Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ว่า งบออกมาไม่ดีมากๆ หรือออกมาไม่ได้อย่างที่นักลงทุนคาดหวัง ซึ่งงบมักจะออกตอนเย็น หลังจากนั้น ตอนเช้าหุ้นก็เปิดมาลบ 20 % กรณีนี้
1. ถ้าเป็นนักลงทุนแนววีไอรับมืออย่างไรครับ การ cut loss จำเป็นรึไม่ครับ
2. ถ้าเป็นนักลงทุนแนวเทคนิครับมืออย่างไรครับ การ cut loss จำเป็นรึไม่ครับ

1.ผมคิดว่าเราต้องมาตรวจสอบดูก่อนว่าที่ งบที่ไม่ดีมากๆนั้น ไม่ดีจริงๆหรือเปล่า
เป็นการไม่ดีเพียงชั่วเวลาหนึ่งหรือจะออกมาไม่ดีต่อไป
และต้องถามตัวเราเองเช่นกันว่า ก่อนที่จะลงทุนเราลงทุนเพราะเหตุผลอะไร
หากเราคาดหวังว่างบจะออกมาดี จนสามารถประมาณการกำไรได้ก็ต้องมาดูว่า
ทำไมเราประมาณการณ์ผิดพลาด เพราะอะไร ข้อมูลที่มีก่อนการลงทุนไม่เพียงพอ หรือจิตใจไขว้เขวหรือไม่

หากเป็นการไม่ดีเพียงชั่วคราวก็ควรถือต่อและซื้อเพิ่ม หากเป็นอย่างหลังก็ควรจะ Cut loss ครับ
ผิดก็คือผิด

เป็นผมชอบซื้อถัวเฉลี่ยว โดยรอดู ให้ราคานิ่ง ๆ ในระดับต่ำ ๆ แล้วไม่ค่อยมีโวลุ่มมากเท่าไหร่ ก็เข้าไปซื้อถัว.... บางทีทำไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน นั่นแหละคือปัญหาสำคัญ

ลุงขวด เขียน:เป็นผมชอบซื้อถัวเฉลี่ยว โดยรอดู ให้ราคานิ่ง ๆ ในระดับต่ำ ๆ แล้วไม่ค่อยมีโวลุ่มมากเท่าไหร่ ก็เข้าไปซื้อถัว.... บางทีทำไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน นั่นแหละคือปัญหาสำคัญ

ผมเป็นเหมือนลุงขวดเลยครับ รอราคามันนิ่งๆแล้วไม่ค่อยมี volume
แต่ผมชอบต่อราคาอีกช่องหรือ 2 ช่อง ทำให้ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็เก็บไปเรื่อยๆ

เป็นสิ่งที่ดีที่บริษัทจะแจ้งงบการเงินหลังตลาดปิดแล้ว เพราะมีเวลาให้นักลงทุนวิเคราะห์อย่างเพียงพอ

ลองนึกภาพดูว่า ถ้าบริษัทแจ้งงบการเงินก่อนตลาดเปิดทั้งช่วงเช้า ช่วงบ่าย นักลงทุนบางส่วนคงไม่ได้รับรู้ข้อมูล และอาจจะมีเวลาวิเคราะห์ไม่เพียงพอ

เมื่อตลาดเปิด ราคาหุ้นผันผวน จิตใจนักลงทุนคงว้าวุ่นมาก

ส่วนจะทำอย่างไรดี

ก็ต้องนำข้อมูลใหม่มาวิเคราะห์ดูว่าเหตุผลที่ทำให้ผลการดำเนินงานต่างจากที่เราประเมินไว้เป็นเรื่องรุนแรงถาวรมากน้อยแค่ไหน

จากนั้นเราก็ประเมินมูลค่าหุ้นใหม่

สำหรับผมเมื่อดูวิเคราะห์แล้ว
เห็นว่ายังดีอยู่ >> ก็ซื้อเพิ่มครับ
ถ้าไปไม่รอด >> ก็ขายทุกราคาครับ

สำหรับผู้ที่ใช้กราฟเทคนิคช่วยในการลงทุนด้วย จะ cut loss ทันได้ไงหล่ะครับ เข้าใจว่าก่อนงบออกกราฟคงไม่ได้บอกแนวโน้มก่อน

