Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งตอนนี้สนใจจะลงทุนหุ้นเพราะเห็นว่าตอนนี้ตลาดให้ผลตอบแทนสูง
เขาบอกว่าจะซื้อกลุ่มธนาคาร ผมก็เลยถามเขาว่า พื้นฐานธุระกิจของธนาคารเป็นยังไง
intrinsic value เป็นเท่าไรราคาหุ้นเกินมูลค่าไปมากไหม เขาไม่สนใจจะตอบสิ่งที่ผมถาม
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมถามถึงอะไร เพื่อนผมบอกกูจะซื้อ

แฟนผมโทรมาบอกว่าเพื่อนที่รู้จักเพิ่งลงทุนได้ไม่ถึง 6 เดือนได้กำไรมากเลยตั้ง 8 หมื่นบาท จากเงินต้น
2 แสน ไม่เห็นต้องวิเคราะห์บริษัท อ่านหนังสือเยอะๆ ไม่ต้องไปสัมมนาเหมือนเธอ ผมถามแฟนว่าแล้วเขาทำยังไง
เขาก็วิเคราะห์ npv mirr แนวโน้มภาพใหญ่ของเศษรฐกิจ อ่านข่าว ผมก็เลยตอบแฟนไปว่า เขาโชคดีนะวาสนาดี
ส่วนผมบอกแฟนว่าไอ้ตัวผมนั้นกลัวความสูง ขึ้นที่สูงไม่ได้แข้งขามันสั่น ผมเคยเจ็บมาแล้วก็เลยจำ

บรรยากาศช่วงนี้ช่างเหมาะกับประโยคที่ว่า ถ้าคนขับ taxi พูดถึงการทำกำไรจากหุ้น มันควรเป็นเวลาที่
นักลงทุนต้องระลึกถึงอะไรซักอย่างหนึ่ง แล้วใครล่ะที่ไม่ได้กำไรในช่วงนี้ ถ้ามีแต่คนได้กำไร แล้วคนขาดทุนมันไปอยู่ที่ไหน
สงสัยจังครับ ช่วยบอกทีเจ้านาย

ถ้าจะถามว่า คนที่ขาดทุนหายไปไหน

ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับคำว่า

" การศึกยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร " ครับ

หลังงานเลี้ยงที่ร้อนแรงเลิกราแล้ว นั่นแหละครับ คนขาดทุน จะปรากฏออกมาให้เห็นครับ

นั่งดู FB แล้ว เจอกราฟนี้ในที่ไหนสักแห่ง
เลยนึกถึงคำถามของคุณ CONNICHIWA อ่ะนะครับ
เออ...คนขาดทุนมันอยู่ไหนหว่า???


ปล.
ชื่อหุ้นไม่ได้สื่ออะไรทั้งนั้นนะครับ

อาหารกำลังเสริฟเลยไม่อยากลุกไปไหน รอกินอิ่มใครลุกช้าก็จ่าย
ผมชอบนั่งจิบเบียร์ต่อด้วยสิ

tigerroad197 เขียน:ถ้าจะถามว่า คนที่ขาดทุนหายไปไหน

ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับคำว่า

" การศึกยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร " ครับ

หลังงานเลี้ยงที่ร้อนแรงเลิกราแล้ว นั่นแหละครับ คนขาดทุน จะปรากฏออกมาให้เห็นครับ

ถ้าบริษัท ไม่เจ๊ง การศึกไม่มีวันจบ สมมุติว่าพรุ่งนี้หุ้นตก 50% เดือนหน้า ปีหน้ามันก็จะกลับมาใหม่
ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน

คนขาดทุนไม่ใช่ไม่มีครับ แค่ไม่พูด

รายงานตัวคับ

น่าจะแบบว่า เวลาได้พูดต่างๆนาๆ ยังโง้นยังงี้ เวลาเสียนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่เล่า

ไม่ได้หายไปไหน แต่ไม่อยากบอก


คงจะ เขิลลลลลลล กันมั้งครับ

คนตายไม่ได้พูด

คนชนะเขียนหน้าประวัติศาสตร์ และ สถาปนาตัวเองเป็น เซียน ครับ

คนชนะอีกส่วน ก้ไม่สถาปนาตัวเองเป็นเซียน

แต่เก็บป้ายชื่อที่สลักบนศพที่ตายไป และนำป้ายชื่อเหล่านั้นไปให้คนรุ่นหลังที่อยากเข้าไปรบ

