blueplanet เขียน:เรื่อง MOS เป็นเรื่องที่ใครๆก็แนะนำปิดท้าย เพราะเป็นคำแนะนำที่เต็มไปด้วยความปราถนาดี
และถ้าเกิดฟังคำแนะนำข้ออื่นๆแล้ว และซื้อหุ้นถ้าขาดทุนแสดงว่าไม่มี MOS หรือ MOS ไม่พอ
ดังนั้นนักลงทุนต้องไปปรับปรุงตัวโดยการเพิ่ม MOS ให้มากขึ้น
เหมือนกับคำแนะนำของเสี่ยคนนึงเมื่อเดือนกว่าๆมานี้ คือให้ถือเงินสดไว้ และรอให้ตลาด
เกิด panic sale ซื้อตอนนั้นถือไว้แล้วกำไรแน่นอน เป็นคำแนะนำที่ไม่มีทางผิด
"ถ้าคนส่วนมากมีวิธีคิดแบบเดียวกัน ก็ต้องเลือกหุ้นชุดเดียวกัน แล้วหุ้นจะมี MOS ได้อย่างไร"
ถ้าเราอยากได้ เราก็จะลด MOS ลง ถ้าเรากลัวเราก็จะไม่ลด คนกลัวก็จะซื้อไม่ได้
ส่วนคนที่ได้ก็เพราะลด MOS ลง หรือมี MOS ต่ำๆ คุณ multipleceilings เห็นด้วยไม๊
ที่เขียนทั้งหมด เหมือนกับว่าผมคร้านอย่างเดียว และทำให้นักลงทุนใหม่ๆสับสน
จริงๆการสับสน มึนงง ไม่เข้าใจ ย่อมดีกว่าเข้าใจอะไรผิดๆ
พี่บลูเข้าใจผิดตั้งแต่ชื่อกระทู้แล้ว
"ความเชื่อผิด ๆ ของ VI คือเชื่อคำแนะนำของกูรูมากไป"
1. ความเชื่อผิดๆ ทำไมต้องของ VI และทำไมต้องคำแนะนำกูรู ใครก็ตามไปเชื่อคนอีกคนโดยไม่ได้ไตร่ตรอง เค้าคนนั้นต้องรับ consequence หรือผลที่ตามมาด้วยตัวเอง ไม่เห็นเกี่ยวกับ vi หรือ กูรู
2. ไม่มีหลักสูตร VI ไหนในโลกบอกให้เชื่อกูรู อันนั้นเป็นประเด็นส่วนบุคคลแล้วไม่เกี่ยวกับเป็นหรือไม่เป็น VI
กระทู้น่าจะชื่อว่า
"ความเชื่อผิดๆของผม ว่า VI เชื่อคำแนนำของกูรูมากไป"
ไอ้ที่พี่ตอบผมมาตาม quote ไม่รู้เลยจะเริ่มตรงไหนดี พี่เข้าใจผิดหมดเลยครับ ทั้งหมดเลย ตรรกะพี่ไหวไหมครับ เป็นห่วงนะ
1. ขาดทุนไม่ได้เกิดจาก MOS ไม่พออย่างเดียว มองมิติ MOS มิติเดียวไม่ได้........
