Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ในการลงทุน เราควรสะสมเงินลงทุน แล้วติดตามลงทุนเมื่อตลาดร่วงหนักๆ คาดว่าตัวที่เราดูอยู่ก้น่าจะร่วงตามตลาด หรือว่า ควรจะลงทุนเรื่อยๆ แม้ ตลาดจะ1300 แต่mos น้อย ควรเลือกแบบไหนดีครับ แต่เวลาดูหน้าจอเห็นแล้วมือสั่นอยากจะคลิ๊กซื้อเหลือเกิน

ผมว่าจุดหลักน่าจะอยู่ mos นะ ถ้ามันน้อยคุณจะไปลุยทำไม ไม่เข้าใจแนวคิดครับ

คุณ thipong log in ตั้งแต่ปี 2006 ตามอ่านมานานจริงๆ ครับ (แซวเล่นอย่าโกรธกันเลยนะครับ )
ส่วนตัวผมเลือกลงทุนบางส่วน แล้วก็เก็บ Cash ไว้บางส่วนครับ (คุ้นๆ ว่ามีกระทู้แนวนี้เยอะมาก)

ประเด็นสำคัญ ผมคิดว่า เราควรลงทุนในกิจการที่ดี และในเวลาที่ราคามี MOS เพียงพอนะครับ
ซึ่ง MOS ที่เพียงพอนี่ ในยามที่ตลาดร่วงรุนแรงนั้นมีแน่นอน แต่ในขณะที่ตลาดดี ๆ ก็ไม่ใช่ว่า
จะไม่มี (แต่ก็อาจจะหายากหน่อย)

กิจการดี ๆ ในตลาดหุ้นเมืองไทย มีมากมายครับ แต่ในราคาที่ MOS เพียงพอนี่ ต้องออกแรงกันหน่อย

ทำไมถึงต้องมี MOS ที่เพียงพอ ถามว่า เราจะรู้ไหมว่า

อยู่ ๆ วันหนึ่ง ผู้บริหารบอกว่าจะเพิ่มทุน
GE จะขายหุ้น BAY ราคาต่ำกว่าราคาในกระดาน
BH อยู่ ๆ จะขายหุ้น BCH แบบโครมเดียว

พวกนี้ ถ้าไม่ insider ไม่มีทางรู้หรอกครับ เราก็รู้พร้อม ๆ คนอื่น อาจจะช้ากว่าด้วยซ้ำไป
เพราะฉะนั้น หากิจการที่ดี และรอราคาที่มี MOS ที่เพียงพอ (ของใครของมัน)
ผมบอกน้อง ๆ เพื่อนร่วมงานเสมอว่า "ทุนเราต่ำ ได้เปรียบทุกสถานการณ์" หรือ
อย่างที่คุณฮง เคยกล่าวไว้ว่า ซื้อหุ้นที่ดี ใน P/E ที่ต่ำ เรา "แพ้ยาก"


ขอบคุณครับ

สำหรับผม ถ้ายังพอหาตัวที่มี MOS ได้ ก็ลงบางส่วนครับ แต่จะกันเงินไว้เป็น step level (ขึ้นกับ P/E ตลาด) ถ้าเห็นว่า P/E ตลาดอยู่ในระดับที่ไม่น่าไว้ใจมากก็อาจจะถือเงินสดซัก 40% (เพราะหุ้นที่ถือก็สามารถขายได้ออกมาอีก ตอนตลาดเริ่มร่วง จึงถือเงินสดไม่เกินนั้น)

เก็บตัง ไว้ ซื้อตอนถูก...เลยขายหมูไปหมดเลย

ประเด็นอยู่ที่การรู้มูลค่าของกิจการ กรอบเวลาที่ยาวพอข้ามพ้นความผันผวนระยะสั้น และหันกลับมาประเมินอีกทีบ่อยๆ

เพราะตลาดพุ่งแรงต่อเนื่อง แต่เจอหุ้นที่ราคามันถูกกว่ามูลค่ามาก ทำไมไม่ซื้อหล่ะครับ กำไรอยู่ตรงหน้าแท้ๆ

หากตลาดถล่ม แล้วราคามันร่วงลงมา จะกล้าซื้อหรือเปล่าครับ หากไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันมูลค่าเท่าไรกันแน่

