Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขั้นต่ำของแต่ล่ะคน มีrangeประมาณเท่าไหร เพราะอะไร

เจตนามิได้ชี้นำให้ผู้ที่เริ่มศึกษาเห็นว่าปันผลสำคัญที่สุดสำหรับวิเคราะห์หุ้นเพราะจะทำให้พลาดประเด็นในองค์รวมไป

เจตนาที่ถามเพราะต้องการทราบประเด็นสำหรับผู้มีประสบการณ์(หรือไม่มี)ว่าให้ความสำคัญและน่าขบคิดของปันผลหรือไม่(คิดว่าบางคนคงไม่ให้ความสำคัญของปัญผลเลย)เพราะเหตุใด

ชอบซื้อตอนไม่มีปันผลและกำลังกลับมาจ่ายปันผลได้ครับ

ผมไม่ชอบหุ้นปันผลเท่าไหร่นัก เนื่องจาก การที่จ่ายปันผล มันคือการนำ Book Value มาจ่าย

สมมุติว่าหุ้นตัวนั้นมี PBV เหมาะสมอยู่ที่ 2 เท่า แต่เขาจ่ายปันผลที่ 100 บาท หมายความว่า มูลค่าตลาดของเราจะหายไป 200 บาท

แม้ว่าในตลาดราคาหุ้นจะตกลงที่ 100 บาท ก็ตาม แต่ในที่สุดราคาหุ้นจะกลับมาที่จุดเดิมคือ PBV ที่ 2 เท่า

ดังนั้นผมคิดว่าบริษัทไม่ต้องจ่ายปันผลเลยจะดีกว่า และถ้าผู้ถือหุ้นต้องการใช้เงินก็นำหุ้นไปขายจะได้ผลประโยชน์มากกว่า

ถ้า กำไรโตช้า บางปีก็ไม่โต อยุ่ในอุตสาหกรรมที่แบบว่าอิ่มตัว ต้องได้อย่างน้อยๆเท่าๆกับพันธบัตรอายุ 7-8 ปีครับ

แต่ถ้า กำไรโตเรื่อยๆ อนาคตสดใส แบบนี้ส่วนใหญ่ ปันผลเมื่อเทียบกับราคามักจะต่ำ อันนี้เป็นผมจะดู ROE เป็นหลัก ไม่ใช้ปันผลมาเป็นตัวตัดสินในการซื้อ

พูดง่ายๆว่าเอา capital gain เป็นตัวตั้งแล้ว project ไว้เลยว่าอีก 7-8 ปีัเงินที่เราลงทุนไปมันจะกลายเป็นเงินเท่าไหร่

ดูปีต่อปีว่ามันทำได้อย่างที่เราคาดไว้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็จะมีแผนหนึ่งสองสามไว้

ส่วนประเภทโตเร็วมากๆ อนาคตดูรุ่งโรจน์ชัชวาลสุดๆ ปันผลมักจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ผมไม่เคยซื้อ เพราะส่วนใหญ่ราคาไปเร็วมากๆ และธุรกิจแบบนี้มักจะเป็นธุรกิจที่ผมโง่กว่าคนอื่นทุกที ขอดูเฉยๆครับ

ปันผลนี่ผมว่าสำคัญนะครับ เพราะถ้าบริษัทไม่แน่จริง ส่วนใหญ่เงินที่ลงทุนไปมักไม่ได้อย่างที่ควรได้
เพราะงั้นคืนมาให้ ผถ. ดีกว่าครับ

ปันผลอยู่ในแผนเกษียณของผมครับ
ควรจะมากกว่าค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ

ส่วนแคปเกน น่าสนใจมากครับ
เพียงแต่ผมไม่ได้ซื้อขายบ่อย
+ไม่รู้อีกหน่อยจะมีภาษีสว่นนี้มั้ย

เลยหาส่วนปันผลให้พอใช้ก่อน
พยามใช้น้อยๆ+ทำงานเพิ่ม
เหลือค่อยเอามาซื้อพวกได้เกนเยอะๆ
ตอนนี้เลยลองจัดสัดส่วนคล้ายๆ
"หุ้นพันธบัตร" 70%
"หุ้นโต roe สูงๆ" 30%