2. ก่อนจะได้มายัง MOS ต้องมีตัวแปรอื่นๆอีกมากมายที่ต้องรู้ก่อน เช่น fair value เป็นต้น
3. ปัญหาเรื่อง MOS ของพี่จริงๆแล้วเป็นเรื่อง อารมณ์และความพอใจ (อ่านรายละเอียดด้านล่าง)
4. มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เสี่ยคนนึงบอก พี่มาผูกเรื่องทำให้มันเกี่ยวข้องกันเอง คนละเรื่องเลย เค้าจะพูดอะไรก็เรื่องของเค้า เค้าเป็นคนๆนึงเท่านั้นไม่ได้ represent universe ของแนวคิดหรือการลงทุนใดๆทั้งสิ้น พี่ไปให้น้ำหนักเค้าแล้วเหมารวมเอง
พี่บอกว่า "ถ้าคนส่วนมากมีวิธีคิดแบบเดียวกัน ก็ต้องเลือกหุ้นชุดเดียวกัน แล้วหุ้นจะมี MOS ได้อย่างไร"
- ผมชี้แจงไปแล้วนะ คนส่วนมากคือใคร คิดแบบเดียวกันคืออะไร แบบไหน มันกว้างไป หุ้นชุดเดียวกันคืออะไรกว้างไป หุ้นจะมี MOS หุ้นไหนครับกว้างไป ไม่มีประเด็น หาข้อสรุปไม่ได้สักอย่าง universe ของการลงทุนและหุ้นมันกว้างมาก พี่พูดอะไรของพี่ จับต้นชนปลายมั่วไปหมด ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำจะอธิบายให้พี่ฟังยังไงให้พี่เข้าใจ มันไม่ใช่อะ พี่นึกอะไรออกคิดว่าใช่ก็จับแพะชนแกะมั่วไปหมด
พี่ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าต้องการจะพูดอะไร
ประเด็นที่พี่ว่ามาผมจะแยกให้ดู
a. คนส่วนมากคิดแบบเดียวกัน >>>>> มันมีหลายเรื่องให้คิดนะครับ เรื่องไหนบ้างครับ
b. ถ้ามี set ความคิดแบบนึง ก็มักจะมีการกระทำที่สอดคล้องกับ set ความคิดนั้นแบบนึง >>>>>> การกระทำเป็นตัวตามความคิด ถ้าประเด็นความคิดพี่ยังแจงไม่เคลียเรื่องเลือกหุ้น ไม่ต้องพูดถึง
และผมบอกให้เอาบุญ พี่คิดไปให้จนวันตาย พี่ก็หาข้อสรุปไม่ได้หรอกเพราะมัน varible มันเยอะและ dynamic มากครับ
ทีนี้มาชำแหละต่อ ประเด็นที่พี่จะพูดแต่พี่เองยังไม่เข้าใจนั้นคือเรื่อง demand-supply กระทบ MOS ทำให้ไม่เข้าเงื่อนไขที่ตั้งไว้
จากที่พี่พูดมา ผมแบ่งให้เป็น 4 ตัวแปร
1.คนที่คิดแบบเดียวกัน
2.เลือกหุ้นตัวเดียวกัน
3.ราคาเป้าหมาย อยู่ในช่วงใกล้กัน
4.MOS requirement ใกล้กัน
เงื่อนไขต้องตาม 4 ข้อนี้เท่านั้น (แปลอีกนัยนึงคือมีความต้องการเหมือนหรอใกล้เคียงกัน) ถึงจะเกิดภาวะการกระทำสิ่งเดียวกันทำให้กระทบเงื่อนไขของ demand และกระทบเงื่อนไขของ MOS แต่จะเป็นจริงต่อเมื่อ supply ใน universe นั้นมันมีน้อยมาก
พี่คงไม่เข้าใจเรื่อง availability of supply ในโลกของการลงทุนมันไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ได้มี limited supply เสมอไป
ถ้าผมต้องการจะซื้อหุ้น A ที่ 10 บาท อีกคนต้องการเหมือนผม ไม่ได้แปลว่า ผมซื้อแล้วอีกคนจะซื้อไม่ได้ ........ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ supply อย่างที่ผมบอกมัน dynamic มาก นี้ยังไม่รวมกรณี ไม่ 10 บาทเป๊ะ 10.1 10.2 10.3 อะไรว่าไป โห possibility ไม่จบสิ้น ไม่เห็นจะมีปัญหา mos อะไรเลย
และถึงแม้จะมี limited supply เพราะเงิน demand เยอะไปในช่วงนึง นอกจากนักลงทุนจะ flexible ได้และเปลี่ยนเงื่อนไขหากต้องการหุ้นตัวเดิม ก็ยังมีแหล่ง supply แหล่งอื่น หรือ หุ้นตัวอื่นอีก
