สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 1
เห็นเพื่อนๆ หลายท่านตั้งกระทู้เตือนให้ระวังช่วงตลาดแบบนี้กันเยอะ
ผมเลยอยากขอเปลี่ยนอารมณ์ซักหน่อย มาลองสรุปกันดูว่า เราได้ "เรียนรู้" อะไรกันบ้างครับ
(ผมเองก็ลงทุนมาไม่นาน ยังไม่เจอ Correction หนักๆ ไม่เจอกระทิงดุหนักๆ ขอนับครั้งนี้เป็นกระทิงดุครั้งแรกละกันนะครับ)
ขอเริ่มก่อนเลยครับ (บางข้อ อาจไม่เกี่ยวกับเรื่อง พื้นฐานเลย ขออภัยด้วย...ผิดกฎเวบบอร์ดรึเปล่า)
สิ่งที่เรียนรู้
- Growth Stock ดีเสมอ แต่จะดีเป็นพิเศษ ในยามหุ้นกระทิง
- ปัจจุบันมีนักลงทุนเก่งๆ เยอะมาก มอง Trend ใหญ่ ส่วนเหล่านักเก็งกำไรก็มอง Trend เหมือนกันซื้อตามเลย เวลาหุ้นขึ้นที ก็ขึ้นยกแผง ทั้งกลุ่ม แต่คงมีบริษัทตัวจริง ไม่กี่ราย (เหมือนที่ อ.นิเวศน์ กล่าว เสมอๆ ว่า ธุรกิจ ก็เหมือน การทำสงคราม บางทีก็มีผู้ชนะ บางทีก็อาจแพ้กันทั้งหมด)
- เจ้าของบริษัท ที่ชาญฉลาด ควรเพิ่มทุนในยามตลาดหุ้นกระทิง เพราะเขาจะได้เงินมากเป็นพิเศษ แต่ตัวหารน้อย
- ตลาดกระทิง ชอบหุ้นที่เพิ่มทุน ม๊ากกก ขึ้นทุกตัว (จริงๆ นะ...)
- ส่วนอารมณ์ ของนักลงทุน -> แวบแรก เพิ่มทุนทำไมว้า... (หากเพิ่มแล้วดีจริง ก็ OK ครับ สนับสนุน)
- คนรอบๆข้างท่าน จะพูดเรื่องหุ้น ขนาดไปนั่งกินข้าวตามร้านทั่วๆไป คนข้างๆ ก็ยังคุยกันเรื่องหุ้นเลย (เราก็คุยเหมือนกันนี่หว่า) -> Confirm คำพูดของ Peter Lynch
- ในสมองของท่านจะมีแต่เรื่องหุ้น เพื่อนๆท่านจะคิดว่า วันพรุ่งนี้จะซื้อหุ้นอะไรดี ทั้งๆ ที่เราอาจคิดว่า แบบเดียวกันก็ได้ว่า จะลงทุนบริษัทไหนดี (ทำไมหาบริษัทดีๆ ราคาพอประมาณยากจังฟระ) หรือ นักลงทุนขั้นเทพก็จะขายเมื่อไหร่ดี ซื้อมาตั้งแต่ปี 2007 แล้วอ่ะ! ฝรั่งก็บอกว่า I มาเก็งกำไร ได้ซัก 10-20% ก็ Happy แล้ว
แถม ข้อคิด
- การลงทุนที่ดีต้องมองที่ Source of Profit อย่ามองเฉพาะที่ Profit (บรรทัดสุดท้าย) อย่างเดียว สำคัญกว่านั้น คือ มีแต่ Profit แต่ไม่มี Cash ก็ทำอะไรไม่ได้นะครับ งบเท่ห์อย่างเดียว
- ยืมคำท่าน อ.Buffett มาใช้ : Growth ที่ดีต้องเป็น Growth within Franchise คือ เป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน ลองสังเกตดู บริษัทส่วนใหญ่ที่ Growth สุดท้าย รายได้/กำไร ก็วนอยู่ที่เดิม มีไม่กี่บริษัทเท่านั้น ที่เติบโต ต่อไปเรื่อยๆ ได้
- บอกกับตัวเองว่า "อย่าลืม พก MOS ไว้เยอะๆ" และ "พกกระสุนไว้บ้าง"...ถนนการลงทุนอาจไม่ได้ราบเรียบไปซะทีเดียว
พอแค่นี้ก่อน ขอเพื่อนๆ ช่วยเสริมหน่อยครับ
ผมเลยอยากขอเปลี่ยนอารมณ์ซักหน่อย มาลองสรุปกันดูว่า เราได้ "เรียนรู้" อะไรกันบ้างครับ
(ผมเองก็ลงทุนมาไม่นาน ยังไม่เจอ Correction หนักๆ ไม่เจอกระทิงดุหนักๆ ขอนับครั้งนี้เป็นกระทิงดุครั้งแรกละกันนะครับ)
ขอเริ่มก่อนเลยครับ (บางข้อ อาจไม่เกี่ยวกับเรื่อง พื้นฐานเลย ขออภัยด้วย...ผิดกฎเวบบอร์ดรึเปล่า)
สิ่งที่เรียนรู้
- Growth Stock ดีเสมอ แต่จะดีเป็นพิเศษ ในยามหุ้นกระทิง
- ปัจจุบันมีนักลงทุนเก่งๆ เยอะมาก มอง Trend ใหญ่ ส่วนเหล่านักเก็งกำไรก็มอง Trend เหมือนกันซื้อตามเลย เวลาหุ้นขึ้นที ก็ขึ้นยกแผง ทั้งกลุ่ม แต่คงมีบริษัทตัวจริง ไม่กี่ราย (เหมือนที่ อ.นิเวศน์ กล่าว เสมอๆ ว่า ธุรกิจ ก็เหมือน การทำสงคราม บางทีก็มีผู้ชนะ บางทีก็อาจแพ้กันทั้งหมด)
- เจ้าของบริษัท ที่ชาญฉลาด ควรเพิ่มทุนในยามตลาดหุ้นกระทิง เพราะเขาจะได้เงินมากเป็นพิเศษ แต่ตัวหารน้อย
- ตลาดกระทิง ชอบหุ้นที่เพิ่มทุน ม๊ากกก ขึ้นทุกตัว (จริงๆ นะ...)
