หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 10:00 am
โดย 6666666v
ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่างไรครับ ถึงนักลงทุนviไม่ข้อยนิยมกันดูจากความคึกคักในบอร์ดร้อยคนร้อยหุ้นเงียบมาก ผมดูธุรกิจก็โตดีมีความแข็งแกร่งดีแต่แค่ราคาอาจจะไม่ได้วิ่งไวอค่นั้นเอง หรือมีเหตุผลอื่นๆอีกไหมอ่าครับ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 10:38 am
โดย ดำ
ดร.นิเวศน์ เคยให้นิยามไว้ว่า "เป็นธุรกิจที่ดีจนกว่าจะเจ๊ง" ครับ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 10:45 am
โดย BaggerStocks
ในมุมมองผมว่าน่าสนใจ แต่ติดอยู่ที่ดูๆแล้วไม่ค่อยมีใครได้เปรียบในสมรภูมินี้ในความคิดผมนะ(ผมอาจจะดูไม่ค่อยละเอียดพอ) :shock:

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 11:47 am
โดย kongkiti
6666666v เขียน:ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่างไรครับ ถึงนักลงทุนviไม่ข้อยนิยมกันดูจากความคึกคักในบอร์ดร้อยคนร้อยหุ้นเงียบมาก ผมดูธุรกิจก็โตดีมีความแข็งแกร่งดีแต่แค่ราคาอาจจะไม่ได้วิ่งไวอค่นั้นเอง หรือมีเหตุผลอื่นๆอีกไหมอ่าครับ
เหตุผลที่(ดูเหมือนว่า)นักลงทุนในเวบบอร์ดเรา ไม่ค่อยนิยม...ตามความคิดผม นะครับ
1. ตามที่ คุณดำ บอกเลยครับ เราเคารพในคำสอนครูบาอาจารย์ แต่ก็เป็นดังที่ท่าน อ.ว่า คือ เราไม่รู้ว่ามันจะเจ๊งเมื่อไหร่ จริงๆ ยกเว้นว่า ลงทุนตอนที่มันรอดกลับมาจากการเจ๊งได้ อันนั้นก็อีกเรื่องนึง
2. งบการเงินอาจแกะยากหน่อย มีสำรองต่างๆ มากมาย
3. บริษัทใหญ่ๆ กองทุนต่างๆ ติดตามอยู่มาก โอกาส Undervalue ก็มีน้อยหน่อย

จริงๆ แล้ว ดูเป็นบริษัทดีกว่าครับ บริษัทไหนที่ดูดี มี Value แล้วเราพอเข้าใจ ก็ลงทุนไปเถอะครับ
ปล. คุณ 6666666v ไปดูที่ห้องไหนหรอครับ ผมว่าบางห้องเขาก็คึกคักดีนะครับ :P

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 12:45 pm
โดย 6666666v
kongkiti เขียน:
6666666v เขียน:ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่างไรครับ ถึงนักลงทุนviไม่ข้อยนิยมกันดูจากความคึกคักในบอร์ดร้อยคนร้อยหุ้นเงียบมาก ผมดูธุรกิจก็โตดีมีความแข็งแกร่งดีแต่แค่ราคาอาจจะไม่ได้วิ่งไวอค่นั้นเอง หรือมีเหตุผลอื่นๆอีกไหมอ่าครับ
เหตุผลที่(ดูเหมือนว่า)นักลงทุนในเวบบอร์ดเรา ไม่ค่อยนิยม...ตามความคิดผม นะครับ
1. ตามที่ คุณดำ บอกเลยครับ เราเคารพในคำสอนครูบาอาจารย์ แต่ก็เป็นดังที่ท่าน อ.ว่า คือ เราไม่รู้ว่ามันจะเจ๊งเมื่อไหร่ จริงๆ ยกเว้นว่า ลงทุนตอนที่มันรอดกลับมาจากการเจ๊งได้ อันนั้นก็อีกเรื่องนึง
2. งบการเงินอาจแกะยากหน่อย มีสำรองต่างๆ มากมาย
3. บริษัทใหญ่ๆ กองทุนต่างๆ ติดตามอยู่มาก โอกาส Undervalue ก็มีน้อยหน่อย

