หน้า 1 จากทั้งหมด 1

วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 2:04 pm
โดย David TON
ตามลำดับของผม

1. อ่านแบบปูพรมไปหลายๆเล่ม หลายๆแนว
2. อ่านเจาะเป็นแนวๆ
3. อ่านเจาะเป็นเล่มๆในแนวข้อ 2 ตอนนี้ไม่กล้าอ่านแนวอื่น เดี๋ยวเป๋
หลังจากอ่านเจาะเป็นเล่ม หลายเที่ยวมากๆแล้ว
4. อ่านแนวที่เลือกไว้ แต่เป็นเล่มอื่น
5. ทำซ้ำข้อ 3 ใหม่ วนไปเรื่อยๆ

ปล.ข้อ 3 อ่านมากกว่าอ่านหนังสือสอบซะอีก

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 8:21 pm
โดย superme
ถ้าตามหัวข้อผมว่า เด็กรุ่นใหม่ อ่านน้อยลงน้อยลง เรื่อยครับ

ผู้ใหญ่ยังมีอ่านหนักสือพิมพ์ เรื่อยๆ แต่เด็กสมัยนี้ ภาระน้อยลง การอ่านก็น้อยลงตามไปด้วย

ปล. ขอโทษครับที่นอกเรื่อง

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 9:12 pm
โดย yakjabon
superme เขียน:ถ้าตามหัวข้อผมว่า เด็กรุ่นใหม่ อ่านน้อยลงน้อยลง เรื่อยครับ

ผู้ใหญ่ยังมีอ่านหนักสือพิมพ์ เรื่อยๆ แต่เด็กสมัยนี้ ภาระน้อยลง การอ่านก็น้อยลงตามไปด้วย

ปล. ขอโทษครับที่นอกเรื่อง
ผมว่าเด็กรุ่นใหม่ ไม่ได้อ่านน้อยลงนะพี่ มันเป็นกลุ่มๆไปมากกว่าตาม cycle ของแต่ละรุ่น เช่น เด็กที่เกิดมาในครอบครัวมีอันจะกินแล้ว ถ้าเลี้ยงไม่ถูกทางก็ไม่รู้ว่าจะต้องอ่านไปทำไม ชีวิตนี้จะดื้นรนไปเพื่ออะไร .. แต่เด็กในรุ่นเดียวกันที่เกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางหรือจน ก็ต้องอ่านมาก ขวนขวายมาก เลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นธรรมชาติครับ

แต่ถ้าจะว่าเด็กรุ่นใหม่อ่านน้อยลง ผมว่าน่าจะเพราะเทคโนโลยีที่ก้าวไกลขึ้น แทนการอ่านหนังสือ นั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า ก็สามารถหยิบมือถือ เปิด youtube เสียหูฟังรายการบรรยายที่ชอบ เนื้อหาวิชาการที่อยากรู้ได้โดยไม่ต้องอ่านหนังสือ เอง เป็นต้น

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2012 2:26 am
โดย netirut
ก่อนเริ่มลงทุน ผมเริ่มด้วยการอ่าน ๆๆๆ อย่างเดียว 1 ปีเต็ม ยังไม่ได้เปิดพอร์ตเลย 1 ปีเต็มๆ
ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองกลัวเกินไปหรือเปล่า แต่พอมาถึงตอนนี้ก็คิดว่าทำถูกแล้ว
เวลาจิตใจไขว้เขว ตะกอนความรู้และหลักการที่ศึกษามามันมักจะผุดขึ้นมาคอยเตือนใจตัวเองเสมอ
ทุกวันนี้ก็ยังอ่านตลอด หลายๆครั้งกลับไปอ่านเล่มเก่าๆ เพื่อเตือนสติตัวเอง
แต่ผมไม่เคยอ่านแนวอื่นๆเลย เพราะผมไม่รู้จะอ่านทำไม ในเมื่อตั้งใจจะลงทุนแนว VI เพียวๆ
ตอนนี้ก็อ่าน 56-1 เป็นหลัก อ่านไปเรื่อยๆ ควบคู่กับหนังสือลงทุน

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2012 9:07 am
โดย David TON
ผมเป็นบ่อย