- ส่วนอารมณ์ ของนักลงทุน -> แวบแรก เพิ่มทุนทำไมว้า... (หากเพิ่มแล้วดีจริง ก็ OK ครับ สนับสนุน)
- คนรอบๆข้างท่าน จะพูดเรื่องหุ้น ขนาดไปนั่งกินข้าวตามร้านทั่วๆไป คนข้างๆ ก็ยังคุยกันเรื่องหุ้นเลย (เราก็คุยเหมือนกันนี่หว่า) -> Confirm คำพูดของ Peter Lynch
- ในสมองของท่านจะมีแต่เรื่องหุ้น เพื่อนๆท่านจะคิดว่า วันพรุ่งนี้จะซื้อหุ้นอะไรดี ทั้งๆ ที่เราอาจคิดว่า แบบเดียวกันก็ได้ว่า จะลงทุนบริษัทไหนดี (ทำไมหาบริษัทดีๆ ราคาพอประมาณยากจังฟระ) หรือ นักลงทุนขั้นเทพก็จะขายเมื่อไหร่ดี ซื้อมาตั้งแต่ปี 2007 แล้วอ่ะ! ฝรั่งก็บอกว่า I มาเก็งกำไร ได้ซัก 10-20% ก็ Happy แล้ว
แถม ข้อคิด
- การลงทุนที่ดีต้องมองที่ Source of Profit อย่ามองเฉพาะที่ Profit (บรรทัดสุดท้าย) อย่างเดียว สำคัญกว่านั้น คือ มีแต่ Profit แต่ไม่มี Cash ก็ทำอะไรไม่ได้นะครับ งบเท่ห์อย่างเดียว
- ยืมคำท่าน อ.Buffett มาใช้ : Growth ที่ดีต้องเป็น Growth within Franchise คือ เป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน ลองสังเกตดู บริษัทส่วนใหญ่ที่ Growth สุดท้าย รายได้/กำไร ก็วนอยู่ที่เดิม มีไม่กี่บริษัทเท่านั้น ที่เติบโต ต่อไปเรื่อยๆ ได้
- บอกกับตัวเองว่า "อย่าลืม พก MOS ไว้เยอะๆ" และ "พกกระสุนไว้บ้าง"...ถนนการลงทุนอาจไม่ได้ราบเรียบไปซะทีเดียว
พอแค่นี้ก่อน ขอเพื่อนๆ ช่วยเสริมหน่อยครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 2
ที่เห็นคือ..........
- หุ้นของกิจการดี ๆ มีคุณภาพจะเร่งแผนขยายงานขายการผลิตสร้างยอดขายสร้างกำไร
เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู
1 ปี 3 ปี 5 ปี รอไม่ไหววุ้ย บ้าย บาย..
- หุ้นของกิจการอย่างว่า ฉวยจังหวะใช้วิศวกรรมทางการเงินเร่งรีบระดมทุนตุนเงินจากนักลงทุน
โดยมีกำไรก้อนโตจากส่วนต่างราคาเป็นรางวัล
ทั้งรายย่อยและรายใหญ่สวมชุดกันไฟโดดลุย
5-10 วัน เด้งเลยวุ้ย รวย รวย รวย....
- หุ้นของกิจการดี ๆ มีคุณภาพจะเร่งแผนขยายงานขายการผลิตสร้างยอดขายสร้างกำไร
เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู
1 ปี 3 ปี 5 ปี รอไม่ไหววุ้ย บ้าย บาย..
- หุ้นของกิจการอย่างว่า ฉวยจังหวะใช้วิศวกรรมทางการเงินเร่งรีบระดมทุนตุนเงินจากนักลงทุน
โดยมีกำไรก้อนโตจากส่วนต่างราคาเป็นรางวัล
ทั้งรายย่อยและรายใหญ่สวมชุดกันไฟโดดลุย
5-10 วัน เด้งเลยวุ้ย รวย รวย รวย....
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 3
เป็นข้อสังเกตที่ดีมากครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งkongkiti เขียน: - เจ้าของบริษัท ที่ชาญฉลาด ควรเพิ่มทุนในยามตลาดหุ้นกระทิง เพราะเขาจะได้เงินมากเป็นพิเศษ แต่ตัวหารน้อย
- ตลาดกระทิง ชอบหุ้นที่เพิ่มทุน ม๊ากกก ขึ้นทุกตัว (จริงๆ นะ...)
