หน้า 1 จากทั้งหมด 1

่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 21, 2012 3:56 pm
โดย syj
การเงิน - การลงทุน
วันที่ 21 ธันวาคม 2555 14:59
แห่จองรถคันแรกกระฉูด คาดทะลุ1.2ล้านคัน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า คาดยอดผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการรถคันแรกของรัฐบาลจะอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน เมื่อสิ้นสุดโครงการในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ บรรยากาศ การยื่นขอใช้สิทธิ์ในโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ยังคงคึกคัก แม้ว่า ปัจจุบันยอดการยื่นขอใช้สิทธิ์ จะลดลงจากช่วงที่เคยมีการยื่นขอใช้สิทธิ์ สูงสุดวันละ 4 หมื่นคัน มาเหลือวันละ 2 หมื่นคันแล้วก็ตาม

สำหรับยอดผู้ใช้สิทธิ์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา มีการยื่นขอใช้สิทธิ์คืนภาษีไปแล้ว 1.1 ล้านคัน คิดเป็นเม็ดเงินภาษีที่รัฐบาล จะต้องทยอยขึ้นให้กับผู้ซื้อรถคันแรกรวม 7.3 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่ยังเหลืออยู่อีก 1 สัปดาห์ก่อนที่จะสิ้นปีนี้ คาดว่า ยอดการขอใช้สิทธิ์ น่าจะพุ่งขึ้นไปถึง 1.2 ล้านคัน

ส่วนกรณีบริษัทฮอนด้า ที่ร้องเรียนกรณีกรมสรรพสามิต ให้สิทธิ์รถโตโยต้า Visos Minor change เข้าข่ายที่จะได้รับสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกของรัฐบาลด้วย ว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจาก รถยนต์รุ่นดังกล่าว ยังไม่มีการวางขายในตลาดและยังไม่มีการผลิตรถรุ่นดังกล่าวออกมาให้เห็นนั้น นายสมชาย กล่าวว่า บริษัทโตโยต้าได้ทำตามเงื่อนไขของกรมสรรพสามิตแล้ว เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขกรมก็ต้องดำเนินการให้สิทธิ์

"ทางบริษัทโตโยต้าเขาได้ทำตามเงื่อนไขในโครงการรถยนต์คันแรกของกรมสรรพสามิตแล้ว ซึ่งกรมฯก็ได้อนุมัติดำเนินการอย่างโปร่งใสไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ของค่ายรถยนต์ค่ายใดค่ายหนึ่งมาเกี่ยวข้อง"

สำหรับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยยึดการปล่อยค่าคาร์บอนไดออกไซค์เป็นฐานในการพิจารณาอัตราภาษี แทนการใช้ขนาดเครื่องยนต์นั้น นายสมชาย กล่าวว่า กรมฯได้ให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ปรับตัว เป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะปรับเข้าเงื่อนไขใหม่ของกรมฯ ซึ่งถือว่า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว

Tags : รถคันแรก • สรรพสามิต • สมชาย พูลสวัสดิ์

http://bit.ly/ZXxlwU

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 21, 2012 7:53 pm
โดย harikung
สิ่งที่ผมสงสัยคือหลังจากปี56ที่รถน่าจะส่งมอบหมดแล้ว ตลาดรถยนต์บ้านเราจะเป็นอย่างไร

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 21, 2012 8:43 pm
โดย Serm
ปีหน้ามีรถค้างส่งมอบตามยอดจองอีกมาก แต่อีกสองปีน่าจะมีปัญหายอดขายในประเทศ แต่ระยะยาวอุตสาหกรรมฯนี้น่าจะไปได้ดีนะครับ ..... เดาล้วนๆครับ

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 22, 2012 1:43 pm
โดย Unstablemind
It might be the great automotive credit crisis in the future....haha....khum khum

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 22, 2012 3:22 pm
โดย naijan
Unstablemind เขียน:It might be the great automotive credit crisis in the future....haha....khum khum
คิดเหมือนกันเลย กังวลว่า หากเศรษฐกิจไม่ดีอย่างที่คิด หนี้รถยนต์จะเป็นพิษ

----------------------

หนี้เป็นพิษ

http://www.thorfun.com/story/view/UNUiTa7rWTxCAA06

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 01, 2013 5:18 pm
โดย syj
การเงิน - การลงทุน
วันที่ 1 มกราคม 2556 09:20
ปิดฉากรถคันแรก1.3ล้านคืนเงิน9หมื่นล้าน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ปิดฉากโครงการรถคันแรกทะลุ 1.3 ล้านคัน เตรียมจ่ายเงินคืนประชาชนกว่า 9.05 หมื่นล้านบาท สูงเกินเป้า 5 แสนราย

