หน้า 1 จากทั้งหมด 5

คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 1:31 am
โดย wee1
ภาพแรกที่เห็นแว่บขึ้นมา ผมนึกถึง Pizza Company กับ Pizza Hut เลย อยากรู้จังว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกหรือไม่ ถ้ารสชาดไม่แต่งกันมากนัก บวกกับ supply chain ที่ไม่แข็งพอ งานนี้ PEPSI มีเหนื่อย เพื่อนๆมีความเห็นว่ายังไงมั่งครับ

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 9:23 am
โดย PRO_BABY
ศึกชิง (น้ำ) ดำ ?

http://www.youtube.com/watch?v=bYakYV3alEQ

ลองดูครับน่าสนใจดี คงพอได้ข้อมูลบ้าง

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 10:13 am
โดย Ii'8N
ธุรกิจขายน้ำ สิ่งที่บรรจุอยู่ในขวด margin มากซะจนขี้เกียจคิด มีพลังทำให้แอ๊ด คาราบาว ไม่ยอมเสีย image นักดนตรีอนุรักษ์ ตันกลับมาตั้งตัวใหม่อีกครั้ง ด้วยการขายน้ำ
โจทย์หลังผลิตได้ ที่ไปคิดมากกว่าคือ จัดการต้นทุน packaging กระจายลงตลาด พุ่งไปผู้บริโภค ทำให้ติดใจติดรส ... โฆษณา, กิจกรรมการสร้าง brand ฝังหัวให้คนติด



ส่วนถ้าเป็นธุรกิจของท่านเจ้าสัวเจริญล่ะ
เมื่อมีครบครันจัดการได้รวบหัวยันหาง .... ทุน + ทรัพยากรผลิต ต้นจดปลายน้ำ + สูตรน้ำดำ + logistics ครบวงจร (มีทั้งสาย alcohol และ non-alcohol) + ลูกค้าเก่า ที่อยากรู้รสชาติเปลี่ยนรึเปล่า + ลูกค้าใหม่ที่อยากลอง = ทุ่มโฆษณา....บังคับแจก อย่างที่เคยเป็นมา


... คงจำกันได้ "ช้าง" หันหน้าเข้าหากัน เดินมาจากไหน
ปั้น brand ใหม่ จาก 0 คงหนีไม่พ้นที่เคยทำมา สไตล์แบบไสช้างชนกับสิงห์
แม้แต่โออิชิ เป็น brand เก่า ล่าสุดเมื่อดูท่าจะพลาด ก็ใช้ model นี้ช่วยโออิชิเพื่อปะทะกับตัน อิชิตัน ผู้กล้าเสียสัตย์

เจ้าสัวใช้หลักวิชา "ห่วงโซ่อุปทาน" ตั้งแต่นักวิชาการทั้งหลาย จะ set up หลักสูตร supply chain / logistics management ซะอีก

ประวัติศาสตร์ เพื่อจะรู้จักท่านเจ้าสัวผู้นี้
กับคน ---- key word "เจริญ ศรีสมบูรณานนท์" , "จอมยุทธ ผู้เหยียบหิมะไร้รอย", ฉายาจากสื่อ "จ่ายจนจุก"
กับระบบ ---- key word "ขายพ่วง"; ทุ่ม เร็ว แรง บีบยี่ปั๊วซาปั๊วให้เลือกข้าง

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 10:16 am
โดย Ii'8N
มีพลังทำให้แอ๊ด คาราบาว ไม่ยอมเสีย image นักดนตรีอนุรักษ์

ต้องตัดคำว่า "ไม่" ออก

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 11:40 am
โดย SawScofield
ยังไงก็คงแบ่งเค้กกันไปได้ไม่ใช่น้อยอะครับ

พี่ๆคิดดูครับ Big Cola รสชาติไม่เอาอ่าวแบบหาความสุนทรีย์ในการดื่มน้ำอัดลมไม่เจออะครับ
ยังอยู่เต็มร้านค้าปลีกทุกมุมเมือง ราคาก็ไม่ได้ถูกกว่ามาก แถมไม่ได้แสตมป์อีก 555

ก็คงขายได้อะครับ แต่ขายดีรึปล่าวไว้มาตามตัวเลขกันต่อ เนอะ ครับ :)

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 2:04 pm
โดย romee
ฉายาจากสื่อ "จ่ายจนจุก" มาไงเหรอครับ ช่วยบอกที

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 2:10 pm
โดย sak007
สมมุตินะ
ถ้ามีคนมารณรงค์ ให้คนหันมาดื่มน้ำเปล่า
เพื่อดีต่อสุขภาพ น้ำดำพวกนี้จะขายออกหรือเปล่า

แต่คิดไปก็คงยาก เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
ไม่งั้นน้ำดำไม่อยู่มาได้หลายสิบปี

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 3:58 pm
โดย Ii'8N
romee เขียน:ฉายาจากสื่อ "จ่ายจนจุก" มาไงเหรอครับ ช่วยบอกที
ที่เกิดขึ้นบ่อย คือยื่นข้อเสนอให้กลไกหรืออะไรก็ตามที่ช่วยให้งานสำคัญไปได้ผล ทุ่มให้หนักหน่วงจนคนได้รับข้อเสนอปฏิเสธไม่ลง
ถ้ามีคู่แข่ง ก็จะทุ่มสู้