เล่มเดิมอ่านแต่ละครั้งก็มีความเข้าใจในรายละเอียดมากขึ้น ยิ่งอ่านยิ่งรู้ว่าครั้งที่แล้วเราไม่ได้สนใจบทนี้ ตอนนี้ เท่าไหร่

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 26, 2012 3:41 pm
โดย Onemai Ch.
เห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบนครับ เหมือนผมเลย หนังสือเล่มเดียวอ่านครั้งที่ สอง ครั้งที่ สาม ได้ความรู้ไม่เหมือนกัน มันจะกระจ่างแบบวาบเลยทีละเรื่อง เออแต่อันนี้ยังไม่เจอกับหนังสือลงทุนนะครับ เจอกับหนังสือเรียนแฮะๆ หนังสือลงทุนก็อ่านครับแต่รู้สึกหลายเล่มไปหน่อยอ่านทีละเล่ม เล่มล่ะรอบเดียว เดี๋ยวต้องลองอ่านเล่มเดียวหลายๆรอบบ้างแล้ว

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 26, 2012 5:13 pm
โดย ziannoom
ส่วนตัวผมซื้อหนังสือมาดองเป็นสิบเล่ม อ่านไม่ทัน เจอเล่มไหนว่างๆก็อ่านครับ อ่านไปก็ได้ความรู้เพิ่ม ไม่อ่านหนังสือก็เข้าเวบดูดความรู้จากเพื่อนๆ ก็ได้ความรู้เหมือนกัน

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 26, 2012 6:55 pm
โดย wilai
ควรอ่านให้มากๆ ครับ เน้นแนว vi เท่านั้น

อ่าน แล้วปฏิบัติ. แล้วอ่าน(ทั้งของเดิมและของใหม่) แล้วปฏิบัติอีก
ทำไปเรื่อย ๆ ครับ ผลตอบแทนดีมากทั้งด้านความรู้และตัวเงิน :D
ผมยืนยันมั่นคง

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 27, 2012 4:47 pm
โดย nighthawks
ผมเป็นโรคบ้าซื้อหนังสือครับ - -
ซื้อมาดอง เป็นจำนวนมาก แล้วค่อยๆ ย่อย ตอนนี้เริ่มหยุดซื้อแล้วครับ เยอะเกิน :|

แต่ลักษณะการอ่านของผม จะอ่านไม่ถึงกะจบทุกเล่มนะครับ คืออ่านๆ พอได้แนวคิดของคนคิด พอจับอะไรได้ ถ้ารู้สึกไม่ใช่ ก้อเก็บขึ้นหิ้งไปก่อนเลย
ส่วนเล่มที่ชอบมากๆ ก็จะวางไว้บนชั้นพิเศษ ไว้อ่านหลายๆรอบครับ

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 27, 2012 10:36 pm
โดย The Dark
nighthawks เขียน:ผมเป็นโรคบ้าซื้อหนังสือครับ - -
ซื้อมาดอง เป็นจำนวนมาก แล้วค่อยๆ ย่อย ตอนนี้เริ่มหยุดซื้อแล้วครับ เยอะเกิน :|

แต่ลักษณะการอ่านของผม จะอ่านไม่ถึงกะจบทุกเล่มนะครับ คืออ่านๆ พอได้แนวคิดของคนคิด พอจับอะไรได้ ถ้ารู้สึกไม่ใช่ ก้อเก็บขึ้นหิ้งไปก่อนเลย
ส่วนเล่มที่ชอบมากๆ ก็จะวางไว้บนชั้นพิเศษ ไว้อ่านหลายๆรอบครับ
บ้าซื้อเหมือนกันครับ เล่มไหนดีๆ ที่แนะนำๆกัน ก็จะไปลองอ่านที่ร้าน ถ้าโดนก็ซื้อครับ
ซื้อมาดองเยอะมาก ตามอ่านไม่ทันเลยครับ :B :B :B

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2012 1:58 am
โดย vim
ผมอ่านตามที่อยากอ่านนะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่ว่าต้องอ่านแนววีไอเท่านั้น

