สรุป สัมมนาหุ้นรวยได้ # พี่โจ ลูกอิสาน 24/3/56
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 25, 2013 10:11 pm
หุ้นรวยได้กับสุดยอดกูรูนักลงทุนเน้นคุณค่า คุณอนุรักษ์ บุญแสวง
24 มีนาคม 2556 ณ ม.นเรศวร จ.พิษณุโลก
ขอบคุณพี่โจ สำหรับการสละเวลา และแบ่งปันความรู้ในครั้งนี้ ขอบคุณมากๆ ครับพี่
ขอบคุณพี่บี น้องชิว และทีมงาน Thai VI LowerNorth ทุกท่าน ที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้นครับ
หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ในเนื้อหาที่สรุปนี้ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
PART 1 การวางแผนการเงิน
ความสำคัญของเงิน
ทำไมคนอยากเรียน จุฬาฯ ธรรมศาตร์ ทำไมน้องตั๊กแต่งงานกับคุณบุญชัย ทำไมในคุกมีแต่คนจน >> เงินก็ยังสำคัญ
เงินเป็นทาสที่ดีแต่เป็นนายที่เลว
บางคนพอใจ 15000 บาท/เดือน แต่บางคนพอใจ 15000 บาท/ชั่วโมง You are what you believe
(จากประสบการณ์พี่โจ คุณจะเป็นในแบบที่คุณคิด ด้วย ใจ+สมอง)
เงินเฟ้อ ศัตรูที่มองไม่เห็น
ทรัพยากรจำกัด ประชากรเพิ่ม สินค้าแพง
เงินเฟ้อ ปีละประมาณ 5% ทุก 15-16 ปี สินค้าจะแพงขึ้นเท่าตัว ข้าวราดแกงอาจจะจานละ 100 บาทในอีก 22 ปี
เงินเฟ้อ 5 % ดอกเบี้ยเงินฝาก 2% ขาดทุกเงินฝากทุกปี >> ฝากธนาคารเสี่ยงที่สุด
คนไทยอายุเฉลี่ย 74 ปี สมมุติว่า เกษียณ ที่อายุ 55 แสดงว่าต้องมีชีวิตอยู่อีก 15-20 ปีโดยไม่มีรายได้
เวลาทำงาน สมมุติว่า เริ่มทำอายุ 22-23 มีเวลาทำงาน 38 ปี แต่ต้องมีเหลือเผื่อตอนเกษียณด้วย
เงิน 1 ล้านในวันนี้ อีก 25 ปี จะมีค่าเหลือแค่ 212,000 บาท
ในอนาคต ค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มขึ้นมากที่สุด
โรคที่คนจนห้ามเป็น มะเร็ง เบาหวาน หลอดเลือด ไต เนื่องจากค่ารักษาสูงมาก
เงินใครว่าไม่สำคัญ บางครั้งก็ซื้อได้แม้กระทั่งความเป็นความตาย
วิถีคนยุคใหม่
ไม่แต่งงาน : ทำงาน 1 เลี้ยง 3 (ตัวเอง พ่อ แม่)
แต่งงาน เมียเป็นแม่บ้าน มีลูก 1 : ทำงาน 1 เลี้ยง 7 (ตัวเอง ลูก เมีย พ่อ แม่ พ่อเมีย แม่เมีย)
สังคมมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุ
คนส่วนใหญ่ทำงานเพื่อเงิน
คนส่วนน้อย ทำงานเพื่อเงิน และให้เงินทำงาน
เงินจะทำงานได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแก้ว 3 ประการ
1 เงินเริ่มต้น
2 ระยะเวลา
3 ผลตอบแทน
ไอสไตน์ บอกว่า The most powerful force in the universe is compound interest
สมการการทบต้น หรือ สมการเปลี่ยนชีวิต
A*(1+R)N
A เงินต้น
R ผลตอบแทนต่อปี
N จำนวนปีที่ลงทุน
ถ้าต้องการให้ เงิน 300,000 เป็น 100 ล้าน ทำได้ดังนี้
ฝากธนาคาร ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ใช้เวลา 294 ปี
ลงทุนหุ้น ผลตอบแทน 11% ต่อปี ใช้เวลา 56 ปี
ลงทุนหุ้น ผลตอบแทน 64% ต่อปี (พี่โจผลตอบแทนประมาณนี้) ใช้เวลา12 ปี