แต่ตัวอย่างหนึ่งในอดีตที่ถูกสื่อโจมตี หนึ่งใน 2 เรื่ืองที่ฝรั่งบอกว่า มนุษย์ไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่ที่ทำกันเยอะ ... ทำให้ประหยัด-ลดขนาดลงมากๆ ได้
โดยเฉพาะทำอย่่างไร ให้เป็นคำว่า "avoidance" (ถูกต้องตามกฎหมาย) ทำอย่างไรไม่ให้เกิดคำว่า "evasion" (ซึ่งผิดกฎหมาย) ....


https://www.google.co.th/search?hl=en&o ... e+invasion

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 3:59 pm
โดย Ii'8N
evasion ครับ ตรง search เขียนผิด ไม่ใช่ invasion

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 3:59 pm
โดย NoNameLFC
คงต้องค่อยเป็นค่อยไปละมั้งครับ แต่ทำให้ PEPSI เหนื่อยแน่นอน

ล่าสุดเห็นเพื่อนลอง บอกว่ารสชาติจืดไปหน่อย .. ขวดเล็กกว่า PEPSI เดิม แต่ราคาเท่า PEPSI

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 4:55 pm
โดย ศิษย์เซียน007
แย่งชิงมาร์เก็ตแชร์กันดุเดือดมากคับ ทำให้นึกถึงบทความสงครามกับหุ้นของท่านอ.ขึ้นมาเลยคับ

อนาคตอาจจะได้เห็นแคมเปญน้ำดำเหรียญทองดื่มแล้วภาคภูมิใจน้ำดำคนไทยทำเอง แล้วก็ให้น้าแอดแต่งเพลงให้คับ น้ำดำเอสผมว่าน่าจะมีการพ่วงขายแน่นอนเพราะสินค้าของเจ้าสัวมีบางอย่างเข้ากับน้ำดำได้ดี การที่pepsiพยายามกดราคาหุ้นให้เสริมสุขขายหุ้นมาให้ในราคาถูกจนเป็นสาเหตุให้ต้องปล่อยเสริมสุขหลุดมือไปผมถือว่าเป็นความผิดพลาดเพราะเป็นการสร้างคู่แข่งทางธุรกิจที่เข็มแข็งมากให้เข้ามาในอาณาจักรโดยไม่จำเป็นคับ :P

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 5:39 pm
โดย SawScofield
NoNameLFC เขียน:คงต้องค่อยเป็นค่อยไปละมั้งครับ แต่ทำให้ PEPSI เหนื่อยแน่นอน

ล่าสุดเห็นเพื่อนลอง บอกว่ารสชาติจืดไปหน่อย .. ขวดเล็กกว่า PEPSI เดิม แต่ราคาเท่า PEPSI
ลองมันเมื่อเที่ยงมาสดๆเลยครับ ทั้งจืดลงและซ่าน้อยลงแบบใจหายครับ ตามร้านอาหารอาจเปลี่ยนสีได้ง่ายๆเลยครับ ^^"

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 5:41 pm
โดย SawScofield
sak007 เขียน:สมมุตินะ
ถ้ามีคนมารณรงค์ ให้คนหันมาดื่มน้ำเปล่า
เพื่อดีต่อสุขภาพ น้ำดำพวกนี้จะขายออกหรือเปล่า

แต่คิดไปก็คงยาก เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
ไม่งั้นน้ำดำไม่อยู่มาได้หลายสิบปี
น่าจะอาการเดียวกับรณรงค์เรื่องบุหรี่ ขี่จักรยาน หรืออกกำลังกายรึปล่าวครับพี่ ^^"

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 5:49 pm
โดย ดำ
ถ้ารสชาติมันเลียนแบบง่ายขนาดนั้น โค้ก กับ เป๊บซี่ มันคงไม่อยู่คงกระพันมาขนาดนี้

ถ้าจะกระตุ้นยอดแรงๆ โทร.หาเสี่ยตันได้เลย

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 5:56 pm
โดย warlord
วันนี้ลองชิม est แล้ว ผมว่ารสชาติใกล้เคียง pepsi นะ แต่ซ่าน้อยกว่า

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 6:09 pm
โดย pakapong_u
(เพิ่มเติม) SSC ทุ่มงบ 300 ลบ.เปิดตัวน้ำอัดลมเอสตั้งเป้ายอดขายปีแรก 8 พันลบ.


ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2555 14:58:34 น.
บมจ.เสริมสุข (SSC)เปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อและเครื่องหมายการค้า est (เอส)โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 8 พันล้านบาท ชูจุดแข็งที่มีประสบการณ์กว่า 59 ปี มีต้นทุนด้านการผลิตและระบบโลจิสติกที่แข็งแกร่ง พนักงาน 8 พันคน โรงงาน 5 แห่ง รถขาย 1,600 คัน และตู้เย็น 1.5 แสนตู้ รวมทั้งมีพันธมิตรร้านค้ากว่า 2 แสนแห่ง มั่นใจจะเข้าถึงผู้บริโภคทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้ทันทีนับตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย และจะใช้กลยุทธการตลาดทุกช่องทาง โดยใช้งบประมาณแจ้งเกิด 300 ล้านบาท



SSC ยังเตรียมพร้อมเดินเกมรุกตลาดน้ำอักลมทุกเซ็กเม้นท์ ด้วยกลยุทธ์ภายใต้แบรนด์เดียว เปิดตลาดน้ำอักลมทุกกลุ่มทั้งน้ำดำ น้ำสีและน้ำขาว เพื่อสร้างแบรนด์“เอส"ให้ติดตลาดอย่างเข็งเกร็งในเวลาอันสั้น โดยจะเปิดตัวน้ำอื่นๆภายในเดือนนี้ทั้งหมด ซึ่งจะเน้น"เอส"โดดเด่นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารสชาติที่ถูกปากคนไทยมากที่สุด ประกอบกับการคิดค้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ 2 ขนาด คือ ขวดแก้ว 12 ออนซ์ สำหรับดื่มคนเดียว และ PET 1 ลิตร สำหรับดื่มคนดียว และ PET 1 ลิตร สำหรับดื่มหลายคน พร้อมทั้งฐานร้านค้ากว่า 200,000 ร้านทั่วประเทศที่จะทำให้สินค้าของเราเข้าถึงผู้บริโภคในทุกๆพื้นที่ และจะมีตู้กด Post Mix ด้วย

นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ SSC กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันแรกที่บริษัทนำ เอส ออกจำหน่ายสู่ตลาดและต้องแจ้งเกิดในประเทศโดยเร็ว ก่อนจะขยายสู่ตลาดต่างประเทศเป็นก้าวต่อไป โดยขวดแก้วยังเป็นยอดขายหลัก 60-70%ของยอดขายรวม ที่เหลือเป็นขวด PET และกระป๋อง

"การขายขวดแก้วขึ้นอยู่กับศักยภาพ ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะตลาดเมืองไทยเป็นยูนีคมาร์เก็ต เป็นตลาดสัดส่วนใหญ่และยังเติบโตได้ดี...ขวดแก้วเป็น packaging ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคตามไซส์และความต้องการของตลาด ซึ่งเรามีประสบการณ์และมี asset เป็นขวดแก้ว ที่เราทำมา 59 ปี"นายฐิติวุฒิ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบทำการตลาดประมาน 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะทำตลาดช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.55 ราว 300 ล้านบาท และปี 56 อีกประมาน 900 ล้านบาท เพื่อให้แบรนด์ เอส แจ้งเกิดโดยเร็ว โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีแรกที่ 8 พันล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาด 25% ภายในปีหน้า และเป็นผู้ขายอันดับที่ 2 ของตลาด

"ปีหน้าจะเป็นปีที่มีการเข่งขันสูงมาก แต่ไม่มีความกังวลเพราะมีความชำนาญ ทางด้านการตลาด การผลิต และการขนจัดส่งอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันยังได้บอกอีกว่าเขาคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้านี้"นายฐิติวุฒิ์ กล่าว

นายฐิติวุฒิ์ กล่าวอีกว่า ในปี 55 คาดว่ายอดขายและกำไรสุทธิของบริษัทจะดีกว่าปี 54 เนื่องจากบริษัทสามารถขายสินค้าได้ตลอดปี จากปีก่อนที่ขายสินค้าได้เพียง 9 เดือน จากผลกระทบของน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปี

ด้านนายปริญญา เพิ่มพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด SSC กล่าวว่า หลังการเปิดขายวันแรก"เอส"มีการตอบรับดีมาก โดยจะมีการประเมินยอดขายหลังเปิดขาย 3 วัน คาดว่าจะกระจายสินค้าครอบคลุมร้านค้า 60% จากร้านค้าย่อย 2 แสนแห่ง และ 80% ใน 1 เดือน

นายปริญญา กล่าวว่า ตลาดน้ำอัดลมปีนี้มีการเติบโตราว 10% เนื่องจากปีก่อนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมช่วงปลายปี ทำให้ยอดขายน้ำอัดลมยังไม่เต็มที่ ส่วนปี 56 คาดว่าตลาดน้ำอัดลมเติบโต 5% มองตลาดยังมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากขณะนี้มีคู่แข่งในตลาดเพิ่มจาก 2 ราย เป็น 4 ราย ทำให้สถานการณ์การแข่งขันรุนแรงเป็น 4 เท่า แต่บริษัทยังมั่นใจในจุดแข็งที่มีอยู่ ทั้งในด้าน direct sale และ distribution ขณะที่พยามปิดจุดอ่อนที่มีอยู่ และยืนยันจะไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา เพราะถือว่าเป็นพฤติกรรมที่หมดหนทางไป

อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 7:48 pm
โดย pakapong_u
SSC ประกาศศักดาขย่มตลาดน้ำดำ


