โพสต์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทความ Value Way ฉบับวันที่ 15 ตุลาคม 2555
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ
วีไอมือใหม่
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปบรรยายในงานของอีไฟแนนซ์ไทยในวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคมที่ไบเทคบางนา ถึงแม้งานจะจัดในเรื่องของการเทรดหุ้นแต่ผู้จัดดูเหมือนจะเปิดเวทีให้กับนักลงทุนประเภทอื่นๆด้วย ในช่วงเวลางานดูเหมือนจะค่อนข้างเงียบเหงาแต่พอถึงเวลาพักเบรกปรากฏว่าผู้คนหลั่งไหลออกมาจากห้องสัมมนาจำนวนมาก ถามดูปรากฏว่าในห้องนั้นส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเงินเพื่อเข้าฟัง ส่วนเวทีด้านนอกที่ผู้เขียนบรรยายนั้นเป็นการฟังฟรีซึ่งมีนักลงทุนนั่งอยู่น้อยกว่ามาก แสดงว่านักลงทุนยอมเสียเงินเข้าไปฟังเรื่องของการเทรดหุ้นทางการวิเคราะห์เทคนิคมากกว่ามาฟังเรื่องของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีที่ดัชนี 1,025 จุดเพิ่มขึ้นมาจนถึงเดือนตุลาคมที่ 1,300 จุด เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 30 เปอร์เซนต์ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ผู้คนให้ความสำคัญการซื้อขายหุ้นมาก มีคนที่เพิ่งเข้าตลาดได้ไม่นานเริ่มออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับหุ้นและชี้ชวนถึงความร่ำรวยที่ได้มาจากตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายๆคนเริ่มเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น ในที่สาธารณะเช่นบนรถไฟฟ้าหรือตามร้านอาหารจะได้ยินได้ฟังผู้คนรอบๆข้างพูดถึงเรื่องหุ้นกันอยู่เสมอ สัญญานต่างๆเหล่านี้บ่งบอกถึงตลาดหุ้นกระทิงและการก่อตัวของฟองสบู่ในตลาดหุ้น
สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่อยากลงทุนแบบเน้นคุณค่า(วีไอ)นั้นควรจะเริ่มต้นหรือทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ คำถามคำตอบในงานสัมนาที่จัดขึ้นน่าจะช่วยตอบปํญหาหลายอย่างของมือใหม่ได้พอสมควรดังนี้
ถาม วีไอต่างจากการเก็งกำไรอย่างไร
ตอบ ถ้าซื้อหุ้นโดยดูแต่ราคาอย่างเดียวสนใจแค่ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงโดยไม่ได้สนใจพื้นฐานของหุ้นเลยว่าบริษัททำอะไร ผลิตอะไร รายได้หรือกำไรเท่าไหร่ถือว่าเป็นการเก็งกำไร ถึงแม้นักลงทุนหลายคนจะรู้จักหุ้นเป็นอย่างดี ผู้บริหารเป็นใคร อดีตที่ผ่านมาของหุ้นเป็นอย่างไร รายได้กำไรเป็นเท่าไหร่ แต่ถ้าซื้อหุ้นโดยไม่รู้ว่าอนาคตของบริษัทเป็นอย่างไรก็อาจเข้าข่ายการเก็งกำไรได้ เพราะการซื้อหุ้นคือการซื้ออนาคต แต่ข้อมูลที่มีส่วนใหญ่เป็นข้อมูลในอดีต ส่วนการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้นนอกเหนือจากพื้นฐานของหุ้นแล้วยังต้องสามารถประเมินกิจการของบริษัทในปัจจุบันและอนาคตได้อีกด้วย
ถาม อยากเป็นวีไอต้องเริ่มอย่างไร
ตอบ คนส่วนใหญ่มีแค่เงินแล้วเดินเข้าตลาดหุ้นเลยเพื่อหวังความร่ำรวย แต่ส่วนใหญ่จะผิดหวังเพราะการมีแค่เงินเพียงอย่างเดียวในตลาดหุ้นนั้นไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องมีคือ”ความรู้”ด้วยเป็นสิ่งสำคัญ ความรู้นั้นต้องมีความรู้เกี่ยวกับบริษัทหรือหุ้นที่เราสนใจ การศึกษางบการเงิน การอ่านรายงานประจำปีและการติดตามสินค้าและบริการของบริษัทที่เราสนใจนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่นักลงทุนต้องมี นอกเหนือจากนั้นต้องมีความรู้ในอุตสาหกรรมของบริษัทที่เราสนใจลงทุนด้วยว่าบริษัทที่จะลงทุนนั้นมีความสามารถทางการแข่งขันมากน้อยเพียงใด หุ้นนี้จะมีคู่แข่งเข้ามาในอุตสาหกรรมได้ง่ายมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายเป็นเรื่องของหลักการลงทุนที่ทุกคนต้องค้นหาให้เหมาะกับตนเอง การเริ่มต้นจากการอ่านน่าจะเป็นสิ่งแรกที่ทำได้ง่ายที่สุด หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามีแปลออกมาเป็นไทยจำนวนมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องอ่านจากภาษาอังกฤษเท่านั้น
ถาม วีไอต้องเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไหร่
ตอบ ถ้ามีเงินแค่ 225 บาทก็เริ่มเป็นวีไอได้โดยการซื้อหนังสือ”ตระแกรงร่อนหุ้น”มาอ่าน จากนั้นเริ่มศึกษาหลักการลงทุนจากนักลงทุนวีไอคนอื่นๆเช่นเบนจามิน เกรแฮม, วอร์เรน บัฟเฟต, หรือปีเตอร์ ลินซ์ ศึกษาพื้นฐานบริษัทจากรายงานประจำปีหรือรายงาน 56-1 ของบริษัทที่ต้องส่งตลาดหลักทรัพย์ทุกปี นักลงทุนหลายคนเริ่มต้นจากเงินหลายสิบล้านแต่ไม่มีความรู้ ซื้อขายหุ้นตามที่เพื่อนหรือคนรู้จักบอก สุดท้ายเงินที่มีก็ขาดทุนจนแทบหมด แต่หลายคนเริ่มจากเงินไม่กี่แสน แต่ลงทุนด้วยหลักการและความรู้ที่มีสามารถทำเงินจากตลาดหุ้นได้เป็นสิบล้าน ร้อยล้านก็มี ดังนั้นเงินเท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่ามีความรู้และหลักการลงทุนที่ถูกต้องหรือเปล่า
บันทึกไม่สำเร็จ