ผลตอบแทนแบบทบต้น จะเหมือนการเติบโตของต้นไม้ ที่เวลาแตกกิ่ง จาก 2 เป็น 4 เป็น 8 เป็น 16
ผลตอบแทนตั้งแต่ปี 2518-2554
หุ้น 60 เท่า (ถ้านับถึงปัจจุบัน น่าจะประมาณ 90 เท่า (12% ต่อปี)
พันธบัตร 24 เท่า
ฝากธนาคาร 10 เท่า (ปีหลังๆ ดอกเบี้ยต่ำ)
ทองคำ 8 เท่า
สรุปว่า หุ้นดีที่สุด แต่ผันผวนมากที่สุด
ลงทุนหุ้น อย่าเล่นหุ้น
ตลาดหุ้นไม่ใช่บ่อนถูกกฎหมาย
ตลาดหุ้น คือ แหล่งระดมทุนทำธุรกิจโดยไม่ต้องกู้ธนาคาร
คนส่วนใหญ่ดูราคาหุ้นมากกว่าดูธุรกิจ
Value Inversting คือ คำตอบ >> พี่โจบอกว่า พี่ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่น เพียงแต่พี่โจเจอแนวทางที่ถูกต้อง
อยากรวย แต่ไม่มีเวลา ไม่อยากลงแรง ทำอย่างไร
กองทุนรวม
กองทุนหุ้นระยะยาว LTF ดีที่สุด ได้ลดหย่อนภาษี และส่วนต่างราคา
พยายามเลือกกองทุนที่ใช้แนวทาง VI ดูผลงานย้อนหลัง เลือกกองทุนที่ผลงานดีๆ
ลงทุนให้นานที่สุด
อย่าเอาดอกผลออกมาใช้ระหว่างทาง มันจะไม่เกิดการทบต้น
ลงทุนในหุ้นตลอดเวลาไม่ว่าตลาดจะขึ้น ตลาดจะลง โลกจะแตก
อย่าตายเร็ว รักษาสุขภาพ
ออมก่อนรวยกว่า
เพิ่มรายได้
ลดรายจ่าย
ออมก่อนใช้ ไม่ใช่ใช้ก่อนออม (เมื่อก่อน เหลือค่อยออม แต่ปัจจุบัน แบ่งออมก่อน แล้วเหลือค่อยใช้)
ลดรายจ่าย
อะไรที่เราไม่ใช้ แล้วเราไม่ตายก็สามารถลดได้ทั้งนั้น พี่โจเล่าว่า ตอนจบใหม่ๆหาหอพัก หาหลายที่มาก มีตั้งแต่ 5000 3000 จนสุดท้ายมาได้ที่ 1600/เดือน ในห้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้า 3 อย่าง คือ หมอหุงข้าว เตารีด เครื่องเล่นซีดี
การซื้อรถ คือ การใช้งานที่เลวที่สุดของหนุ่มสาว
ไม่มีอะไรผลาญเงินมากกว่าการซื้อรถ # ปีเตอร์ ลินซ์
ค่าใช้จ่ายของรถอาจจะมากถึง 12,000 บาท/เดือน
อาจมีทางเลือกอื่น เช่น รถมือสอง รถเมล์ รถไฟฟ้า
บ้าน สินทรัพย์ที่แพงที่สุด เวลาผ่อน ดอกเบี้ยรวม ราคาจะแพงกว่าราคาบ้านเสียอีก
บางทีเช่า ยังดีกว่าซื้อแล้วผ่อน
ดีที่สุด อย่ามีบ้าน อยู่บ้านเมีย บ้านพ่อแม่ ^^
บัตรเครดิต อย่าใช้ ดอกเบี้ย 18% ต่อปี โหดที่สุด
ประกันชีวิตซื้อแบบจ่ายแล้วไม่ได้คืน อย่าซื้อแบบสะสมทรัพย์ (ฝากเงิน)
สมมุติ จ่ายเบี้ยประกันสะสมทรัพย์ 100,000 ได้คืน 150,000 ในเวลา 25 ปี
บริษัทประกันนำไปลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 5 % ได้เงิน 339,000
แต่ถ้าเรานำเงิน 100,000 ไปลงทุนเองในตลาดหุ้น ได้ผลตอบแทนปีละ 10 % จะได้เงิน 1,083,000
(เสียไปเปล่าๆ 1,083,000 – 150,000)
บันไดการใช้ชีวิตการเงิน
นักลงทุน เจ้าของกิจการ 15%
พันธบัตร 4%
เงินฝาก 2%
ผ่อนรถ - 9%
บัตรเครดิต -18%
เราถูกเพราะเหตุผลเราถูกไม่ใช่เพราะคนส่วนใหญ่ทำกัน
ชิวิตเริ่มต้นด้วยการผ่อนจะไม่ได้โงหัวตลอดชีวิต
สรุป ทำงานประจำเพื่อหาเงินออม + ลงทุนตลาดหุ้นแบบเน้นคุณค่า คือ คำตอบ
PART2 คำถาม เจาะเรื่องการลงทุนหุ้น
1 ประเมินสถานการณ์ช่วงนี้อย่างไร ณ 24/3/56
ไม่สามารถเดาตลาดได้ ทำนายไม่ได้หรอกว่า หุ้นจะขึ้น หุ้นจะลง
