Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

จากข้อมูลของพี่ครรชิต ไพศาล ได้กรองหุ้นที่มี ROE ไม่เคยติดลบ
ส่วนแถบสีในแต่ละช่องคือ
ROE=0 หรือ บริษัทยังไม่เข้าตลาด ---> สีดำ
ROE ไม่เกิน 10% ---> สีแดง
ROE อยู่ระหว่าง 10-20% ---> สีเหลือง
ROE มากกว่า 20% ---> สีเขียว

***ROE2012 มาจากการคำนวน ROE ของ 4 ไตรมาสล่าสุด

เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนในการหาหุ้นพื้นฐานดี แต่อาจประสบปัญหาชั่วคราว(กำไรลดลง) ได้บ้างนะครับ

ผมว่า บางหุ้นที่มี ROE สูง เกิดจากการมีหนี้สินมาก
ควรดู ROA ควบคู่ไปด้วย

Radio เขียน:ผมว่า บางหุ้นที่มี ROE สูง เกิดจากการมีหนี้สินมาก
ควรดู ROA ควบคู่ไปด้วย

อันนั้นให้ไปสแกนต่อกันเองครับ เพราะแต่ละบริษัทมี Bussiness Model ไม่เหมือนกัน
ความเสี่ยงและความจำเป็นของการมีหนี้จึงไม่เท่ากัน

Saran เขียน:จากข้อมูลของพี่ครรชิต ไพศาล ได้กรองหุ้นที่มี ROE ไม่เคยติดลบ
ส่วนแถบสีในแต่ละช่องคือ
ROE=0 หรือ บริษัทยังไม่เข้าตลาด ---> สีดำ
ROE ไม่เกิน 10% ---> สีแดง
ROE อยู่ระหว่าง 10-20% ---> สีเหลือง
ROE มากกว่า 20% ---> สีเขียว

***ROE2012 มาจากการคำนวน ROE ของ 4 ไตรมาสล่าสุด

เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนในการหาหุ้นพื้นฐานดี แต่อาจประสบปัญหาชั่วคราว(กำไรลดลง) ได้บ้างนะครับ

1.png

2.png

ขอบคุณมากครับ ดูง่ายเลยทีเดียว
ที่ผ่านตาพบว่าบางบริษัทแทบจะเป็นสีเขียวล้วนเลยตั้งแต่เข้าตลาดเช่นADVANC BEC DRT DSGT UVAN HTECH QLT TTCL UVAN

Loby เขียน:

Saran เขียน:จากข้อมูลของพี่ครรชิต ไพศาล ได้กรองหุ้นที่มี ROE ไม่เคยติดลบ
ส่วนแถบสีในแต่ละช่องคือ
ROE=0 หรือ บริษัทยังไม่เข้าตลาด ---> สีดำ
ROE ไม่เกิน 10% ---> สีแดง
ROE อยู่ระหว่าง 10-20% ---> สีเหลือง
ROE มากกว่า 20% ---> สีเขียว

***ROE2012 มาจากการคำนวน ROE ของ 4 ไตรมาสล่าสุด

เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนในการหาหุ้นพื้นฐานดี แต่อาจประสบปัญหาชั่วคราว(กำไรลดลง) ได้บ้างนะครับ

1.png

2.png

ขอบคุณมากครับ ดูง่ายเลยทีเดียว
ที่ผ่านตาพบว่าบางบริษัทแทบจะเป็นสีเขียวล้วนเลยตั้งแต่เข้าตลาดเช่นADVANC BEC DRT DSGT UVAN HTECH QLT TTCL UVAN

พิมพ์ซ้ำUVANและ ตกไป2ตัวคือTNDT UBIS

ปัจจัยที่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย (มั้ง) เท่าที่จะพอนึกออก
Y2003 : SARS
Y2004 : Tsunami
Y2006 : Bangkok Coup.
Y2007 : Sub-prime Crisis
Y2008 : Airport Closure
Y2009 : Pattaya Riot
Y2010 : Rajprasong Riot
Y2011 : Flooding