- ส่วนอารมณ์ ของนักลงทุน -> แวบแรก เพิ่มทุนทำไมว้า... (หากเพิ่มแล้วดีจริง ก็ OK ครับ สนับสนุน)
- Jazzman
- Verified User
- โพสต์: 388
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณที่แบ่งปัน ครับ นานๆจะมีกระทู้ดีๆ ตั้งแต่ตั้งสมาคมมา อิอิ
ประสบการณ์รอบข้างผม ก็คล้ายๆ กัน พี่สาว เพื่อนๆ ก็มาสนใจในหุ้น แม้แต่แม่ยาย ยังมาถามเลยซื้อตัวไหนดี 55
แต่ก่อน PE 8-12 ยังซื้อไม่ค่อยลง เดี๋ยวนี้ ล่อกัน ไป 20 30PE คนข้างๆผมบอกว่าถูกมาก PE 20 เอง
ผมนั่งมองตาปริบๆ
ก็คงยึดหลัก stay clam , stay invested สู้ในเกมส์ของเราดีกว่าครับ
Technical, VI , ไวไว แนวทางใครทางมันครับ 55
ประสบการณ์รอบข้างผม ก็คล้ายๆ กัน พี่สาว เพื่อนๆ ก็มาสนใจในหุ้น แม้แต่แม่ยาย ยังมาถามเลยซื้อตัวไหนดี 55
แต่ก่อน PE 8-12 ยังซื้อไม่ค่อยลง เดี๋ยวนี้ ล่อกัน ไป 20 30PE คนข้างๆผมบอกว่าถูกมาก PE 20 เอง
ผมนั่งมองตาปริบๆ
ก็คงยึดหลัก stay clam , stay invested สู้ในเกมส์ของเราดีกว่าครับ
Technical, VI , ไวไว แนวทางใครทางมันครับ 55
ลงทุนในสิ่งที่เพิ่ม " ค่า " ไปเรื่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 616
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณมากครับ
แชร์บ้างนะครับ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากตลาดกระทิงช่วงนี้
1) หุ้นบางตัว แม้จะเป็นตลาดกระทิง แต่ราคาหุ้นก็ไม่ไปไหน แต่เป็นไปตามผลกำไร/ผลประกอบการของบริษัทมากกว่า
2) การบริหารพอร์ต ไม่ควรให้น้ำหนักตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป บางครั้งผลประกอบการก็ไม่เป็นไปตามที่เราคาด ทำให้พอร์ตโดยรวมอาจจะไม่โตมากเท่าที่ควรจะเป็น
3) การขายหุ้นบางตัวที่ขึ้นมาสูงมากแล้ว เพื่อไปรับหุ้นที่คิดว่ามี downside จำกัดแล้ว อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเสมอไป เพราะบางครั้งหุ้นที่ขายไปแล้ว กลับวิ่งขึ้นต่ออีกอย่างมาก ในขณะที่หุ้นที่รับใหม่ก็ยังนิ่งอยู่เหมือนเดิม ... พอเวลาจะกลับไปซื้อหุ้นที่ขายไปแล้ว ก็ซื้อได้แพงกว่าเดิมเสมอ ก็ไม่รู้จะขายไปทำไม
4) ช่วงเวลาหุ้นขึ้นแรงมักมีไม่บ่อยนัก แต่เวลาขึ้น ขึ้นทีละหลายเปอร์เซ็นต์ บางครั้งจะพลาดโอกาสเช่นไม่มีหุ้นนั้นอยู่ หรือ ถือน้อยเกินไป
5) การจะซื้อหุ้นเพื่อให้มี MOS สูงๆ ช่วงนี้อาจจะทำได้ยาก หุ้นบางตัว PE สูงมากแต่ราคาก็ยังไปต่อได้ ... บ่อยครั้งที่บริษัทที่ยอดเยี่ยมมักมีแผนธุรกิจเหนือที่เราคาด เช่น ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ หรือ บุกตลาดใหม่ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่
6) ไม่รู้ว่า ถ้าตลาดขาลงจะเป็นยังไง เพราะยังไม่ผ่านประสบการณ์ ... แต่พยายามจะลงทุนในหุ้น Defensive Growth Stock เผื่อไว้รองรับเวลาตลาดขาลงจะได้ไม่เจ็บตัวมาก และพยายามจะถือเงินสดมากขึ้น
แชร์บ้างนะครับ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากตลาดกระทิงช่วงนี้
1) หุ้นบางตัว แม้จะเป็นตลาดกระทิง แต่ราคาหุ้นก็ไม่ไปไหน แต่เป็นไปตามผลกำไร/ผลประกอบการของบริษัทมากกว่า
2) การบริหารพอร์ต ไม่ควรให้น้ำหนักตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป บางครั้งผลประกอบการก็ไม่เป็นไปตามที่เราคาด ทำให้พอร์ตโดยรวมอาจจะไม่โตมากเท่าที่ควรจะเป็น