คอยประเมินบ่อย ๆ นะครับ สถานการณ์เปลี่ยนได้เสมอ ของเคยดีอาจดีขึ้นไปอีกหรือกลายเป็นแย่ ของเคยแย่อาจแย่กว่าเดิมอีกหรือกลายเป็นดี เดินต่อได้หากมาถูกทาง หรือ ถอยหลังได้หากที่คิดไว้มันผิด อย่าให้อีโก้หรือความหลงผิดมาทำให้ตาเราพร่ามัว

OutOfMyMind เขียน:ประเด็นอยู่ที่การรู้มูลค่าของกิจการ กรอบเวลาที่ยาวพอข้ามพ้นความผันผวนระยะสั้น และหันกลับมาประเมินอีกทีบ่อยๆ

เพราะตลาดพุ่งแรงต่อเนื่อง แต่เจอหุ้นที่ราคามันถูกกว่ามูลค่ามาก ทำไมไม่ซื้อหล่ะครับ กำไรอยู่ตรงหน้าแท้ๆ

หากตลาดถล่ม แล้วราคามันร่วงลงมา จะกล้าซื้อหรือเปล่าครับ หากไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันมูลค่าเท่าไรกันแน่

คอยประเมินบ่อย ๆ นะครับ สถานการณ์เปลี่ยนได้เสมอ ของเคยดีอาจดีขึ้นไปอีกหรือกลายเป็นแย่ ของเคยแย่อาจแย่กว่าเดิมอีกหรือกลายเป็นดี เดินต่อได้หากมาถูกทาง หรือ ถอยหลังได้หากที่คิดไว้มันผิด อย่าให้อีโก้หรือความหลงผิดมาทำให้ตาเราพร่ามัว

นี่เลย......ชอบครับชอบๆๆๆ
ขอบคุณครับ

ช่างตลาดขาขึ้น หุ้นถูกจะมีน้อย แต่ไม่ใช่ไม่มีเลย แต่หายากกว่าช่วงตลาดถูก
ช่วงนี้ผมก็ยังซื้ออยู่บ้าง แต่เฉพาะตัวมีค่อนข้างมั่นใจ
อย่างน้อยการถือเงินสดไว้ หรือไว้ใน Money Market ก็ไม่ได้เสียหายหรือผิดกฏิกา
ที่ยากกว่ากลับเป็นการคิดว่าจะ "ขาย" หรือไม่ เพราะหลายตัวใน Port มันดู MOS ต่ำมากไปแล้ว หรือบางตัวต้องยอมรับเลยว่าเกินมูลค่าในมุมมองของตัวเองไปแล้ว

แต่ถ้าเป็นช่วงตลาดขาลง ถ้าคนที่กำหนดความกลัวไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ซื้อในราคาถูกๆกันครับ
ผมเป็นหนึ่งคนที่ช่วงปี 51 ไม่ได้ซื้อในจุดที่ต่ำสุด และช่วงน้ำท่วมก็ไม่ได้ซื้อในจุดต่ำสุดที 800 จุด เพราะแม้ว่าจะหาหุ้นถูกได้ แต่สภาวะของตลาดนั้นทำให้เราไม่กล้าลงทุนไประยะหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งข้อนี้เซียนหลายๆคนคงไม่เป็นกันครับ

thipong เขียน:ในการลงทุน เราควรสะสมเงินลงทุน แล้วติดตามลงทุนเมื่อตลาดร่วงหนักๆ คาดว่าตัวที่เราดูอยู่ก้น่าจะร่วงตามตลาด หรือว่า ควรจะลงทุนเรื่อยๆ แม้ ตลาดจะ1300 แต่mos น้อย ควรเลือกแบบไหนดีครับ แต่เวลาดูหน้าจอเห็นแล้วมือสั่นอยากจะคลิ๊กซื้อเหลือเกิน

มือสั่นอยาก click ซื้อเพราะอะไรครับ

1 เห็นหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ประเมินไว้มาก

2 เห็นราคามันเคลื่อนไหว แล้วกลัวว่าจะซื้อไม่ทัน

3 เห็นความโลภในใจของตนเอง

ผมคือข้อ 2 และ3 เป็นเหมือนกันครับ

ขอบคุณทุกความเห้นมากครับ ได้ข้อคิดมาก คงทยอยซื้อในตัวที่แน่ใจ และว่าจะกันเงินบางส่วนไว้ช่วงตลาดตก