จริงๆแล้วผมสงสัยมาตลอดว่าหนังสือแนววีไอนั้นมันเป็นยังไง
- บางคนก็ว่าต้องราคาถูก แบบนั้นก็น่าจะหมายถึงหนังสือแนวคิดของเกรแฮม
- บางคนก็ว่าต้องมีคุณภาพที่ดี อันนั้นก็น่าจะหมายถึงแนวคิดอย่างบัฟเฟต์หรือฟิชเชอร์
- บางคนว่าสนใจที่จะประเมินกำไรในระยะแค่ 2-3 ไตรมาส บางท่านเรียกแนวคิดนี้ว่าวีไอ แต่นักลงทุนบางท่านเรียกกลุ่มนี้ว่าเก็งกำไร

ในความคิดของผม การยึดติดกับคำว่าเป็น "วีไอ" มันอาจทำให้หลงทางได้

ทุกวันนี้ผมต้องอ่านการเรื่องทิศทางกระแสเงินบ้าง อ่านเรื่องการลงทุนในตราสารหนี้บ้าง หนังสือพวกนี้ก็ให้ความรู้ที่น่าสนใจว่าระบบการเงินของโลกปัจจุบันมันเป็นยังไง QE3 จะกระทบกับธุรกิจเราได้อย่างไร ทำไมเราควรไปลงทุนในประเทศอาเซียนประเทศอื่น นโยบายค่าเงินมันมีผลต่อความเสี่ยงของเงินทุนยังไง ทำไมถึงต้องซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทั้งๆที่รู้ว่าตลาดนี้มันเสี่ยงสูง เป็นต้น

พวกนี้ถ้าเราจำกัดตัวแค่อ่านหนังสือ"แนววีไอ" เราอาจไม่ได้เข้าใจถึงประเด็นเหล่านี้เลย

Re: วิวัฒนาการ การอ่านหนังสือ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2012 7:37 am
โดย yakjabon
vim เขียน:ผมอ่านตามที่อยากอ่านนะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่ว่าต้องอ่านแนววีไอเท่านั้น

จริงๆแล้วผมสงสัยมาตลอดว่าหนังสือแนววีไอนั้นมันเป็นยังไง
- บางคนก็ว่าต้องราคาถูก แบบนั้นก็น่าจะหมายถึงหนังสือแนวคิดของเกรแฮม
- บางคนก็ว่าต้องมีคุณภาพที่ดี อันนั้นก็น่าจะหมายถึงแนวคิดอย่างบัฟเฟต์หรือฟิชเชอร์
- บางคนว่าสนใจที่จะประเมินกำไรในระยะแค่ 2-3 ไตรมาส บางท่านเรียกแนวคิดนี้ว่าวีไอ แต่นักลงทุนบางท่านเรียกกลุ่มนี้ว่าเก็งกำไร

ในความคิดของผม การยึดติดกับคำว่าเป็น "วีไอ" มันอาจทำให้หลงทางได้

ทุกวันนี้ผมต้องอ่านการเรื่องทิศทางกระแสเงินบ้าง อ่านเรื่องการลงทุนในตราสารหนี้บ้าง หนังสือพวกนี้ก็ให้ความรู้ที่น่าสนใจว่าระบบการเงินของโลกปัจจุบันมันเป็นยังไง QE3 จะกระทบกับธุรกิจเราได้อย่างไร ทำไมเราควรไปลงทุนในประเทศอาเซียนประเทศอื่น นโยบายค่าเงินมันมีผลต่อความเสี่ยงของเงินทุนยังไง ทำไมถึงต้องซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทั้งๆที่รู้ว่าตลาดนี้มันเสี่ยงสูง เป็นต้น

พวกนี้ถ้าเราจำกัดตัวแค่อ่านหนังสือ"แนววีไอ" เราอาจไม่ได้เข้าใจถึงประเด็นเหล่านี้เลย
จริงครับ ส่วนตัวผมคิดว่าแนว วีไอ คือการลงทุนอะไรก็ได้ที่เราเข้าใจ รู้ลึก รู้จริง จนมีหลักสามารถคาดเดาผลลัพธ์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งของมันได้ครับ