2 AEC ส่งผลอย่างไรต่อตลาดหุ้นหรือไม่
ประเด็นนี้ยังเลื่อนลอย จับต้องไม่ได้ ปัจจุบัน ธุรกิจก็มีการลงทุน มีการแข่งขันระหว่างประเทศอยู่แล้ว แต่ถ้าเปิด AEC อาจจะสะดวกขึ้นง่ายขึ้น
3 ตลาดไทยตอนนี้ ณ 24/3/56 ร้อนแรงไปไหม
จริงๆ ร้อนแรงมา 4-5 ปีแล้ว การลงทุนให้ดูเป็นรายตัว set ค่อนข้างแพง พี่โจไม่สนใจดัชนี เน้นรายตัว ความผันผวนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องปกติ จะหวังว่าหุ้นจะขี้นขาเดียวเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นต้องมีความรู้การลงทุนที่ถูกต้อง
4 เลือกหุ้นดูอะไรบ้าง มีปัจจัยอะไรบ้างที่ใช้พิจารณา
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวตามกำไร ดังนั้นพี่โจจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงๆ เท่านั้น เจ้ามือตัวจริง คือ กำไร เราต้องประเมิน วิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น SF พี่โจทราบจากการคลิ๊กดูเวปบริษัท ดูการประชุมผู้ถือหุ้น แล้วพบว่า
บริษัทจะเปิดเมกะบางนา และจะมีการเปลี่ยนนโยบายการทำบัญชี ทำให้กำไรจะเพิ่มขึ้น ก็ทยอยรับเรื่อยๆ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีคนสนใจมาก พี่โจ อาศัยความขยัน พลิกหินทุกก้อน จึงพบ ตอนนั้นก็ประเมินมูลค่าได้ประมาณ 6 บาท ก็เริ่มทยอยรับประมาณ 3.2 บาท
5 แก่นของ VI
1 หุ้นคือธุรกิจ ไม่ใช่ราคาขึ้นลงรายวัน ซึ่งจะเป็นการแยก VI ออกจากลงทุนแนวอื่น เช่น ช่วงหุ้นตก กิจการยังขายของได้ ยังขยายสาขาได้ ก็ไม่น่ากังวล
2 รู้มูลค่าของสิ่งที่เราจะซื้อ ตลาดหุ้นไม่ได้มีป้ายบอกราคา เราต้องประเมิน ส่วนใหญ่พี่โจจะใช้วิธี PE * eps
3 จะซื้อเมื้อมีส่วนลดมากเท่านั้น (มี MOS)
4 แยกตัวเองออกจากนายตลาดให้ได้ นายตลาดประกอบด้วยคนส่วนมาก มีอารมณ์ขึ้นลง ควรใช้ประโยชน์จากนายตลาด
6 PE ที่เหมาะสมคิดอย่างไร
หลักๆ เทียบกับ SET เช่น cpall มีอำนาจต่อรองสูงในทุกๆ ด้านก็ควรมี PE มากกว่า SET (ให้พรีเมี่ยม) บางบริษัทที่กำไรไม่แน่นอน ก็ให้ค่า PE ต่ำกว่า SET
7 เลือกหุ้น TOP-DOWN หรือ BOTTOM-UP
พี่โจชอบ bottom up บริษัทที่ดี จะดีด้วยตัวมันเอง ไม่ว่า แนวโน้มภายนอกจะเป็นอย่างไร
8 วิธีดูหุ้นฟื้นตัวดูอย่างไร
ดูยาก ถ้าดูได้ถูก รวยมหาศาล แต่ถ้าดูผิดจะแย่มาก เช่น SSI อย่าไปยุ่ง พี่โจแชร์ประสบการณ์เจอหุ้น KAMART เดิมขายเครื่องใช้ไฟฟ้าขาดทุน แต่เริ่มเปลี่ยนธุรกิจมาขายเครื่องสำอาง เริ่มมีกำไร และเห็นผู้บริหารซื้อหุ้นจำนวนมาก เลยเริ่มสนใจ
9 หุ้นเติบโตดูอย่างไร หาสัญญาณเติบโตจากอะไร
หุ้นเติบโตจะดูง่าย เช่น HMPRO CPALL เห็นจากการขยายสาขา แผนงานต่างๆ ขยายกำลังการผลิต แต่ต้องซื้อในราคาที่เหมาะสม
หุ้นวัฎจักรยากที่สุด หุ้นฟื้นตัวยากรองลงมา หุ้นเติบโตดูง่ายที่สุด
10 ณ เวลานี้เลือกหุ้นอย่างไรดี