3) การขายหุ้นบางตัวที่ขึ้นมาสูงมากแล้ว เพื่อไปรับหุ้นที่คิดว่ามี downside จำกัดแล้ว อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเสมอไป เพราะบางครั้งหุ้นที่ขายไปแล้ว กลับวิ่งขึ้นต่ออีกอย่างมาก ในขณะที่หุ้นที่รับใหม่ก็ยังนิ่งอยู่เหมือนเดิม ... พอเวลาจะกลับไปซื้อหุ้นที่ขายไปแล้ว ก็ซื้อได้แพงกว่าเดิมเสมอ ก็ไม่รู้จะขายไปทำไม
4) ช่วงเวลาหุ้นขึ้นแรงมักมีไม่บ่อยนัก แต่เวลาขึ้น ขึ้นทีละหลายเปอร์เซ็นต์ บางครั้งจะพลาดโอกาสเช่นไม่มีหุ้นนั้นอยู่ หรือ ถือน้อยเกินไป
5) การจะซื้อหุ้นเพื่อให้มี MOS สูงๆ ช่วงนี้อาจจะทำได้ยาก หุ้นบางตัว PE สูงมากแต่ราคาก็ยังไปต่อได้ ... บ่อยครั้งที่บริษัทที่ยอดเยี่ยมมักมีแผนธุรกิจเหนือที่เราคาด เช่น ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ หรือ บุกตลาดใหม่ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่
6) ไม่รู้ว่า ถ้าตลาดขาลงจะเป็นยังไง เพราะยังไม่ผ่านประสบการณ์ ... แต่พยายามจะลงทุนในหุ้น Defensive Growth Stock เผื่อไว้รองรับเวลาตลาดขาลงจะได้ไม่เจ็บตัวมาก และพยายามจะถือเงินสดมากขึ้น
- raynus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 6
- หุ้นทุกตัวในตลาดมี ศักยภาพของมันซ่อนอยู่ ขึ้นอยู่กับคุณมีปัญญาจะมองเห็นมันรึเปล่า
- ราคาเป้าหมาย เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- ถ้าราคาหุ้นขึ้น แต่ทิศทาง และ ผลการดำเนินงานออกมาผิดคาด อย่าได้คิดว่าตนเองถูกเด็ดขาด
- Mr. Market อาจจะจิตไม่ปกติ แต่ก็ไม่ได้โง่นะครับ
- ราคาเป้าหมาย เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- ถ้าราคาหุ้นขึ้น แต่ทิศทาง และ ผลการดำเนินงานออกมาผิดคาด อย่าได้คิดว่าตนเองถูกเด็ดขาด
- Mr. Market อาจจะจิตไม่ปกติ แต่ก็ไม่ได้โง่นะครับ
สายปันผลครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 7
- หุ้นบางตัวแค่ขายฝันก็ทำให้ราคาปั่นขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย
- แม้แต่หุ้นที่ผลปนะกอบการไม่ดีราคามันก็ยังไม่ถูก
- เป็นช่วงเวลาเราอาจจะอึดอัดใจที่หุ้นคนอื่นทำนิวไฮกันอย่างสนุกสนาน แต่หุ้นที่เราคัดเลือกมาอย่างดีกลับไม่ไปไหน
- หุ้นที่ว่าขึ้นไปมากแล้ว มันยังสามารถขึ้นไปได้อย่างไร้เหตุผล
- มีคนกลัวตกรถเยอะมาก
- แม้แต่หุ้นที่ผลปนะกอบการไม่ดีราคามันก็ยังไม่ถูก
- เป็นช่วงเวลาเราอาจจะอึดอัดใจที่หุ้นคนอื่นทำนิวไฮกันอย่างสนุกสนาน แต่หุ้นที่เราคัดเลือกมาอย่างดีกลับไม่ไปไหน
- หุ้นที่ว่าขึ้นไปมากแล้ว มันยังสามารถขึ้นไปได้อย่างไร้เหตุผล
- มีคนกลัวตกรถเยอะมาก
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 8
กลัว ซื้อ
โลภ ขาย
ในกระทิง
โลภ ขาย
ในกระทิง
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 14
ขอแชร์บ้างนะครับ
การเลือกหุ้น ผมจะเลือกคนธรรมดาที่อนาคตจะเป็นดาว
มากกว่า การไปวิ่งไล่ตามคนที่เป็นดาวแล้ว
เพราะ คนธรรมดา ค่าตัวคงไม่แพงมากนัก แต่เมื่อเค้าเป็นดาวแล้ว งานพรีเซนต์ครั้งนึง
ก้หลายบาทแล้ว การจะได้เค้ามาราคาถูกๆ คงเป็นเรื่องยาก
หุ้นก้เหมือนกัน ถ้าเราค้นหาได้ว่า ใครจะเป็นดาว
ย่อมจะดีกว่า การมานั่งวิ่งตามดารา ราคาแพง
ผมจะเลือกหุ้นที่คิดว่า ผมมองออกและไม่ยากเกินไป เหมือนกีฬา ถ้าต้องกระโดดข้าม
ไม้กั้นสูง 10 เมตร ผมขอเลือกข้ามไม้กั้นข้างที่สูงแค่ 50เซน พอละ
เกมที่เราอาจจะไม่ชนะ กับเกมที่เราชนะแน่ๆ
บางที เราเลือกอะไรที่ง่ายๆ ก้น่าจะดีกว่า
การเลือกหุ้น ผมจะเลือกคนธรรมดาที่อนาคตจะเป็นดาว
มากกว่า การไปวิ่งไล่ตามคนที่เป็นดาวแล้ว
เพราะ คนธรรมดา ค่าตัวคงไม่แพงมากนัก แต่เมื่อเค้าเป็นดาวแล้ว งานพรีเซนต์ครั้งนึง