WHYDOWEFALL เขียน:สำหรับผู้ที่ใช้กราฟเทคนิคช่วยในการลงทุนด้วย จะ cut loss ทันได้ไงหล่ะครับ เข้าใจว่าก่อนงบออกกราฟคงไม่ได้บอกแนวโน้มก่อน

ในเวบนี้ สนับสนุนการลงทุนแนว VI ครับ

ถ้าต้องการสอบถามเกี่ยวกับทางเทคนิคคงต้องสอบถามที่อื่นครับ

ราคาหุ้นลงเยอะๆ หลังจากที่เราซื้อแป๊บเดียว แปลว่าเราเห็นไม่ตรงกันกับผู้ถือหุ้นรายอื่น (เราซื้อ แต่เขาขาย)

มันบอกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด สมมติว่ามีผู้ถือหุ้นใหญ่ซักคน บ้านไฟไหม้ ต้องขายหุ้นเอาเงินไปจ่ายซื้อบ้านใหม่ หุ้นสภาพคล่องน้อยโดยขายหนักๆ หุ้นตก 20% แบบนี้ต้อง cut loss ไหม?

ผมเพิ่ง cut loss มา ขอแชร์ประสบการณ์จริงเลยแล้วกันครับ
เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยที่เจองบ surprise แบบนี้ครับ ตอนเห็นงบก็อึ้งๆงงๆ แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่า ตั้งสติดีๆ คิดถึงเหตุผลตอนที่เราซื้อเปรียบเทียบกับข้อมูลงบการเงินที่อยู่ตรงหน้า ผมเข้าไปดูงบว่าปัญหามันอยู่ที่จุดไหน เหตุใดงบจึงออกมาผิดกับที่เราคิดอย่างมากมาย ผมพบเหตุผลที่ทำให้งบออกมาไม่ตรงตามคาดหลายอย่างครับ ซึ่งเหตุผลเหล่านั้นส่วนใหญ่ผมรับได้ เพราะยังอยู่ในวิสัยที่ประเมินได้และบริษัทสามารถบริหารจัดการให้ดีขึ้นได้ พอมองไปไกลๆก็รู้ว่าปัญหาเหล่านี้จะถูกแก้ไขแน่นอน แต่มีบางสิ่งที่ผมคิดว่าแสดงออกถึงศักยภาพการแข่งขันที่ลดลงของบริษัทและผมเองไม่มีความรู้เพียงพอที่จะประเมินว่าบริษัทจะกลับมามีศักยภาพในการแข่งขันอย่างเดิมตามที่ผมเคยประเมินไว้ได้หรือไม่ การแข่งขันอย่างรุนแรงจะดำเนินไปอีกนานเท่าไร คิดๆไปบริษัทที่ผมถือนั้นแม้จะไม่น่าจะขาดทุนอีกในอนาคต แต่ศักยภาพการแข่งขันที่ลดลงและภาพของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเป็นของจริงแน่นอน คืนนั้นผมนั่งคิดๆหาข้อมูลเพิ่ม ประเมินมูลค่าใหม่ สุดท้ายผมตัดสินใจขายครับ เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามแผนที่วางไว้ เป็นการตัดขาดทุนครั้งที่มากที่สุดในชีวิตการลงทุนของผม ก็ได้แต่บอกตัวเองครับว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียนครับ ว่าเราไม่เข้าใจตัวธุรกิจมากพอ ไม่เข้าใจอุตสาหกรรมมากพอ จึงทำให้ประเมินพลาดไปครับ

ถ้าลงหลังจากงบออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็ชอบบอกว่ากำไรตำกว่าคาด ซึ่งบางทีผลประกอบการก็ไม่ได้แย่แต่หลายๆตัวก็ลงเยอะ สงสัยคาดกันเยอะมากๆแหง แต่ที่ผมกลัวคือลงหนักก่อนประกาศผลประกอบการ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรแย่ๆหรือเปล่า อันนี้คงต้องอาศัยธรรมาภิบาลของผู้บริหารเป็นส่วนสำคัญ

ds105 เขียน:แต่ที่ผมกลัวคือลงหนักก่อนประกาศผลประกอบการ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรแย่ๆหรือเปล่า อันนี้คงต้องอาศัยธรรมาภิบาลของผู้บริหารเป็นส่วนสำคัญ

