หน้า 1 จากทั้งหมด 2

VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 18, 2013 10:30 pm
โดย KittipongS
VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

ระยะหลังกระแสเรื่องอาชีพการเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นแบบเต็มตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่กำลังมาแรง แบบว่าเรียนจบมาไม่นานก็กลายเป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตหุ้นหลักร้อยล้าน พันล้านบาท โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดหุ้นไทยกำลังรุ่งโรจน์โชติช่วง อย่างในช่วงปี 2555 ที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นถึงกว่า 35% (สิ้นปี 2554 อยู่ที่ 1,025 จุด สิ้นปี 2555 ดัชนีอยู่ที่ 1391.93 จุด) จากเมื่อต้นปีมาร์เก็ตแคปประมาณ 8 ล้านล้านบาท สิ้นปี 2555 มาร์เก็ตแคปพุ่งเฉียด 11 ล้านล้านบาท ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นตลาดหุ้นที่สร้างผลตอบแทนสูงที่สุดในโลก ขณะที่นักลงทุนบางคนสามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่า 100% เลยทีเดียว

ทำให้วันนี้การลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นอาชีพที่กำลังมาแรงของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เรียนจบแพทย์ วิศวะ การเงิน ที่มีความรู้ความสามารถและทักษะในการศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนขาใหญ่หน้าใหม่ ๆ ในตลาดหุ้นเกิดขึ้นมากมาย

ควบคู่ไปกับกระแสความแรงของนักลงทุน "วีไอ" (value investor) ที่มีปรัชญาการลงทุนโดยให้ความสำคัญกับ "คุณค่า" หรือ "มูลค่า" ของกิจการเป็นหลัก โดยอาศัยความรู้ความสามารถศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ "ตัวธุรกิจ" ของบริษัทที่จะเข้าไปซื้อหุ้น เพื่อลงทุนแบบระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ปรัชญาการลงทุนแบบ "วีไอ" ยังต้องพิจารณาข้อมูลด้านอื่น ๆ ประกอบอีกมากมาย อย่างที่นักลงทุนเน้นคุณค่าอันดับหนึ่งอย่าง "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ระบุว่า ปัจจัยในการเลือกหุ้นเพื่อลงทุนของตัวเองประกอบด้วย 1.เป็นธุรกิจที่มีอนาคตหรือไม่ 2.อยู่ในฐานะผู้นำตลาดหรือไม่ หากเป็นที่ 1 ก็ต้องดูด้วยว่าทิ้ง

อันดับ 2 มากแค่ไหน 3.ฐานะของกิจการ เช่น มีความสามารถสร้างกำไรปีละเท่าไหร่ มีหนี้สินหรือไม่

รวมทั้งต้องมองไปถึงตัวผู้บริหารว่ามีวิสัยทัศน์และมีธรรมาภิบาลหรือไม่ เพราะจะต้องเป็นผู้นำพาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

ขณะที่ผลจากการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายของหลายประเทศ ทำให้มีเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลประกอบการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ค่อนข้างสูง

ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนที่เห็นโอกาสจากการใช้เงินทำงานมากขึ้น โดดเข้ามาเป็นนักลงทุนเต็มตัวมากขึ้น จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงที่ผ่านมามีบุคลากร

ที่มีความรู้ความสามารถ มีหน้าที่การงานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นหมอ วิศวกร หรือเจ้าของกิจการ เปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาเป็นนักลงทุนแบบเต็มตัวจำนวนไม่น้อย หลายคนถึงขั้นวางมือหรือหันหลังให้กับอาชีพของตนเอง

เพื่อมาทำอาชีพลงทุนหุ้นแบบเต็มตัวเต็มเวลา เพราะผลจากการลงทุนหุ้นในช่วงที่ผ่านมาให้ตอบแทนที่ดีเกินคาด และดีกว่าอาชีพประจำหรือธุรกิจที่ทำอยู่เดิมอย่างมาก

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถต่างเห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอาชีพที่ดี ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีมาก จนละทิ้งอาชีพหรือธุรกิจเดิม

ของตน จะหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพของประเทศ โดยที่ไม่ได้นำวิชาความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาช่วยสร้างประโยชน์เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อทุกคนสนใจแต่เรื่องผลตอบแทน จนอาจส่งผลถึงการบ่มให้จิตใจเน้นแต่เงินทองผลตอบแทน

จาก http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=0200

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 18, 2013 11:25 pm
โดย poppo
vi ที่เลี้ยงตัวเองได้ มันมีไม่มากหรอก

และถ้ามั่นใจว่าจะเลี้ยงตัวเองได้ ควรผ่าน crash หนักๆ นานๆ มาให้ได้ก่อน

จริงๆ ปี 2008 ผมว่ามันไม่ crash นะ เพราะมันกลับมาเร็วมากเลย

เป็นห่วงว่าคนที่เริ่มเล่นหลังปี 2008 hamburger crisis แล้วได้กำไรมาตลอด จะคิดว่าจะยึดอาชีพ วีไอได้ตลอดชีวิต

ถ้าอยากมีอาชีพวีไอ น่าจะรอให้ได้ปันผลซักปีละล้าน หรือพอร์ทประมาณ 20ล้านก่อน

แต่พูดจริงๆนะ ถ้าหมอ วิศวะทุกคนมาเป็นวีไอหมด แล้วก็เคารพกันที่ใครพอร์ทใหญ่กว่า ลงทุน(เก็งกำไรอย่างมีหลักการ) ได้ผลตอบแทนมากกว่า เกษียณเร็วกว่า ผมว่าสังคมเราป่วยแล้วหละ

งานประจำผมผมว่ามันสนุ๊กสนุกนะ สนุกกว่าเล่นหุ้นสักร้อยเท่า

ปล ผมอิจฉาน่ะ ยังไม่มีพอร์ท 8 หลัก 9 หลักกับเค้าบ้าง ไม่มีปัญญาลงทุนให้เก่งเลยมาบ่นเฉยๆ อิอิ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 12:04 am
โดย zephyr
ส่วนตัวผมคิดว่า คนที่คิดจะยึดการลงทุนในหุ้นเป็นอาชีพน่ะมีพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร หรือนิสิตนักศึกษาจบใหม่แล้ว ผมว่า % นั้นน้อยนิดเสียจนไม่สามารถบอกได้ว่าทรัพยากรบุคคลไม่เพียงพอหรอกนะครับ

