หุ้นกู้แปลงสภาพ. อ่านแล้วงงรบกวนผู้รู้ช่วยหน่อยครับ

[เม่าเสาะกราว]

http://www.set.or.th/set/pdfnews.do?fil ... 50067T.pdf


มีวิธีการแปลง2วิธี
แบบคงที่ร้อยละ130
กับลอยตัวร้อยละ90
มันแปลงตอนไหนยังไงพอดีมองไม่เห็นภาพอ่ะครับ.
จดทะเบียนเพิ่มไว้รอรับ. 450. ล้านหุ่น แต่ถ้าดูจากตาราง
ที่เขาทำไว้จะเห็นว่าประมาณ120ล้านหุ้นเท่านั้นเอง

[Tamจัง]

ผมไม่รู้ในเคสนี้นะครับ
แต่หุ้นกู้โดยปกติแล้วไม่ใช่หุ้นหรอกพอเรียกว่าหุ้นกู้เลยงงกันไป
มันคือเงินกู้ดีๆนี่เองแหละครับ ถ้าบริษัทมีปัญญาใช้เงินเขาจนหมด
ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่มีปัญญาใช้ เจ้าหนี้สามารถแปลงเป็นหุ้นได้
เมื่อถึงกำหนดชำระเงินนะครับ

[pak]

กลัวหายจาก Pantip
เอามาโพสต์เก็บไว้ที่นี่ดีกว่า!!!

[pak]

จากการประชุมเมื่อวานนี้ ผมเองคงไม่มีข้อมูลอะไรจะมาบอก
นอกจาก "ความรู้ความเข้าใจ" เรื่อง "หุ้นกู้แปลงสภาพ" หรือ Convertible Debenture
เชิญคุณเข้าสู่โลกแห่ง "ตราสารหนี้" และ "ตราสารทุน" ได้ ณ บัดนี้ครับ

[pak]

1) เราเริ่มต้นจาก "ข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพ หรือ Convertible Debenture(CD)"
สำหรับกรณีศึกษาของบริษัท PAE
หุ้นกู้แปลงสภาพ มีอายุ 3 ปี
อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2 ต่อปี

แต่เงื่อนไขด้านล่างนี้ อ่านแล้วเข้าใจยากมาก...ใช่ไหมครับ???

ผมจะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยจะยกตัวอย่างประกอบนะครับ

[pak]

2) สมมุติว่า เมื่อ "ผู้ถือหุ้น" ได้อนุมติผ่านมติดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
บริษัท PAE ได้ดำเนินการทำสัญญาฯกับ AO Fund ทันที ภายในวันที่ 28 ธ.ค. 55

ดังนั้น "วันทำสัญญาฯจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ" คือ วันที่ 28 ธ.ค. 55

ซึ่ง "วันที่ในการทำสัญญาฯ" นั้น จะมีผลต่อ การแปลงแบบคงที่(Fix) สำหรับหุ้นกู้แปลงสภาพ ชุดที่ 1 เท่านั้นครับ

แต่การแปลงแบบคงที่(Fix) สำหรับหุ้นกู้ฯในชุดที่ 1 นั้น
ถ้าจะแปลงสภาพ จะต้องซื้อที่ 130% ของราคาเฉลี่ย 45 วันทำการ นับจาก "วันทำสัญญาฯ"

ซึ่งหากมีการทำสัญญาฯในวันดังกล่าวจริง
ราคาเฉลี่ยเราสามารถคำนวณย้อนหลังได้ นั่นคือประมาณ 1.25 บาท (สมมุตว่าทำสัญญาฯในวันที่ 28 ธ.ค.55)

ดังนั้น 130% จึงประมาณเท่ากับ 1.625 บาท


สรุปได้ว่า
ถ้าจะแปลงโดย Option คงที่(Fix) สำหรับหุ้นกู้ฯชุดที่ 1 นั้น จะต้องซื้อที่ราคา 1.625 บาทครับ


แต่....
ในวันนี้ จะยังไม่มีการจ่ายเงินจริงๆกันเลยสักบาทครับ!!!
เค้าแค่ทำสัญญาจองซื้อกันเฉยๆ


ทั้งนี้ Process ที่เกิดขึ้นจริง จะเป็นอย่างไร? โปรดติดตามต่อไปครับ

[pak]

3) กล่าวให้ง่ายที่สุด คือ...
"ปัจจุบัน PAE ได้ยกตู้ ATM มาวางไว้หน้าบริษัทฯเรียบร้อยแล้ว"

Process ที่แท้จริง คือ...

ทุกอย่างจะเริ่มต้นจาก "บริษัท PAE" ครับ
โดยเมื่อ PAE ต้องการใช้เงิน จะไปทำการ Draw เงินจาก AO Fund

จะใช้เท่าไหร่ก็บอกเค้าไป
โดยหุ้นกู้ฯ ชุดที่ 1 ได้กำหนดไว้ให้แบ่งเป็น 20 Slot
โดยมีมูลค่า Slot ละ 0.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (12.5 ล้านบาท)


PAE ควรเรียก Draw เงินเท่าที่จำเป็น(จะต้องใช้)เท่านั้นครับ
เพราะมี "ดอกเบี้ย" และระยะเวลาในการ Draw เงินจะส่งผลต่อราคาในการแปลงสภาพของ Slot นั้นๆ


ต่อนะครับ
> สมมุตว่า PAE ขอ Draw เงินไปวันที่ 1 ม.ค.56
> เงินจะเข้ามาจริงๆ ประมาณวันที่ 7 ม.ค.