จริงๆ แล้ว ดูเป็นบริษัทดีกว่าครับ บริษัทไหนที่ดูดี มี Value แล้วเราพอเข้าใจ ก็ลงทุนไปเถอะครับ
ปล. คุณ 6666666v ไปดูที่ห้องไหนหรอครับ ผมว่าบางห้องเขาก็คึกคักดีนะครับ :P
เฉพาะธนาคารเล็กๆมั้งครับที่คึกคัก ผมหมายถึงภาพรวมนะครับ มีสิบกว่าธนาคาร แต่activeกันบ่อยๆ อยู่สาม ธนาคาร

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 3:02 pm
โดย TissueThiti
สำหรับผมนี่แทบไม่เคยคิดจะมองธุรกิจธนาคารเลย
เพราะกฎเกณฑ์การควบคุมต่างๆค่อนข้างเยอะ ทุกธนาคารก็ทำใต้กฎเกณฑ์คล้ายๆกัน การแข่งขันค่อนข้างจำกัด
ทำให้ผมไม่สามารถรู้สึกได้เลยว่าธนาคารไหนดีกว่ากัน(เอาแบบความรู้สึกนะครับ) ไม่เหมือนกับธุรกิจอย่างอื่น
ที่ผมมักตัดสินได้บ้างอยู่แล้ว ว่าอะไรดีกว่าอะไร เช่น ผมชอบกินมาม่ามากกว่าของยี่ห้ออื่นเพราะเหตุผลยังงี้ๆ

แล้วก็ผมรู้สึกว่าธนาคารหรือสถาบันการวิเคราะห์บริษัทยากกว่าบริษัททั่วไป ที่ต้องมองถึงความมั่นคงและสภาพคล่องสูง
ซึ่งตรงนี้ผมไม่มีความรู้ 555
อาจตอบไม่ค่อยตรงคำถามหรือใช้ความรู้สึกส่วนตัวเยอะไปหน่อยนะครับ :D

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 4:05 pm
โดย tigerroad197
ผมว่า ธุรกิจธนาคาร ซับซ้อนเกินไปสำหรับผมครับ

แตกต่างจากธุรกิจอื่นที่ผมสนใจตรงที่ผลิตสินค้าหรือบริการแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนครับ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 6:21 pm
โดย TLSS
เท่าที่เคยฟัง เคยอ่านมานะครับ

1. ธุรกิจธนาคารในไทย ไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจน (เคยฟัง ท่าน ดร.นิเวศน์ พูดประมาณนี้)

2. จากบทความเรื่อง คุณภาพของกำไร (บทความพี่ IH)
หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าหุ้นธนาคารก็เป็นหุ้นที่มีคุณภาพของกำไรค่อนข้างต่ำ กล่าวคือ ปัจจุบันธนาคารมีต้นทุนเงินฝาก 2% โดยประมาณ และปล่อยกู้ได้เฉลี่ย 6% ดังนั้นผลตอบแทนของสินทรัพย์หลังหักค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 3% ดังนั้นการที่ธนาคารจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 3 บาท จะต้องเพิ่มสินทรัพย์ถึง 100 บาท โดยสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นก็มีความเสี่ยงด้วยเพราะเป็นลูกหนี้ธนาคาร ดังนั้นก็เท่ากับว่าหากลูกหนี้ 100 บาทที่เพิ่มมานั้นสามารถชำระได้เพียง 50 บาท ก็เท่ากับว่าธนาคารต้องทำงานเพื่อชดเชยเงินให้กู้ที่หายไปถึง 16 ปี หุ้นที่มีคุณภาพของกำไรสูงคือ หุ้นที่สามารถเพิ่มรายได้และกำไรโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มหรือลงทุนค่อนข้าง น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น