ก้หลายบาทแล้ว การจะได้เค้ามาราคาถูกๆ คงเป็นเรื่องยาก
หุ้นก้เหมือนกัน ถ้าเราค้นหาได้ว่า ใครจะเป็นดาว
ย่อมจะดีกว่า การมานั่งวิ่งตามดารา ราคาแพง
ผมจะเลือกหุ้นที่คิดว่า ผมมองออกและไม่ยากเกินไป เหมือนกีฬา ถ้าต้องกระโดดข้าม
ไม้กั้นสูง 10 เมตร ผมขอเลือกข้ามไม้กั้นข้างที่สูงแค่ 50เซน พอละ
เกมที่เราอาจจะไม่ชนะ กับเกมที่เราชนะแน่ๆ
บางที เราเลือกอะไรที่ง่ายๆ ก้น่าจะดีกว่า
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 17
ขอพี่ NB ช่วยขยายความ เป็นวิทยาธาน ซักนิดครับNevercry.boy เขียน:กลัว ซื้อ
โลภ ขาย
ในกระทิง
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 18
- VI แนวเน้นหุ้นราคาถูก มีส่วนลดจากมูลค่า เริ่มหมดความเป็นที่นิยม หันไปซื้อหุ้นกิจการที่(คิดว่า)ดี แม้ว่าราคาจะไม่มี MOS แล้วมากขึ้น
- จากดูแนวโน้มกำไรรายปี ไปเป็นเก็งกำไรรายไตรมาสกันมากขึ้น สนใจหาแต่หุ้นที่คิดว่าน่าจะเป็น หุ้นเติบโต หุ้นโตเร็ว
- PE, PBV เริ่มหมดความสำคัญ แพงไม่ว่า ถ้าอนาคตของหุ้นมันยังดูดี หรือยังมีข่าวสตอรี่ให้เล่นได้อยู่
- คนเริ่มพูดถึงความเสี่ยงขาลงกันน้อยลง ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกรณี worst case แล้ว มีแต่มอง best case กับ very very best case
สิ่งที่ผมควรทำคือ หลีกเลี่ยงในการทำตามสิ่งที่เขียนไว้ข้างต้น ซึ่งมัน ย๊าก ยาก
- จากดูแนวโน้มกำไรรายปี ไปเป็นเก็งกำไรรายไตรมาสกันมากขึ้น สนใจหาแต่หุ้นที่คิดว่าน่าจะเป็น หุ้นเติบโต หุ้นโตเร็ว
- PE, PBV เริ่มหมดความสำคัญ แพงไม่ว่า ถ้าอนาคตของหุ้นมันยังดูดี หรือยังมีข่าวสตอรี่ให้เล่นได้อยู่
- คนเริ่มพูดถึงความเสี่ยงขาลงกันน้อยลง ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกรณี worst case แล้ว มีแต่มอง best case กับ very very best case
สิ่งที่ผมควรทำคือ หลีกเลี่ยงในการทำตามสิ่งที่เขียนไว้ข้างต้น ซึ่งมัน ย๊าก ยาก
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 19
ผมคิดว่าจิตวิทยาการลงทุนนั้น สำคัญสำหรับการอยู่รอดในตลาดหุ้นทุกสภาวะ ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าคนในตลาดหุ้นนั้นตัดสินใจอย่างไรkongkiti เขียน:ขอพี่ NB ช่วยขยายความ เป็นวิทยาธาน ซักนิดครับNevercry.boy เขียน:
กลัว ซื้อ
โลภ ขาย
ในกระทิง
คุณก้องกิตติเคยอ่านกระทู้นี้มั๊ยครับ? กระทู้นี้จะอธิบายว่าคนนั้นตัดสินใจอย่างไร?
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 7%E0%B8%A2
ในภาวะกระทิง นั้น คนที่คำนวณไว้หรือไม่คำนวณ เมื่อซื้อหุ้นและหุ้นขึ้น จะเกิดภาวะได้เงินมาง่าย "ความโลภ" คือโลภว่าราคาที่เห็นจะหายไป เพราะเงินมันได้มาง่าย ก็เอาไว้ก่อนแล้วพรุ่งนี้ก็มาเล่นใหม่ รอมันลงมาคิดไว้ในใจ ไอ้เพื่อนก็บอกว่า ไม่รีบเด๋วตกรถ นะเกลอ นี่ยังอยู่คนเดียวเหรอ เค้าขึ้นรถกันหมดแล้ว อ้าว กลัว เหงา อีก หุ้นที่ถือไม่ขึ้น ดัชนี ขึ้นใหญ่ ขึ้นใหญ่ ก่อสร้างขึ้นใหญ่ขึ้นใหญ่ ความโลภก็จะทำให้ "ขาย" หุ้นในมือและไปไล่หุ้นร้อนหรือสินทรัพย์อื่นที่เสี่ยงกว่า ใครกำลังเป็นบ้าง? ความโลภทำให้ขาย
แต่ mr.Market ทำอย่างไร เมื่อขายไปแล้วขึ้น มันไม่ลงแล้ว เว้ย เฮ้ย กลัวดิ กลัวเพื่อนจะรวยกว่า กลัวตกรถ กลัวว่าเดี๋ยวมันจะขึ้นไปอีก เฮ้ย ไม่ไหวแล้ว ขอ ฉ้านนนนนนนน ด้วยคน เฮ้ย อย่าพึ่งไปไกล ไรว้า สัปดาห์ก่อนแค่หลักเดียว ตอนนี้ไปสองหลักแล้ว ความกลัวมันกลัวว่าหุ้นร้อนจะจากเราไปก็เลยต้องซื้อและทำสิ่งที่เสี่ยง (ทั้ง ๆ ที่รู้) นั่นคือ ความกลัวทำให้ซื้อ ใครกำลังเป็นบ้าง?