ปัญหาของพี่คือมองทุกอย่าง static ..... ในโลกความเป็นจริงไม่เป็นเช่นไหน มันไม่ใช่ if - then relationship แบบตายตัว
สิ่งที่พี่ทำเรียกว่า "GENERALIZATION" ซึ่งเป็นแนวคิดที่อันตรายมาก ภาษาบ้านเรียกว่า "เหมารวม" และการเหมารวมของพี่อยู่บนบรรทัดฐานที่ตรรกะเพี้ยนแต่แรก ทำให้ยิ่งไปกันใหญ่
พี่บอกว่า "ถ้าเราอยากได้ เราก็จะลด MOS ลง ถ้าเรา
กลัวเราก็จะไม่ลด คน
กลัวก็จะซื้อไม่ได้
ส่วนคนที่ได้ก็เพราะลด MOS ลง หรือมี MOS ต่ำๆ คุณ multipleceilings เห็นด้วยไม๊"
- พี่พูดอะไรของพี่ครับ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพี่ไม่เข้าใจสิ่งที่พี่พูดเลย มันไม่เกี่ยวกับ MOS แล้ว มีตัวแปรเพิ่มมาเป็นเรื่องความกลัวกับการกล้าตัดสินใจ มันเหมือนพี่ไปมีปัญหากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ว่า เพราะคิดเหมือนกันจึงแย่งกันซื้อ ชั้นเลยไม่ได้ MOS อย่างที่ต้องการดังใจ เลยต้องจำยอมซื้อแพงขึ้น แบบนี้ก็แปลว่าไม่มี MOS แล้วดิ โถ่ อะไรวะ หลักการใช้ไม่ได้ ไม่ตอบโจทย์ความต้องการเลย โห เรื่องมากนะเนี่ย เรื่องความพอใจ อะไรจะให้มันพอดีเป๊ะขนาดนั้น เสร็จปุ็ปพี่ก็มาโทษหลักการ ทั้งๆที่ไม่เข้าใจจริง
ที่ผมเคยโพสต์ไว้ ผมมองพี่ไม่ผิดเลย พี่ไปทำความเข้าใจประโยคนี้ให้ได้นะครับ จะดีและเป็นศรีแก่ตัวพี่มากเลย
"The pessimist complains about the wind; The optimist expects it to change; The realist adjusts the sails" - William Arthur Ward
"ผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายโทษกล่าวว่าแรงและทิศทางลม, ผู้ที่มองโลกในแง่ดีหวังว่าแรงและทิศทางลมจะเปลี่ยนแปลง, ผู้ที่อยู่บนความเป็นจริงปรับผ้าใบเรือให้เข้ากับแรงและทิศทางลม"
ถ้าพี่ตอบโพสตนี้ของผม ผมขอให้พี่อธิบาย ความเข้าใจของหลักการเรื่อง MOS ให้ผมฟังครับ ผมคิดว่าพี่สับสนมาก
ผมว่าพี่อาจต้องทำความเข้าใจทุกอย่างใหม่หมดเลยอะ ผมไม่ว่าๆพี่ผิดเพราะเข้าใจผิด มันดีที่พี่พยายามยกประเด็นขึ้นมาให้เกิดการถกเถียง ถ้าปลายทางพี่ต้องการจะเข้าใจให้ถูกต้องผมยินดีจะช่วย แต่ผมว่าพี่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร พี่เขียนกระทู้ออกมาเชิงเป็นขอความรู้ เป็นแนวคำถาม อะไรดีกว่าครับ ไม่ใช่ยิงชื่อกระทู้มาคนเห็นก็เพลียแล้ว
ทุกกระทู้ที่พี่เขียนมามันส่อออกมาในรูปแบบคนไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วมาทำเป็นมั่นใจมาก ผมเคยบอกพี่ไปแล้วว่าผมอ่านสิ่งที่พี่เขียนแล้วเหมือนคนที่เพิ่งค้นพบสิ่งที่เรียกว่าตรรกะ แล้วเพิ่งหัดใช้ เลยเห่อ แต่จริงๆใช้ไม่เป็น
ไม่รู้นะ ปรับวิธีคิดและสื่อสารเถอะครับ เหมือนคุณ sakkaphan บอก ผมก็มีรู้สึกขี้เกียจตอบแล้ว แต่กลัวพี่ลงเหวกับความคิดของพี่จริงๆ พยายามออกมาจากความสับสนให้ได้นะครับ
ขออภัยหากพูดแรงมากหรืออะไร ทั้งหมดคือสิ่งที่ผมคิด ผมพูดออกมาตรงๆเท่านั้น ใครไม่ชอบไม่ต้องอ่านครับ ไม่บังคับ