ไม่รู้จะเวิร์คมั้ย
ช่วยแนะนำด้วยครับ

5% ขึ้นไป ขอให้มากกว่าดอกเบี้ยประจำ+ เงินเฟ้อ หากราคาไม่ไปไหนก็มีปันผลที่ทำให้อุ่นใจได้

แต่ต้องเป็นหุ้นแข็งแกร่งกับโตเร็วเท่านั้น

จะมองข้ามบริษัทโตช้าที่อิ่มตัวไปแล้ว ต่อให้ปันผลมากแค่ไหนก็ไม่น่าสนใจครับ

4.5% ครับ

อย่างน้อยต้องขอให้เท่ากับต้นมุนเงินกู้ยืม

ถ้าเป็นผม ตอนที่มองหาหุ้นปันผลนะ

5-6% ครับ และปันผลต้องมีแนวโน้มสม่ำเสมอ สินค้าต้องขายได้เรื่อยๆ ปันผลที่มากและสม่ำเสมอจะเป็นเกราะให้ราคาหุ้นลงไม่แรง
ถ้าเป็นหุ้นเติบโต pay out ratio ต้อง 50% ขึ้นด้วยจะดีมาก มันแสดงถึงศักยภาพการทำกำไร ความมั่นใจ และการใส่ใจผู้ถือหุ้น

ส่วนหุ้นที่ pay out ratio เยอะๆ เช่น 90% ก็อาจจะเหมาะสำหรับคนไม่ชอบเสี่ยง ราคาลงน้อย เพราะปันผลมันล็อค แต่ก็คาดหวังราคาขึ้นเยอะๆไม่ได้ พวกนี้ผมก็ไม่เล่น

ผมมองที่มากกว่า 5% อย่างต่อเนื่อง ณ.ปัจจุบัน
ไม่ใช่เดี๋ยวได้เดี๋ยวไม่ได้หรือยืมเงินมาปันผลครับ
และดูแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยครับ
(โลภไปไหมครับ)

เรื่องปันผล ผมมองว่าแล้วแต่ว่าใครจะมองว่าต้นทุนที่เองต้อง
เสียไปกับการลงทุนคือเท่าไร+กับความเสี่ยงในการลงทุนครับ...^^)

เช่นถ้าเป็นผม ผมมองว่าถ้าเราเอาเงินฝากธนาคารเฉยๆ 1ปี(แบบฝากประจำนะ)
จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 3% ผมก็ใช้ 3% เป็นต้นทุนที่ผมมองครับ
แล้วก็บวกความเสี่ยงเข้าไปว่าถ้าเอาเงินมาลงหุ้นจะมีความเสี่ยง ก็คิดไว้ว่า +3%
นั่นก็แปลว่า ผลตอบแทนเป้าหมายในแต่ละปีก็จะเป็น 3+3 = 6% ครับ....^^)

ปล. จุดนี้แล้วแต่ว่าใครจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์วัดต้นทุนของตนเอง และความเสี่ยง
ในการลงทุนครับ บางคนที่ผมรู้จักเขาทำอสังหาฯให้เช่า ได้10% ต่อปีสบายๆ
เขาก็มองว่าที่ผมลงทุนให้ไม่คุ้มในต้นทุนแบบของเขาครับ....^^)

ตอนนี้ผมกำลังอยู่ระหว่างเดินทางไกล
ผมไม่สนใจปันผลเท่าไหร่ สนใจ gearing มากกว่า
แต่พอถึงจุดหมายแล้ว ปันผลคือสิ่งที่ผมต้องการครับ ตั้งไว้ประมาณแค่ ๕% ก็พอแล้ว

6%+ ครับ

เนื้อคือส่วนต่างราคาของผม น้ำคือเงินปันผล
แต่ทั้งเนื้อและน้ำ มีความสำคัญไปคนละอย่าง

simpleBE เขียน:ตอนนี้ผมกำลังอยู่ระหว่างเดินทางไกล
ผมไม่สนใจปันผลเท่าไหร่ สนใจ gearing มากกว่า
แต่พอถึงจุดหมายแล้ว ปันผลคือสิ่งที่ผมต้องการครับ ตั้งไว้ประมาณแค่ ๕% ก็พอแล้ว

ผมเชื่อนะครับว่าพี่บีเดินทางไกลจริง...เพราะแต่ละตัวของพี่
มันไกลเกินเอื้อมผมไปมากๆๆๆๆ...