และนอกจากนั้น การที่ "คิด" ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้ผู้ที่อยู่ในตลาดหุ้นเองส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถยึดเป็นอาชีพได้ มันยังต้องผ่านด่านอะไรๆอีกหลายอย่างเหมือนกับการประกอบอาชีพอื่นๆ

ดังนั้นโดยส่วนตัวผมว่า ไม่น่าเป็นห่วง

ผมเองก็มีความคิดในการยึดอาชีพนักลงทุนเช่นกัน ความคิดนี้ถูกปลูกฝังไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบันก็ยังคงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาชีพ เพราะยังไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้จากการเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น ผมยังพบว่า คนรอบๆตัวหลายๆคนที่เรียนจบวิศวมาด้วยกัน และมีเงินมากพอสมควรก็ยังอยากที่จะทำงานอย่างอื่น

เพื่อนผมบางคนถึงกับบอกว่า เค้ารู้สึกไม่ดีกับการที่จะ "เล่นหุ้น" เพียงอย่างเดียว การทำงานเป็นสิ่งที่เค้าอยากทำมากกว่าถึงแม้เค้าจะมีเงินถึง 8-9 หลัก แล้วก็ตาม

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 12:58 am
โดย Tibular
KittipongS เขียน: ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถต่างเห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอาชีพที่ดี ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีมาก จนละทิ้งอาชีพหรือธุรกิจเดิมของตน จะหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพของประเทศ โดยที่ไม่ได้นำวิชาความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาช่วยสร้างประโยชน์เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อทุกคนสนใจแต่เรื่องผลตอบแทน จนอาจส่งผลถึงการบ่มให้จิตใจเน้นแต่เงินทองผลตอบแทน
ผมว่าลองมองอีกด้านดีกว่าคับ ใช่คับผลตอบในการลงทุนนั้นดี แต่ต้องมีหลักการณ์ลงทุนที่ถูกต้อง
และระยะเวลาที่ยาวนานพอ ถ้าถามว่า VI ที่ประสบความสำเร็จจริงๆ และลงทุนเป็นอาชีพ มีไม่เยอะคับ

ที่เกิดการบูมของ VI ส่วนนึงคงเป็นเพราะสื่อ และก็มีคนที่ประสบความสำเร็จเร็ว พอร์ตเติบโต
แถมอายุยังไม่มาก จับตัวหุ้นถูกในจังหวะที่เหมาะสม เป็นไอดอลกันไป แต่ผมคิดว่ามีไม่เยอะนะคับ
ที่จะเป็นแบบนั้นได้ แล้วก็มีคนอยากทำตามเท่านั้นเอง เป็นเรื่องปกติเวลามีอะไรฮิตๆโดนๆ
เป็นแฟชั่นนะผมว่า นักลงทุนอาชีพจริงๆมีส่วนน้อยเท่านั้นคับที่จะอยู่รอด เพราะมันต้องใช้ความตั้งใจจริง
บ่มเพาะความรู้ ประสบการณ์ ซึ่งไม่ง่ายเลยที่ใครๆจะทำได้

แล้วก็ไม่ได้สูญเสียทรัพยากรมนุษย์อะไรเลยนะคับ เพราะว่ามีแต่คนที่รักจริงๆเท่านั้นแหละที่
จะออกมาทำอาชีพนักลงทุน ผมว่าเป็นการดีเสียอีก เพราะจะได้คนที่ชอบอาชีพ เช่น หมอ วิศวะ
ได้คนรุ่นใหม่ๆเข้ามาทำแทน เปิดโอกาสให้คนอื่นๆซึ่งเค้าก็ชอบในอาชีพเหล่านี้มากกว่าที่จะมาเป็นนักลงทุนอาชีพได้ทำ
แต่เผอิญว่าคนที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จส่วนใหญ๋ก็ มีอาชีพเป็นวิศวะ หมอ มาก่อนเท่านั้นเอง
เลยกลายเป็นประเด็น

ผมว่าคนเขียนบทความมองอะไรแคบไปหน่อยนะคับ แต่ละคนก็มีความถนัดต่างกันไป มันคือทางเลือก
ในการดำรงชีวิตอ่ะคับ ไม่น่าจะมีอะไรเดือดร้อนขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้สูญเสียความรู้ความสามารถอะไรเลย
แต่กลับมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศเสียอีก คุณรู้ไหมว่านักลงทุนอาชีพเก่งๆมีความคิดความรู้มากมายพร้อมถ่ายทอด
ให้สังคมในแง่ต่างๆ และมีกำลังเงินพอเสียด้วยที่จะทำประโยชน์อื่นๆอีก แถมยังมีเวลาได้คิดและพัฒนาตัวเองในเรื่องต่างๆ
ซึ่งส่งผลต่อคนรอบข้าง เพื่อน ลูก หลาน ที่ได้รับความคิดดีๆเหล่านั้นต่อไปด้วย

การช่วยสร้างประโยชน์เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมีหนทางมากมาย
การเปลี่ยนงานมาทำในสิ่งที่ชอบที่ถนัด ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการพัฒนาประเทศอ่ะนะคับ
เพราะทุกคนไม่สามารถออกมาเป็นนักลงทุนอาชีพได้หมดนะคับ แต่ละอาชีพก็จะมีคนที่เหมาะสม
เท่านั้นถึงจะทำได้ดี คนที่ไม่เหมาะสมกับการลงทุนจะฝืนทำต่อไม่ไหว ไม่งั้นก็คงไม่มีหรอกคับกองทุนรวม
หรือผู้จัดการกองทุนต่างๆ นักลงทุนที่จัดการเองทุกอย่างมีไม่มากนะคับ ต่อไปคงยิ่งน้อย
ถ้าเกิดมีกองทุนรวมเยอะๆและระบบกฏหมายบ้านเราเอื้อให้มีการจดทะเบียนบริษัทเพื่อการลงทุนขึ้นมา
เหมือนอย่างอเมริกา

และก็สุดท้ายนักลงทุนตัวจริงไม่ได้เน้นแต่เงินทองผลตอบแทนนะคับ อันนี้เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
ปนเปกันกับทัศนคติอะไรหรือเปล่า

ถ้าคุณคนเขียนบทความคิดอย่างนั้นผมว่าทุกๆคนที่ทำอาชีพต่างๆอ่ะทำเพื่ออะไรละคับ
ก็คงเพื่อเงินทองผลตอบแทนหรือเปล่า?