เผื่อใช้เทียบดูว่าธุรกิจตอนในนั้นได้รับผลกระทบบ้างด้วยไหม

ลองดูคราวๆ มีหลายบริษัทเหมือนกันนะครับที่มีแนวโน้ม ROE เพิ่มขึ้น
แต่การที่เพิ่มขึ้นได้เพราะหนี้เพิ่มขึ้นคงไม่น่าสนใจ แต่ถ้าเพิ่มขึ้นได้เพราะมีการปรับ Bussiness Model อันนี้น่าสนใจน่ะ

โปรดระมัดระวัง การดู ROE ROA มันคือการดูแค่กระจกหลัง อย่าง UVAN มันเป็นหุ้นวัฏจักร

ซึ่งตอนนี้มันเป็นขาลงของน้ำมันปาล์ม ยังไม่ใช่จุดฟื้นตัว

naphas12 เขียน:โปรดระมัดระวัง การดู ROE ROA มันคือการดูแค่กระจกหลัง อย่าง UVAN มันเป็นหุ้นวัฏจักร

ซึ่งตอนนี้มันเป็นขาลงของน้ำมันปาล์ม ยังไม่ใช่จุดฟื้นตัว

ขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ เนื่องจากไม่ได้ตามตัวนี้ละเอียดเท่าไร รู้แค่ว่ามีท่าเรือส่งขายต่างประเทศได้ มีการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง
และยังที่ดินสัมปทานปลูกเองส่วนหนึ่งรับซื้อส่วนหนึ่ง

ผมแปลกใจตรงที่แม้ว่าเป็นหุ้นวัฏจักร ROE ดูผันผวน แต่ผลตอบแทนก็ดูค่อนข้างสูงอย่างสม่ำเสมอ

TVO ก็อีกตัวหนึ่ง ROE สูงกว่า 20% เกือบจะทุกปี มีล่าสุด 2012-2011 ที่ต่ำกว่า 20% น่าสนใจไปขุดต่อนะเนี่ย

Saran เขียน:ปัจจัยที่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย (มั้ง) เท่าที่จะพอนึกออก
Y2003 : SARS
Y2004 : Tsunami
Y2006 : Bangkok Coup.
Y2007 : Sub-prime Crisis
Y2008 : Airport Closure
Y2009 : Pattaya Riot
Y2010 : Rajprasong Riot
Y2011 : Flooding

เผื่อใช้เทียบดูว่าธุรกิจตอนในนั้นได้รับผลกระทบบ้างด้วยไหม

ลองดูคราวๆ มีหลายบริษัทเหมือนกันนะครับที่มีแนวโน้ม ROE เพิ่มขึ้น
แต่การที่เพิ่มขึ้นได้เพราะหนี้เพิ่มขึ้นคงไม่น่าสนใจ แต่ถ้าเพิ่มขึ้นได้เพราะมีการปรับ Bussiness Model อันนี้น่าสนใจน่ะ

roe มาจาก npm x asset turn over x finacial leverage
น่าจะจำไม่ผิดนะ จาก dupont

พูดไปเหมือนฉายซ้ำ ถ้าฟังแล้วเบื่อต้องขอโทษนะคับ

การ sustain roe นอกจากการปรับอย่างที่บอกแล้ว 3 อย่าง
อีก 1วิธี คือ การ เพิ่ม pay out
หรือการปรับ โครงสร้างเงินทุน
เพราะ roe คือ cagr ของ bv
แค่เกิน 20-25ได้ตลอด โดยไม่ปรับโครงสร้าง
แทบเป็นไปไม่ได้
ยกตึวอย่าง csl intuch advanc
หรือพวก payout 100 ตลอดอย่าง thre
roe แทบไม่ช่วยบอกอะไร