8%+จากราคาซื้อครับ เนื่องจาก
1.อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งผมเคยดูข้อมูลจากBOT ตลอด20ปีมานี้อัตราเงินเฟ้อไทยรวมอาหารและพลังงานอยู่ที่~5%
2.ต้องเผื่อกรณีเศรฐกิจตกต่ำทำให้รายได้ของบ.ลดลง ส่งผลให้ปันผลลดลง

ไม่มองปันผลครับ
ผมชอบ Growth Stock และ ธรรมชาติของ Growth Stock มักจะปันผลน้อย

simpleBE เขียน:ตอนนี้ผมกำลังอยู่ระหว่างเดินทางไกล
ผมไม่สนใจปันผลเท่าไหร่ สนใจ gearing มากกว่า
แต่พอถึงจุดหมายแล้ว ปันผลคือสิ่งที่ผมต้องการครับ ตั้งไว้ประมาณแค่ ๕% ก็พอแล้ว

น่าจะมีตัวนึงตัวเดียวกับผมแฮะ เจอคุณ be บ่อยๆ อิอิ

3%-5% ครับ เเค่ต้องมองตัวบริษัทด้วยว่ามีการเติบโตไหม

เกล้า เขียน:

simpleBE เขียน:ตอนนี้ผมกำลังอยู่ระหว่างเดินทางไกล
ผมไม่สนใจปันผลเท่าไหร่ สนใจ gearing มากกว่า
แต่พอถึงจุดหมายแล้ว ปันผลคือสิ่งที่ผมต้องการครับ ตั้งไว้ประมาณแค่ ๕% ก็พอแล้ว

ผมเชื่อนะครับว่าพี่บีเดินทางไกลจริง...เพราะแต่ละตัวของพี่
มันไกลเกินเอื้อมผมไปมากๆๆๆๆ...

แฮ่ๆ ผมเดินช้าครับ แต่หุ้นมันวิ่ง มันก็เลยไปไกลกว่า

phoncu เขียน:

simpleBE เขียน:ตอนนี้ผมกำลังอยู่ระหว่างเดินทางไกล
ผมไม่สนใจปันผลเท่าไหร่ สนใจ gearing มากกว่า
แต่พอถึงจุดหมายแล้ว ปันผลคือสิ่งที่ผมต้องการครับ ตั้งไว้ประมาณแค่ ๕% ก็พอแล้ว

น่าจะมีตัวนึงตัวเดียวกับผมแฮะ เจอคุณ be บ่อยๆ อิอิ

ใจตรงกับคุณ phoncu พอดี

3 - 5% และบริษัทเติบโตสม่ำเสมอ

ผมดูข้อมูลย้อนหลังเป็น 10 ปี หาค่าเฉลี่ยเงินปันผล กับราคาปัจจุบัน หากมากกว่า 5% ก็เริ่มศึกษา ว่าเหตุใดในปีนั้นกำไรสูงสุด หรือ ต่ำสุด เพราะอะไร แล้วคาดการณ์ในอนาคตจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร วิธีการเลือกหุ้นของผมจะเป็นการเน้นเชิงปริมาณ ดูปันผลสูง หนี้สินต่ำ PBV ต่ำ อาจดูเชยที่ไม่เกาะกระแสหุ้นเติบโตซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมาก แต่ดูเชิงปริมาณแล้วมันแพงมาก ผมรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไปแล้วไม่เข้ากับวิธีการของผม เพราะผมไม่ไว้วางใจกับความหวังกับการเติบโตที่ไม่รู้จักจบสิ้น แต่ผมก็ไม่อาจดูหมิ่นคนที่มีเหตุผลชอบหุ้นแบบนั้นได้ เรียกว่า ต่างคนต่างเดิน ต่างความคิด และก็ไม่อยากถกเถียงว่าอะไรดีกว่าอะไร ทุกวันนี้ผลตอบแทนเงินปันผลเทียบราคาทุนทั้งพอร์ต ตกประมาณ 8-9 % ซึ่งผลตอบแทนจากเงินปันผลก็มากพอทำให้ผมมีอิสระทางการเงิน งานประจำก็ยังทำอยู่ ไม่มีเครียด