SSC ท้ารบเป๊ปซี่ ส่งแบรนด์ " เอส หรือ est " ท้าชนเป๊ปซี่ - โค้ก ลั่นช่วงแรกขอขึ้นแท่นเบอร์ 2 ของตลาดน้ำอัดลม ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 25% ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 8,000 ล้านบาท ด้านบิ๊ก SCC มั่นใจทำได้ชัวร์ ด้วยประสบการณ์ในตลาดน้ำอัดลมเกือบ 6 ทศวรรษ เดินหน้าอัดงบการตลาดช่วงไตรมาสสุดท้าย 300 ลบ. ปีหน้าใช้ 900 ลบ.พร้อมงัด 5 กลยุทธ์สุดขั้ว กรุยทางน้องใหม่ให้แแจ้งเกิด ขณะที่โบรกฯมองต้องใช้เวลายาวนาน เหตุเป๊ปซี่ยังแข็งแกร่งในไทย


เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ได้เปิดแถลงข่าว และเปิดตัวน้ำอัดลมยี่ห้อใหม่ ภายใต้ชื่อ เอส หรือ "est" หลังหมดพันธสัญญาทางธุรกิจกับ "เป๊ปซี่ โค" เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเสริมสุขประกาศศักดา พร้อมเร่งปั้นน้ำดำน้องใหม่ สู้กับเจ้าตลาดเบอร์ 1 อย่าง"เป๊ปซี่"และเบอร์ 2 อย่าง "โค้ก" เพราะฉะนั้นจากนี้ไป จึงเป็นที่น่าติดตามว่า สมรภูมิรบในตลาดน้ำอัดลมจะเป็นอย่างไร และอนาคตของเสริมสุขในวงการน้ำดำจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะงานนี้ผู้บริหารตั้งเป้าหมายปีแรก ขอขึ้นแท่นเบอร์ 2 สองของตลาด เบียด "โค้ก" ด้วยส่วนแบ่ง 25% และทุ่มงบการตลาดแบบไม่อั้นเพื่อแจ้งเกิดแบรนด์ "เอส" เต็มที่

*** ตั้งเป้าแบรนด์ "เอส"ทำยอดขายปีแรกแตะ 8 พันลบ.
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสริมสุข (SSC) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ส่งแบรนด์น้ำอัดลม "เอส" ออกสู่ตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือได้ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญไม่ใช่เฉพาะเสริมสุขเท่านั้น แต่เป็นจุดเปลี่ยนของวงการเครื่องดื่มในประเทศไทย และเป็นความท้าทายบทใหม่ที่จะพิสูจน์ฝีมือของเสริมสุขที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 59 ปี ในการเจาะตลาดน้ำอัดลม มูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท โดยเสริมสุขจะเดินเกมรุกตลาดน้ำอัดลมทุกเซ็กเมนต์ด้วยกลยุทธ์ภายใต้แบรนด์เดียว เปิดตัวน้ำอัดลมทุกกลุ่ม ทั้งน้ำดำ น้ำสีและน้ำขาว เพื่อสร้างแบรนด์เอส ให้ติดตลาดอย่างแข็งแกร่งในเวลาอันสั้น
' บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ตลอดจนความสุดขั้วของสินค้า กิจกรรมการตลาดและปฏิบัติการการขายที่ครบวงจรจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เอสเป็นน้ำอัดลมขวัญใจคนไทยและสามารถบรรลุยอดขายปีแรก 8 พันล้านบาทได้แน่นอน' นายฐิติวุฒิ์ กล่าว

*** อัดงบ 300 ลบ.เปิดตัวน้องใหม่ ปีหน้าใช้ 900 ลบ.
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ในวงการน้ำอัดลมมากว่า 59 ปี บริษัทฯ มีต้นทุนด้านคนที่มีประสบการณ์การผลิตและระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน 8,000 คน โรงงาน 5 แห่ง รถขาย 2,000 คัน ตู้เย็น 150,000 ตู้ และมีพันธมิตรร้านค้ากว่า 200,000 แห่ง ซึ่งจะทำให้เอสเข้าถึงผู้บริโภคทุกพื้นที่ทั่วไทยได้ในทันทีตั้งแต่การซื้อขายวันแรก โดยเสริมสุขได้ลงทุนกลยุทธ์ทางการตลาดโดยใช้งบประมาณในการโฆษณาทุกช่องทางถึง 300 ล้านบาท ด้วยการนำ 3 ไอดอลแม่เหล็กของวัยรุ่น “บี้-โตโน่-ไมค์”ประเดิมยิงภาพยนตร์โฆษณาและกิจกรรม Teaser ตามด้วยภาพยนตร์โฆษณาที่ลงทุนใช้เทคนิคถ่ายทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคทั้งเรื่องเพื่อสร้างความสุดขั้วให้ผู้บริโภคได้สัมผัส พร้อมทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย เจาะทุกกลุ่มเป้าหมายในเวลาสั้นผ่าน www.estthai.comและ www.facebook.com/estcola พร้อมทั้งสื่อสนับสนุนเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแจกชิมเครื่องดื่ม “เอส” ให้กับกลุ่มเป้าหมาย 1 ล้านคนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม มองว่าจากนี้การแข่งขันในตลาดน้ำอัดลมจะมีความเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมี 4 แบรนด์ใหญ่ ที่เข้าแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาด โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้บริษัทฯ ใช้งบการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์เอสถึง 300 ล้านบาทและตั้งเป้างบการตลาดในปีหน้าไว้ที่ 900 ล้านบาท