3 หุ้นธนาคาร เป็น หุ้น economic cyclical (บทความพี่ IH)
หุ้น economic cyclical หุ้นประเภทนี้แม้จะไม่ได้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ แต่สินค้าหรือบริการนั้นมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจสูง เพราะอาจจะเป็นสินค้าที่ไม่ได้จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตนักหรือพอจะชะลอการ ซื้อได้ หรือ/และ สินค้าของผู้ผลิตเหล่านี้แม้ไม่ได้เป็น commodity ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักและลูกค้าพร้อมจะ switching จากยี่ห้อหนึ่งไปอีกยี่ห้อ ทำให้เมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจึงมีการตัดราคากัน หรือเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนคงที่สูงมากทำให้การลดลงของรายได้ใกล้เคียงกับ กำไรที่จะลดลง หุ้นกลุ่มนี้ เช่น รถยนต์ อสังหาฯ วัสดุก่อสร้าง อิเลคทรอนิกส์ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน คือ ธนาคาร เงินทุนและหลักทรัพย์

4. แต่อีกมุมนึง ... Warrent Buffett ก็ลงทุนในกลุ่มธนาคารนะครับ :D

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 6:56 pm
โดย Boyadvance
ผมว่าไม่ใช่ไม่น่าสนใจ
แต่โอกาสที่จะซื้อได้ในราคาที่น่าสนใจต่างหากที่ไม่น่าสนใจ
เวลาเ้กิดวิกฤต เราก็ไม่รู้ว่าธนาคารไหนบ้างจะรอด หากว่ารอดมาได้ถึงจะดูน่าสนใจ
แต่มันคาดการณ์ยากว่า เศรษฐกิจจะกลับมาดีเมื่อไร การปล่อยกู้อาจจะไม่บูมเป็นระยะเวลานานทำให้กำไรของธนาคารยังแย่อยู่หลายปี

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 9:24 pm
โดย tigerroad197
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผมไม่อยากลงทุนในธุรกิจนี้ ส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์ในอดีตของบางธนาคาร ที่มีการฉ้อฉลเอาทรัพย์สินด้อยค่า มากู้ยืมโดยประเมินราคาสูงเกินจริง ซึ่งสำหรับ นักลงทุนรายย่อย ยากจะตรวจสอบได้ครบถ้วนทุก ๆ สาขา ทุก ๆ จุดครับ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 10:27 pm
โดย miracle
ธนาคารเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก
ธนาคารเป็นสื่อกลางระวังผู้มีเงินเก็บกับผู้ที่ต้องการเงินไปสร้างผลตอบแทนในอนาคต
ธนาคารเป็นผู้ชำนาญการด้านการเงิน ไล่ตั้งแต่ การฝากเงิน การกู้เงิน การโอนเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ออกหนังสือค้ำประกัน เป็นต้น

แหล่งเงินทุนของธนาคาร มีสองทางคือ
1 ส่วนของผู้ฝากเงินเป็นเจ้าหนี้ธนาคาร ธนาคารจำเป็นต้องรักษาเงินต้นของเงินฝากไว้ และสร้างผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย.
2 ส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเอาเงินมาซื้อหุ้นธนาคารเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนคือเงินปันผลและอำนาจในการบริหาร

ในยุคต้นๆของประวัติศาสตร์ธนาคารไทย ช่วงปี2490-2510 ใครตั้งธนาคารต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายการเมือง (ไปหาอ่านเอาเองในประเด็นนี้)