ไม่ว่าเวลาไหนๆ หลักการไม่เปลี่ยน ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น PE ต่ำยิ่งดี ระวังหุ้น PE สูงๆ ตลาดลงมีโอกาสลงแรง มีปันผล มีการเติบโต หลีกเลี่ยงหุ้นร้อน เช่น ค้าปลีกบางตัว พลังงานทางเลือกบางตัว
11 พี่โจมีหุ้นในพอร์ตกี่ตัว ถือเงินสดไหม
ตอนนี้ถือ 20 ตัว ตัวหลัก 10 ตัว แต่แนะนำว่า ถ้าพอร์ตไม่ถึง 10 ล้าน อย่าถือน้อยกว่า 3 ตัว อย่าถือตัวเดียว ประมาณ 5 ตัวกำลังดี ติดตามง่าย ตอนนี้ถือเงินสด 15 % มีประสบการณ์จาก subprime ช่วงนั้นไม่มีเงินสด เหมือนถูกมัดมือมัดเท้า สัดส่วนเงินสดมากน้อยขึ้นอยู่กับเวลาไหนควรโลภ ควรกลัว ส่วน watch list มีประมาณ 200 ตัว
12 สัญญาณวิกฤต มีอะไรบอกไหม
กมร ไม่รู้ว่าจะเป็นระลอกคลื่นหรือพายุร้าย หน้าที่เราคือ เลือกบริษัทที่แข็งแกร่ง เติบโต มี MOS เหมือนเลือกเรือออกทะเล การทำนายตลาดทำได้ยาก โดยเฉพาะที่จะทำนายได้ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นต้องมีคนรวยกว่า วอเรน บัฟเฟตต์
13 แชร์ประสบการณ์ช่วง Subprime
ตอนต้นปีกำไร 66% พอเกิด Subprime ปลายปีกำไรลดเหลือ 3% ตอนนั้นใช้มาร์จิ้นด้วยประมาณ 10% มาร์จิ้นด้านดีก็มี แต่ผลเสียมหาศาล คนใช้มาร์จิ้นอาจจะมองโลกแง่ดีเกินไป แต่ควรระวังคำว่า ดวงแตก และช่วงนั้นไม่มีเงินสดเหลือ
14 เวลาเกิดวิกฤต จังหวะรับจะดูตอนไหน
ดูยาก ถูกยังไงก็ไม่กล้าซื้อ แต่เมื่อใดที่ P/BV เท่ากับ 1 น่าซื้อ เพราะจะเท่ากับปี 40 และ subprime ที่จะเด้ง ณ จุดนั้น ปัจจุบัน ประมาณ 2.5-2.6 เริ่มแพง เพราะ เฉลี่ยประมาณ 1.9 (ตอนนี้ควรกลัวมากกว่ากล้า)
15 ถือยาว VS เล่นรอบ
เล่นรอบ ระวังโดนรอบเล่น เช่น cpall ขึ้นแล้วพักแล้วขึ้นต่อ ถ้าบริษัทเติบโตเรื่อยๆ โอกาสขายแทบไม่มี บางครั้งประเมินมูลค่าว่าแพงแล้ว แต่กิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็ตอบปรับราคาตามขึ้นเรื่อยๆ เป็น dynamic
16 มองราคาตลาดมากๆ หวั่นไหว ทำอย่างไรดี
อย่าไปจ้องราคามาก เน้นดูกิจการ
17 โบรคไหนวิเคราะห์ดี
พี่โจชอบ Asia plus ภัทร กรุงศรี
18 VI ขายหุ้นตอนไหน
ขายเมื่อเกินมูลค่าที่ควรจะเป็น ขายเมื่อคิดผิด ขายเมื่อเจอตัวอื่นที่ดีกว่า
19 VI ดูกราฟไหม
พี่โจดูราคาบ้าง แต่ไม่ได้ใช้เทคนิคในการซื้อขาย ระวังจะเกิดความสับสน VI มองหุ้นเป็นธุรกิจ เทคนิคมองราคา ถ้าเอามาผสมธาตุไฟอาจแตกได้ เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมา เทคนิคบอกขาย VI บอกซื้อ สับสนมาก ตัวอย่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแบบ VI เห็นมากว่า มีจำนวนมากกว่า ทำไมเราไม่เลือกเส้นทางที่คนส่วนใหญ่พิสูจน์ว่าสำเร็จ แล้วนำไปปฎิบัติ
20 หุ้นประกันภัยดูอย่างไร
รับเงินลูกค้ามาก่อน แล้วนำไปลงทุน บริษัทไหนลงทุนเก่งจะดี ประกันที่ขายผ่านแบงค์ก็ดี ได้เปรียบเรื่องจำนวนสาขา
21 ลงทุนหุ้นจีน A share vs H Share
แบบ A share ต่างชาติลงทุนยาก มีตกแต่งบัญชี แบบ H share อยู่ที่ตลาดฮ่องกง ราคาหุ้นอาจแพงกว่านิดหน่อย แต่เรื่องบัญชีดูดีกว่า
