ก.ล.ต.กล่าวโทษ “โศภนา” อดีต “ผจก.ฟันด์” และพวกทุจริตซื้อขายห
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 15, 2013 7:21 pm
ก.ล.ต.กล่าวโทษ “โศภนา” อดีต “ผจก.ฟันด์” และพวกทุจริตซื้อขายหุ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กุมภาพันธ์ 2556 18:05 น.
ก.ล.ต.กล่าวโทษ “อดีต ผจก.” กองทุนดัง “บลจ.กสิกรไทย-บลจ.ไทยพาณิชย์” กับพวกทุจริตซื้อขายหุ้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักกทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ น.ส.โศภนา เจนบวร อดีตผู้จัดการกองทุน ซึ่งเคยเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของ บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.ไทยพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของกองทุนรวมตราสารทุนที่บริหารจัดการโดย บลจ.ทั้ง 2 แห่งดังกล่าว กรณีพบหลักฐานน่าเชื่อว่า น.ส.โศภนา กระทำการทุจริตต่อหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 311 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ พร้อมทั้งกล่าวโทษ พระสุเทพ อาภสฺสโร (แป้นไผ่) และ นางวัจฉละ พิสิฏฐ์ศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนการกระทำผิดของ น.ส.โศภนา
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์หลายราย ซึ่งมีพฤติกรรมการซื้อขายที่น่าสงสัยว่า อาจรู้เห็นกับบุคลากรที่ปฏิบัติงานใน บลจ. ทำการซื้อหลักทรัพย์ดักหน้าการซื้อของกองทุนรวม
จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2553 ซึ่งขณะนั้น น.ส.โศภนา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ถึงเดือนมีนาคม 2554 น.ส.โศภนา ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยทั้งสองช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.โศภนา ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้จัดการกองทุนและกำกับดูแลกองทุนรวมส่วนตราสารทุนของทั้งสอง บลจ. ได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ โดยอาศัยประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลแผนการลงทุนของกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ. ดำเนินการให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะดักหน้าการซื้อของกองทุนรวม เพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยใช้บัญชีของบุคคล 2 ราย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากพระสุเทพ และนางวัจฉละ
นอกจากนี้ ขณะกระทำผิด น.ส.โศภนา เป็นบุคคลที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนซึ่งปัจจุบันแม้ น.ส.โศภนา จะมิได้ปฏิบัติงานที่ บลจ. แห่งใดแล้ว แต่การถูกกล่าวโทษในครั้งนี้ทำให้ น.ส.โศภนา มีลักษณะต้องห้ามในการปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในตลาดทุน ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนของ น.ส.โศภนาด้วย
ก.ล.ต. สั่งการให้ บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.ไทยพาณิชย์ รวมทั้ง บลจ. ทุกแห่งเพิ่มมาตรการควบคุมรักษาข้อมูลการดำเนินการภายในของกองทุนที่ไม่เปิดเผยเป็นการทั่วไป เช่น การตัดสินใจลงทุนเพื่อกองทุน การส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อกองทุน เป็นต้น เพื่อป้องกันการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง หรือบุคคลอื่น และ บลจ. ทุกแห่งได้ดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวแล้ว
นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ธุรกิจจัดการลงทุนเป็นธุรกิจที่รับบริหารจัดการเงินให้แก่บุคคล หรือประชาชนทั่วไป ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความไว้วางใจ และเชื่อถือจากลูกค้าหรือผู้ลงทุน ดังนั้น บุคลากรของ บลจ. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และรักษาผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพในการบริหารจัดการเงินลงทุนแทนผู้ลงทุน โดยไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการเอาเปรียบลูกค้า หรือผู้ลงทุนด้วย
http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNe ... 0000019774
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กุมภาพันธ์ 2556 18:05 น.
ก.ล.ต.กล่าวโทษ “อดีต ผจก.” กองทุนดัง “บลจ.กสิกรไทย-บลจ.ไทยพาณิชย์” กับพวกทุจริตซื้อขายหุ้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักกทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ น.ส.โศภนา เจนบวร อดีตผู้จัดการกองทุน ซึ่งเคยเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของ บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.ไทยพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของกองทุนรวมตราสารทุนที่บริหารจัดการโดย บลจ.ทั้ง 2 แห่งดังกล่าว กรณีพบหลักฐานน่าเชื่อว่า น.ส.โศภนา กระทำการทุจริตต่อหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 311 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ พร้อมทั้งกล่าวโทษ พระสุเทพ อาภสฺสโร (แป้นไผ่) และ นางวัจฉละ พิสิฏฐ์ศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนการกระทำผิดของ น.ส.โศภนา
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์หลายราย ซึ่งมีพฤติกรรมการซื้อขายที่น่าสงสัยว่า อาจรู้เห็นกับบุคลากรที่ปฏิบัติงานใน บลจ. ทำการซื้อหลักทรัพย์ดักหน้าการซื้อของกองทุนรวม
จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2553 ซึ่งขณะนั้น น.ส.โศภนา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ถึงเดือนมีนาคม 2554 น.ส.โศภนา ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยทั้งสองช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.โศภนา ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้จัดการกองทุนและกำกับดูแลกองทุนรวมส่วนตราสารทุนของทั้งสอง บลจ. ได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ โดยอาศัยประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลแผนการลงทุนของกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ. ดำเนินการให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะดักหน้าการซื้อของกองทุนรวม เพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยใช้บัญชีของบุคคล 2 ราย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากพระสุเทพ และนางวัจฉละ
นอกจากนี้ ขณะกระทำผิด น.ส.โศภนา เป็นบุคคลที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนซึ่งปัจจุบันแม้ น.ส.โศภนา จะมิได้ปฏิบัติงานที่ บลจ. แห่งใดแล้ว แต่การถูกกล่าวโทษในครั้งนี้ทำให้ น.ส.โศภนา มีลักษณะต้องห้ามในการปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในตลาดทุน ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนของ น.ส.โศภนาด้วย
ก.ล.ต. สั่งการให้ บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.ไทยพาณิชย์ รวมทั้ง บลจ. ทุกแห่งเพิ่มมาตรการควบคุมรักษาข้อมูลการดำเนินการภายในของกองทุนที่ไม่เปิดเผยเป็นการทั่วไป เช่น การตัดสินใจลงทุนเพื่อกองทุน การส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อกองทุน เป็นต้น เพื่อป้องกันการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง หรือบุคคลอื่น และ บลจ. ทุกแห่งได้ดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวแล้ว
นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ธุรกิจจัดการลงทุนเป็นธุรกิจที่รับบริหารจัดการเงินให้แก่บุคคล หรือประชาชนทั่วไป ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความไว้วางใจ และเชื่อถือจากลูกค้าหรือผู้ลงทุน ดังนั้น บุคลากรของ บลจ. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และรักษาผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพในการบริหารจัดการเงินลงทุนแทนผู้ลงทุน โดยไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการเอาเปรียบลูกค้า หรือผู้ลงทุนด้วย
http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNe ... 0000019774