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ โครงการรถคันแรกที่ได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 31 ธ.ค. 2555 มีผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิแล้วทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 7.39 แสนคัน รถกระบะ 2.58 แสนคัน รถยนต์นั่งที่มีกระบะ หรือดับเบิลแค็บ 2.57 แสนคัน

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับผู้ที่ยื่นขอใช้สิทธิผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งจะปิดรับยอดในเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 31 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะมีประชาชนที่ซื้อรถคันแรกมาใช้สิทธิรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.3 ล้านราย คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืนทั้งสิ้น 9.05 หมื่นล้านบาท สูงกว่าตั้งเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 5 แสนราย คิดเป็นเงินภาษีทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินให้กับผู้ที่ครอบครองรถยนต์คันแรกครบเวลา 1 ปีไปแล้วจำนวน 4.7 หมื่นราย คิดเป็นเงินภาษีรวม 3,481 ล้านบาท

กรมสรรพสามิต ประเมินว่า ในปีงบประมาณ 2556 จะต้องตั้งงบคืนภาษีรถยนต์คันแรกให้กับประชาชนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะต้องจ่ายเงินคืนประมาณ 7,500 ล้านบาท

ส่วนปีงบประมาณ 2557 คาดว่าจะต้องตั้งงบประมาณในการคืนภาษีรถคันแรกประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท และในปีงบประมาณ 2558 จะต้องตั้งงบประมาณจนครบจำนวนเงินที่ต้องคืนให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกทั้งหมด

http://bit.ly/S2veWF

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 03, 2013 5:04 pm
โดย OutOfMyMind
ใครมี break down บ้างครับว่า กทมเท่าไร ภูมิภาคเท่าไร

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 04, 2013 1:44 am
โดย anomaly
ประมาณนี้ครับ
ปิดฉากรถคันแรก1.25ล้านคันคืนภาษี9หมื่นล.

ประชาชนทั่วประเทศแห่ขอคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกวันสุดท้ายวานนี้คึกคัก อธิบดีกรมสรรพสามิตเผยทั่วประเทศสูงถึง 1.25 ล้านคัน คาดใช้เงินคืนสูง 9.1 หมื่นล้าน ยอมรับสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3 เท่าตัว คาดปีงบประมาณ 2556 คืนภาษี 2 หมื่นล้านบาท ส่วนปีงบ 2557 คืนภาษี 3-3.5 หมื่นล้านบาท

โครงการนโยบายรถคันแรก โดยกำหนดให้ผู้ซื้อรถยนต์ต้องทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 ถึงวานนี้ (31 ธ.ค.) โดยผู้ซื้อจะได้รับการลดหย่อนภาษีในวงเงินภาษีจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในข้อกำหนดที่ว่าต้องเป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/ รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)

โดยรัฐบาลมีนโยบายรถคันแรกในเบื้องต้นมีการตั้งเป้าหมายว่าจะให้มีคนซื้อรถภายใต้โครงการนี้จำนวน 500,000 คันและตั้งวงเงินภาษีที่จะคืนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
แต่หลังจากเปิดโครงการไป ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก

ยอดรถคันแรกวานนี้พุ่ง 1.25 ล้านคัน

หลังสรุปผลวานนี้ (31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ปรากฏว่ามีประชาชนจำนวนมากทั่วประเทศได้ยื่นขอคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกตลอดวัน นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงการยื่นขอคืนภาษีรถยนต์คันแรกเมื่อวานนี้ (31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ว่า คาดว่าจะมีผู้ยื่นขอคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกตลอดทั่วประเทศไม่เกิน 5,000 คัน และจนสิ้นสุดการยื่นขอคืนภาษีรถยนต์คันแรกและการยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต ยอดรวมน่าจะอยู่ที่ 1.255 ล้านคัน คิดเป็นเงินที่ต้องคืนภาษีรวม 9.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในช่วงแรกกว่า 3 เท่าตัว โดยวานนี้ มีจำนวนผู้ยื่นขอคืนภาษี เพียง 3,000-4,000 รายทั่วประเทศ

สำหรับการยื่นเอกสารขอคืนภาษีรถคันแรกทั่วประเทศจนถึงเช้าวานนี้ (31 ธ.ค.) มีจำนวน 1,253,500 คัน เป็นรถยนต์นั่ง 737,383 คัน กระบะ 257,590 คัน รถยนต์นั่งที่มีกระบะ หรือ ดับเบิลแค็บ 256,525 คัน ส่วนผู้ที่ได้รับสิทธิและได้รับรถปี 2556 จะต้องคืนภาษีรถยนต์คันแรกรวม 20,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ครั้งแรกรับเงินคืนไปแล้วมีทั้งสิ้น 47,018 ราย คิดเป็นเงิน 3,481 ล้านบาท คาดว่าใช้งบประมาณ 7,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท ส่วนปีงบ 2557 คาดว่าจะคืนภาษีรถยนต์คันแรกประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้จองซื้อรถจะต้องครอบครองรถยนต์ให้ครบ 1 ปี

สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรีและสมุทรปราการ มีจำนวนผู้ยื่นขอคืนภาษี 2 แสนคัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของยอดจองทั้งหมด ขณะที่รถยนต์นั่ง มีสัดส่วนยื่นคืนภาษี 60% อีก 40% เป็นรถกระบะ และ ดับเบิลแค็บ

ปัจจุบัน ได้มีการคืนภาษีแล้ว 4 หมื่นราย มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท โดยหลักการคืนเงินภาษีรถคันแรกนั้นต้องครอบครองรถครบ 1 ปี ซึ่งรถบางรุ่น บางยี่ห้อ รับมอบรถในปี 2557 นั่นหมายความว่าต้องครอบครองอีก 1 ปี จะได้รับเงินคืนในปี 2558

นายสมชาย กล่าวว่า โครงการคืนภาษีรถคันแรกเชื่อว่าไม่กระทบต่อรายได้รัฐ เนื่องจากมีการจัดเก็บภาษีไปส่วนหนึ่งแล้วตั้งแต่รถออกจากโรงงาน รูปแบบการจ่ายเป็นการทยอยคืนปีต่อปี ขณะเดียวกันการจัดเก็บภาษีของรัฐช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เกินเป้าหมาย กว่า 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้รัฐยังมีรายได้ชดเชยจากภาษีทางอ้อมอื่นๆ เช่น ภาษีรายได้ ภาษีรายได้นิติบุคคล

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การให้บริการยื่นเอกสารขอคืนภาษีกรมสรรพสามิตได้เปิดรับยื่นเอกสารจนถึงเวลา 16.30 น. ของวานนี้ ก่อนที่จะปิดรับเอกสารขอคืนภาษี นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชนที่ซื้อรถคันแรกสามารถยื่นผ่านอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ https://firstcar.excise.go.th/ ได้จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2555 แต่เอกสารต้องพร้อมภายใน 15 วัน นับจากวันที่ยื่นขอใช้สิทธิ

เชียงใหม่ยอดจองรถคันแรกเกือบ 4 หมื่นคัน

ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่นกัน อย่างที่จังหวัดเชียงใหม่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสรรพสามิตจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งยอดการยื่นขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรก ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2555 (เวลา 16.00 น.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรก ปรากฏว่ามีประชาชนยื่นขอใช้สิทธิทั้งสิ้น 39,690 คัน ยอดเงินคืนภาษีทั้งหมดรวม 3,007,198,851 บาท โดยแยกเป็นรถยนต์เก๋ง 27,739 คัน รถกระบะ 6,466 คัน รถยนต์นั่งที่มีกระบะ 5,485 คัน

ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น นายสันติ บุญไทย สรรพสามิตพื้นที่ขอนแก่น กล่าวว่า วานนี้ (31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นสิทธิคืนภาษีรถคันแรกที่จังหวัดขอนแก่น มีประชาชนเข้ามาใช้สิทธิไม่หนาแน่นนัก เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ผ่านมาในรอบสัปดาห์ ซึ่งบางวันมียอดจองมากกว่า 1,300 คัน โดยยอดล่าสุดมีผู้ใช้สิทธิคืนภาษีรถคันแรกเกินเป้าถึง 35,000 คัน โดยเฉลี่ยจะได้รับเงินคืนที่คันละ 70,000 บาท คิดเป็นเงินที่จะต้องจ่ายคืนเฉพาะที่จังหวัดขอนแก่นไม่น้อยกว่า 2,450 ล้านบาท

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 04, 2013 8:53 am
โดย amornd
ประกาศภาวะฉุกคิด 11 : ขับรถอย่างไรให้ติด (เผื่อใครสนใจ การอธิบายเกี่ยวกับเรื่องการขนส่งของไทย แบบเข้าใจได้ง่ายครับ)
http://www.youtube.com/watch?v=D-Js4Zrh ... HFosXXEn9x

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 6:27 am
โดย naphas12
สินเชื่อบริษัทเช่าซื้อน่าจะเติบโตได้อีก อย่างน้อย 2-3 ปี

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 9:08 am
โดย kasam
นี่แค่รถคันแรกครับ
ที่ไม่ใช่รถคันแรกด้วยเนี่ย ปี 55 มียอดซื้อรถใหม่รวมทั้งหมดเกือบ 10 ล้านคันครับทั้งประเทศนะครับ