22 BTS vs BTSGIF
หุ้นสามัญโอกาสทำกำไรมากกว่า แต่โอกาสขาดทุนก็เยอะกว่า
24 มีนาคม 2556 ณ ม.นเรศวร จ.พิษณุโลก
ขอบคุณพี่โจ สำหรับการสละเวลา และแบ่งปันความรู้ในครั้งนี้ ขอบคุณมากๆ ครับพี่
ขอบคุณพี่บี น้องชิว และทีมงาน Thai VI LowerNorth ทุกท่าน ที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้นครับ
หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ในเนื้อหาที่สรุปนี้ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
PART 1 การวางแผนการเงิน
ความสำคัญของเงิน
ทำไมคนอยากเรียน จุฬาฯ ธรรมศาตร์ ทำไมน้องตั๊กแต่งงานกับคุณบุญชัย ทำไมในคุกมีแต่คนจน >> เงินก็ยังสำคัญ
เงินเป็นทาสที่ดีแต่เป็นนายที่เลว
บางคนพอใจ 15000 บาท/เดือน แต่บางคนพอใจ 15000 บาท/ชั่วโมง You are what you believe
(จากประสบการณ์พี่โจ คุณจะเป็นในแบบที่คุณคิด ด้วย ใจ+สมอง)
เงินเฟ้อ ศัตรูที่มองไม่เห็น
ทรัพยากรจำกัด ประชากรเพิ่ม สินค้าแพง
เงินเฟ้อ ปีละประมาณ 5% ทุก 15-16 ปี สินค้าจะแพงขึ้นเท่าตัว ข้าวราดแกงอาจจะจานละ 100 บาทในอีก 22 ปี
เงินเฟ้อ 5 % ดอกเบี้ยเงินฝาก 2% ขาดทุกเงินฝากทุกปี >> ฝากธนาคารเสี่ยงที่สุด
คนไทยอายุเฉลี่ย 74 ปี สมมุติว่า เกษียณ ที่อายุ 55 แสดงว่าต้องมีชีวิตอยู่อีก 15-20 ปีโดยไม่มีรายได้
เวลาทำงาน สมมุติว่า เริ่มทำอายุ 22-23 มีเวลาทำงาน 38 ปี แต่ต้องมีเหลือเผื่อตอนเกษียณด้วย
เงิน 1 ล้านในวันนี้ อีก 25 ปี จะมีค่าเหลือแค่ 212,000 บาท
ในอนาคต ค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มขึ้นมากที่สุด
โรคที่คนจนห้ามเป็น มะเร็ง เบาหวาน หลอดเลือด ไต เนื่องจากค่ารักษาสูงมาก
เงินใครว่าไม่สำคัญ บางครั้งก็ซื้อได้แม้กระทั่งความเป็นความตาย
วิถีคนยุคใหม่
ไม่แต่งงาน : ทำงาน 1 เลี้ยง 3 (ตัวเอง พ่อ แม่)
แต่งงาน เมียเป็นแม่บ้าน มีลูก 1 : ทำงาน 1 เลี้ยง 7 (ตัวเอง ลูก เมีย พ่อ แม่ พ่อเมีย แม่เมีย)
สังคมมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุ
คนส่วนใหญ่ทำงานเพื่อเงิน
คนส่วนน้อย ทำงานเพื่อเงิน และให้เงินทำงาน
เงินจะทำงานได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแก้ว 3 ประการ
1 เงินเริ่มต้น
2 ระยะเวลา
3 ผลตอบแทน
ไอสไตน์ บอกว่า The most powerful force in the universe is compound interest
สมการการทบต้น หรือ สมการเปลี่ยนชีวิต
A*(1+R)N
A เงินต้น
R ผลตอบแทนต่อปี
N จำนวนปีที่ลงทุน
ถ้าต้องการให้ เงิน 300,000 เป็น 100 ล้าน ทำได้ดังนี้
ฝากธนาคาร ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ใช้เวลา 294 ปี
ลงทุนหุ้น ผลตอบแทน 11% ต่อปี ใช้เวลา 56 ปี
ลงทุนหุ้น ผลตอบแทน 64% ต่อปี (พี่โจผลตอบแทนประมาณนี้) ใช้เวลา12 ปี
ผลตอบแทนแบบทบต้น จะเหมือนการเติบโตของต้นไม้ ที่เวลาแตกกิ่ง จาก 2 เป็น 4 เป็น 8 เป็น 16
ผลตอบแทนตั้งแต่ปี 2518-2554