ได้ดูจะได้รู้ว่า ในสงคราม ไม่มีคำว่า เพื่อนแท้ ศัตรูถาวร หรือ คำว่าปราณี ครับ

เพื่อให้คนที่จะมารบในยุคหลัง เข้าใจถึงจุดอ่อน ของคนที่ตายในยุคแรก

ครั้งหนึ่งอาจจะแพ้ แต่ถ้าคนหลังยิ่งเก่งขึ้นๆ บางที สักวัน เราอาจจะมีชื่อในป้ายศพ

ที่เค้าเก็บไป คับ

ดังนั้น การอยู่ในตลาดหุ้นได้ยาวนานและประสบความสำเร็จ

ถ้าไม่แกร่งพอ ศพแรกอาจจะเป็นคุณ หรือ ผม หรือ คนข้างๆ

สมัยก่อนการรบเป็นเพียงแค่ เหมือนคนป่า ปัจจุบัน นี้เหมือนการรบแบบเต็มรูปแบบ

คนที่เก่งระยะไกลใช้ปืนสไนเปอร์ ก้อาจจะพลาดท่า ถ้าเจอระยะประชิดแบบปืน AK47

หรือ M16


ดังนั้น ถนัดปืนอันไหน เงื่อนไขแบบไหน ก้จงใช้อันนั้น เล่นในเกมที่เราได้เปรียบ

แล้วคุณจะไม่แพ้ ครับ

มี demand ก็มี supply มีคนซื้อ ก็มีคนขายครับ

ต้องคู่กัน มีคนกำไร ก็มีคนขาดทุน ไม่ได้หายไปไหน

เพียงแต่ จะมีการออกมาโพส กันไม๊

อดีต เราเป็นผู้แพ้ ปัจจุบัน ถ้ายังแพ้อยู่ ก็ควร กลับไปศึกษาเพิ่มเติม

ถ้าปัจจุบัน เราชนะ ก็อย่าพึ่งเหลิงดีใจ เพราะ วันข้างหน้า เราอาจเป็น

ผู้แพ้ ได้ บทเรียนเก่าๆ เป็น ความรู้เรียนลัดแก่ คนรุ่นใหม่ ให้ต่อยอด

ได้อย่าง ไม่ต้องลงทุน มีประวัติศาสตร์ให้ศึกษากัน

คนรุ่นเก่าๆ ก็จะได้เปรียบคนรุ่นใหม่ ๆ ในเรื่อง ประสบการณ์ ความอึด

ความถึก และ ความเก๋า

ตลาดหุ้นมีทั้งผู้แพ้ และ ผู้ชนะ เป็นได้ทั้งผู้ชนะ และผู้แพ้

ฉะนั้น ความรุ้ และประสบการณ์ จะเป็นตัวนำให้เรารอดพ้น จากผู้แพ้

เข้ามารายงานตัวอีกคนครับ

หุ้นที่มีกำไรหดลงๆ
หุ้นที่กำลังจะซื้อพุ่งขึ้นๆ
เซ็ง
เก็บก็เก็บไม่ได้ ขายก็ขายไม่ออก

ไม่ได้หายไปไหนครับ อยู่ตรงนี้หนึ่งคนคร้าบ

เพื่อนผมขาดทุนก็พอมีบ้าง

ถ้าหมายถึงเทศกาลช่วงนี้ ช่วงที่กำลังทำสถิติใหม่ ในรอบ16 ปี

ดูแล้ว เหมือนผู้โดยสารในรถแต่ละคัน กำลังแลกเปลี่ยนที่นั่งไปรถคันใหม่ กันอย่างสนุกสนาน.