เป็นบทความที่ใจแคบจัง

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 1:30 am
โดย วรันศ์ บัฟเฟต
สุดใจ นี่นามปากกาป่าวครับ
น่าเปลี่ยนเป็นสุดโต่ง หรือ สุดตรี....

5555

ล้อเล่นครับ

นานาจิตตัง

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 7:07 am
โดย yakjabon
อาชีพนี้ (ที่ยั่งยืน) มันน่าจะเกิดขึ้นเยอะตอนวิกฤตอย่างปี 40 มากกว่าตอนนี้นะครับ .. อย่างไรก็ต้องคอยเตือนตัวเอง (คือผมด้วย) เสมอว่าเรานี่ไม่เก่งเลยช่วงนี้ที่สามารถทำกำไรได้จนกว่าจะได้ผ่านพ้นวิกฤตจริงๆอีกสัก 1-2 รอบและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี .. ตราบใดที่ยังไม่ใช่ เราก็คงต้องศึกษาไปเรื่อยๆและระลึกเสมอว่าอาจจะเป็นแค่เม่าตัวนึงที่หลงนึกว่าตัวเองเป็นเต่า เพียงแต่ไฟยังลุกไหม้มาไม่ถึงเท่านั้น

"สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร" .. และเราก็อย่าพยายามไปเป็นศพในนั้นด้วยครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 8:58 am
โดย saichon
ผมเห็นด้วยกับประโยคในบทความล่าสุดของท่านดร.ที่ว่าการลงทุนถือว่าเป็นอาชีพที่แฟร์ครับ
เพราะคนที่จะสำเร็จได้ต้องมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเทไม่แพ้อาชีพอื่นเลยครับ
โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ต้องเสียสละความสุขความบันเทิงบางอย่างในชีวิต
สะสมเงินจากการทำงาน ศึกษาหาความรู้ อดทนต่อสิ่งต่างๆจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จ
เท่าที่ผมสังเกตุ พี่ๆที่ประสบความสำเร็จมีพอร์ตระดับ8-9หลักแต่ละท่าน
เค้าผ่านช่วงชีวิตที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะผ่านและประสบความสำเร็จเท่าพวกเค้าได้
ผมจะรู้สึกยินดีและภูมิใจกับพวกเค้าทุกคนที่ฝ่าฝันจนสำเร็จ บรรลุเป้าหมายและมีวันนี้
ผมว่าพวกเค้าแน่จริงครับ

อีกอย่างผมว่านักลงทุนอาชีพหลายๆท่าน เมื่อท่านประสบความสำเร็จแล้ว เค้าคืนสิ่งดีๆสู่สังคม
บางครั้งผมว่าอาจจะมากกว่าการทำงานในสายอาชีพของเค้าด้วยซ้ำครับ
แต่อย่างว่าครับ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกแต่ละคนก็สามารถคิดต่างกันได้
ขอให้มีความสุขกับแนวคิดและแนวทางของตนเองก็พอแล้วครับ

สำหรับผมเองถ้าจัดผังอนาคตผังชีวิตในวัยเรียนของลูกๆลงตัว
แม้วันที่ผมมีอิสระภาพทางการเงินมาถึง(วันนี้ยังครับ)
ผมอาจทำงานประจำอีกซักพักเพราะการออกไปลงทุนอย่างเดียว
สำหรับผม ผมว่าผมคงมีเวลาว่างมากเกินไปครับ :wink:

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 11:10 am
โดย David TON
ดูกันนานๆครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 11:31 am
โดย chatchai
เมื่อเทียบกับเด็กวัยรุ่นใฝ่ฝันอยากมีอาชีพ นักร้อง นักแสดง ละครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 12:39 pm
โดย วัวทะโมน
KittipongS เขียน:VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

หมอ วิศวกร หรือเจ้าของกิจการ เปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาเป็นนักลงทุนแบบเต็มตัวจำนวนไม่น้อย หลายคนถึงขั้นวางมือหรือหันหลังให้กับอาชีพของตนเอง เพื่อมาทำอาชีพลงทุนหุ้นแบบเต็มตัวเต็มเวลา เพราะผลจากการลงทุนหุ้นในช่วงที่ผ่านมาให้ตอบแทนที่ดีเกินคาด และดีกว่าอาชีพประจำหรือธุรกิจที่ทำอยู่เดิมอย่างมาก http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=0200
สำหรับผมมันกลับทำให้ผมมีอิสระในการใช้วิชาชีพของผมในแง่ของการช่วยเหลือสังคม(โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทน)ได้มากขึ้น ไม่ต้องมาพะวงเกี่ยวกับรายได้-รายจ่าย สำหรับผมคงไม่หันหลังให้วิชาชีพตัวเองอย่างแน่นอนเพราะก็รู้สึกว่ามันเป็นความสูญเสียงบประมาณของรัฐพอสมควร(ตอนเรียนรัฐบาลออกตังส์)...แต่ใครจะเลิกไปเลยก็เป็นเรื่องนาๆจิตตัง(ถ้าเป็นหมอก็ใช่ทุนให้หมดก่อนนะ)...

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 12:52 pm
โดย Plant
KittipongS เขียน:โดยเฉพาะเมื่อทุกคนสนใจแต่เรื่องผลตอบแทน จนอาจส่งผลถึงการบ่มให้จิตใจเน้นแต่เงินทองผลตอบแทน
จากตรงจุดนี้ผมมองว่าการลงทุนในหุ้นให้อะไรมากกว่าเพียงต้องการผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินครับ โดยเฉพาะการลงทุนแบบ Vi...^^)

ผมคิดเองว่าผู้ที่เขียนบทความเขียนด้วยแนวคิด และมุมมองของตนเองโดยอาจจะยังไม่เคยลงทุนหุ้นมาก่อน หรือยังลงทุนเพียงไม่กี่ปี
ประสบการณ์ยังน้อยอยู่ จึงไม่เข้าใจว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีอะไรมากกว่าที่คนเขียนคิดเองครับ...^^)

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 1:00 pm
โดย Zolaa
คนที่สำเร็จในอาชีพนักลงทุนในบ้านเราถ้าเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศแล้วผมว่ามีอยู่จิ๊ดเดียว ผมว่าคนที่เขียนบทความนี้กังวลเกินเหตุไปรึเปล่า

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 1:12 pm
โดย kongkiti
คนไทย เมื่อก่อนเล่นหวย
เดี๋ยวนี้ เล่นหวย+เล่นหุ้น
นักลงทุนอาชีพไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นหรอกครับ...