หุ้น 60 เท่า (ถ้านับถึงปัจจุบัน น่าจะประมาณ 90 เท่า (12% ต่อปี)
พันธบัตร 24 เท่า
ฝากธนาคาร 10 เท่า (ปีหลังๆ ดอกเบี้ยต่ำ)
ทองคำ 8 เท่า
สรุปว่า หุ้นดีที่สุด แต่ผันผวนมากที่สุด
ลงทุนหุ้น อย่าเล่นหุ้น
ตลาดหุ้นไม่ใช่บ่อนถูกกฎหมาย
ตลาดหุ้น คือ แหล่งระดมทุนทำธุรกิจโดยไม่ต้องกู้ธนาคาร
คนส่วนใหญ่ดูราคาหุ้นมากกว่าดูธุรกิจ
Value Inversting คือ คำตอบ >> พี่โจบอกว่า พี่ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่น เพียงแต่พี่โจเจอแนวทางที่ถูกต้อง
อยากรวย แต่ไม่มีเวลา ไม่อยากลงแรง ทำอย่างไร
กองทุนรวม
กองทุนหุ้นระยะยาว LTF ดีที่สุด ได้ลดหย่อนภาษี และส่วนต่างราคา
พยายามเลือกกองทุนที่ใช้แนวทาง VI ดูผลงานย้อนหลัง เลือกกองทุนที่ผลงานดีๆ
ลงทุนให้นานที่สุด
อย่าเอาดอกผลออกมาใช้ระหว่างทาง มันจะไม่เกิดการทบต้น
ลงทุนในหุ้นตลอดเวลาไม่ว่าตลาดจะขึ้น ตลาดจะลง โลกจะแตก
อย่าตายเร็ว รักษาสุขภาพ
ออมก่อนรวยกว่า
เพิ่มรายได้
ลดรายจ่าย
ออมก่อนใช้ ไม่ใช่ใช้ก่อนออม (เมื่อก่อน เหลือค่อยออม แต่ปัจจุบัน แบ่งออมก่อน แล้วเหลือค่อยใช้)
ลดรายจ่าย
อะไรที่เราไม่ใช้ แล้วเราไม่ตายก็สามารถลดได้ทั้งนั้น พี่โจเล่าว่า ตอนจบใหม่ๆหาหอพัก หาหลายที่มาก มีตั้งแต่ 5000 3000 จนสุดท้ายมาได้ที่ 1600/เดือน ในห้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้า 3 อย่าง คือ หมอหุงข้าว เตารีด เครื่องเล่นซีดี
การซื้อรถ คือ การใช้งานที่เลวที่สุดของหนุ่มสาว
ไม่มีอะไรผลาญเงินมากกว่าการซื้อรถ # ปีเตอร์ ลินซ์
ค่าใช้จ่ายของรถอาจจะมากถึง 12,000 บาท/เดือน
อาจมีทางเลือกอื่น เช่น รถมือสอง รถเมล์ รถไฟฟ้า
บ้าน สินทรัพย์ที่แพงที่สุด เวลาผ่อน ดอกเบี้ยรวม ราคาจะแพงกว่าราคาบ้านเสียอีก
บางทีเช่า ยังดีกว่าซื้อแล้วผ่อน
ดีที่สุด อย่ามีบ้าน อยู่บ้านเมีย บ้านพ่อแม่ ^^
บัตรเครดิต อย่าใช้ ดอกเบี้ย 18% ต่อปี โหดที่สุด
ประกันชีวิตซื้อแบบจ่ายแล้วไม่ได้คืน อย่าซื้อแบบสะสมทรัพย์ (ฝากเงิน)
สมมุติ จ่ายเบี้ยประกันสะสมทรัพย์ 100,000 ได้คืน 150,000 ในเวลา 25 ปี
บริษัทประกันนำไปลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 5 % ได้เงิน 339,000
แต่ถ้าเรานำเงิน 100,000 ไปลงทุนเองในตลาดหุ้น ได้ผลตอบแทนปีละ 10 % จะได้เงิน 1,083,000
(เสียไปเปล่าๆ 1,083,000 – 150,000)
บันไดการใช้ชีวิตการเงิน
นักลงทุน เจ้าของกิจการ 15%
พันธบัตร 4%
เงินฝาก 2%
ผ่อนรถ - 9%
บัตรเครดิต -18%
เราถูกเพราะเหตุผลเราถูกไม่ใช่เพราะคนส่วนใหญ่ทำกัน
ชิวิตเริ่มต้นด้วยการผ่อนจะไม่ได้โงหัวตลอดชีวิต
สรุป ทำงานประจำเพื่อหาเงินออม + ลงทุนตลาดหุ้นแบบเน้นคุณค่า คือ คำตอบ
PART2 คำถาม เจาะเรื่องการลงทุนหุ้น
1 ประเมินสถานการณ์ช่วงนี้อย่างไร ณ 24/3/56
ไม่สามารถเดาตลาดได้ ทำนายไม่ได้หรอกว่า หุ้นจะขึ้น หุ้นจะลง
2 AEC ส่งผลอย่างไรต่อตลาดหุ้นหรือไม่