การที่จะวิ่งตัดหน้ารถ 10 ล้อ เพื่อไปเก็บแบงก์ 1,000 บางคนอาจจะบอกว่าเสี่ยง
แต่สำหรับผมถ้าเรารู้ว่ารถ 10 ล้อคันนั้น จอดอยู่ (ไม่ได้ติดเครื่องนะ) หรืออยู่ห่างจากแบงก์ 1,000 ไปซัก 5 กิโลเมตร ก็สมควรที่จะเก็บนะครับ

Undertaker เขียน:การที่จะวิ่งตัดหน้ารถ 10 ล้อ เพื่อไปเก็บแบงก์ 1,000 บางคนอาจจะบอกว่าเสี่ยง
แต่สำหรับผมถ้าเรารู้ว่ารถ 10 ล้อคันนั้น จอดอยู่ (ไม่ได้ติดเครื่องนะ) หรืออยู่ห่างจากแบงก์ 1,000 ไปซัก 5 กิโลเมตร ก็สมควรที่จะเก็บนะครับ

55555 ชอบความคิดเห็นนี้จัง

Undertaker เขียน:การที่จะวิ่งตัดหน้ารถ 10 ล้อ เพื่อไปเก็บแบงก์ 1,000 บางคนอาจจะบอกว่าเสี่ยง
แต่สำหรับผมถ้าเรารู้ว่ารถ 10 ล้อคันนั้น จอดอยู่ (ไม่ได้ติดเครื่องนะ) หรืออยู่ห่างจากแบงก์ 1,000 ไปซัก 5 กิโลเมตร ก็สมควรที่จะเก็บนะครับ

ถ้า 8 ล้อที่มองไม่เห็น วิ่งมาพอดีทำไงดีครับ

มั่วแต่มองรถสิบล้อ ระวังมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนเลนที่ข้างทางด้วยนะครับ

เจอมากับตัวหลายครั้งล่ะครับ

1.เวลาหุ้นขึ้น
เราก็จะรอให้ตลาด crash จะได้ซื้อของถูกๆ

2.แต่เวลาตลาด crash จริงๆ

เราก็จะรอให้มันกลับตัว หรือ รอให้เริ่มมีข่าวดีถึงจะซื้อ
(เพราะถูกแล้วมันก็ถูกอีกลงไปเรื่อยๆ)

พอมันเริ่มฟื้นก็กลับไปที่ข้อ 1

สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อซะทีครับ

ถ้าเห็นโอกาสก็ลงทุน ถ้าไม่เห็นโอกาสก็ไม่ต้องลงทุนครับ..

ถ้าคำนวณแล้ว มี return 20% up และมี margin of safety พอควร และราคา undervalue ผมก็ซื้อแล้วครับ

ถ้ายิ่งตก ยิ่งซื้อ แต่ถ้าจะรอวิกฤติ ก็ไม่รู้มันจะมาอีกเมื่อไหร่ 3 ปี 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี ก็ไม่มีใครรู้

multipleceilings เขียน:

Undertaker เขียน:การที่จะวิ่งตัดหน้ารถ 10 ล้อ เพื่อไปเก็บแบงก์ 1,000 บางคนอาจจะบอกว่าเสี่ยง
แต่สำหรับผมถ้าเรารู้ว่ารถ 10 ล้อคันนั้น จอดอยู่ (ไม่ได้ติดเครื่องนะ) หรืออยู่ห่างจากแบงก์ 1,000 ไปซัก 5 กิโลเมตร ก็สมควรที่จะเก็บนะครับ

ถ้า 8 ล้อที่มองไม่เห็น วิ่งมาพอดีทำไงดีครับ

ความเสี่ยงไงครับ การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ไม่ว่าเราจะมั่นใจมากขนาดไหน มันก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี

ไม่ว่าจะเป็นรถ 8 ล้อ, 6 ล้อ, รถยนต์, มอเตอร์ไซด์ หรือแม้แต่ก้อนหิน ยอดหญ้า จนกระทั่งขี้มด หรือแม้กระทั่งสะดุดขาตัวเองล้ม หัวฟาดพื้นสลบ ขณะวิ่งไปเก็บเงิน นั่นเป็นความเสี่ยงที่เราคาดไม่ถึง, ไม่รู้ หรือมองไม่เห็น
ดังนั้น การมีสังคมแห่งการแบ่งปัน เหมือนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ที่ช่วยแบ่งปันความรู้ ข่าวสาร ก็เหมือนช่วยลดความเสี่ยงที่เราไม่รู้ หรือคาดไม่ถึง ลงไปได้อีกครับ