ดังนั้น ถ้าจะใช้ roe กรองหุ้น อาจจะต้องดู
payout ย้อนหลังด้วยอะคับ
ส่วนตัว ผมไม่เคยดูเลยคับ
ยิ่งการบริหารสมัยใหม่
จริงๆมันก็เหมือน manipulate ได้
ทำ asset ให้น้อยที่สุด โดยที่ยังคงยอดขายไว้หรือทำให้ยอดขายเพิ่ม
roe ก็เพิ่ม แต่ถึงตอนนั้นใครจะสนใจ
เพราะมันก็ช้าไปแล้ว
จึงเป็นที่มาที่ pbv เป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยช่วยอะไรอีกตัว
ในการที่ ผบห ใช้การบริหารแบบสมัยใหม่
จากการที่ต้องเพิ่ม asset turnover จะไป
หาหุ้นที่ pbv ต่ำๆ มันเป็นสิ่งที่เหมือน
contradiction กันสุดๆ แนวโน้มก็จะมีแต่การ
บริหารจัดการที่น่าจะแย่ลง


ใน roe มันมีอะไรมากกว่าตัวเลขเยอะคับ
แต่ความผิดปกติที่คิดว่าเห็นแล้วน่าสนใจ
คือ ถ้า pbv ต่ำ roe สูง
ันนี้ผมถึง อยากสนใจ

โทษทีคับ โม้จนลืมตอบคำถามตรงจุดที่จะตอบ

การเปลี่ยน biz model
อ้างอิงจากพี่โจ ลูกอีสาน
"ไม่แน่ใจ หรือไม่ชัวร์ ก็ไปวัดกันที่ตัวเลข"

ถ้าอยากรู้ว่าการ change biz model
work หรือไม่ คงไม่ใช่การาม roe อย่างเดียว
พอแยกองค์ประกอบออกมา อย่างที่บอก
ก็พอใช้วัดผล ได้อย่างเป็นรูปธรรรม
ซึ่ง roe เหมือน คำตอบสุดท้ายที่ออกมา
มันอาจจะช้าไป แต่ถ้าเราเห็น
parameter องค์ประกอบเปลี่ยนก่อน
น่าจะใช้ประโยชน์ได้ ดีมากกว่า


ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคับ

ขอบคุณครับถ้ามีภาพROAอีกซักภาพก็จะช่วยให้เห็นอะไรๆได้ชัดมากๆเลยครับ ดูเฉพาะROEอย่างเดียวหุ้นKCARนี่ก็เทพไม่เบาเลยครับ9ปีที่ผ่านมีเล่นเขียวทุกช่องเลย(แต่ผมไม่มีหุ้นนะครับ)

ชอบคำตอบคุณnut776มากกครับ และขอบคุณพี่Saranด้วยครับที่แชร์ข้อมูล

ผมว่าการที่พี่Saranทำให้ข้อมูลดูง่ายมันทำให้เห็นโอกาสได้
แต่โอกาสนั้นจะกลายเป็นของดีหรือไม่นั้น ควรต้องวิเคราะห์ต่อให้ดีด้วย
ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเราหลงผิดได้

ขอบคุณครับ

Saran เขียน:

naphas12 เขียน:โปรดระมัดระวัง การดู ROE ROA มันคือการดูแค่กระจกหลัง อย่าง UVAN มันเป็นหุ้นวัฏจักร

ซึ่งตอนนี้มันเป็นขาลงของน้ำมันปาล์ม ยังไม่ใช่จุดฟื้นตัว

ขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ เนื่องจากไม่ได้ตามตัวนี้ละเอียดเท่าไร รู้แค่ว่ามีท่าเรือส่งขายต่างประเทศได้ มีการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง
และยังที่ดินสัมปทานปลูกเองส่วนหนึ่งรับซื้อส่วนหนึ่ง

ผมแปลกใจตรงที่แม้ว่าเป็นหุ้นวัฏจักร ROE ดูผันผวน แต่ผลตอบแทนก็ดูค่อนข้างสูงอย่างสม่ำเสมอ

TVO ก็อีกตัวหนึ่ง ROE สูงกว่า 20% เกือบจะทุกปี มีล่าสุด 2012-2011 ที่ต่ำกว่า 20% น่าสนใจไปขุดต่อนะเนี่ย

โมเดลธุรกิจของ UVAN ค่อนข้างดี คือรับซื้อปาล์มจากชาวสวน แล้วมาสกัดเป็นน้ำมันปาล์ม แต่ที่เป็นปัญหาคือเรื่องผลผลิต ที่ผันแปรกันสภาพฝน และราคาน้ำมันปาล์ม ยอดขายไม่แน่นอน การเติบโตไม่แน่นอน P/BV ก็สูง ราคาหุ้นไม่ไปไหนมานาน
ถ้าจะเอาปันผลก็พอได้ แต่ควรซื้อในตอนที่ราคาน้ำมันปาล์มเป็นขาขึ้น

