Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอเหตุผลด้วยนะครับ

กระทู้นี้จะถูกขุดมาเรื่อยๆ ในอีกหลายๆปี เพื่อดูว่า สิ่งที่พวกเราคิดไว้

เห็นภาพใหญ่ขนาดไหน

Media
- ทีวีดาวเทียม ยัง hot อยู่ ผู้เล่นยังเติบโตได้อีกเยอะเนื่องจาก Gap ค่าโฆษณากับฟรีทีวียังต่างกันอยู่เป็นสิบเท่า
- ประมูลทีวี digital เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพราะ demand ที่คนอยากดู HD ก็มีอยู่พอควร
- ฟรีทีวีอาจจะค่อยๆ แย่ลง ถ้าไม่หาช่องทางใหม่ๆ เพิ่ม

กลุ่มงานที่จะเข้าไปขุดทองที่ฝั่งตะวันตก ของไทย ครับ คล้ายๆ กับไปขุดทองแถวๆ ฝั่งตะวันตกของอเมริกา

ผมว่า "เงิน" เนื่องจากธุรกิจดีขึ้น ความต้องการ "เงิน" ย่อมจะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ดูจากตัวเลขหนี้ และหนี้สาธารณะ คนปล่อย "เงินกู้" ทั้ง เงินสด รถแลกได้ สินเชื่อส่วนบุคคล กดเงินก่อนผ่อนทีหลัง บัตรเครดิต ฯลฯ

ผมว่ากลุ่ม ค้าปลีก โรงพยาบาล และอาหาร ก็จะยังคงเป็นดาวรุ่งต่อไป
ทั้งในปีหน้าและปีถัดไป..

อีกกลุ่มคือสื่อสารครับ
โดยเฉพาะผู้ให้บริการอินเตอร์เน๊ตความเร็วสูง

media, อินเตอร์เน๊ตความเร็วสูง

ถ้าระยะสั้น 1 - 2ปีก็สื่อสารดิจิตอล
แต่ถ้ายาว 10 ปีและมั่นคงก็ Public utility เช่น ไฟฟ้า , น้ำปะปา , .... และไม่เร็วครับค่อยเป็นไปและไม่มีนโยบายรัฐมาขัดขวางเช่นลดแลกแจกแถม

เอ้า ลืมดู แล้ว ความเห็น จขกท. ล่ะครับ? คุณชูเกียรติ ว่าไง?

ผมเห็นว่าการที่ประเทศเราเริ่มเข้าสู่กลุ่มประเทศ Upper-Middle Income ในปัจจุบัน และอาจก้าวข้ามกำแพงเข้าสู่ประเทศ ็High Income ได้ในอีก 10 - 20 ปีนั้น จะส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับการ "อุปโภค-บริโภค" ในประเทศนั้นเติบโตได้อีกไกลครับ

อยากฟังความเห็นของคุณชูเกียรติเหมือนกันครับ

ขอเพิ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการบินด้วยครับ

ธุรกิจพลังงานทดแทนครับ แสง ลม. และชีวมวล เอามาทำไฟฟ้าได้ไม่จำกัดระยะเวลา ลงทุนสูงในปีแรกหลังจากนั้นรับเงินลูกเดียว

-ทีวีดาวเทียม (แต่ส่วนตัวไม่เชื่อครับว่าฟรีทีวีจะแย่ลง) แต่gapค่าโฆษณาคงค่อยๆลดลง
-พลังงานทดแทน (พลังงานหลักคงแพงขึ้นตามsupplyที่ลดลง)
-ประกันชีวิต (ทั้งเหตุผลในการออมและความมั่นคงในชีวิตในครอบครัว)
-สื่อนอกบ้าน (ทุกวันนี้คนใชัชีวิตบนถนนและนอกบ้านมากกว่าในบ้านแล้ว)

คิดออกเท่านี้

-สินเชื่อส่วนบุคคล
-บริการอินเตอร์เนตความเร็วสูง
-ขายสินค้าออนไลล์

อาหาร ค้าปลีกแนวออนไลน์ กลุ่มธนาคารและสินเชื่อ คะ

สินค้าที่เน้นลูกค้าหรือผู้บริโภคในประเทศ ดูจากทิศทางค่าเงินที่แข็งขึ้นทั้ง Asia ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ US /EU vs Asia โดยมีข้อแม้ คือ ประเทศเราต้องฉวยจังหวะนี้พัฒนาประเทศอย่างถ่องแท้ (ไม่ corruption) และไม่ทะเลาะกันจนปิดประเทศ (ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว (ผมเสียดายมากเลยตอนได้ยินว่า ตปท. ไม่มาลงทุนเพราะกลัวการเมืองไทย เช่น อดเล่น Universal ในไทนตอนเขาหนีไปลง sg TT^TT (ไปไกลละ)

ส่วน gadget น่าจะโตแน่ แต่ยังไม่รู้วิธีเดาว่าใคร จะ dominate ตลาดได้

“โต้ง” เผย 4 ปัจจัยหลักขับเคลื่อน ศก.ไทย ผ่านกลไกค่าแรง 300 บาทเป็นตัวเชื่อม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2555 12:27 น.