ผมเจออย่างนี้ผมจะเซ็งเลยหละคนที่ขายรู้งบก่อนได้ไงหรือว่าประเมินแม่น
ผมกำลังลุ้นอยู่ครับลงแบบไร้สาเหตุก่อนงบ Q3 นี้ออก

chatchai เขียน:เป็นสิ่งที่ดีที่บริษัทจะแจ้งงบการเงินหลังตลาดปิดแล้ว เพราะมีเวลาให้นักลงทุนวิเคราะห์อย่างเพียงพอ

ลองนึกภาพดูว่า ถ้าบริษัทแจ้งงบการเงินก่อนตลาดเปิดทั้งช่วงเช้า ช่วงบ่าย นักลงทุนบางส่วนคงไม่ได้รับรู้ข้อมูล และอาจจะมีเวลาวิเคราะห์ไม่เพียงพอ

เมื่อตลาดเปิด ราคาหุ้นผันผวน จิตใจนักลงทุนคงว้าวุ่นมาก

ส่วนจะทำอย่างไรดี

ก็ต้องนำข้อมูลใหม่มาวิเคราะห์ดูว่าเหตุผลที่ทำให้ผลการดำเนินงานต่างจากที่เราประเมินไว้เป็นเรื่องรุนแรงถาวรมากน้อยแค่ไหน

จากนั้นเราก็ประเมินมูลค่าหุ้นใหม่

เห็นด้วยครับพี่ฉัตร งบออกก่อนเวลาเปิด บางคนไม่มีเวลาไปเปิดงบ
หรือกลัวว่าจะไม่ทันสั่งซื้อสั่งขาย
ดูแต่รายงานบรรทัดสุดท้าย
ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายๆ

จริงๆแล้วอยากให้ตลาดเปลี่ยนกฎ ให้รายงานได้เฉพาะตอนหลังตลาดปิด
อีกยังเป็นการให้ความเสมอภาค กับ นักลงทุน ที่ทำงานประจำด้วยครับ

chatchai เขียน:เป็นสิ่งที่ดีที่บริษัทจะแจ้งงบการเงินหลังตลาดปิดแล้ว เพราะมีเวลาให้นักลงทุนวิเคราะห์อย่างเพียงพอ

ลองนึกภาพดูว่า ถ้าบริษัทแจ้งงบการเงินก่อนตลาดเปิดทั้งช่วงเช้า ช่วงบ่าย นักลงทุนบางส่วนคงไม่ได้รับรู้ข้อมูล และอาจจะมีเวลาวิเคราะห์ไม่เพียงพอ

เมื่อตลาดเปิด ราคาหุ้นผันผวน จิตใจนักลงทุนคงว้าวุ่นมาก

ส่วนจะทำอย่างไรดี

ก็ต้องนำข้อมูลใหม่มาวิเคราะห์ดูว่าเหตุผลที่ทำให้ผลการดำเนินงานต่างจากที่เราประเมินไว้เป็นเรื่องรุนแรงถาวรมากน้อยแค่ไหน

จากนั้นเราก็ประเมินมูลค่าหุ้นใหม่

ผมเคยครับพี่ฉัตร งบออกตอนเช้าก่อนตลาดเปิด แต่ผมประเมินไว้ล่วงหน้าเผื่อไว้ 2-3 กรณี ก่อนงบออก แล้วผมก็ cut loss ด้วยการ ATO สุดท้ายโดยรวมยังมีกำไร แต่เป็นในแบบ โชคดีในการลงทุน แต่ไม่ใช่ ฝีมือของการลงทุน ตามนิยามของ ดร นิเวศน์ เพราะผลไม่ได้ออกมาตามที่วิเคราะห์ไว้
หลังจากนั้นก็เจอบริษัทใหม่ เป็นบริษัทเดียวกับที่พี่ลงทุนอยู่นั่นแหละครับ

เรื่องcut lossให้พวกพี่ที่เก่งๆตอบแล้วกัน ส่วนผมนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าทำไมคำว่าMOSจะงมีความสำคัญในการลงทุน การลงทุนมีเรื่อง่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ผมว่าส่วนนึงอาจจะขึ้นกับต้นทุนด้วย ถ้ามันต่ำมากๆ แล้วสมมุติกำไรเราลดลงจาก 200%เหลือ 170% คงไม่ทำให้ต้องคัทลอสอะไร ถ้าตัวธุรกิจยังไม่เปลี่ยนขนาดนั้น ถ้ามันเปลี่ยนจาก ธุรกิจที่ยอดเยี่ยม เป็นธุรกิจที่ดี ต้องถามตัวเองว่าเราจะลงทุนในธุรกิจที่ดีได้ไหม แต่ปัญหาจริงๆอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนซื้่อ ว่า mos มีพอไหม