ผมว่าหากมีนักลงทุนเยอะๆ น่าจะยิ่งดี
ผู้ประกอบการทึ่ฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ จะได้มีแหล่งเงินทุน
เอามาใช้พัฒนาประเทศ
ดีกว่าเล่นหวย ตั้งเยอะ... :P

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 7:16 pm
โดย kjarrung
ผมรับราชการ แต่ถ้ารับราชการทั้งชีวิตคงมีเงินร้อยล้านไม่ได้ ยกเว้นถ้าเป็นอธิบดีแล้วฉ้อฉลในหน้าที่การงานหรือหาผลประโยชน์ใส่ตัว แต่อาชีพลงทุนเราสามารถมีเงินร้อยล้านได้ และเป็นอาชีพที่สุจริตและใช้ความสามารถเต็มที่ ผมภูมิใจที่จะเป็นนักลงทุนครับ แต่ขอเวลาอีกซักหน่อย ขอให้อิ่มตัวมากกว่านี้แล้วจะเป็นนักลงทุนเต็มเวลาครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 8:13 pm
โดย marble
KittipongS เขียน:VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

ระยะหลังกระแสเรื่องอาชีพการเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นแบบเต็มตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่กำลังมาแรง แบบว่าเรียนจบมาไม่นานก็กลายเป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตหุ้นหลักร้อยล้าน พันล้านบาท


อันนี้เขียนเวอร์ไปเปล่า

หรือว่าเรียนจบก็ลงทุนกี่หลัก ถึงจะมีเป็น100 ล้านเป็นพันล้าน

ถ้าธรรมดาเรียนจบ ปีแรกลงทุนหลักล้าน นี่ก็ยากแล้ว เพราะต้องหาเงินมาลงทุน

นอกจากมีใครให้ทุนมาลงทุน ถ้ามีใครให้ทุนมายังงี้ มันเท่ห์ตรงไหน

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 8:30 pm
โดย Undertaker
ช่วงนี้หุ้นขึ้นตลอด ผมรู้สึกว่านักลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเยอะมาก ยิ่งถ้าใครเข้ามาในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาละก็ ส่วนมากคงได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำ จนบางคนมองว่านี่คืออาชีพที่ใฝ่ฝัน ไม่ต้องนั่งทำงาน ก็สามารถหาเงินได้ นักลงทุนบางคนซื้อหุ้นแล้วถือยาว และก็มีกำไร ก็บอกว่าตัวเองเป็น VI ทั้งที่จริง อาจจะเป็นเรื่องดวงมากกว่า
อาชีพ VI ต้องทำอะไรบ้าง คงไม่ใช่แค่ซื้อหุ้นแล้วถือยาวเท่านั้นหรอก นักลงทุนใหม่ ๆ คงยังไม่รู้ความหมายของคำว่า VI ที่แท้จริง ตอนนี้คำว่า VI คงเป็นกระแสมากกว่า พอหุ้นตก (ผมว่าแค่ 200-300 จุด) เลือดก็ท่วมแล้ว บทความแบบนี้คงไม่มีให้เห็นหรอก

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมไปทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้า เจอคนเล่นหุ้น 2 คนคุยกัน (นั่งโต๊ะข้าง ๆ ผม)

ชายคนแรก : ช่วงนี้มือถือขายดี ธุรกิจอะไรที่จะดีตามมั่งนะ
ชายคนที่ 2 : ทุกคนซื้อโทรศัพท์ ก็ต้องติดฟิลม์กันรอย ใช่มั๊ย ธุรกิจติดฟิลม์ก็คงจะดี
ชายคนแรก : แล้วในตลาดหุ้นมีบริษัทรับติดฟิลม์ป่าว
ชายคนที่ 2 : มิสิ ก็ FOCUS ไง
ชายคนแรก : เหรอ งั้นก็ดีสิ ซื้อพรุ่งนี้เลยดีกว่า คงยังไม่มีใครคิดได้

ผมอยากจะหัวเราะ แต่หัวเราะไม่ออก ในใจคิดว่าจะบอกเค้าดีมั๊ย คิดอยู่ซักพัก ก็ได้ยินเค้าคุยกันอีก

ชายคนแรก : อิ่มยัง ถ้ายังไม่อิ่ม สั่งได้อีกนะ กรูเป็นเจ้าของร้านนี้ (ถือหุ้นอยู่) อุดหนุนร้านของเราเอง ไม่ต้องกลัว อีกอย่างได้กำไรมาเยอะด้วย ถือไม่นานเอง
ชายคนที่ 2 : แหมนี่ก็ร้านกรูเหมือนกัน ได้กำไรจากร้านนี้ มาเยอะเหมือนกัน เอาเงินมาอุดหนุนซักหน่อย คงไม่เป็นไร
ชายคนแรก : แต่พรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เป็นเจ้าของร้านแล้ว เพราะมาร์เก็ตติ้งให้ขายพรุ่งนี้

ผมเห็นว่าคงไม่ได้แล้วแหละ จะหาว่ายุ่งก็ยอม ก็เลยตัดสินใจบอกพี่เค้าทั้ง 2 คน แต่ผมไม่ได้บอกตรง ๆ นะครับ ไม่กล้า กลัวโดน ตี..

ปล. ผมกินร้าน MK Restaurant

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 8:52 pm
โดย GINTOKI
พี่ครับ นี่เรื่องจริงๆหรือเปล่าครับ :?: หรือเป็นโจ๊กที่พี่แต่งเองครับ :D
ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่ ตลาดตอนนี้ก็น่ากลัว :evil:
Undertaker เขียน:ช่วงนี้หุ้นขึ้นตลอด ผมรู้สึกว่านักลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเยอะมาก ยิ่งถ้าใครเข้ามาในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาละก็ ส่วนมากคงได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำ จนบางคนมองว่านี่คืออาชีพที่ใฝ่ฝัน ไม่ต้องนั่งทำงาน ก็สามารถหาเงินได้ นักลงทุนบางคนซื้อหุ้นแล้วถือยาว และก็มีกำไร ก็บอกว่าตัวเองเป็น VI ทั้งที่จริง อาจจะเป็นเรื่องดวงมากกว่า
อาชีพ VI ต้องทำอะไรบ้าง คงไม่ใช่แค่ซื้อหุ้นแล้วถือยาวเท่านั้นหรอก นักลงทุนใหม่ ๆ คงยังไม่รู้ความหมายของคำว่า VI ที่แท้จริง ตอนนี้คำว่า VI คงเป็นกระแสมากกว่า พอหุ้นตก (ผมว่าแค่ 200-300 จุด) เลือดก็ท่วมแล้ว บทความแบบนี้คงไม่มีให้เห็นหรอก