> และหลังจากนั้นประมาณ 3 วัน บริษัทฯจึงออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับ AO Fund เราเรีกยสิ่งนี้ว่า "ตราสารหนี้"


เมื่อเราเอาเงินเข้ามา เปรียบเสมือน "การกู้เงิน" ครับ หรือ เราออกเป็น "ตราสารหนี้"

ซึ่งตราสารหนี้ นี้เอง จะซื้อขายเปลี่ยนมือในเมืองไทยไม่ได้

แต่ AO Fund สามารถเปลี่ยน "ตราสารหนี้" ดังกล่าว เป็น "ตราสารทุน" ได้ครับ โดยการ "แปลงสภาพ"
และเมื่อเปลี่ยนสภาพเป็น หุ้นสามัญ แล้ว เค้าก็สามารถทำการซื้อขายในตลาดได้ปกติครับ

[pak]

4) หลักการของการแปลงสภาพ คือ "Slot ใคร ก็ Slot มัน"

แต่ละ Slot จึงมี Timing ที่อาจไม่เหมือนกัน
แต่ละ Slot นั้น ทาง AO Fund สามารถจะแปลงสภาพด้วย Fix หรือ Float ก็ได้ เป็น Option ที่เค้าเลือกได้ (เป็นอิสระต่อกัน)


สำหรับ หุ้นกู้ฯ ชุดที่ 1 นั้น...

ถ้าเค้าเลือกใช้การแปลงแบบคงที่(Fix) นั้น คือราคาที่ 1.625 บาท

ดังนั้น ทาง AO Fund จะเปรียบเทียบทั้ง 2 แบบระหว่าง Fix กับ Float ว่า "แบบไหนที่เค้าจะได้จำนวนหุ้นมากกว่า ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน"
โดยจะขึ้นอยู่กับเวลาที่เค้าได้รับ "ตราสารหนี้" ไปจากเรา
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเวลาหรือเราไป Draw เงินออกมา หรือเรียกได้ว่าขึ้นกับความจำเป็นในการใช้เงินของ PAE


โดย Slot แรกๆ นั้น
เช่นจากตัวอย่างข้างบน เค้าได้รับตราสารหนี้ไปในวันที่ 10 ม.ค. นั้น

เค้าจะแปลงทันทีก็ได้ หรือจะรอเกือบหมดอายุ แล้วค่อยแปลงก็ได้ โดยเค้าต้องพิจารณาความสามารถในการทำกำไร และการเติบโตของบริษัทฯประกอบกันไป
(หรือถ้าเค้าจะไม่แปลงเลยก็ได้ ซึ่งเค้าก็จะได้รับเป็นดอกเบี้ย 2%ต่อปี ซึ่งเค้าคงไม่อยากได้ เพราะมันน้อยมากๆ ไม่คุ้มค่า)

และสมมุตว่าถ้าเค้าเลือกที่จะแปลงสภาพเลยทันที ในวันที่เค้าได้รับตราสารหนี้มา
ถ้าเค้ามองการแปลงแบบลอยตัว (Float) นั้น
เมื่อนับถอยไป 45 วัน จะไปเจอเอาช่วงปลายๆ มีราคาปิด 3 วันติดต่อที่ราคาประมาณ 0.90 บาท (เป็นราคาโดยประมาณ)

ซึ่งการแปลงแบบลอยตัวจะใช้ราคา 90% ของ 0.90 บาท คือ 0.81 บาท


ดังนั้น สำหรับ Slot แรกๆ นั้น
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน จะได้ว่า...
"Fix = 1.625 บาท และ Float = 0.81 บาท"
จึงแทบไม่ต้องคิด AO Fund บอกว่า "กรุเอา Float แน่ๆ!!!"


แต่ถ้าทาง PAE ขอใช้เงินช้าออกไปเรื่อยๆ หรือดึงเวลาช้าไปสักหน่อย
เช่น Draw เงินช้าออกไปอีกเพียง 5 วัน ราคาย้อนหลังจะเกินหนึ่งบาทไปหมดแล้วครับ

ดังนั้น PAE ควรจะชะลอการใช้เงินออกไปก่อน เพื่อความได้เปรียบของบริษัทฯ
สรุปว่า บริษัทฯควรหาจังหวะที่ดีในการ Draw เงิน
(แต่จริงๆแล้ว ผมมองว่า มันก็ถือว่าถัวๆกันไปอ่ะนะครับ
คือ Slot แรกๆเค้าอาจจะได้แปลงในราคาถูก แต่ Slot หลังๆ ก็ต้องแปลงที่ราคาสูงขึ้น ถือเป็นการเฉลี่ยต้นทุนกันไปครับ)

เพราะการแปลงสภาพ จะส่งผลโดยตรงต่อส่วนเกินและส่วนต่ำมูลค่าหุ้น
แปลงต่ำกว่าราคาพาร์ >> มีส่วนต่ำมูลค่าหุ้น
แปลงสูงกว่าราคาพาร์ >> มีส่วนเกินมูลค่าหุ้น
และ "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น" นี้เอง บริษัทฯสามารถนำมาล้างขาดทุนสะสมได้

...กล่าวได้ว่า "นี่เป็น Key Success Factor ที่สำคัญของบริษัทฯ" เลยนะครับ

[pak]

5) สรุปว่า...