*** ตั้งเป้าขึ้นแท่นเบอร์ 2 ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 25%
โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมเอสในปีแรกที่ 8 พันล้านบาท และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 25% ของมูลค่าตลาดน้ำอัดลมทั้งหมดที่อยู่ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นแท่นแบรนด์น้ำอัดลมอันดับ 2 ได้ภายในปีหน้า เนื่องจาก มองว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและครอบคลุมร้านค้าได้ทั่วประเทศมากกว่าคู่แข่ง
รายอื่นๆ
' ตอนนี้เราพร้อมเต็มที่ที่จะลงทุน โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกที่ 8 พันล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 25% ซึ่งน่าจะขึ้นแท่นอันดับ 2 ได้ไม่ยาก เพราะแบรนด์เราแข็งแกร่ง โดยสัดส่วนน้ำอัดลมปัจจุบันสีแดง 20% สีน้ำเงิน 20% และมีช่องว่างตรงกลางอีก 60% ที่พร้อมจะไปจุดใดก็ได้ จากนี้เมื่อแบรนด์เราแข็งแกร่งก็พร้อมเดินหน้าไปตลาดต่างประเทศ' นายฐิติวุฒิ์ กล่าว

*** มองตลาดปีนี้โต 10% ปีหน้าโต 5%
นายฐิติวุฒิ์ กล่าวต่อว่า คาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดน้ำอัดลมในปีนี้จะโตจากปีก่อนประมาณ 10% เนื่องจากปีนี้มียอดขายเต็ม 12 เดือน จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 9 เดือนเท่านั้น เนื่องจากมีเหตุการณ์น้ำท่วม ส่วนอัตราการเติบโตของตลาดน้ำอัดลมในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเสริมสุขมั่นใจว่ารายได้และกำไรในปีนี้ยังโตต่อเนื่องจากปีก่อน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะโตมากแค่ไหน
บริษัทฯ คาดว่าจะส่งผลิตภัณฑ์เอสกระจายครอบคลุมโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนร้านค้า 200,000 แห่งประเทศ ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าคาดว่าภายใน 3 วันนี้จะครอบคลุม 60% ของร้านค้าทั้งหมด และภายในเดือนธันวาคมจะครอบคลุม 80% ของร้านค้าทั้งหมด ทั้งนี้ มองว่าตลาดในส่วนของขวดแก้วยังโตต่อเนื่องและมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 60-70% ส่วนที่เหลือจะเป็นขวด PET และกระป๋อง 30-40%
'3 วันแรกจะครอบคลุม 60% ของ 200,000 ร้านค้าที่เป็นลูกค้าเรา และภายใน 1 เดือนจะครอบคลุม 80% ของร้านค้าทั้งหมดและภายในสัปดาห์หน้าก็จะกระจายครอบคลุมครบโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศซึ่งเรามั่นใจว่าเอสจะสามารถขึ้นแท่นอันดับ 2 ได้ไม่ยาก เพราะแค่เปิดตัววันแรกบางร้านก็สั่งโหลดของรอบ 2 แล้ว' นายฐิติวุฒิ์ กล่าว

*** เชื่อมั่นแบรนด์โดนใจ-รสชาติถูกปาก
นายฐิติวุฒิ์กล่าวต่อไปว่าด้วยประสบการณ์ในตลาดน้ำอัดลมมาเกือบ 6 ทศวรรษ ทำให้เสริมสุขมีแต้มต่อในการพัฒนาน้ำอัดลม “est” ให้มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารสชาติที่ถูกปากคนไทยมากที่สุด ประกอบกับการคิดค้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ 2 ขนาดเป็นครั้งแรกในตลาด คือ ขวดแก้ว 12 ออนซ์สำหรับดื่มคนเดียว และ PET 1 ลิตร สำหรับดื่มหลายคน พร้อมทั้งฐานร้านค้ากว่า 200,000 ร้านทั่วประเทศ ที่จะทำให้สินค้าของเราเข้าถึงผู้บริโภคในทุกๆ พื้นที่
สุดขั้วที่ 1 แบรนด์ต้องโดนสุดขั้ว น้ำอัดลม “เอส” ชื่อจำง่าย โดนใจ สื่อถึงความเป็นที่สุด เมื่อ est ตามหลังคำใดก็หมายถึงความเป็นที่สุด เช่น B-est หมายถึง ดีที่สุด Cool-est หมายถึงเท่ที่สุด เย็นที่สุด ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปท์ “สุดขั้วในแบบคุณ” ต้นแบบดีเอ็นเอของวัยรุ่น เข้ามาเติมนิยามความสุดขั้ว กระตุกทุกต่อมซ่าส์ให้ตื่นตัว ทำอะไรทั้งที ต้องแสดงความเป็นที่สุดเหนือใคร ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่ชอบทำอะไรให้สุดๆ ไม่หยุดยั้ง รวมทั้งผู้บริโภคที่เป็นแฟนน้ำอัดลมตัวยงที่ชอบสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ
สุดขั้วที่ 2 รสชาติถูกปากคนไทย น้ำอัดลม “เอส” ในทุกเซ็กเม้นท์ได้รับการพัฒนารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองและถูกปากโดนใจคนไทย ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค พบว่าผู้บริโภคเกือบ 77% ชื่นชอบในรสชาติของน้ำอัดลม “เอส” และจะซื้อดื่มแน่นอน