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 2:58 pm
โดย D-Max007
kasam เขียน:นี่แค่รถคันแรกครับ
ที่ไม่ใช่รถคันแรกด้วยเนี่ย ปี 55 มียอดซื้อรถใหม่รวมทั้งหมดเกือบ 10 ล้านคันครับทั้งประเทศนะครับ

ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะข้อมูลยอดขายรถในประเทศรวมทุกยี่ห้อทั้งคันแรกและไม่คันแรก
จนถึงเดือน พ.ย. รวม 11 เดือนอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านคันครับ

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 13, 2013 2:38 pm
โดย syj
10 จังหวัด ที่ใช้สิทธิ์คืนเงินรถคันแรกสูงสุด

updated: 12 ม.ค. 2556 เวลา 15:37:44 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

รายงาน ข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากจำนวนผู้ยื่นเรื่องขอใช้สิทธิ์คืนเงินรถยนต์คันแรก ซึ่งสิ้นสุดโครงการไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2555 ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 1,256,291 ราย คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืนประมาณ 9.1 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มรถยนต์นั่ง 737,989 คัน รถปิกอัพ 258,693 คัน รถปิกอัพ 4 ประตู 257,408 คัน และอื่น ๆ 2,201 คัน ในจำนวนดังกล่าวประมาณ 20% จดทะเบียนใน กทม. และอีก 80% กระจายไปอยู่ตามหัวเมืองใหญ่

โดยพบว่า จังหวัดที่มีจำนวนผู้ขอ ใช้สิทธิ์สูงสุด 10 อันดับแรก คือ 1.กรุงเทพมหานคร ประมาณ 2.45 แสนราย ยอดคืนภาษีกว่า 2.02 หมื่นล้านบาท 2.ชลบุรี 5.68 หมื่นราย ยอดคืนภาษีกว่า 4,032 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ 4.84 หมื่นราย เงินคืนภาษีกว่า 3,543 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 4.02 หมื่นราย เงินคืนภาษีกว่า 3,017 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 3.97 หมื่นราย ยอดคืนภาษีกว่า 3,015 ล้านบาท

6.นครราชสีมา 3.88 หมื่นราย เงินคืนภาษีกว่า 2,706 ล้านบาท 7.นนทบุรี 3.34 หมื่นราย เงินคืนภาษีกว่า 2,740 ล้านบาท 8.ขอนแก่น 3.03 หมื่นราย เงินคืนภาษีกว่า 2,089 ล้านบาท 9.สงขลา 2.73 หมื่นราย ยอดคืนภาษีกว่า 2,160 ล้านบาท และ 10.ระยอง 2.73 หมื่นราย คิดเป็นเงินคืนภาษีกว่า 1,935 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกแจ้งว่า ในปี 2555 มีรถทั่วประเทศจดทะเบียนรถใหม่จำนวน 3,408,084 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถที่จดทะเบียนในภูมิภาคจำนวน 2,386,270 คัน และกรุงเทพฯจำนวน 1,021,814 คัน

สำหรับรถจักรยานยนต์มียอดจดทะเบียน ทั่วประเทศ 2,105,531 คัน แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 437,212 คัน และภูมิภาค 1,668,319 คัน นอกจากนี้ ยังมีรถอื่น ๆ เช่น รถแทรกเตอร์ รถสามล้อ รถบดดิน รถขุดดิน เป็นต้น จำนวน 77,812 คัน เป็นรถที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯจำนวน 20,264 คัน และภูมิภาคจำนวน 57,548 คัน

นอกจากนี้ ในรอบปี 2555 ที่ผ่านมา รถที่นำมายื่นเรื่องการเสียภาษีประจำปีมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ 110,120 คัน รองลงมาคือ รถปิกอัพ 37,458 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 23,251 คัน รถตู้ 1,600 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การสำรวจรถยนต์ที่จดทะเบียนในเขตหัวเมืองใหญ่ ๆ ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ มีรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่ปี 2534-2555 ทั้งสิ้น 1.348 ล้านคัน ภาคกลางตอนเหนือจังหวัดนครสวรรค์ มีรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่ปี 2534-2555 ทั้งสิ้น 511,457 คัน ภาคอีสานจังหวัดนครราชสีมา มีรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่ปี 2534-2555 ทั้งสิ้น 1.127 ล้านคัน

http://www.prachachat.net/news_detail.p ... ubcatid=08

Re: ่ทะลุ 1.1 ล้านคัน (แรก) แล้ว น่าจะถึง 1.2 ล้านคัน!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 13, 2013 6:44 pm
โดย anomaly
^^ ขออนุญาตนำตัวเลขจากข่าวไปลง pie chart