ประเด็นนี้ยังเลื่อนลอย จับต้องไม่ได้ ปัจจุบัน ธุรกิจก็มีการลงทุน มีการแข่งขันระหว่างประเทศอยู่แล้ว แต่ถ้าเปิด AEC อาจจะสะดวกขึ้นง่ายขึ้น
3 ตลาดไทยตอนนี้ ณ 24/3/56 ร้อนแรงไปไหม
จริงๆ ร้อนแรงมา 4-5 ปีแล้ว การลงทุนให้ดูเป็นรายตัว set ค่อนข้างแพง พี่โจไม่สนใจดัชนี เน้นรายตัว ความผันผวนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องปกติ จะหวังว่าหุ้นจะขี้นขาเดียวเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นต้องมีความรู้การลงทุนที่ถูกต้อง
4 เลือกหุ้นดูอะไรบ้าง มีปัจจัยอะไรบ้างที่ใช้พิจารณา
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวตามกำไร ดังนั้นพี่โจจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงๆ เท่านั้น เจ้ามือตัวจริง คือ กำไร เราต้องประเมิน วิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น SF พี่โจทราบจากการคลิ๊กดูเวปบริษัท ดูการประชุมผู้ถือหุ้น แล้วพบว่า
บริษัทจะเปิดเมกะบางนา และจะมีการเปลี่ยนนโยบายการทำบัญชี ทำให้กำไรจะเพิ่มขึ้น ก็ทยอยรับเรื่อยๆ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีคนสนใจมาก พี่โจ อาศัยความขยัน พลิกหินทุกก้อน จึงพบ ตอนนั้นก็ประเมินมูลค่าได้ประมาณ 6 บาท ก็เริ่มทยอยรับประมาณ 3.2 บาท
5 แก่นของ VI
1 หุ้นคือธุรกิจ ไม่ใช่ราคาขึ้นลงรายวัน ซึ่งจะเป็นการแยก VI ออกจากลงทุนแนวอื่น เช่น ช่วงหุ้นตก กิจการยังขายของได้ ยังขยายสาขาได้ ก็ไม่น่ากังวล
2 รู้มูลค่าของสิ่งที่เราจะซื้อ ตลาดหุ้นไม่ได้มีป้ายบอกราคา เราต้องประเมิน ส่วนใหญ่พี่โจจะใช้วิธี PE * eps
3 จะซื้อเมื้อมีส่วนลดมากเท่านั้น (มี MOS)
4 แยกตัวเองออกจากนายตลาดให้ได้ นายตลาดประกอบด้วยคนส่วนมาก มีอารมณ์ขึ้นลง ควรใช้ประโยชน์จากนายตลาด
6 PE ที่เหมาะสมคิดอย่างไร
หลักๆ เทียบกับ SET เช่น cpall มีอำนาจต่อรองสูงในทุกๆ ด้านก็ควรมี PE มากกว่า SET (ให้พรีเมี่ยม) บางบริษัทที่กำไรไม่แน่นอน ก็ให้ค่า PE ต่ำกว่า SET
7 เลือกหุ้น TOP-DOWN หรือ BOTTOM-UP
พี่โจชอบ bottom up บริษัทที่ดี จะดีด้วยตัวมันเอง ไม่ว่า แนวโน้มภายนอกจะเป็นอย่างไร
8 วิธีดูหุ้นฟื้นตัวดูอย่างไร
ดูยาก ถ้าดูได้ถูก รวยมหาศาล แต่ถ้าดูผิดจะแย่มาก เช่น SSI อย่าไปยุ่ง พี่โจแชร์ประสบการณ์เจอหุ้น KAMART เดิมขายเครื่องใช้ไฟฟ้าขาดทุน แต่เริ่มเปลี่ยนธุรกิจมาขายเครื่องสำอาง เริ่มมีกำไร และเห็นผู้บริหารซื้อหุ้นจำนวนมาก เลยเริ่มสนใจ
9 หุ้นเติบโตดูอย่างไร หาสัญญาณเติบโตจากอะไร
หุ้นเติบโตจะดูง่าย เช่น HMPRO CPALL เห็นจากการขยายสาขา แผนงานต่างๆ ขยายกำลังการผลิต แต่ต้องซื้อในราคาที่เหมาะสม
หุ้นวัฎจักรยากที่สุด หุ้นฟื้นตัวยากรองลงมา หุ้นเติบโตดูง่ายที่สุด
10 ณ เวลานี้เลือกหุ้นอย่างไรดี
ไม่ว่าเวลาไหนๆ หลักการไม่เปลี่ยน ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น PE ต่ำยิ่งดี ระวังหุ้น PE สูงๆ ตลาดลงมีโอกาสลงแรง มีปันผล มีการเติบโต หลีกเลี่ยงหุ้นร้อน เช่น ค้าปลีกบางตัว พลังงานทางเลือกบางตัว