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 21
ผมรับสารภาพเลยครับพี่ NB ว่าผมมีความโลภมาก ช่วงนี้จะขายหมู ทำกำไรซะมากกว่า
แต่เรื่องความกลัวนั้น ผมกลัวอีกแบบหนึ่งคือ กลัวสูญเสีย เงินทุนมากกว่า เลยยอมตกรถครับ
มาคิดอีกครั้งหนึ่ง หากเราซื้อกิจการดีๆ ได้ ในราคาที่สมเหตุสมผล เราก็ไม่จำเป็นต้องคิดกังวลว่าจะขายเมื่อไหร่ เนื่องจากกิจการทีีดีก็จะให้ผลตอบแทนทึ่ดีแก่เราอยู่แล้ว คือ ให้ ROE ที่ดีกว่าบริษัททั่วไปในตลาด ตราบใดทีี่กิจการของบริษัทนั้นๆ ยังดีอยู่
แต่เรื่องความกลัวนั้น ผมกลัวอีกแบบหนึ่งคือ กลัวสูญเสีย เงินทุนมากกว่า เลยยอมตกรถครับ
มาคิดอีกครั้งหนึ่ง หากเราซื้อกิจการดีๆ ได้ ในราคาที่สมเหตุสมผล เราก็ไม่จำเป็นต้องคิดกังวลว่าจะขายเมื่อไหร่ เนื่องจากกิจการทีีดีก็จะให้ผลตอบแทนทึ่ดีแก่เราอยู่แล้ว คือ ให้ ROE ที่ดีกว่าบริษัททั่วไปในตลาด ตราบใดทีี่กิจการของบริษัทนั้นๆ ยังดีอยู่
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 22
เค้าเรียกว่า Port folio management? ขั้นสูงเค้าจะเรียนเรื่อง Portfolio Optimization
เอาเบื้องต้นก่อน หลักการณ์ของการบริหารความเสี่ยงคือ เราต้องเพิ่มหุ้นอีกตัวนึงเข้าไปในพอร์ตเราเรียกว่า "หุ้นเงินสด" คำว่าเงินสดนี้ในสถานะทางบัญชีแล้วจะอยู่ฝั่ง current asset คือ โดยนัยยะแล้ว นักวิศวกรการเงิน (Financial Engineer) จะมองประหนึ่งว่าเป็น Safety Stock หรือ Buffer ทางการเงิน รู้จัก Safety Stock หรือไม่? ในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังแล้ว SS จะเป็นตัวกัน ไม่ให้สต๊อกขาดในเวลาที่มีความต้องการสูง ๆ ซึ่งในหลักการของการทำ Forecasting แล้ว ค่อนข้างยากแต่เราก็ต้องวางแผนคำนวณ เช่น วิธี S-s , ROP เป็นต้น
นั่นหมายความว่าหากเราเชื่อว่าตลาดคาดเดาไม่ได้ การมีเงินสดไว้ในพอร์ตก็จะช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของเราได้ ย้ำว่า "รักษา" ไม่ใช่ "กำจัด"
ซึ่งหุ้นเงินสดมีผลตอบแทน
อาห์ ยาวน่ะครับ ขอแค่นี้ก่อน ต้องทำงานเดี๋ยวโดนลูกน้องไล่ออก boss เอาแต่เล่นบอร์ด
แนะนำให้คุณก้องกิตติ รู้จักกับ หุ้นเงินสดก่อน ส่วนจะมีมากไปน้อยไป ไม่ดีทั้งนั้น จะทำอย่างไร? ติดไว้ นาน ๆ เลยนะครับ
เอาเบื้องต้นก่อน หลักการณ์ของการบริหารความเสี่ยงคือ เราต้องเพิ่มหุ้นอีกตัวนึงเข้าไปในพอร์ตเราเรียกว่า "หุ้นเงินสด" คำว่าเงินสดนี้ในสถานะทางบัญชีแล้วจะอยู่ฝั่ง current asset คือ โดยนัยยะแล้ว นักวิศวกรการเงิน (Financial Engineer) จะมองประหนึ่งว่าเป็น Safety Stock หรือ Buffer ทางการเงิน รู้จัก Safety Stock หรือไม่? ในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังแล้ว SS จะเป็นตัวกัน ไม่ให้สต๊อกขาดในเวลาที่มีความต้องการสูง ๆ ซึ่งในหลักการของการทำ Forecasting แล้ว ค่อนข้างยากแต่เราก็ต้องวางแผนคำนวณ เช่น วิธี S-s , ROP เป็นต้น
นั่นหมายความว่าหากเราเชื่อว่าตลาดคาดเดาไม่ได้ การมีเงินสดไว้ในพอร์ตก็จะช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของเราได้ ย้ำว่า "รักษา" ไม่ใช่ "กำจัด"
ซึ่งหุ้นเงินสดมีผลตอบแทน
อาห์ ยาวน่ะครับ ขอแค่นี้ก่อน ต้องทำงานเดี๋ยวโดนลูกน้องไล่ออก boss เอาแต่เล่นบอร์ด