โดยมี กติกาบังคับว่า
1. ถ้าไม่มีคนลุกจากที่นั่ง คุณก็จะขึ้นไปนั่งบนรถคันนั้นไม่ได้
2. คุณจะลงจากรถคันที่นั่งอยู่ไม่ได้ ถ้ายังหาคนมานั่งแทนคุณไม่ได้

ส่งผลให้
-คนอยากจะลงจากรถคันที่นั่งมา อย่างด่วนๆ ต้องเสนอเงื่อนไขให้คนมานั่งแทนที่แบบพิเศษมากขึ้น
-ส่วนคนที่อยากไปนั่งบนรถคันที่หมายปอง ก็ต้องเสนอเงื่อนไขแบบพิเศษมากขึ้นเช่นกัน เพื่อให้คนที่นั่งอยู่ก่อนยอมลงมาให้มีที่ว่าง

กำไรหรือขาดทุน เลยยัง งงๆ อยู่ จะสรุปเลยดีไหม?
หรือจะรอให้หมดเทศกาลนี้ หรือ ให้ฝุ่นจางก่อน ค่อยสรุปอีกครั้ง?

หุ้นไม่ใช่ zero sum game ถ้าเป็นพวก derivative, future อาจจะใช่
ตอนขึ้นทั้งตลาด คนส่วนใหญ่ได้กำไร ผมว่าไม่แปลกนะ ได้มากได้น้อยกว่าตลาดก็ว่ากันไป
คนที่ขาดทุน ถ้าไม่ไปเล่นเก็งกำไร ก็แพ้ภัยตัวเอง

ยังไงก็ตาม บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตอย่างยั่งยืน
ดังนั้นควรมองข้าม shot ไปดูตอนหุ้นฟุบครับ คนที่ยืนอยู่ได้นั่นแหละเก่งจริง

สงครามไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหารครับ

ผมเริ่มเห็นพ้องกับบทความของท่าน อ.ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร (งานเลี้ยงที่กำลังร้อนแรง)

โดยผมขออนุญาตยกบทความบางช่วงบางตอนมาเปรียบกับเหตุการณ์ที่ผมเจอ

++ในบทความ (งานเลี้ยงที่กำลังร้อนแรง) ตอนหนึ่งว่า

+++++++++ผมคิดว่าความจำเป็นที่จะต้องออกจากตลาดในเวลานี้ยังไม่มาก ที่เหนือกว่านั้นก็คือ ผมคิดว่าความเสี่ยง

ที่หุ้นจะปรับตัวลงแรงยังไม่สูง ในขณะเดียวกัน โอกาสที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นไปอีกมากก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่เพราะว่าหุ้นถูก แต่

เป็นเพราะว่าความสนใจลงทุนในหุ้นไทยโดยคนไทยเองและอาจจะต่างชาติบางกลุ่มก็อาจจะยังสูงอยู่ ดังนั้น หุ้นต่อจากนี้

ไปอีกระยะหนึ่งอาจจะยังวิ่งขึ้นไปสูงลิ่วได้ เหมือนกับงานเลี้ยงที่เข้าสู่ชั่วโมงสุดท้ายที่จะ “สนุกและมันที่สุด” และถ้ามัน

เป็นอย่างนั้น ผมก็คงเตรียมตัว “กลับบ้าน” ก่อนที่งานจะเลิก นั่นคือ ถอนตัวจากตลาดหุ้นก่อนที่มันจะปรับตัวลงแรง

เนื่องจากราคามันสูงเกินพื้นฐาน

##### จากบทความบางช่วงของท่านอาจารย์ ผมเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่แฟนผมบอกเพิ่มเติม
เธอเล่าให้ผมฟังเพิ่มว่าเพื่อนคนดังกล่าว ได้เพิ่มเงินลงทุนอีก จาก 2 แสนบาทเป็น 4 แสนบาท
ผมคิดว่าบรรยากาศช่วงนี้ คงคล้ายกับหน้าเวทีหมอลำซิ่ง ที่มีแต่วัยรุ่น ออกมาเต้นหน้าเวทีด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
ฝุ่นตลบอบอวลไปหมด บางครั้งการเต้นต้องการพื้นที่มากเลยพาลไปเยียบเท้าผู้อื่น เป็นเห็นให้เกิดการตะลุมบอนกัน
ทุกครั้งไป

