข้าพเจ้า ครั้งนี้ เป็นการฟ้อง กรณีที่สัญญาประกันชีวิตครบกำหนดสัญญา แล้วข้าพเจ้า ได้รับเงินไม่ครบตามที่ตัวแทนขายประกันชีวิต มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า ตามแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE
ข้าพเจ้า เห็นว่า เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ข้าพเจ้าจึงควรที่จะฟ้อง บริษัท AIA เป็นจำเลย เพียงคนเดียว ตามหลักฐานที่มีอยู่ คือ แผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE และ ที่ ข้าพเจ้า จะไม่ฟ้องตัวแทนขายประกันชีวิตเป็น จำเลย ร่วมด้วย และ จะไม่เรียกตัวแทนขายประกันชีวิต มาเบิกความเป็นพยาน ฝ่ายโจทก์ด้วยนั้น
ก็เพราะ ข้าพเจ้าต้องการสร้างมาตรฐานต่ำที่สุด ในทางพยานหลักฐาน เพื่อที่จะดูว่า ผลของคำพิพากษา จะออกมาอย่างไร
ถ้า ผลของคำพิพากษา ออกมา ให้ข้าพเจ้า เป็นฝ่ายชนะคดี ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะสามารถเดินตามคดีของข้าพเจ้า ได้ง่ายขึ้น
เพราะ เป็นที่รู้กันดีว่า ตัวแทนขายประกันชีวิตนั้น น้อยคนนัก ที่จะอยู่ในอาชีพนี้ได้ยาวนาน และ การหาที่อยู่ของตัวแทนขายประกันชีวิต หรือ การหาตัว ของตัวแทนขายประกันชีวิต หลังจากที่ระยะเวลาผ่านมา 20 กว่าปี แล้วนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย รวมทั้ง ตัวแทนขายประกันชีวิตบางคน ก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้า จึงต้องการต่อสู้คดี ด้วยมาตรฐานที่ต่ำที่สุด เพื่อประชาชนจะได้เดินตามได้ง่ายขึ้น ถ้าข้าพเจ้าเป็นฝ่าย ชนะคดี
แต่พอสืบพยานกันจริงๆ บริษัท AIA ขอออกหมายเรียก ตัวแทนขายประกันชีวิตที่ขายประกันชีวิตให้กับ ข้าพเจ้า มาเบิกความ เป็นพยานฝ่าย จำเลย
เมื่อถึงวันนัด ไม่มีตัวแทนมาเบิกความ ทนายของ บริษัท AIA แถลงศาลว่า ยังหาตัวแทนไม่พบ ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดี และ พูดว่าต้องการรู้ความจริงในเรื่องนี้
นัดต่อมา เพื่อให้ความจริงกระจ่าง ข้าพเจ้า จึงไปตามหาตัวแทนขายประกันชีวิต ที่มาขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า ถึงที่ทำงานของตัวแทน ด้วยตนเอง
ซึ่งข้าพเจ้า จำได้ว่า เมื่อ 21 ปี ก่อน ขณะนั้นตัวแทน ทำงานอยู่ที่ รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง จนได้พบตัวแทน และขอให้มาเบิกความเป็นพยานจำเลย ตามหมายเรียกพยานบุคคล ที่ทนายของ บริษัท AIA จำเลย ขอออกหมายเรียกพยานไว้ ซึ่งตัวแทน ก็มาเบิกความ ตามวันที่ ข้าพเจ้า แจ้งให้ทราบ จนการสืบพยานจำเลย เสร็จสิ้น
เท่ากับว่า คดีของข้าพเจ้านั้น การสืบพยาน มีข้าพเจ้า ซึ่งเป็นโจทก์ บริษัท AIA จำเลย และ ตัวแทนขายประกันชีวิตที่มาขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า มาเบิกความ ครบทั้ง 3 คน ที่รู้เรื่องนี้
จึงถือได้ว่าคดีของข้าพเจ้า ที่ฟ้องบริษัท AIA นั้น จากความตั้งใจเดิม ที่จะสร้างมาตรฐานต่ำที่สุด ในการต่อสู้คดี กลับกลายเป็นมาตรฐานที่สูง ไปโดยปริยาย โดยที่ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจไว้แต่แรก
ประชาชน ที่ต้องการจะเรียกร้องความเป็นธรรม โดยการฟ้องศาล จึงควรที่จะรู้เรื่องนี้ไว้ จะได้เป็นประโยชน์ ในการตัดสินใจฟ้องคดี
ข้าพเจ้า ฟ้อง บริษัท A I A เป็นจำเลย ที่ศาลแขวงพระนครใต้ เป็นคดีผู้บริโภค คดีหมายเลขดำที่ ผบ. 2592 / 2553 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553