“กิตติรัตน์” เผย 4 ปัจจัยหลักขับเคลื่อน ศก.ปี 56 ย้ำขึ้นค่าแรง 300 บาทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กระตุ้นกำลังซื้อใน ปท. ขับเคลื่อน ศก.ชดเชยผลกระทบ ศก.หดตัวจากพิษ ศก.โลก เร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท พร้อมเป้าหมายลดปัญหาคอร์รัปชัน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อธุรกิจไทยในเวทีโลก ที่จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค โดยระบุว่า รัฐบาลมีความมั่นใจในการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องการผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และช่วยให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งขึ้น

โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต้องประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก คือ การส่งออก การส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ การใช้จ่ายของภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ ทดแทนระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกของไทยผ่านนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเกิดการพัฒนาศักยภาพแรงงานของตนให้ดีขึ้น ขณะที่ผู้ถูกจ้างต้องเพิ่มศักยภาพของตนให้เพิ่มขึ้นด้วย

“ค่าแรงที่สูงขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของการใช้จ่ายในภาครัฐได้มีการปรับปรุงแนวคิดค่าใช้จ่ายให้มีความต่อเนื่อง โดยการใช้พระราชบัญญัติในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน”

นายกิตติรัตน์ยอมรับว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปรุนแรงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคตไม่สามารถพึ่งการส่งออกเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป

ส่วนการเก็บรายได้ของประเทศ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่มอัตราภาษีแต่จะขยายฐานภาษีให้กลุ่มที่ยังไม่เสียภาษีให้เข้ามาในระบบให้ถูกต้อง ส่วนการใช้จ่ายรัฐบาลเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่าย โดยเฉพาะงบลงทุนจะต้องให้มีการเบิกจ่ายได้ตั้งแต่งบประมาณมีผลบังคับใช้



หาหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรมตามข่าวด้านบนได้เลย

สิ่งที่เกี่ยวของกินของใช้จำเป็นไม่ว่าผ่านไปอีกกี่ปีมันก็จำเป็นอยู่ ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารไงก็ไม่มีวันหายไปได้ผมคิดว่างั้น
-อาหาร
-พลังงาน

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวครับ เพราะทรัพยากรธรรมชาติและนิสัยพื้นฐานของคนบ้านเรา ก็ยังเป็นจุดแข็งเหมืิอนเดิม

pla_0072 เขียน:อาหาร ค้าปลีกแนวออนไลน์ กลุ่มธนาคารและสินเชื่อ คะ

เห็นตามนี้ด้วยครับ

smart phone ครับแรงดีไม่มีตก โดยเฉพาะ i phone
แฟนผมเพิ่งจะซื้อ ห้ามก็ไม่ฟัง กลายเป็น fashion สมัยนิยมไปแล้ว

ค้าปลีก สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ครับ

คิดว่าสื่อสารครับ

เทรนด้านมือถือกำลังมาแรง social network ก็กำลังบูม ผมเห็นคนหลายๆระดับก็จับมือถือจอสัมผัสเล่นกันแล้ว

คิดว่าตลาดด้านนี้อาจจะกำลังบูมครับ

ปล.มือใหม่ครับ ไม่รู้คิดถูกรึเปล่า รอดูเฉลยปีหน้า

CONNICHIWA เขียน:smart phone ครับแรงดีไม่มีตก โดยเฉพาะ i phone
แฟนผมเพิ่งจะซื้อ ห้ามก็ไม่ฟัง กลายเป็น fashion สมัยนิยมไปแล้ว

สำหรับในประเทศไทย ตัวอย่างคือตัวไหนอะครับ เพราะเข้าใจว่าไม่มีตัวเจ้าของ brand เอง มีแต่พ่อค้าคนกลาง