*** ขนาดหลากหลาย-กระจายสินค้าทั่วถึง
สุดขั้วที่ 3 ขนาดหลากหลายตอบทุกไลฟ์สไตล์ เสริมสุขได้วางจำหน่ายน้ำอัดลม “เอส” ในบรรจุภัณฑ์ทั้ง 7 ขนาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างลงตัว โดย 2 นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เป็นครั้งแรกในตลาดและเป็นเอกลักษณ์ของเสริมสุข ได้แก่ 1) ขวดแก้ว 12 ออนซ์ ราคา 8 บาท ขนาดพอเหมาะสำหรับดื่มคนเดียวในช่องทางร้านอาหาร และ 2) ขนาด PET 1 ลิตร ราคา 20 บาท ขนาดคุ้มค่าดื่มได้หลายคน นอกจากนี้ ยังมี 3) คูลแฮนด์ 250 มล. ราคา 10 บาท ซื้อง่าย ไม่ต้องทอนไม่ต้องคืนขวด 4) ขวด PET 455 มล. 12 บาท ขนาดพอเหมาะพกพาสะดวก 5) ขวด PET 480 มล. 15 บาท จำหน่ายเฉพาะในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น 6) กระป๋อง 325 มล. ราคา 14 บาท บรรจุภัณฑ์ยอดนิยมสำหรับคนชอบดื่มแช่เย็นๆ และ 7) ตู้กด Post Mix
สุดขั้วที่ 4 เกิดให้เปรี้ยงด้วยโฆษณาให้ถึงใจเสริมสุขจัดเต็มกลยุทธ์ทางการตลาดและปฏิบัติการสุดขั้วทุกช่องทางโดยใช้งบประมาณแจ้งเกิด 300 ล้านบาท ช่วงเปิดตลาด เพื่อผลักดัน “เอส” ให้เป็นน้ำอัดลมยอดนิยมติดตลาด ด้วยการนำ 3 ไอดอลแม่เหล็กของวัยรุ่น “บี้-โตโน่-ไมค์” ที่สะท้อนดีเอ็นเอของแบรนด์ “เอส” ได้อย่างลงตัวเนื่องจากเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จสุดขั้วจากความสามารถ “ดังเพราะฝีมือ ไม่ใช่หน้าตา” โดย บี้-สุกฤษฎิ์ สื่อถึงความเท่สุดขั้ว โตโน่-ภาคิน สื่อถึงความสนุกสุดขั้ว และ ไมค์-พิรัชต์ สื่อถึงความซ่าสุดขั้ว โดยประเดิมยิงภาพยนตร์โฆษณาและกิจกรรม Teaser ตามด้วยภาพยนตร์โฆษณาที่ลงทุนใช้เทคนิคถ่ายทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคทั้งเรื่องเพื่อสร้างความสุดขั้วให้ผู้บริโภคได้สัมผัส พร้อมทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย เจาะทุกกลุ่มเป้าหมายในเวลาสั้นผ่าน www.estthai.com และwww.facebook.com/estcola พร้อมทั้งสื่อสนับสนุนเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแจกชิมเครื่องดื่ม “เอส” ให้กับกลุ่มเป้าหมาย 1 ล้านคนทั่วประเทศ
สุดขั้วที่ 5 ขายให้ถึงตัวเสริมสุขอยู่ในวงการน้ำอัดลมมากว่า 59 ปี เรามีต้นทุนด้านคนที่มีประสบการณ์ การผลิต และระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน 8,000 คน โรงงาน 5 แห่ง รถขาย 1,200 คัน และตู้เย็น 150,000 ตู้ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ พันธมิตรและร้านค้ากว่า 200,000 แห่ง ที่ให้กำลังใจเสริมสุขมาโดยตลอดและพร้อมให้การสนับสนุนน้ำอัดลม “เอส” อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้น้ำอัดลม “เอส” เข้าถึงผู้บริโภคทุกพื้นที่ทั่วไทยได้ในทันทีนับตั้งแต่วันแรกที่ขาย
“ผมมั่นใจว่า ด้วยการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ตลอดจนความสุดขั้วของสินค้า กิจกรรมการตลาดและปฏิบัติการขายที่ครบวงจร และศักยภาพของเสริมสุข จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ “เอส” เป็นน้ำอัดลมขวัญใจคนไทย และสามารถบรรลุยอดขายปีแรก 8,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายฐิติวุฒิ์กล่าวทิ้งท้าย