แนะนำให้คุณก้องกิตติ รู้จักกับ หุ้นเงินสดก่อน ส่วนจะมีมากไปน้อยไป ไม่ดีทั้งนั้น จะทำอย่างไร? ติดไว้ นาน ๆ เลยนะครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 23
ขอตามอ่าน หาความรู้ด้วยคนครับพี่ NBNevercry.boy เขียน:เค้าเรียกว่า Port folio management? ขั้นสูงเค้าจะเรียนเรื่อง Portfolio Optimization
เอาเบื้องต้นก่อน หลักการณ์ของการบริหารความเสี่ยงคือ เราต้องเพิ่มหุ้นอีกตัวนึงเข้าไปในพอร์ตเราเรียกว่า "หุ้นเงินสด" คำว่าเงินสดนี้ในสถานะทางบัญชีแล้วจะอยู่ฝั่ง current asset คือ โดยนัยยะแล้ว นักวิศวกรการเงิน (Financial Engineer) จะมองประหนึ่งว่าเป็น Safety Stock หรือ Buffer ทางการเงิน รู้จัก Safety Stock หรือไม่? ในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังแล้ว SS จะเป็นตัวกัน ไม่ให้สต๊อกขาดในเวลาที่มีความต้องการสูง ๆ ซึ่งในหลักการของการทำ Forecasting แล้ว ค่อนข้างยากแต่เราก็ต้องวางแผนคำนวณ เช่น วิธี S-s , ROP เป็นต้น
นั่นหมายความว่าหากเราเชื่อว่าตลาดคาดเดาไม่ได้ การมีเงินสดไว้ในพอร์ตก็จะช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของเราได้ ย้ำว่า "รักษา" ไม่ใช่ "กำจัด"
ซึ่งหุ้นเงินสดมีผลตอบแทน
อาห์ ยาวน่ะครับ ขอแค่นี้ก่อน ต้องทำงานเดี๋ยวโดนลูกน้องไล่ออก boss เอาแต่เล่นบอร์ด
แนะนำให้คุณก้องกิตติ รู้จักกับ หุ้นเงินสดก่อน ส่วนจะมีมากไปน้อยไป ไม่ดีทั้งนั้น จะทำอย่างไร? ติดไว้ นาน ๆ เลยนะครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- Verified User
- โพสต์: 234
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 24
ตลาดกระทิง? เรียนรู้เยอะครับช่วงที่ผ่านมาสองสามปี
1. อย่างแรกทีเรียนรู้เลยคือ ช่วงนั้นๆ ยังไม่หมด ก็มีชื่อเรียกเต็มไปหมด ทั้งๆที่ชื่อช่วงต่างๆ น่าจะถูกนิยามได้ชัดเจน ก็ต่อเมื่อมันหมดช่วง
อย่างตอนนี้คนเรียกกระทิง... แล้วถ้าต่อไป มันไปมากกว่านี้ ช่วงนี้เค้าก็ไม่เรียกกระทิงละ เป็นกระทิงอ่อนแทน... หรือถ้าช่วงนี้ มันดันแตกโพละ คนจะเรียกฟองสบู่มากกว่ากระทิง
2. ได้ยินแต่คำว่าฟองสบู่ ไม่ว่าไปที่ไหน จะมีแต่คนกลัวฟองสบู่ ทั้งอสังหา ราคาหุ้น ประเทศชาติจะล่มสลาย
3. ใครไม่คิดแบบข้อสอง มีแนวโน้มว่าจะถูกมองว่า มือใหม่ พวกแมงเม่าเข้าตลาด เวลาคุยกับใคร
4. มีแต่คนรอฟองสบู่แตก คนไม่เข้ามาเล่นหุ้นที่พบเจอ มีแต่ถามว่าขึ้นมาเยอะแล้ว เมือ่ไหร่ฟองสบู่จะแตก จะได้เข้ามาซื้อหุั้น จะได้เหมือนตอนหลังซับไพรม์ พวกนี้ก็พูดคำว่าฟองสบู่ มาตั้งแต่ set 700นะ เท่าที่เจอ
5. มีคนที่ทำกำไรได้มากมาย เสมือนย่อเวลาจาป3-5ปีให้เหลือแค่ 3 เดือน
6. มีคนขาดทุนมากมายเพราะผลประกอบการบางบริษัทไม่ดี แล้วผลจากที่ตลาดโดยรวมมันดี คนตัดสินใจเทขายไปเข้าตัวที่พุ่งๆได้ง่ายกว่าตอนปกติ ซ้ำเติมพวกที่ไม่ดีอยู่แล้ว
7. เสี่ย จ. effect มีจริง
8. บริษัทในตำนานอดใจไม่ไหว อยากเข้าตลาด เช่น เอ็มเคสุกกี้
9. พูดกับนักลงทุนได้ยินแต่คำว่า ฟองสบู่ ฟองสบู่ และฟองสบู่ (ยกเว้นพวกที่คิดแบบข้อสาม)
10. พวกที่เคยด่าใส่หน้าผมที่ไปซื้อคอนโดตอนปี 53 ไว้อยู่เองเพราะจะย้ายออกจากบ้านไปอยู่หลังแต่งงาน ว่าเดี๋ยวฟองสบู่จะแตกไปซื้อทำไม (ผมตอบไปว่าซื้อไว้อยู่) พักนี้เงียบผิดปกติ