มอง ว่า สื่อ สาร ครับ ยิ่ง 3G มา กลุ่ม มือ ถือ ยิ่ง โต ครับ

สื่อสารแน่นอน

Dataยังโตได้อีกเพียบ

สิ่งที่ boom คือ
บริษัทจำพวกก่อสร้าง ส่วนที่เป็นพวกอสังหาอันนี้ได้จากดอกเบี้ย แต่การก่อสร้างล่าช้าเพราะหาคนสร้างไม่ได้
เนื่องจากว่า ตอนนี้งานภาครัฐเองก็มากมาย คือ งานรถไฟฟ้า งานก่อสร้างทางด่วน งานก่อสร้างเส้นทางถนน เป็นต้น
แถมด้วยมาตราการค่าแรง 300 บาททั่วประเทศไทย ทำให้คนงานขาดแคลนอย่างมากมาย

Mega Project ยังเยอะ

เดาว่า ธุรกิจก่อสร้าง กลาง และใหญ่อาจจะไปต่อได้จาก การรับรู้รายได้ปีที่ผ่านมา และ ที่กำลังทำอยู่ข้าง หน้า ที่งานยังเหลืออีกพอสมควร

งานล้น การแข่งขันแย่งงานน้อย ตรงกันข้าม เล่นตัวได้ NPM สูงขึ้น

ขออภัยที่ตอบช้านะครับ

ส่วนตัวมองว่า

1.โครงการเกี่ยวกับรัฐบาลครับ จำนำข้าว ยกเลิกขายเบนซิน91 ถมทะเล

2.อาหารที่กระทบจากภาวะโลกร้อน คิดว่าทุกปีอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ

พืชที่ใช้ น้ำ ทั้งหลายก้อาจจะมีขาดแคลนได้ครับ

3.เครื่องปรับอากาศครับ ผลจากภาวะโลกร้อน

4.สินเชื่อ ครับ เพราะคนคงเอาเงินไปผ่อนรถคันแรก บ้านหลังแรกหมด

สภาพคล่องน่าจะตึง อาจจะต้องพึ่งพิงสินเชื่อ

5.สินค้าขายคนรวย ครับ(ที่เป็นแบรนด์) อันนี้เป็น FACT

ตอนซัพไพรม์ หลุยวิสตองค์ พราด้า ไม่เคยขายได้น้อยลง ที่HK คนก้ยังช๊อปกันมันส์

6.ไฟฟ้า+ประปา ครับ

chukieat30 เขียน:ขออภัยที่ตอบช้านะครับ

ส่วนตัวมองว่า

1.โครงการเกี่ยวกับรัฐบาลครับ จำนำข้าว ยกเลิกขายเบนซิน91 ถมทะเล

2.อาหารที่กระทบจากภาวะโลกร้อน คิดว่าทุกปีอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ

พืชที่ใช้ น้ำ ทั้งหลายก้อาจจะมีขาดแคลนได้ครับ

3.เครื่องปรับอากาศครับ ผลจากภาวะโลกร้อน

4.สินเชื่อ ครับ เพราะคนคงเอาเงินไปผ่อนรถคันแรก บ้านหลังแรกหมด

สภาพคล่องน่าจะตึง อาจจะต้องพึ่งพิงสินเชื่อ

5.สินค้าขายคนรวย ครับ(ที่เป็นแบรนด์) อันนี้เป็น FACT

ตอนซัพไพรม์ หลุยวิสตองค์ พราด้า ไม่เคยขายได้น้อยลง ที่HK คนก้ยังช๊อปกันมันส์

6.ไฟฟ้า+ประปา ครับ

ติดใจตรงข้อ4ครับถ้าเป็นิย่างที่ว่าจริงๆ ผมคงต้องระวังเป็นพิเศษครับ

4.สินเชื่อ ครับ เพราะคนคงเอาเงินไปผ่อนรถคันแรก บ้านหลังแรกหมด

สภาพคล่องน่าจะตึง อาจจะต้องพึ่งพิงสินเชื่อ

5.สินค้าขายคนรวย ครับ(ที่เป็นแบรนด์) อันนี้เป็น FACT

ตอนซัพไพรม์ หลุยวิสตองค์ พราด้า ไม่เคยขายได้น้อยลง ที่HK คนก้ยังช๊อปกันมันส์

6.ไฟฟ้า+ประปา ครับ

ติดใจตรงข้อ4ครับถ้าเป็นิย่างที่ว่าจริงๆ ผมคงต้องระวังเป็นพิเศษครับ


หลังปีใหม่ก้อาจจะได้เห็นครับ คนส่วนมากโบนัสออกกินใช้สะพัด

คงเริ่มหนักกันตอนเปิดเทอม ใหญ่

ลองคิดเล่นๆนะครับ อาหารถ้าซื้อกินวันละ 400 ก้มีให้เห็นนี่แบบเซพๆแล้ว

ใครระดับเงินเดือนต่ำกว่า 30K เหนื่อยหน่อยครับ

ถ้าผ่อนบ้าน ผ่อนรถนะครับ