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมไปทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้า เจอคนเล่นหุ้น 2 คนคุยกัน (นั่งโต๊ะข้าง ๆ ผม)

ชายคนแรก : ช่วงนี้มือถือขายดี ธุรกิจอะไรที่จะดีตามมั่งนะ
ชายคนที่ 2 : ทุกคนซื้อโทรศัพท์ ก็ต้องติดฟิลม์กันรอย ใช่มั๊ย ธุรกิจติดฟิลม์ก็คงจะดี
ชายคนแรก : แล้วในตลาดหุ้นมีบริษัทรับติดฟิลม์ป่าว
ชายคนที่ 2 : มิสิ ก็ FOCUS ไง
ชายคนแรก : เหรอ งั้นก็ดีสิ ซื้อพรุ่งนี้เลยดีกว่า คงยังไม่มีใครคิดได้

ผมอยากจะหัวเราะ แต่หัวเราะไม่ออก ในใจคิดว่าจะบอกเค้าดีมั๊ย คิดอยู่ซักพัก ก็ได้ยินเค้าคุยกันอีก

ชายคนแรก : อิ่มยัง ถ้ายังไม่อิ่ม สั่งได้อีกนะ กรูเป็นเจ้าของร้านนี้ (ถือหุ้นอยู่) อุดหนุนร้านของเราเอง ไม่ต้องกลัว อีกอย่างได้กำไรมาเยอะด้วย ถือไม่นานเอง
ชายคนที่ 2 : แหมนี่ก็ร้านกรูเหมือนกัน ได้กำไรจากร้านนี้ มาเยอะเหมือนกัน เอาเงินมาอุดหนุนซักหน่อย คงไม่เป็นไร
ชายคนแรก : แต่พรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เป็นเจ้าของร้านแล้ว เพราะมาร์เก็ตติ้งให้ขายพรุ่งนี้

ผมเห็นว่าคงไม่ได้แล้วแหละ จะหาว่ายุ่งก็ยอม ก็เลยตัดสินใจบอกพี่เค้าทั้ง 2 คน แต่ผมไม่ได้บอกตรง ๆ นะครับ ไม่กล้า กลัวโดน ตี..

ปล. ผมกินร้าน MK Restaurant

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 9:17 pm
โดย KittipongS
สิ่งที่ผมคิดได้จากบทความนี้คือว่าคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบมาไม่นาน คงอายุประมาณ 23-31 ปีซึ่งก็คือคน Gen Y ซึ่งผมอ้างอิงจากบทความ VI Gen-X ของ ดร.นิเวศ ที่ว่า “ คนรุ่นต่อมาคือ Gen Y นี่คือ “เด็กรุ่นใหม่” ที่เกิดจากคนรุ่นเบบี้บูมหลังจากปี 1981 จนถึงปี 1997 ซึ่งก็คือคนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 31 ปี นี่คือคนที่เกิดมาก็มีระบบอินเตอร์เน็ตใช้กันอย่างกว้างขวางแล้ว ดังนั้น พวกเขาไม่คุ้นเคยกับแนวทางชีวิตของคนรุ่นเก่าเลย เพื่อนของเขาส่วนใหญ่ติดต่อกันผ่านทางการส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ พวกเขาไม่ดูทีวีหรือดู “หนังแผ่น” แต่ใช้วิธีดาวน์โหลดภาพยนต์จากอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก คน Gen-Y นั้น มีความเป็น “สากล” มาก การมีเพื่อนที่เป็นคนต่างชาติและต่างวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกับการมีแฟนเป็นคนต่างชาติ การนิยมชมชอบวัฒนธรรมหรือศิลปินจากต่างชาติก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน พวกเขา “ไม่ต่อต้านสถาบัน” แต่ใช้วิธี “หลีกเลี่ยง” มากกว่า คน Gen-Y นั้น เป็นพวกที่มีจินตนาการสูง พวกเขาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในด้านของงานอาชีพ พวกเขาชอบทำงานในด้านของ IT และธุรกิจทางด้านความบันเทิงมากกว่างาน “ใช้มือ” อย่างอื่น ที่สำคัญ พวกเขาอยากทำงานที่ทำให้ รวยเร็วหรือดังเร็ว การเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น “ มีความสนใจการลงทุนมากขึ้นและเร็วกว่าคนรุ่นก่อนๆ สาเหตุคงเป็นเพราะความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยนี้เองที่ทำให้มีคนสนใจเข้าลงทุนมากขึ้น ขนาดที่ว่ามีคนเขียนบทความว่าเป็นห่วงเรื่องการขาดทรัพยากรบุคคลเพราะมีคนออกจากงานประจำมาลงทุนหรือเรียนจบใหม่ออกมาลงทุนโดยที่ไม่หางานประจำเหมือนแต่ก่อน นี้อาจเป็นข้อสังเกตอีกข้อที่กำลังบอกให้เราระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ถ้าเปรียบกับในสนามรบก็คงประมาณให้ตรวจสอบว่ามีจำนวนทหารอยู่เท่าไหร่ที่พร้อมรบ มีเสบียงอยู่ได้นานกี่เดือน กี่ปี ผ่านฝนนี้จะรอดไหม ชัยภูมิที่ตั้งค่ายเหมาะสมหรือไม่ อะไรประมาณนี้แหละครับ ที่เขียนมามันเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดเองเออเองของผมนะครับ ถ้าสิ่งที่ผมเขียนไม่ตรงกับความคิดเห็นท่านใด ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 9:18 pm
โดย Plant
Undertaker เขียน:ช่วงนี้หุ้นขึ้นตลอด ผมรู้สึกว่านักลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเยอะมาก ยิ่งถ้าใครเข้ามาในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาละก็ ส่วนมากคงได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำ จนบางคนมองว่านี่คืออาชีพที่ใฝ่ฝัน ไม่ต้องนั่งทำงาน ก็สามารถหาเงินได้ นักลงทุนบางคนซื้อหุ้นแล้วถือยาว และก็มีกำไร ก็บอกว่าตัวเองเป็น VI ทั้งที่จริง อาจจะเป็นเรื่องดวงมากกว่า
อาชีพ VI ต้องทำอะไรบ้าง คงไม่ใช่แค่ซื้อหุ้นแล้วถือยาวเท่านั้นหรอก นักลงทุนใหม่ ๆ คงยังไม่รู้ความหมายของคำว่า VI ที่แท้จริง ตอนนี้คำว่า VI คงเป็นกระแสมากกว่า พอหุ้นตก (ผมว่าแค่ 200-300 จุด) เลือดก็ท่วมแล้ว บทความแบบนี้คงไม่มีให้เห็นหรอก