ขอบคุณที่ช่วยแชร์ไอเดียดีดีครับ

ขอบคุณครับ เห็นด้วยที่ว่า roe ดูเป็นตระแกรงเบื้องต้น แล้วต้องดู pe, sale/earning growth เพื่อดูว่า upside เยอะหรือไม่ประกอบด้วยครับ

ขอบคุณครับ โดยเฉพาะพี่nut สอนวิธีหาหุ้นให้ด้วย

ดีครับชอบๆ เคยลองใช้เหมือนกันครับ roe ค่อนข้างกรองคุณภาพได้มาก แต่ต้องดูหลายๆมีหน่อย เพื่อ กรอง ปีที่ e ไม่ปกติ

ถ้าจำไม่ผิด สูตร ในบทความนิด้า ก็ใช้ p/e ดูว่าถูกหรือแพง
Div เพื่อดูว่าติดได้ได้แล้วยังได้ปันล (อันนี้เดานุ)
Roe ตัวนี้ค่อยมากรองคุณภาพ

แต่ไอ้ pbv ต่ำ roe สูง ยังไม่ค่อยเคยเห็นเลย หรือว่าเราคิดคร่าวๆ เอา p/e / p/bv โต่งๆเลยก็ไม่รู้
พอมีตัวย่างสักตัวไหมครับ

ขอบคุณนะครับคุณSaranกับข้ดมูล และขอฝากความคิดถึงคุณ Nut ด้วย....

ดู ROE เผินๆเหมือนดูดี แต่ในองค์ประกอบการดูความแข็งแกร่งของบริษัทคืองบดุล ความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรดูได้จาก
งบกำไรขาดทุน เพราะฉนั้นคงต้องดูประกอบกันทั้งหมด ทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือการคาดการณ์ที่แม่น
ยำถึง Growth ในอนาคตของบริษัท

ผมดู ROA, ROE, NPM, PE, PEG, Liquidity Ratio, Growth Rate, Dividend, และธรรมาภิบาล

Joi เขียน:ขอบคุณนะครับคุณSaranกับข้ดมูล และขอฝากความคิดถึงคุณ Nut ด้วย....

ดู ROE เผินๆเหมือนดูดี แต่ในองค์ประกอบการดูความแข็งแกร่งของบริษัทคืองบดุล ความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรดูได้จาก
งบกำไรขาดทุน เพราะฉนั้นคงต้องดูประกอบกันทั้งหมด ทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือการคาดการณ์ที่แม่น
ยำถึง Growth ในอนาคตของบริษัท

ผมดู ROA, ROE, NPM, PE, PEG, Liquidity Ratio, Growth Rate, Dividend, และธรรมาภิบาล

แต่ที่คุณSaran ทำมานี้มันก็ช่วยร่อนตะแกงในการหาหุ้นไปได้เยอะเลย แต่สงสัยจังทำไมไม่มี STPI

Joi เขียน:

Joi เขียน:ขอบคุณนะครับคุณSaranกับข้ดมูล และขอฝากความคิดถึงคุณ Nut ด้วย....

ดู ROE เผินๆเหมือนดูดี แต่ในองค์ประกอบการดูความแข็งแกร่งของบริษัทคืองบดุล ความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรดูได้จาก
งบกำไรขาดทุน เพราะฉนั้นคงต้องดูประกอบกันทั้งหมด ทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือการคาดการณ์ที่แม่น
ยำถึง Growth ในอนาคตของบริษัท

ผมดู ROA, ROE, NPM, PE, PEG, Liquidity Ratio, Growth Rate, Dividend, และธรรมาภิบาล

แต่ที่คุณSaran ทำมานี้มันก็ช่วยร่อนตะแกงในการหาหุ้นไปได้เยอะเลย แต่สงสัยจังทำไมไม่มี STPI