ถ้ามองใน Q4 ก็ยังคงมีแคมเปญเกทับกันอีกอ่ะนะคับ ค่าใช้จ่ายการตลาด การขาย ก็คงยังมากอยู่
ก็คงสู้ยิบตาคับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์นะ ดีจัง

เด๋วสักพักละคับ ถ้ามันจะแย่ไปอีก ก็คงต้องหันมาดูแล้วว่ามันไม่เกิดประโยชน์อะไร
แต่นี่ซิ ถ้าเค้าคิดว่ากลยุทธ์น้ำพระเอกขวดแก้วจะสร้างยอดขายเพิ่มได้อีก แล้วส่วนนี้จะมาชดเชยได้
ก็คงขยี้ออกานิคน้ำกันไปอีก จนกว่า ต. จะยอมเลิกสร้างภาพ

ส่วนเรื่องการโกอินเตอร์ ผมไม่แน่ใจว่าต่างชาติจะมีรสนิยมเหมือนบ้านเราที่ชอบน้ำหวาน
อย่างฮ่องกง ญี่ปุ่น เค้าก็ดื่มรสดั้งเดิม กลิ่น รส เว้นแต่อาจขายดีที่อินเดียดีนะ
ที่น่าสนใจ นับว่าเป็นนวัตกรรมก็ น้ำซ่านี่แหละ ที่ดูน่าสนใจ ถ้าทำขายอินเตอร์

แหมนะ ผบห. ก็เล่นออกข่าว ประกาศเพิ่มยอดขายเท่านั้นเท่านี้ นักลงทุนก็ฝันหวานและ
กำไรจะโตเท่านั้นเท่านี้ ไล่ซื้อกัน นึกว่าจะไปถึงสามร้อยและ สภาพคล่องก็ต่ำ
มะรุมมะตุ้มซื้อกัน แป๊ปๆ ราคาก็พุ่งแล้ว พอมันมีเซอร์ไพรซ ราคาก็ร่วงแรง
อันนี้เป็นข้อเสียอย่างนึงของหุ้นสภาพคล่องต่ำ และผลจากการแข่งขันที่รุนแรง
ซึ่งทำให้กำไรลดลงมาก สังเกตว่ายอดขายน้ำไม่ได้เพิ่มมาก แต่ต้องพยายามรักษา
ส่วนแบ่งตลาดอย่างถึงพริกถึงขิง ต. นี่น่ากลัวจริงๆ

แต่ยอดขายฝั่งอาหารดีนะคับ

น่าท้าทายดีนะคับ การลงทุนแบบนี้

สำหรับผมมันอยู่ที่ว่างบที่อยู่มาแย่มัน ชั่วคราว หรือ ถาวร

ถ้าดูแล้วชั่วคราว ก็ซื้อเพิ่ม

ถ้าดูแล้วแย่เลย ก็ขายทุกราคาครับ

ปกติมันควรจะเป็นชั่วคราวเพราะอาจจะมีอะไรเข้ามาขัดกำไรมากๆในไตรมาสนั้นๆและน่าจะพอรู้คร่าวๆแล้ว

แต่ถ้าเป็นกรณีที่คาดหวังเอาไว้มากๆแล้วงบออกมาไม่มากเทาที่คาดแค่ไตรมาสเดียวก็ต้องดู เหตุผลครับว่า
1. ทำไมเราถึงคิดว่ากำไรจะโดดได้ และ
2. ตอนนี้ยังคิดเหมือนเดิมไหม

ผมว่าพอรู้ว่าหมายถึงตัวไหนนะครับ

สำหรับผมถือมานานๆๆๆๆมากๆ3-4 ปีแล้วครับแต่ไตรมาสที่เพิ่งประกาศมาผมมองว่าสำคัญว่าบริษัทเปลี่ยนพื้นฐานไปในทางที่ดีหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่ครับ

ผมตัดสินใจขายไปแล้วก็จะรอซื้อเมื่อมันกลับมามี MOS เท่ากับที่ผมซื้อมาตอนแรกครับ (ตอนนั้นซื้อราคาเท่ากับเงินสดในบริษัท)

สิ่งที่ผมทำก็คือ

คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่บริษัทเจอเป็นสถานการณ์ ชั่วคราว หรือถาวร ??