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมไปทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้า เจอคนเล่นหุ้น 2 คนคุยกัน (นั่งโต๊ะข้าง ๆ ผม)

ชายคนแรก : ช่วงนี้มือถือขายดี ธุรกิจอะไรที่จะดีตามมั่งนะ
ชายคนที่ 2 : ทุกคนซื้อโทรศัพท์ ก็ต้องติดฟิลม์กันรอย ใช่มั๊ย ธุรกิจติดฟิลม์ก็คงจะดี
ชายคนแรก : แล้วในตลาดหุ้นมีบริษัทรับติดฟิลม์ป่าว
ชายคนที่ 2 : มิสิ ก็ FOCUS ไง
ชายคนแรก : เหรอ งั้นก็ดีสิ ซื้อพรุ่งนี้เลยดีกว่า คงยังไม่มีใครคิดได้

ผมอยากจะหัวเราะ แต่หัวเราะไม่ออก ในใจคิดว่าจะบอกเค้าดีมั๊ย คิดอยู่ซักพัก ก็ได้ยินเค้าคุยกันอีก



ชายคนแรก : อิ่มยัง ถ้ายังไม่อิ่ม สั่งได้อีกนะ กรูเป็นเจ้าของร้านนี้ (ถือหุ้นอยู่) อุดหนุนร้านของเราเอง ไม่ต้องกลัว อีกอย่างได้กำไรมาเยอะด้วย ถือไม่นานเอง
ชายคนที่ 2 : แหมนี่ก็ร้านกรูเหมือนกัน ได้กำไรจากร้านนี้ มาเยอะเหมือนกัน เอาเงินมาอุดหนุนซักหน่อย คงไม่เป็นไร
ชายคนแรก : แต่พรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เป็นเจ้าของร้านแล้ว เพราะมาร์เก็ตติ้งให้ขายพรุ่งนี้

ผมเห็นว่าคงไม่ได้แล้วแหละ จะหาว่ายุ่งก็ยอม ก็เลยตัดสินใจบอกพี่เค้าทั้ง 2 คน แต่ผมไม่ได้บอกตรง ๆ นะครับ ไม่กล้า กลัวโดน ตี..

ปล. ผมกินร้าน MK Restaurant
เหอๆตอนแรกคิดว่าคุณ "Undertaker" ไปเจอผมนั่งคุยกับเพื่อนซะอีก โชคดีที่ผมไปนั่งกินmk กับ
เพื่อน 3 คน...^^)

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 9:34 pm
โดย o-bo-ja-ma
โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะผมแน่เลย ... อายจัง :oops:

ล้อเล่นนะครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 19, 2013 11:19 pm
โดย Linzhi
ผมว่าประเทศเราขาดนักลงทุนคุณภาพยิ่งกว่าขาดวิศวะอีกนะครับ อิอิ

และนักลงทุนเต็มตัวก็ไม่ใช่วัน ๆ จะลงทุนอย่างเดียว หลายคนก็ทำอย่างอื่นอีกหลายอย่าง
เอาเวลามาเลี้ยงลูกให้เป็นคนที่มีคุณภาพในสังคม
เอาเวลาไปพัฒนาสังคม เป็นครู เป็นอาจารย์
เอาเวลาไปส่งเสริมกิจการทางศาสนา
เอาเวลาไปช่วยเหลือคนด้อยโอกาส
เอาเวลาไปทำงานที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องหวังแต่เงินเพียงอย่างเดียว

ผมว่าประเทศได้ประโยชน์ เพราะแทนที่จะทำงานอย่างเดียว แต่ก็เพิ่มงานให้คนเข้าไปอีกงาน
ประสิทธิภาพสูงขึ้นซะอีกผมว่านะ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 20, 2013 7:45 am
โดย yakjabon
KittipongS เขียน:สิ่งที่ผมคิดได้จากบทความนี้คือว่าคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบมาไม่นาน คงอายุประมาณ 23-31 ปีซึ่งก็คือคน Gen Y ซึ่งผมอ้างอิงจากบทความ VI Gen-X ของ ดร.นิเวศ ที่ว่า “ คนรุ่นต่อมาคือ Gen Y นี่คือ “เด็กรุ่นใหม่” ที่เกิดจากคนรุ่นเบบี้บูมหลังจากปี 1981 จนถึงปี 1997 ซึ่งก็คือคนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 31 ปี นี่คือคนที่เกิดมาก็มีระบบอินเตอร์เน็ตใช้กันอย่างกว้างขวางแล้ว ดังนั้น พวกเขาไม่คุ้นเคยกับแนวทางชีวิตของคนรุ่นเก่าเลย เพื่อนของเขาส่วนใหญ่ติดต่อกันผ่านทางการส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ พวกเขาไม่ดูทีวีหรือดู “หนังแผ่น” แต่ใช้วิธีดาวน์โหลดภาพยนต์จากอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก คน Gen-Y นั้น มีความเป็น “สากล” มาก การมีเพื่อนที่เป็นคนต่างชาติและต่างวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกับการมีแฟนเป็นคนต่างชาติ การนิยมชมชอบวัฒนธรรมหรือศิลปินจากต่างชาติก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน พวกเขา “ไม่ต่อต้านสถาบัน” แต่ใช้วิธี “หลีกเลี่ยง” มากกว่า คน Gen-Y นั้น เป็นพวกที่มีจินตนาการสูง พวกเขาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในด้านของงานอาชีพ พวกเขาชอบทำงานในด้านของ IT และธุรกิจทางด้านความบันเทิงมากกว่างาน “ใช้มือ” อย่างอื่น ที่สำคัญ พวกเขาอยากทำงานที่ทำให้ รวยเร็วหรือดังเร็ว การเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น “ มีความสนใจการลงทุนมากขึ้นและเร็วกว่าคนรุ่นก่อนๆ สาเหตุคงเป็นเพราะความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยนี้เองที่ทำให้มีคนสนใจเข้าลงทุนมากขึ้น ขนาดที่ว่ามีคนเขียนบทความว่าเป็นห่วงเรื่องการขาดทรัพยากรบุคคลเพราะมีคนออกจากงานประจำมาลงทุนหรือเรียนจบใหม่ออกมาลงทุนโดยที่ไม่หางานประจำเหมือนแต่ก่อน นี้อาจเป็นข้อสังเกตอีกข้อที่กำลังบอกให้เราระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ถ้าเปรียบกับในสนามรบก็คงประมาณให้ตรวจสอบว่ามีจำนวนทหารอยู่เท่าไหร่ที่พร้อมรบ มีเสบียงอยู่ได้นานกี่เดือน กี่ปี ผ่านฝนนี้จะรอดไหม ชัยภูมิที่ตั้งค่ายเหมาะสมหรือไม่ อะไรประมาณนี้แหละครับ ที่เขียนมามันเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดเองเออเองของผมนะครับ ถ้าสิ่งที่ผมเขียนไม่ตรงกับความคิดเห็นท่านใด ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ
พี่เป็น Gen Y ป่าวครับ เข้าใจลึกซึ้ง กด Like ในฐานะ Gen Y คนนึง :B .. ภาพรวมนี่ใช่ครับ แต่ทุกคนมีความแตกต่าง .. ก็คงเหมือนๆกับทุกๆรุ่น หลายคนส่วใหญ่ก็อยากรวยเร็ว อยากออกไปตั้งกิจการเองบ้าง ทำอะไรสักอย่างเองบ้างที่บางคนก็ยังไม่รู้จะทำอะไร (ฮิตมาก และน้อยคนมากจะบอกว่าจะเป็นลูกจ้่างจนเกษียณ) .. แต่สมบัติทั้ง 3 สถานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