ทุนทรัพย์ในการฟ้องคดีนั้น ข้าพเจ้า ฟ้องเรียกเงินครบกำหนดสัญญาส่วนที่ขาด
- เป็นเงินจำนวน 36,000.- บาท
- พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ทวงถามจนถึงวันฟ้อง คิดเป็นเงิน 214.52 บาท
- ค่าคัดหนังสือรับรอง และค่าถ่ายเอกสาร รวม 480.- บาท
- ค่าเดินทางไปดำเนินคดีกับค่าเสียเวลา และ โอกาสในการประกอบอาชีพของโจทก์ วันละ 600 บาท ประมาณ 7 วัน คิดเป็นเงิน 4,200.- บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40,894.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 40,680.- บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลย จะชำระเสร็จสิ้น
ที่ข้าพเจ้า ไม่ได้เรียกร้องค่าทนายความ ก็เพราะคดีนี้ ข้าพเจ้าต่อสู่คดีด้วยตนเอง ถ้าประชาชนจ้างทนายความต่อสู้คดีให้ ก็สามารถเรียกร้องค่าทนายความได้ด้วย
บริษัท AIA จำเลย ให้การต่อสู้คดีว่า
“ แผ่นพับในการเสนอขายประกันชีวิตแก่โจทก์นั้น เอกสารดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารของจำเลย อีกทั้ง เอกสารดังกล่าว ก็ไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ของบริษัทจำเลย หรือ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลย ลงลายมือชื่อรับรองเอกสารดังกล่าวไว้ ”
“ ทางจำเลย ได้ดำเนินการจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่โจทก์ ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการแล้ว ”
ในส่วนของการต่อสู้คดี และ การสืบพยานนั้น มีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก จึงไม่ขอกล่าวถึงในขณะนี้
คดีนี้ ศาลแขวงพระนครใต้ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ. 2728 / 2554 คำพิพากษา คดีนี้ มีจำนวนถึง 23 หน้า
จึงมีรายละเอียด ตามคำพิพากษาของศาล เป็นจำนวนมาก ไม่สามารถที่จะนำรายละเอียด ตามคำพิพากษา มาเผยแพร่ได้ทั้งหมด รวมทั้งสรุปเหตุผลตามคำพิพากษาด้วย
เพราะถ้าประชาชน ไม่รู้รายละเอียดตามคำพิพากษาทั้งหมด แล้ว ข้าพเจ้า นำแต่สรุป เหตุผล ตามคำพิพากษามาเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบ ประชาชนก็อาจจะตีความกันไปเอง ตามแต่จะคิด ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน
ตอนท้ายของคำพิพากษาของศาล
ศาล พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,894.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 40,680 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
เมื่อเปรียบเทียบ จำนวนเงินที่ข้าพเจ้า เป็นโจทก์ ฟ้อง บริษัท AIA จำเลย กับคำพิพากษาของศาลแล้ว ศาลพิพากษาให้ บริษัท AIA จำเลย ชำระเงินให้ ข้าพเจ้า ซึ่งเป็น โจทก์ เต็มตามฟ้อง
แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด เพราะ บริษัท AIA จำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 และ ศาล ได้นำ อุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย มาส่งให้กับข้าพเจ้า ในวันที่ 21 มีนาคม 2555 อุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย มีทั้งหมด 16 หน้า
ซึ่ง หนึ่งในเหตุผล ของการอุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย ข้อหนึ่ง ที่น่าสนใจ ก็คือ
อุทธรณ์ ของ บริษัท AIA จำเลย ในหน้าที่ 11 บรรทัดที่ 1 วรรคที่ 2 ถึงบรรทัดที่ 3 วรรคแรก มีข้อความว่า