*** โบรกฯ มอง "เอส" แจ้งเกิดยาก
นายอรรถพร อารยะสันติภาพ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภายหลังจาก บมจ.เสริมสุข (SSC) ได้ออกผลิตภัณฑ์แบรนด์ใหม่น้ำอัดลมเอสในเบื้องต้นเห็นว่าเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเพื่อแข่งขันในตลาดน้ำดำ แม้ว่าเสริมสุขจะมีจุดเด่นในเรื่องของการขนส่งสินค้า แต่ยังเชื่อว่าแบรนด์ใหม่ดังกล่าวคงจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคได้ลำบากเพราะเป็นแบรนด์ใหม่ ซึ่งหากจะเปรียบเทียบคู่แข่งอย่างโค้กที่ใช้งบโฆษณาสูงมากและยังเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากกว่าขณะเดียวกันจุดเด่นในเรื่องการขนส่งก็ใกล้เคียงกับเสริมสุขทำให้ยอดขายของน้ำอัดลมเอสจะไม่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเท่าที่ควร
"ที่ผ่านมามาเก็ตแชร์น้ำดำในตลาดฯ อันดับ1คือเป็ปซี่มีมาเก็ตแชร์ 50% และที่ 2 เป็นโค้ก 35% และที่เหลือเป็นบิ๊กโคล่า ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้โค้กจะขึ้นครองอันดับหนึ่งได้ไม่ยากเพราะการตีตลาดฯ น้ำดำถือว่าทำได้ยากมาก เช่น หากคนกินข้าวแล้วสั่งเป็ปซี่ไม่มีก็คงต้องเป็นโค้ก"นายอรรถพร กล่าว

*** คาด พ.ย.นี้จบดีลซื้อ "แรงเยอร์"
นอกจากการเปิดศึกตลาดน้ำอัดลมแล้ว ตลาดของเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลมก็ไม่น้อยหน้า หลังบริษัทฯ หมดสัญญากับ เครื่องดื่ม คาราบาวแดง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา และในวันนั้น คณะกรรมการ SSC ได้ประชุมและมีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เครื่องดื่มแรงเยอร์ (2008) จำกัด จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)โดยบริษัทฯ คาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นสามัญของแรงเยอร์ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2555 โดย SSC จะซื้อหุ้นสามัญของแรงเยอร์ จำนวน 20,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 100.00 ของหุ้นที่ชำระแล้วของแรงเยอร์จากไทยเบฟ และบริษัทย่อย
มูลค่ารวมของการเข้าซื้อกิจการจำนวนเท่ากับ 248.00 ล้านบาท โดยจะชำระเป็นเงินสดทั้งจำนวน คิดเป็นร้อยละ 2.63 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ (NTA) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเท่ากับ 9,429.79 ล้านบาท
แหล่งที่มาของเงินทุน จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะขยายตลาดเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลม (Non-Carbonated Beverages) โดยการซื้อกิจการที่มีผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องหมายการค้าที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟ ฟังก์ชันนัลดริงค์ และอื่นๆ การซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วนในการขยายตลาดเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลมของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มฐานการผลิตและเครือข่ายการกระจายสินค้าของบริษัทฯ เนื่องจากแรงเยอร์มีโรงงานและคลังสินค้าตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐมซึ่งบริษัทฯ สามารถใช้เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าสู่ภาคตะวันออก
ทั้งนี้ บริษัท เครื่องดื่มแรงเยอร์ (2008) จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้เครื่องหมายการค้า "แรงเยอร์" และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ภายใต้เครื่องหมายการค้า "พาวเวอร์ พลัส" มีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของกิจการ 200,000,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 7:58 pm
โดย prichar s.
เปิดตัวยิ่งใหญ่มาก
เป้าแชร์อับดับ 1 ใน 3 ปี ยิ่งใหญ่กว่า

อีกไม่นานคงได้รู้ว่าบัพเฟตต์ต้องขายทิ้งทั้งโค้กทั้งเป็บซี่
แล้วทุ่มเงินมาขอซื้อ ssc แทน หรือไม่?

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 8:53 pm
โดย chatchai
ขอเดา Market Share น้ำโคล่าปีหน้า

อันดับ 1 คงเป็น Coke

อันดับ 2 น่าจะเป็น Est

อันดับ 3 และ 4 คงสูสี ระหว่าง Pepsi กับ Big Cola

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 11:14 pm
โดย ac322628
ไปลอง EST มาแล้วครับที่ชาบูชิ รสชาติแทบแยกไม่ออกจากแป๊ปซี่ แต่ชอบแป๊ปซี่มากกว่าเพราะว่าชินกับโลโก้

ส่วนเรื่องมาเกตแชร์ผมคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอย่างมาก เพราะเวลามีของเพิ่มมาเป็น 4 อย่าง ผู้บริโภคจะสับสนมากขึ้นและอาจจบลงที่การไม่เลือกใครเลยที่เป็นเบอร์รองๆ คือโค้กแย่งส่วนแบ่งไปได้มากกว่าเดิมมาก โดยที่เอส เป๊ปซี่และบิ๊กโคล่า อยู่ในส่วนของลองเทลอ้วนๆ ผมยังคิดว่าเป๊ปซี่น่าจะค่อยๆแก้ไขอะไรไปได้แต่จะโดนเบอร์หนึ่งทิ้งห่างกว่าเดิม ส่วนบางส่วนที่สับสนอย่างที่สุดอย่างเด็กรุ่นใหม่ ก็ไม่กินน้ำดำซะเลย และอาจจะโดนโออิชิขวดแก้ว ชาคูลซ่าและชาดำๆ คาบไปกิน