ถ้าคิดว่าบริษัทต้องเจอสถานการณ์ที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง ... เสี่ยงต่อการเสีย market share

หนทางข้างหน้า ยากลำบาก หรือมองภาพอนาคตไม่ชัดเจน .... ผมขายครับ ... ไม่ต้องคิด


แต่ถ้าหากคิดว่าเป็นสถานการณ์ชั่วคราว (one time loss) ไม่ว่าสาเหตุใดก็แล้วแต่ผมไม่ขายครับ

หากมั่นใจมาก ๆ จะซื้อเพิ่มด้วยครับ ...

รู้สึกมั่นใจมาก สะบายใจมากที่ถือหุ้นตัวนี้
ไม่มีหุ้นตัวไหน ที่ทั้ง peต่ำมาก มีโกรทอีกเยอะ
เงินสดเพรียบ ราคาถูกมาก กำลังจะหาเงินมาซื้อเพิ่มอีก
รู้สึกโชคดีสุดที่เจอหุ้นตัวนี้ ตัวเรานี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ความรู้สึกทั้งหมดนี่ หายไปหมดทันที ที่งบออก
ตื่นเช้าหลังจากหลับอย่างปกติ แปลกใจเหมือนกันที่นอนหลับสนิท
เตรียมพร้อมในการขายอย่างเต็มที่
พอเห็นราคาเปิด ก็เปลี่ยนแผนจากขายเป็นตั้งซื้อที่ก่อนฟลอร์ 1ช่อง
ซื้อไม่ได้และไม่ได้ขาย พอร์ตเสียหายมาก แต่เชื่อว่าเอาอยู่
อ้อที่หลับสนิทเพราะฟังพระไตรปิฏกก่อนนอน

WHYDOWEFALL เขียน:ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ว่า งบออกมาไม่ดีมากๆ หรือออกมาไม่ได้อย่างที่นักลงทุนคาดหวัง ซึ่งงบมักจะออกตอนเย็น หลังจากนั้น ตอนเช้าหุ้นก็เปิดมาลบ 20 % กรณีนี้
1. ถ้าเป็นนักลงทุนแนววีไอรับมืออย่างไรครับ การ cut loss จำเป็นรึไม่ครับ
2. ถ้าเป็นนักลงทุนแนวเทคนิครับมืออย่างไรครับ การ cut loss จำเป็นรึไม่ครับ

หุ้นลงไม่น่าจะเกี่ยวกับ %

น่าจะเกี่ยวกับหุ้นขึ้นเกินพื้นฐานไปมาก

ยิ่งขึ้นเกินไปมาก ก็ลงได้มาก

เคสสมัยก่อน อิออน วิ่งจาก 50 ไป 250 อย่างรวดเร็ว

ตอนลง ก็จาก 250 เหลืิอ 87

แล้วก็เด้งไป 157 และแตกพาร์ หาร 5 เหลือ 30 กว่าๆ

ตอนหุ้นลง จะไปดูเปอร์เซ็นต์การลงได้อย่างไร

สรุปสุดท้ายก็ต้องกลับมาดูพื้นฐานอยู่ดี

บางทีหุ้นที่ตั้งใจจะรอซื้อมักจะขึ้นไปเรื่อยๆ พอตัดสินใจซื้อก็มักจะดอยทุกที ทำให้หลังๆก็จะไม่ซื้อถ้ามันขึ้นเกินราคาที่ตั้งใจ แต่บางตัวก็ขึ้นต่อไปอีกตั้งเยอะ ทำให้ตกรถอีก แต่การขึ้นไปเรื่อยๆก็ทำให้เกิดความคาดหวังสูง ถ้าเกิดอะไรที่ไม่เป็นไปตามคาดคงต้องมีการ Cut Loss อีกตามเคย

ถ้าพื้นฐานเปลี่ยน ขายทันทีครับ ไม่เกี่ยวกับว่ากำไรอยู่หรือขาดทุนอยู่ ราคาจะลงแค่ไหน
เปิด Floor ก็ตั้งขายที่ Floor ครับ