“ อีกทั้งคดีนี้ทางจำเลย ก็ปฏิเสธความถูกต้องของเอกสารหมาย จ. 2 (หมายถึงแผ่นพับ แบบ สะสมทรัพย์ 21TMAE ที่โจทก์ ยื่นเป็นพยานเอกสารในศาลของโจทก์) นี้มาตั้งแต่ต้น ทั้งตัวโจทก์เอง ก็ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่าจำเลย เป็นผู้จัดทำเอกสารดังกล่าวขึ้นมาแต่อย่างใด ”
ทำให้คิดถึง เรื่อง ทางการเมืองในอดีต เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่อง ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน นำเสนอข้อมูลให้ประชาชนทราบว่า โครงการของรัฐบาลโครงการหนึ่ง น่าเชื่อว่า จะมีการทุจริต
ถ้าข้าพเจ้า จำไม่ผิด เท่าที่จำได้ ผู้นำฝ่ายรัฐบาล ออกมากล่าวทำนอง ว่า
“ ถ้าฝ่ายค้าน มีใบเสร็จรับเงิน ก็ให้นำมาให้ดู จะจัดการให้ ”
คำพูดนี้ เมื่อออกอากาศ ผ่านสื่อโทรทัศน์ ประชาชน เป็นจำนวนมาก มีความรู้สึก ขำ ในคำพูดดังกล่าว และงงว่า การทุจริต จะมีใบเสร็จรับเงิน ได้อย่างไร
เมื่อข้าพเจ้า ทำคำแก้อุทธรณ์ ของบริษัท AIA จำเลยเสร็จแล้ว ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษา ออกมาอย่างไร ก็จะได้บรรทัดฐานในกรณีนี้ ซึ่งประชาชน ควรที่จะได้ทราบ ถึงผล ของคำพิพากษา ของศาลอุทธรณ์ ต่อไป
อย่างน้อย คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ในคดีของ ข้าพเจ้า นี้ ก็คงจะเป็นกำลังใจให้กับประชาชนได้บ้าง ในการที่จะรียกร้องความเป็นธรรม ในการฟ้องศาล
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลในคดีนี้ จะออกมาอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้า น้อมรับคำพิพากษา นั้น และ ผลของคำพิพากษา ก็จะเป็นประโยชน์ กับประชาชน
ถ้าคำพิพากษาของศาล เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว พิพากษาให้ข้าพเจ้า เป็นฝ่ายชนะคดี ผลของคำพิพากษา ก็จะสร้างกำลังใจ ให้กับประชาชน ที่ต้องการจะเรียกร้องความเป็นธรรม โดยการฟ้องศาลได้
แต่ก็ยังไม่ถือว่า ข้าพเจ้า ทำหน้าที่ ของคนไทย ตอบแทนคุณของประเทศชาติ ด้วยการปกป้อง เงินออม เพื่อความมั่นคงในชีวิต ของประชาชน ที่ควรจะได้รับตามความเป็นจริง ได้สำเร็จ
ข้าพเจ้า จะปกป้องประชาชนได้สำเร็จ ก็ต่อเมื่อ ประชาชนได้รับเงิน ครบกำหนดสัญญา ไม่น้อยกว่า ที่ตัวแทนขายประกันชีวิต มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับประชาชน โดยที่ไม่ต้องฟ้องเป็นคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
เรื่องนี้ เป็นเรื่องของการออมเงิน เพื่อความมั่นคงในชีวิต และ เรื่องนี้ มีประชาชน เป็นจำนวนมาก ที่ได้รับผลกระทบ จึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนในวงกว้าง
บทเรียนที่ ข้าพเจ้าได้รับ จากการทำประกันชีวิตครั้งนี้ ก็คือ เมื่อตอนที่ตัวแทนขายประกันชีวิต มาขายประกันชีวิตให้กับข้าพเจ้า เมื่อ 21 ปี ก่อนนั้น ข้าพเจ้า มีความคิดว่า
การที่ข้าพเจ้า ตัดสินใจทำประกันชีวิตในครั้งนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าเป็นคนฉลาด ที่ตัดสินใจทำประกันชีวิตไว้
แต่อีก 21 ปี ผ่านมา หลังจากที่ข้าพเจ้า ผ่านการต่อสู้คดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมแล้ว
ในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้า มีความคิดว่า ตัวข้าพเจ้า เป็นคนที่โง่ที่สุด ที่ตัดสินใจทำประกันชีวิต เมื่อ 21 ปี ที่แล้ว