ผมคิดว่ายังไม่มีคนขาดทุนชัดเจนหรอกครับช่วงนี้ ... และตลาดก็เหมือนจะโตเร็วกว่าพื้นฐาน ... ติดง่ายๆว่าถ้า SET คือตัวแทนประเทศไทย GDP ก็เป็นตัวแทน Earnings .. GDP คาดว่าจะโต 5% .. แต่ Price YTD ปาเข้าไป +30% กว่า .. มันก็เหมือนกับในตัวอย่างแรก .. คนที่เคยนำเงินไปเก็บไว้ใน Bank, ฝังไว้ในตุ่ม, เอาไปปล่อยแชร์, เอาไปซื้อขนมกิน, ... กำลังเปลี่ยนเอามาอัดในตลาดหุ้น ราคามันก็เลยสูงขึ้นเรื่อยๆ เลยยังไม่มีใครขาดทุน เพราะคนยังไม่บ้าเห่อ (งานเลี้ยงยังไม่เลิก)

แต่ที่น่ากลัว คือ หลายคนที่เข้ามาก็เข้ามาอย่างไม่มีเหตุผล .. มิฉะนั้นเวลาเขาออกกัน เขาก็จะออกแบบไม่มีเหตุผลเช่นกัน (มันขึ้นแรง ถึงลงแรง) ... มว๊ะะ .. อธิบายเหมือนผู้รู้แต่ผมก็ไม่ได้ผ่านช่วง 40 เหมือนบรรดาพี่หลายๆคนนะ น่าจะตัวจริงมาอธิบายได้ลึกซึ้งกว่า

รายงานตัวอีก 1 คน มีคนขาดทุนแน่นอนครับ

แฟนผม 4 เดือน แรก กำไร 65 % จาก rml และ siri

ผ่านมาจะ 12 เดือนละ กำไรเหลือ 40% โดนจาก RML และอีกหลายตัว เน้นๆ

คือนับจำนวน total asset ใน port (เงินสด + หุ้น) นะครับ

สรุป ตั้งแต่ เดือน 5 ถึง ปัจจุบัน ขาดทุน 25% ครับ หลายแสน ^^

ปีนี้พอร์ตรวมไม่ถึงกับขาดทุนค่ะ แต่ได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
งานเลี้ยงตอนกลางปีเพลินไปหน่อย ลุกจากโต๊ะช้านิดนึง

ตอนนี้ซื้ออะไรก็จะระวัง ดูสินค้าละเอียดขึ้น

มารายงานตัวด้วยคร๊าบบ

ส่วนใหญ่จะขาดทุนกำไรกันนะคับปีนี้ แม้ว่าบอลไทยจะไปบอลโลกไม่ได้ แต่หุ้นไทยไปหุ้นโลกได้แล้วคับ

เห็นมีเพื่อนหลายคนขาดทุน

อยากทราบว่าขาดทุนตัวไหน แล้วทำไมถึงลงทุนตัวนั้นครับ

ยกตัวอย่างถ้าใครที่ลงทุนกลุ่มสินค้า IT เช่น IT , SIS ปีนี้ขาดทุนแน่นอน

ย้ำครับ "หุ้นไม่ใช่ Zero Sum Game" ไม่ใช่การพนันที่ต้องมีเจ้ามือไม่ใช่มีคนได้แล้วต้องมีคนเสียครับ
ขาดทุนมีแน่ , กำไรมีแน่

หุ้นขาขึ้นเป็นpositive sum game ครับ

ใว้นับศพตอนขาลงดีกว่า

กำไรแต่
ขาด 'ทุน' ครับ

ขาดเงินทุน

ผมนับกำไรขาดทุนเมื่อขายหุ้นแล้ว
หุ้นในพอร์ตไม่นับเพราะราคามันเหวี่ยงขึ้นลงรอซื้อเพิ่ม
และรอปันผลครับ

การลงทุนเป็น positive sum ครับ
ส่วนตลาดหุ้นเป็นได้หมด positive || negative || zero
ขึ้นอยู่ว่าคุณเข้ามาหรือออกไปแบบไหน

เดี๋ยวตลาดทำสะพานโค้งใหญ่ ๆ ซักรอบสองรอบ ขอขุดกระทู้มานับกับหน่อยนะครับ