11 พี่โจมีหุ้นในพอร์ตกี่ตัว ถือเงินสดไหม
ตอนนี้ถือ 20 ตัว ตัวหลัก 10 ตัว แต่แนะนำว่า ถ้าพอร์ตไม่ถึง 10 ล้าน อย่าถือน้อยกว่า 3 ตัว อย่าถือตัวเดียว ประมาณ 5 ตัวกำลังดี ติดตามง่าย ตอนนี้ถือเงินสด 15 % มีประสบการณ์จาก subprime ช่วงนั้นไม่มีเงินสด เหมือนถูกมัดมือมัดเท้า สัดส่วนเงินสดมากน้อยขึ้นอยู่กับเวลาไหนควรโลภ ควรกลัว ส่วน watch list มีประมาณ 200 ตัว
12 สัญญาณวิกฤต มีอะไรบอกไหม
กมร ไม่รู้ว่าจะเป็นระลอกคลื่นหรือพายุร้าย หน้าที่เราคือ เลือกบริษัทที่แข็งแกร่ง เติบโต มี MOS เหมือนเลือกเรือออกทะเล การทำนายตลาดทำได้ยาก โดยเฉพาะที่จะทำนายได้ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นต้องมีคนรวยกว่า วอเรน บัฟเฟตต์
13 แชร์ประสบการณ์ช่วง Subprime
ตอนต้นปีกำไร 66% พอเกิด Subprime ปลายปีกำไรลดเหลือ 3% ตอนนั้นใช้มาร์จิ้นด้วยประมาณ 10% มาร์จิ้นด้านดีก็มี แต่ผลเสียมหาศาล คนใช้มาร์จิ้นอาจจะมองโลกแง่ดีเกินไป แต่ควรระวังคำว่า ดวงแตก และช่วงนั้นไม่มีเงินสดเหลือ
14 เวลาเกิดวิกฤต จังหวะรับจะดูตอนไหน
ดูยาก ถูกยังไงก็ไม่กล้าซื้อ แต่เมื่อใดที่ P/BV เท่ากับ 1 น่าซื้อ เพราะจะเท่ากับปี 40 และ subprime ที่จะเด้ง ณ จุดนั้น ปัจจุบัน ประมาณ 2.5-2.6 เริ่มแพง เพราะ เฉลี่ยประมาณ 1.9 (ตอนนี้ควรกลัวมากกว่ากล้า)
15 ถือยาว VS เล่นรอบ
เล่นรอบ ระวังโดนรอบเล่น เช่น cpall ขึ้นแล้วพักแล้วขึ้นต่อ ถ้าบริษัทเติบโตเรื่อยๆ โอกาสขายแทบไม่มี บางครั้งประเมินมูลค่าว่าแพงแล้ว แต่กิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็ตอบปรับราคาตามขึ้นเรื่อยๆ เป็น dynamic
16 มองราคาตลาดมากๆ หวั่นไหว ทำอย่างไรดี
อย่าไปจ้องราคามาก เน้นดูกิจการ
17 โบรคไหนวิเคราะห์ดี
พี่โจชอบ Asia plus ภัทร กรุงศรี
18 VI ขายหุ้นตอนไหน
ขายเมื่อเกินมูลค่าที่ควรจะเป็น ขายเมื่อคิดผิด ขายเมื่อเจอตัวอื่นที่ดีกว่า
19 VI ดูกราฟไหม
พี่โจดูราคาบ้าง แต่ไม่ได้ใช้เทคนิคในการซื้อขาย ระวังจะเกิดความสับสน VI มองหุ้นเป็นธุรกิจ เทคนิคมองราคา ถ้าเอามาผสมธาตุไฟอาจแตกได้ เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมา เทคนิคบอกขาย VI บอกซื้อ สับสนมาก ตัวอย่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแบบ VI เห็นมากว่า มีจำนวนมากกว่า ทำไมเราไม่เลือกเส้นทางที่คนส่วนใหญ่พิสูจน์ว่าสำเร็จ แล้วนำไปปฎิบัติ
20 หุ้นประกันภัยดูอย่างไร
รับเงินลูกค้ามาก่อน แล้วนำไปลงทุน บริษัทไหนลงทุนเก่งจะดี ประกันที่ขายผ่านแบงค์ก็ดี ได้เปรียบเรื่องจำนวนสาขา
21 ลงทุนหุ้นจีน A share vs H Share
แบบ A share ต่างชาติลงทุนยาก มีตกแต่งบัญชี แบบ H share อยู่ที่ตลาดฮ่องกง ราคาหุ้นอาจแพงกว่านิดหน่อย แต่เรื่องบัญชีดูดีกว่า
22 BTS vs BTSGIF
หุ้นสามัญโอกาสทำกำไรมากกว่า แต่โอกาสขาดทุนก็เยอะกว่า