11. คนเดียวกันกับข้อ 10 พวกที่เลือกซื้อทองตอน 1900$ เก็บไว้ แต่ไม่ลงทุนในตลาดหุ้น เงียบมากผิดปกติ นานๆ จะกะแอมบอกฟองสบู่หุ้นทีนึง
นานาจิตตังครับ
1. อย่างแรกทีเรียนรู้เลยคือ ช่วงนั้นๆ ยังไม่หมด ก็มีชื่อเรียกเต็มไปหมด ทั้งๆที่ชื่อช่วงต่างๆ น่าจะถูกนิยามได้ชัดเจน ก็ต่อเมื่อมันหมดช่วง
อย่างตอนนี้คนเรียกกระทิง... แล้วถ้าต่อไป มันไปมากกว่านี้ ช่วงนี้เค้าก็ไม่เรียกกระทิงละ เป็นกระทิงอ่อนแทน... หรือถ้าช่วงนี้ มันดันแตกโพละ คนจะเรียกฟองสบู่มากกว่ากระทิง
2. ได้ยินแต่คำว่าฟองสบู่ ไม่ว่าไปที่ไหน จะมีแต่คนกลัวฟองสบู่ ทั้งอสังหา ราคาหุ้น ประเทศชาติจะล่มสลาย
3. ใครไม่คิดแบบข้อสอง มีแนวโน้มว่าจะถูกมองว่า มือใหม่ พวกแมงเม่าเข้าตลาด เวลาคุยกับใคร
4. มีแต่คนรอฟองสบู่แตก คนไม่เข้ามาเล่นหุ้นที่พบเจอ มีแต่ถามว่าขึ้นมาเยอะแล้ว เมือ่ไหร่ฟองสบู่จะแตก จะได้เข้ามาซื้อหุั้น จะได้เหมือนตอนหลังซับไพรม์ พวกนี้ก็พูดคำว่าฟองสบู่ มาตั้งแต่ set 700นะ เท่าที่เจอ
5. มีคนที่ทำกำไรได้มากมาย เสมือนย่อเวลาจาป3-5ปีให้เหลือแค่ 3 เดือน
6. มีคนขาดทุนมากมายเพราะผลประกอบการบางบริษัทไม่ดี แล้วผลจากที่ตลาดโดยรวมมันดี คนตัดสินใจเทขายไปเข้าตัวที่พุ่งๆได้ง่ายกว่าตอนปกติ ซ้ำเติมพวกที่ไม่ดีอยู่แล้ว
7. เสี่ย จ. effect มีจริง
8. บริษัทในตำนานอดใจไม่ไหว อยากเข้าตลาด เช่น เอ็มเคสุกกี้
9. พูดกับนักลงทุนได้ยินแต่คำว่า ฟองสบู่ ฟองสบู่ และฟองสบู่ (ยกเว้นพวกที่คิดแบบข้อสาม)
10. พวกที่เคยด่าใส่หน้าผมที่ไปซื้อคอนโดตอนปี 53 ไว้อยู่เองเพราะจะย้ายออกจากบ้านไปอยู่หลังแต่งงาน ว่าเดี๋ยวฟองสบู่จะแตกไปซื้อทำไม (ผมตอบไปว่าซื้อไว้อยู่) พักนี้เงียบผิดปกติ
11. คนเดียวกันกับข้อ 10 พวกที่เลือกซื้อทองตอน 1900$ เก็บไว้ แต่ไม่ลงทุนในตลาดหุ้น เงียบมากผิดปกติ นานๆ จะกะแอมบอกฟองสบู่หุ้นทีนึง
นานาจิตตังครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 26
กระทิงมาเอาเงินมาให้เยอะแยะ
รอดูอยู่ว่าหมีมาจะเอาเงินคืนไปเท่าไหร่
เหลือให้เราอยู่เท่าไหร่
แล้วเราจะนอนหลับฝันดีเหมือนเดิมหรือเปล่า
รอบที่แล้วคุณหมีเอาเงินในพอร์ทไป50กว่า%
เหลือให้เราแค่40กว่า%
ขนาดว่าพยายามทําใจให้นิ่งแล้ว
ก็ยังเครียดเลย ดีว่าหมีมันอยู่ไม่นาน
แต่ที่ดีใจคือหุ้นตกหนักแต่ไม่ได้ขายเลยสักตัว
เพราะขายไม่ทันและทําใจไม่ได้
สุดท้ายกลับมากําไรได้ทุกตัว
รอดูอยู่ว่าหมีมาจะเอาเงินคืนไปเท่าไหร่
เหลือให้เราอยู่เท่าไหร่
แล้วเราจะนอนหลับฝันดีเหมือนเดิมหรือเปล่า
รอบที่แล้วคุณหมีเอาเงินในพอร์ทไป50กว่า%
เหลือให้เราแค่40กว่า%
ขนาดว่าพยายามทําใจให้นิ่งแล้ว
ก็ยังเครียดเลย ดีว่าหมีมันอยู่ไม่นาน
แต่ที่ดีใจคือหุ้นตกหนักแต่ไม่ได้ขายเลยสักตัว
เพราะขายไม่ทันและทําใจไม่ได้
สุดท้ายกลับมากําไรได้ทุกตัว
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 28
ดูหุ้นตอนนี้เหมือนดู Dragonball Z เลยครับ
สมัยก่อน Super Saiya กว่าจะเป็นกันได้นี่แทบตาย
เดี๋ยวนี้หุ้นหลายเด้งมีเกลื่อนตลาด ทำไม Super Saiya มันเป็นกันง่ายจัง
สมัยก่อน Super Saiya กว่าจะเป็นกันได้นี่แทบตาย
เดี๋ยวนี้หุ้นหลายเด้งมีเกลื่อนตลาด ทำไม Super Saiya มันเป็นกันง่ายจัง
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
โพสต์ที่ 29
ประเทศไทยคงมี supercompanies เยอะจริงๆ
value trap