1) รูปสมบัติ .. อันนี้พ่อแม่ให้มา (และก็ คิดว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้)
2) ทรัพย์สมบัติ .. บางคนเกิดมาสบาย บ้านรวย ก็อาจเข้าข่ายบทความนี้ได้ครับ (แต่ผมไม่ :'O )
3) คุณสมบัติ .. ใครขวนขวาย ใครได้ครับ

ที่กล่าวมาจึงทำให้ผลของการตัดสินใจของ Gen Y แต่ละคนไม่เท่ากัน แรงกดดันให้พัฒนาตัวที่ 3 ก็ไม่เท่ากัน ความรอบคอบของแค่ละคนก็ไม่เท่ากัน ความรับในความเสี่ยงแต่ละคนไม่เท่ากัน MOS ในใจแค่ละคนไม่เท่ากัร .. จึงไม่รู้จะสรุปอย่างไรครับ ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยังไง แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถออกมาเริ่มอาชีพนักลงทุนเต็มตัวกันได้อย่างใจคิดก็เนื่องจากภาระของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 20, 2013 8:49 am
โดย torpongpak
ผมว่าสุดท้ายเเล้วทุกอย่างจะ"สมดุล"ครับ ไม่มีอะไรต้องกังวลว่าคนจะลาออกจากงานไปลงทุนเต็มเวลามากเกินไป เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นจริง(คนลาออกไปเป็นVIทั้งหมดโดยเฉพาะหมอเเละวิศวะ) ธรรมชาติก้อจะมีวิธีจัดสมดุลของมันเอง ยกต้วอย่างก่อนปี40 พี่ที่มีประสบการณ์ในตลาดมานานเค้าบอกว่าหมอลาออกจากงานมาเล่นหุ้นอย่างเดียวเยอะมาก พอเกิดวิกฤติ40 กลับไปทำงานเป็นหมอเหมือนเดิมกันเพียบ เเถมบางคนเข็ดออกจากตลาดหุ้นไปเลย^^

ผมว่าปล่อยให้มันเป็นไปดีกว่าครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 20, 2013 9:12 pm
โดย dino
:mrgreen: อิอิ เมื่อซักยี่สิบปีก่อน ตอนขายตรงบูม มีหลายๆคนก็พูดว่า...
ถ้าขายตรงดีแบบนี้พวกหมอ วิศวกร ฯลฯ คงจะมาทำขายตรงกันหมด
เดี๋ยวชาติไทยเราคงจะแย่ ต้องสูญเสียมันสมองให้กับธุรกิจขายตรง
ผ่านมายี่สิบกว่าปี อะไรๆก็ยังเหมือนเดิมครับ ธุรกิจต่างๆก็มีวัฐจักรของตัวเอง
ต่างก็มีวิถีทางของตัวเองครับ ยังไงก็อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้เลยนะครับ :B

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 20, 2013 9:33 pm
โดย maymekung
ส่วนตัวไม่เคยคิดจะละทิ้งอาชีพเดิม คิดว่ายังจำเป็นต้องมีสังคมมีเพื่อนร่วมงาน มาเติบเต็มชีวิตครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 20, 2013 9:51 pm
โดย canuseeme
เมืองไทย ยังต้องการ นักลงทุน อีกเยอะ ครับ
เพราะ พอ ต่างชาติ มา ลงทุน ดัน บอก ขาย ชาติ (เซ็ง)

เมื่อวาน มีโอกาส ได้ เรียน วิชา บริหาร อาจารย์ มา บ่น ใหญ เสียใจ ที่ เทมาเซ็ก
โกย เงิน กลับบ้าน ผม ต้อง สะกดใจ ไม่อยาก จะ สวน
ว่า มี ใคร ห้าม อาจาร์ย ซื้อหุ้น ais วะครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 21, 2013 3:12 am
โดย Green
KittipongS เขียน:ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถต่างเห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอาชีพที่ดี ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีมาก จนละทิ้งอาชีพหรือธุรกิจเดิมของตน จะหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพของประเทศ โดยที่ไม่ได้นำวิชาความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาช่วยสร้างประโยชน์เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อทุกคนสนใจแต่เรื่องผลตอบแทน จนอาจส่งผลถึงการบ่มให้จิตใจเน้นแต่เงินทองผลตอบแทน
เป็นธรรมดา ในโลกทุนนิยมครับ เพราะบุคลลากรที่มีศักยภาพ เค้าก็จะวิ่งไปหาอะไรที่ทำให้เค้าแสดงศักยภาพของเค้าได้เต็มที่ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องร้าย ที่จะต้องวิตกอะไร เราควรจะใช้ กระแสทุนนิยมนี้ มาคิดซิว่า จะทำอย่างไร จะสามารถดึงดูดคนที่มีศักยภาพ มาทำงานพัฒนาชาติกันมากกว่า ยิ่งเป็นองค์กรของรัฐ เด็กจบใหม่ มา จะมีซักเท่าไหร่ ที่บอกว่าอยากทำงาน ที่กระทรวงนั้น กระทรวงนี้ อันนี้ ผมว่ามันน้อยมาก ครับ เป็นสัญญาณอันตรายที่มีมานานแล้ว จะคนคิดว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาแล้วมั้ง