ประเด็นสำคัญ ในการต่อสู้คดีนี้ นั้น อยู่ที่ว่า การต่อสู้คดีนี้ นั้น เป็นการต่อสู้คดีกัน ด้วยความสัตย์จริง ทั้งหมด หรือ ไม่
ความเป็นจริง ในเรื่องที่เป็นมูลเหตุแห่งคดีนี้ นั้น เป็นอย่างไร ย่อมรู้อยู่แก่ใจของทุกฝ่ายดี
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า
คนโกหก ทั้งที่รู้อยู่ ทำชั่วได้ทุกชนิด
ข้าพเจ้า ขอฝากบทธรรมนี้ไว้ เพื่อเป็นการเตือนใจ
ถ้าท่านเชื่อ เรื่อง ผลของกรรม
เงินที่ประชาชน หามาได้ จากหยาดเหงื่อแรงงาน ในการทำงานที่สุจริต และออมเงินนั้น เพื่อความมั่นคงในชีวิต ไม่ว่าประชาชน จะออมเงิน ในรูปแบบใดก็ตาม เงินออมของประชาชนนั้น เป็นเงิน ที่บริสุทธิ์
ใครก็ตาม รวมทั้ง ผู้ที่ช่วยเหลือ ผู้ที่สนับสนุน และ ผู้ที่ดำเนินการ เบียดบัง เอาเงินออมของประชาชน ที่บริสุทธิ์ ที่ประชาชน ออมเงินไว้ เพื่อความมั่นคงในชีวิต นั้น ไปโดยไม่ชอบ
ผลของการทำกรรมนี้ นั้น มีผลมาก เป็นกรรมใหญ่ เป็นกรรมหนัก และ ผลของกรรมนี้ จะส่งผล ตามตอบสนอง ผู้ที่ร่วมทำกรรมนี้ ทุกคน ต่อไป ทั้งในชาตินี้ และ ใน ทุกภพ ทุกชาติ
จากการยื่นอุทธรณ์ ของบริษัท AIA ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ในคดีที่ข้าพเจ้า ฟ้องบริษัท AIA เป็นจำเลย ในคดีนี้ นั้น ศาลแขวงพระนครใต้ ส่งหมาย นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ข้าพเจ้าไปฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ใน วันที่ 11 กันยายน 2555 เวลา 13.00 น.
ใจความ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๐,๘๙๔.๕๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๔๐,๖๘๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คำสั่งศาล อุทธรณ์
โดยสรุป
ไม่อนุญาตให้อุทธรณ์ และ ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลย
จากคดีที่ข้าพเจ้า ฟ้อง บริษัท AIA เป็นจำเลย ดังกล่าว ประชาชน ได้ทราบเรื่องเริ่มต้นของมูลเหตุของการฟ้องคดีนี้ ได้ทราบ คำพิพากษาของคดีนี้ และ คำสั่งของศาลอุทธรณ์แล้ว
ข้าพเจ้า หวังว่า จากคดีที่ข้าพเจ้าฟ้อง บริษัท AIA เป็นคดีนี้ จะเป็นคดีตัวอย่างให้ประชาชนได้ศึกษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ กับ ประชาชนในการเรียกร้องความเป็นธรรม ในกรณี เช่นเดียวกับข้าพเจ้า ต่อไป
ทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา
จากคุณ : gungging
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:54:28
ถูกใจ :
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากให้ทุกคนช่วยเก็บเอกสารต่างๆ ในการเสนอขายหุ้น IPO
โพสต์ที่ 4
ก็เป็นกรณีศึกษาที่ดี เป็นข้อเตือนใจให้เพื่อน ๆ ทุกคนต้องมีความรอบคอบและใส่ใจกับการต้องอ่านเอกสารต่าง ๆ ในการทำนิติกรรมใด ๆ ว่ามีข้อความระบุไว้ถูกต้อง ครบถ้วนตามที่เสนอหรือตามข้อตกลงหรือไม่ ก่อนที่จะจ่ายเงินและจรดปากกาเซ็นชื่อเราลงในเอกสาร ซึ่งเป็นการะผูกพันระหว่างเรากับคู่สัญญา เราจะเห็นว่าน้อยคนนักที่จะอ่านกรมธรรม์ประกันชีวิตหรือกรมธรรม์ประกันภัยว่ารายละเอียดในกรมธรรม์ได้ระบุผลประโยชน์อะไรให้กับเราบ้างจนกว่าจะเกิดเรื่องให้ต้องมีการเคลมเงินประกันกัน