ในอดีต STPI ช่วงก่อนปี 2000 บริษัทเคยขาดทุนนะครับ เลยไม่มีแสดงอยู่ในตารางครับ

อย่างที่หลายๆคนเตือนไว้ว่าการดู ROE อย่างเดียวมันอันตราย ต้องดูข้อมูลหลายๆอย่างประกอบด้วย
โดยส่วนตัวผมชอบที่จะดู ROE ของปัจจุบันเทียบ ROE ในอดีตที่บริษัทเคยทำได้นะครับ
- ดูว่าต่ำ/สูงกว่าในอดีต อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
- หาก ROE ตกลง เพราะอะไร? และโอกาสที่จะกลับมาทำได้เท่ากับค่าเฉลี่ยเดิมอย่างในอดีตหรือไม่ ถ้ามีโอกาสก็ขุดศึกษาต่อ
- ROE ที่ปรับตัวสูงขึ้น มันสามารถสูงขึ้นอย่างยั่งยืนหรือไม่ หรือเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราว ถ้าเป็นอย่างยั่งยืน แม้ PE แพงกว่าอดีตก็ยังน่าสนใจ
- ROE ที่ทำได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ อันนี้น่าสนใจ แต่ต้องดูด้วยว่ารายได้ยังเติบโตอยู่หรือไม่ หรือเป็นแค่บริษัทที่อิ่มตัว เน้นจ่ายปันผล ถ้าเป็นอย่างหลังผมจะเน้นเข้าลงทุนตอนราคาตกลงมามากๆเท่านั้น

thanks

ส่วนตัวผมชอบใช้ roe และอัตราส่วนอื่นๆ และงบย้อนหลัง เป็นตัว support ความคิดมากกว่า
หลังจากการดู biz model ดูตัวธุรกิจ ดูแนวโน้มการเติบโต หรือการวิเคราะห์เชิงคุณภาพอื่นๆแล้ว
เพื่อยืนยัน หรือเป็นเงื่อนไขรับรองว่าเป็นกิจการที่ให้ผลตอนแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ดี

แต่ถ้าจะเริ่มจากการใช้ roe หรือ อัตราส่วนอะไรก็ตามก่อน ก็จะย้อนกลับไปดูงบ ดูที่มาของตัวเลข
ถ้ามันไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ย้อนกลับไปวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโต ดูตัวธุรกิจ ดูวิธีทำเงิน อีกที
แต่ผมไม่ค่อยชอบและไม่ค่อยถนัดเริ่มจากตัวเลขเท่าไหร่ แต่บางทีก็ได้ไอเดียดีๆจากตัวเลขก่อนเหมือนกัน

thanks

Joi เขียน:ขอบคุณนะครับคุณSaranกับข้ดมูล และขอฝากความคิดถึงคุณ Nut ด้วย....

ดู ROE เผินๆเหมือนดูดี แต่ในองค์ประกอบการดูความแข็งแกร่งของบริษัทคืองบดุล ความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรดูได้จาก
งบกำไรขาดทุน เพราะฉนั้นคงต้องดูประกอบกันทั้งหมด ทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือการคาดการณ์ที่แม่น
ยำถึง Growth ในอนาคตของบริษัท

ผมดู ROA, ROE, NPM, PE, PEG, Liquidity Ratio, Growth Rate, Dividend, และธรรมาภิบาล

ผมก็ดูประมาณนี้เหมือนกันครับ แต่ให้เรื่อง ธรรมาภิบาล ก่อนเพื่อนเลย

ผมชอบตัวที่roe ไม่สูงในปัจจุบัน แต่กำลังจะสูงขึ้นในอนาคตแบบยั่งยืน

การดู ROE จะพลาดได้ง่ายถ้าเราไม่มองที่หนี้ด้วย....บ. ที่กู้หนีมามากอาจจะมี ROE ที่สูงได้เหมือนกัน
Debt มาก ทำให้ Equity ต่ำ ดังนั้นทำให้ ROE สูงกว่า...
ผมมักมองที่ ROTC เลยครับเพราะตัดหนี้ออกเเล้ว
Return on total capital = NP/(Long term Liability+Equity)