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 21, 2013 12:34 pm
โดย KittipongS
yakjabon เขียน:
KittipongS เขียน:สิ่งที่ผมคิดได้จากบทความนี้คือว่าคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบมาไม่นาน คงอายุประมาณ 23-31 ปีซึ่งก็คือคน Gen Y ซึ่งผมอ้างอิงจากบทความ VI Gen-X ของ ดร.นิเวศ ที่ว่า “ คนรุ่นต่อมาคือ Gen Y นี่คือ “เด็กรุ่นใหม่” ที่เกิดจากคนรุ่นเบบี้บูมหลังจากปี 1981 จนถึงปี 1997 ซึ่งก็คือคนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 31 ปี นี่คือคนที่เกิดมาก็มีระบบอินเตอร์เน็ตใช้กันอย่างกว้างขวางแล้ว ดังนั้น พวกเขาไม่คุ้นเคยกับแนวทางชีวิตของคนรุ่นเก่าเลย เพื่อนของเขาส่วนใหญ่ติดต่อกันผ่านทางการส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ พวกเขาไม่ดูทีวีหรือดู “หนังแผ่น” แต่ใช้วิธีดาวน์โหลดภาพยนต์จากอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก คน Gen-Y นั้น มีความเป็น “สากล” มาก การมีเพื่อนที่เป็นคนต่างชาติและต่างวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกับการมีแฟนเป็นคนต่างชาติ การนิยมชมชอบวัฒนธรรมหรือศิลปินจากต่างชาติก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน พวกเขา “ไม่ต่อต้านสถาบัน” แต่ใช้วิธี “หลีกเลี่ยง” มากกว่า คน Gen-Y นั้น เป็นพวกที่มีจินตนาการสูง พวกเขาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในด้านของงานอาชีพ พวกเขาชอบทำงานในด้านของ IT และธุรกิจทางด้านความบันเทิงมากกว่างาน “ใช้มือ” อย่างอื่น ที่สำคัญ พวกเขาอยากทำงานที่ทำให้ รวยเร็วหรือดังเร็ว การเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น “ มีความสนใจการลงทุนมากขึ้นและเร็วกว่าคนรุ่นก่อนๆ สาเหตุคงเป็นเพราะความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยนี้เองที่ทำให้มีคนสนใจเข้าลงทุนมากขึ้น ขนาดที่ว่ามีคนเขียนบทความว่าเป็นห่วงเรื่องการขาดทรัพยากรบุคคลเพราะมีคนออกจากงานประจำมาลงทุนหรือเรียนจบใหม่ออกมาลงทุนโดยที่ไม่หางานประจำเหมือนแต่ก่อน นี้อาจเป็นข้อสังเกตอีกข้อที่กำลังบอกให้เราระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ถ้าเปรียบกับในสนามรบก็คงประมาณให้ตรวจสอบว่ามีจำนวนทหารอยู่เท่าไหร่ที่พร้อมรบ มีเสบียงอยู่ได้นานกี่เดือน กี่ปี ผ่านฝนนี้จะรอดไหม ชัยภูมิที่ตั้งค่ายเหมาะสมหรือไม่ อะไรประมาณนี้แหละครับ ที่เขียนมามันเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดเองเออเองของผมนะครับ ถ้าสิ่งที่ผมเขียนไม่ตรงกับความคิดเห็นท่านใด ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ
พี่เป็น Gen Y ป่าวครับ เข้าใจลึกซึ้ง กด Like ในฐานะ Gen Y คนนึง :B .. ภาพรวมนี่ใช่ครับ แต่ทุกคนมีความแตกต่าง .. ก็คงเหมือนๆกับทุกๆรุ่น หลายคนส่วใหญ่ก็อยากรวยเร็ว อยากออกไปตั้งกิจการเองบ้าง ทำอะไรสักอย่างเองบ้างที่บางคนก็ยังไม่รู้จะทำอะไร (ฮิตมาก และน้อยคนมากจะบอกว่าจะเป็นลูกจ้่างจนเกษียณ) .. แต่สมบัติทั้ง 3 สถานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

1) รูปสมบัติ .. อันนี้พ่อแม่ให้มา (และก็ คิดว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้)
2) ทรัพย์สมบัติ .. บางคนเกิดมาสบาย บ้านรวย ก็อาจเข้าข่ายบทความนี้ได้ครับ (แต่ผมไม่ :'O )
3) คุณสมบัติ .. ใครขวนขวาย ใครได้ครับ

ที่กล่าวมาจึงทำให้ผลของการตัดสินใจของ Gen Y แต่ละคนไม่เท่ากัน แรงกดดันให้พัฒนาตัวที่ 3 ก็ไม่เท่ากัน ความรอบคอบของแค่ละคนก็ไม่เท่ากัน ความรับในความเสี่ยงแต่ละคนไม่เท่ากัน MOS ในใจแค่ละคนไม่เท่ากัร .. จึงไม่รู้จะสรุปอย่างไรครับ ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยังไง แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถออกมาเริ่มอาชีพนักลงทุนเต็มตัวกันได้อย่างใจคิดก็เนื่องจากภาระของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ
:B :B ผมเป็น X ตอนปลาย Y ตอนต้นครับ

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 21, 2013 3:25 pm
โดย Zolaa
ผมนี่แหละคนหนึ่งที่จะละทิ้งอาชีพเดิมถ้าการลงทุนประสบผลสำเร็จ...
แต่ในความเป็นจริงยังต้องทำงานอีกนาน :mrgreen:

Re: VI อาชีพใหม่ที่มาแรง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 21, 2013 6:10 pm
โดย PLUSLOVE
VI แท้ๆมีกี่คนครับ

หลังอ่านบทความล่าสุดของท่าน อาจารย์แล้ว

รู้สึกว่าตัวเอง ก้เดินบนถนนบ้าง ตกถนนบ้าง ไม่แท้ แต่ต่อไปก้จะตั้งใจที่จะกลับมา

บนถนนให้ได้ครับ

จะได้ภาคภูมิใจในความเป็น พันธ์แท้บ้าง