ตอนนี้ไปดูรถขนของเสริมสุขรถว่างกว่าเดิมประมาณ 30% เห็นคืนขวดแต่โออิชิขวดแก้ว EST น่าจะค่อยๆคืนขวดเพิ่มอาทิตย์หน้ามั้ง ลองไปติดตามดูครับ

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 11:21 pm
โดย untrataro25
ยังไม่ได้ลองกินครับ เลยยังไม่รู้รส
แต่หากรสชาติไม่หนีจาก pepsi มากนัก ผมเลือกกิน est เพราะชาตินิยมครับ :mrgreen:

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 02, 2012 11:56 pm
โดย tanapol
ถ้ารสชาติไม่ต่างมาก
ผมก็เลือก est ครับ
ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ :cheers: :cheers: :cheers:

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 6:18 am
โดย patongpa
ผมไม่กินมันทุกยี่ห้อแหละ เป็นห่วงสุขภาพกันบ้างดีกว่านะครับ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกหลานคนใกล้ชิดบ้าง เด็กๆสมัยนี้อายุไม่เท่าไหร่ก็เป็นเบาหวานกันแล้ว สาเหตุก็มาจากน้ำตาลที่อยู่ในน้ำอัดลมนี่แหละ

คนไทยสมัยนี้แปลกนะ กินข้าวน้อยลง แต่กินน้ำอัดลมมากขึ้น แก่ตัวมีเงินก็ต้องไปจ่ายให้หมอหมด มิน่าโรงพยาบาลถึงโตขึ้นทุกปี

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 8:14 am
โดย ส.สลึง
ช่วงนี้กินแต่บิ๊กโคล่าครับ ราคาถูกดี :mrgreen:

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 8:27 am
โดย chatchai
patongpa เขียน:ผมไม่กินมันทุกยี่ห้อแหละ เป็นห่วงสุขภาพกันบ้างดีกว่านะครับ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกหลานคนใกล้ชิดบ้าง เด็กๆสมัยนี้อายุไม่เท่าไหร่ก็เป็นเบาหวานกันแล้ว สาเหตุก็มาจากน้ำตาลที่อยู่ในน้ำอัดลมนี่แหละ

คนไทยสมัยนี้แปลกนะ กินข้าวน้อยลง แต่กินน้ำอัดลมมากขึ้น แก่ตัวมีเงินก็ต้องไปจ่ายให้หมอหมด มิน่าโรงพยาบาลถึงโตขึ้นทุกปี
น้ำอัดลมขวดแก้วมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ

เรื่องน้ำตาลในอาหาร เครื่องดื่ม ผมไม่แน่ใจว่าน้นิดอื่นๆจะหวานน้อยกว่าไหม ประเภท โอเลี้ยง ชาดำเย็น ชาเย็น เก๊กฮวย ลำไย แต่ที่แน่ๆแพงกว่าน้ำอัดลม

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 12:05 pm
โดย tomiea
ส.สลึง เขียน:ช่วงนี้กินแต่บิ๊กโคล่าครับ ราคาถูกดี :mrgreen:
แต่ Big Cola หลังๆ บางทีก็ขายราคาเท่ากันแต่ก่อน 22฿ หลังเห็นใน Tesco ขาย 24฿ เท่า Coke
เวลากินรู้สึกรสชาติเหมือนสเลอปี้ใน 7 eleven อร่อยดีครับ

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 12:17 pm
โดย Tipp
เพิ่งซื้อที่ร้านแถวบ้านเมื่อกี้ เรื่องรสชาติเราว่าเหมือนแป๊บซี่นะคะ ร้านที่ซื้อยังแช่อยู่ในตู้ แป๊บซี่ และบอกว่า มีแต่ est พร้อมทั้งเปิดไปแบบไม่ต้องรอให้ลูกค้าได้ทันตัดสินใจ :o

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 6:02 pm
โดย miracle
Est 330 ml 11baht

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 6:06 pm
โดย dragonrider
เพื่อนผมไปซื้อมาทานทั้ง 2 ยี่ห้อ บอกรสชาติห่วยมาก เป๊ปซี่อร่อยกว่า
ถ้ามีโอกาสจะลองหาทานเองซะหน่อย

Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2012 8:46 pm
โดย investor9000
แม่ค้าข้าวอาหารตามสั่งบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รสชาติห่วยมาก ห่างไกล เทียบกับโค้กยังไม่ได้เลย

แถมงานนี้ Pepsi ทุ่มทุนมหาศาลทั้งแจกทั้งแถม อุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย

เสริมสุขมีเดิมพันสูง เพราะมีกำลังการผลิตและ Fixed Cost มหาศาล ถ้าขายไม่ได้ตามเป้าละก็ ยุ่งแน่ๆ