"Slot แรกๆ" ผมเชื่อส่วนตัวว่า "เค้าจะเลือกใช้การแปลงแบบลอยตัว(Float) ครับ

แต่ Slot หลังๆ เมื่อหุ้นแพงขึ้นเรื่อยๆ นั้น
"90% ของราคาปิด 3 วัน(มองย้อนหลังไป 45 วัน) อาจแพงกว่า "130%ของราคาวันทำสัญญา(หรือ 1.625 บาท)"


ดังนั้น หลังๆ เป็นไปได้สูงที่เค้าจะเลือกแบบคงที่(Fix) ครับ


ปล.
AO Fund นี้เคยลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพในบริษัทฯของไทยมาแล้ว 2 บริษัทฯครับ
PAE จะเป็นบริษัทฯที่ 3 ครับ
กล่าวคือ...

บริษัทฯที่ 1. SOLAR จำนวน 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์
บริษัทฯที่ 2. TSF จำนวน 5 ล้านเหรียญสิงคโปร์
บริษัทฯที่ 3. PAE จำนวน 20 ล้านเหรียญสิงคโปร์

[pak]

6) แต่ก็นั่นแหล่ะ...

ถ้าเราไปกำหนดราคา Fix ไว้เพียงราคาเดียวที่ 1.625 ตลอดชาติ นั้น
PAE จะเสียเปรียบมาก!!!

บริษัทฯ PAE จึงทำการแบ่งหุ้นกู้ ออกเป็น 2 ชุด
ทั้งนี้เพื่อให้ "ชุดที่ 2" มีการคำนวณราคา Fix กันใหม่ในอนาคต
ซึ่งน่าจะสูงกว่าราคาเดิมครับ

นี่คือ "Standard Package" หรือเงื่อนไขมาตรฐาน ที่เค้าใช้กันทั่วไปในตลาดประเทศสิงคโปร์ครับ

ถือว่า...
เป็นการเปิดช่องให้กับทุกฝ่าย
และเป็นธรรมต่อทั้ง "ผู้กู้" และ "ผู้ให้กู้" ครับผม


แต่ทั้งหมดที่ผมเขียนมานั้น อย่าลืมว่า...
บริษัทฯอาจมิได้จะเติบโตได้เท่านั้น บริษัทฯอาจจะล้มเหลวในอนาคตก็ย่อมได้!!!

ดังนั้น "ผู้ให้กู้" เค้าจึงต้องมอง Fundamental ของบริษัทฯ
รวมถึงตัวเลขต่างๆที่ Projection ทั้งในส่วนของรายได้ และกำไร
เสมือนเค้าต้องถามว่า...
"กรุต้องรู้ว่า มรึงจะเอาเงินกรุไปทำอะไร? มีโอกาสกำไรหรือเจ๊งอย่างไรบ้าง?"


จบแล้วครับ
หวังว่า คงจะได้รับประโยชน์บ้างนะครับ
กับความรู้เรื่อง "ตราสารหนี้" และ "ตราสารทุน" ที่เรียกว่า หุ้นกู้แปลงสภาพ หรือ Convertible Debenture ครับผม


ขอบคุณมากๆครับ
pak ThaiVI _/\_

[T_0007]

ช่วยพี่ pak ด้วย มีอีกตัวอย่าง คือ หุ้นกู้แปลงสภาพ ของ bts ครับ
จะมีเป้าราคาที่หนึ่ง ถ้าซื้อหุ้นกู้ แล้วราคาหุ้นไม่ถึงก็จะได้ ดอกเบี้ยของหุ้นกู้ไปเรื่ิอยๆ แต่ถ้าราคาหุ้นถึงราคาที่ตกลงไว้ ตัวหุ้นกู้ก็จะมีสิทธิ์แปลงเป็นหุ้นทันทีตามที่กำหนดไว้. จึงถือว่าความเสี่ยงค่อนข้างน้อย เพราะว่าอย่างไรก็ได้ดอกเบี้ย ถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้น (แต่ที่สังเกต ดอกของหุ้นกู้แปลงสภาพ มักจะน้อยกว่าหุ้นกู้ครับ)

โดยปกติ มักออกโดยบริษัทที่ rating ไม่ค่อยดี ต้องการการการันตี แต่ต้องการจ่ายดอกเบี้ยต่ำด้วยเหตุผลบางอย่าง

[T_0007]

อีกตัวในอดีตที่คล้ายๆ แต่เป็นการการันตีจากบริษัทอื่น คือ bcp-dr1