เงินของเราทุกบาททุกสตางค์เป็นของมีค่า เมื่อจ่ายเงินออกไปแล้วเราต้องดูว่าสัญญาที่เป็นกระดาษที่เราได้รับมาได้ให้ความคุ้มครองครบถ้วนตามที่ได้เสนอเราไว้หรือไม่ ข้อเสนอแบบประกันที่ตัวแทนนำเสนอขายและเราเห็นชอบควรเป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ที่มีการลงนามทั้ง 2 ฝ่ายด้วย ซึ่งก็เห็นมีบางบริษัททำอยู่ หากมีปัญหาใดเกิดขึ้น เราจะได้มีหลักฐานโต้แย้งที่บริษัทผู้ให้ประกันไม่อาจปฏิเสธการจ่ายเงินตามสัญญาได้ เพราะที่สุดการทำประกัน ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นโดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีเงินเย็น (คือเงินที่สำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน) ในระดับหนึ่งที่สามารถใช้รักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย หรือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดความเสียหายในทรัพย์สินเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแบบประกันที่เราเลือกทำ
เงินของเราทุกบาททุกสตางค์เป็นของมีค่า เมื่อจ่ายเงินออกไปแล้วเราต้องดูว่าสัญญาที่เป็นกระดาษที่เราได้รับมาได้ให้ความคุ้มครองครบถ้วนตามที่ได้เสนอเราไว้หรือไม่ ข้อเสนอแบบประกันที่ตัวแทนนำเสนอขายและเราเห็นชอบควรเป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ที่มีการลงนามทั้ง 2 ฝ่ายด้วย ซึ่งก็เห็นมีบางบริษัททำอยู่ หากมีปัญหาใดเกิดขึ้น เราจะได้มีหลักฐานโต้แย้งที่บริษัทผู้ให้ประกันไม่อาจปฏิเสธการจ่ายเงินตามสัญญาได้ เพราะที่สุดการทำประกัน ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นโดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีเงินเย็น (คือเงินที่สำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน) ในระดับหนึ่งที่สามารถใช้รักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย หรือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดความเสียหายในทรัพย์สินเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแบบประกันที่เราเลือกทำ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
Re: อยากให้ทุกคนช่วยเก็บเอกสารต่างๆ ในการเสนอขายหุ้น IPO
โพสต์ที่ 5
เพิ่มเติม อีกนิด ...
พวก บ้าน และ คอนโด ก็เหมือนกันครับ
ควรเก็บเอกสารที่นำเสนอขายทั้งหมดไว้
(เก็บแบบระยะยาวๆ นานๆ จนกระทั่งขาย
ต่อไปเลยครับ) เพราะเท่าที่ ทราบมาเจอ
เบี้ยว ไม่เป็นไปตามที่เสนอ เยอะมาก ...
ที่จริงวันหนึ่ง ผมอยากให้ ก.ม. คุ้มครอง
ผู้บริโภค เข้มแข็งกว่านี้ ต้องมีการลงโทษ
แบบ "Punitive Damage" ไว้ลงดาบ บริษัทฯ
เลวๆ ครับ ก.ม.ปัจจุับันยังอ่อนมากๆ ผมเป็น
บริษัทฯ คงไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะปรับ
ก็เพียงเล็กๆ น้อยๆ มันจิบจ๊อย ไม่มีผลต่อการ
ตัดสินใจทำ (ชั่วๆ) ได้
พวก บ้าน และ คอนโด ก็เหมือนกันครับ
ควรเก็บเอกสารที่นำเสนอขายทั้งหมดไว้
(เก็บแบบระยะยาวๆ นานๆ จนกระทั่งขาย
ต่อไปเลยครับ) เพราะเท่าที่ ทราบมาเจอ
เบี้ยว ไม่เป็นไปตามที่เสนอ เยอะมาก ...
ที่จริงวันหนึ่ง ผมอยากให้ ก.ม. คุ้มครอง
ผู้บริโภค เข้มแข็งกว่านี้ ต้องมีการลงโทษ
แบบ "Punitive Damage" ไว้ลงดาบ บริษัทฯ
เลวๆ ครับ ก.ม.ปัจจุับันยังอ่อนมากๆ ผมเป็น
บริษัทฯ คงไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะปรับ
ก็เพียงเล็กๆ น้อยๆ มันจิบจ๊อย ไม่มีผลต่อการ
ตัดสินใจทำ (ชั่วๆ) ได้
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.