จุดตายของธนาคารคือ
1 ธนาคารใช้หนี้ในการสร้างฐานะของตัวเอง
โดยมีภาระคือจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ฝาก
2 ความสัมพันธ์ ของระยะเวลาฝากเงินกับการกู้เงิน
ถ้าหากต้องการกู้ยาวๆ แต่เงินฝากมีแต่ระยะสั้น ธนาคารก็เหนื่อย
3 ระยะการกู้ของลูกหนี้ ยิ่งกู้ยาวๆนานยิ่งเสี่ยง
ยิ่งขนาดใหญ่ยิ่งเป็นภาระ
ฐานะของลูกหนี้มีความสามารถในการใช้คืนหนี้หรือเปล่า

ในปัจจุบันธนาคารมีการใช้อนุพันธ์ทางการเงินมากกว่าในอดีต
ทำให้ความซับซ้อนมากกว่าอดีต

ดังนั้นถ้าไม่วิกฤติก็ดูห่างๆ ถ้าวิกฤติค่อยน่าสนใจ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 10:22 am
โดย picatos
เข้าใจยาก อ่านงบไม่เข้าใจ ยากเกินความสามารถ มักจะมีอะไรแปลกๆ ซ่อนอยู่ใน B/S ถ้าไปอ่านประวัติศาสตร์การเงินการธนาคาร ก็จะเห็นว่า วันดีคืนดี ธนาคารก็จะพังเป็นรอบๆ ซึ่งเหล่านี้หากจะอธิบายด้วย behavitorual economics ก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันเป็นธุรกิจที่ moral hazard เยอะมาก ด้วยธรรมชาติของความโลภ ความเมินเฉย ความเป็นส่วนย่อย ความไม่มีเจ้าของหลัก ยิ่งทำให้เรื่องเหล่านี้เลวร้ายลงๆ และทำให้วันดีคืนดีแบงค์ก็จะพังเป็นรอบๆ เพิ่มทุนเป็นรอบๆ ไม่สามารถถือได้อย่างสบายใจ ไม่สามารถประเมินมูลค่าของกิจการในระยะยาวได้ง่าย

สรุปว่า ไม่ใช่ไม่น่าสนใจ... สำหรับผม แต่ว่ามันยากเกินกว่าความสามารถที่จะสนใจได้

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 12:08 pm
โดย dojii
ดูงบการเงินแล้วไม่เข้าใจ เลยไม่ดู แค่นั้นครับ
ยากเกินไปสำหรับผม

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 1:28 pm
โดย Tibular
ผมกลับมองว่าหุ้นธนาคารนั้นน่าสนใจ
เพราะเป็นเส้นเลือดของระบบเศรษฐกิจ
บัฟเฟตเองก็สนใจในหุ้นธนาคารเสมอๆ
เมื่อมีโอกาสก็จะลงทุนในธุรกิจนี้

หุ้นธนาคารจะน่าสนใจถ้ามีสัญญาณการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ประกอบกับสัดส่วนเงินฝากต่อการปล่อยสินเชื่อยังต่ำ
โดยที่ระดับ NPL ในอนาคตไม่เพิ่มขึ้นมาก
รวมถึงมีถ้างบดุลที่เข้มแข็ง ดอกเบี้ยนโยบาย
ยังไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเงินเฟ้อไม่เกินเป้านโยบาย

อย่างไรก็ดีการจะดูว่าหุ้นธนาคารมีราคาน่าสนใจ
ต้องมองประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในอนาคตด้วย

อย่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในบ้านเราที่จะเกิดขึ้น
ก็เป็นที่น่าสนใจว่าจะมีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้อีก
ธนาคารไหนล่ะที่ตุนสภาพคล่องไว้พอเพียงรองรับ
และราคาหุ้นยังไม่แพงก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนได้

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 1:42 pm
โดย preedee17
ผมมองว่าที่บัฟเฟตสนใจ เพราะต้องการ Float ของเงินสด เหมือนกับธุรกิจประกันหรือเปล่าครับ?

ส่วนตัวก็คงเหมือนหลายๆคน ที่ธุรกิจ,งบการเงิน ซับซ้อน เข้าใจได้ยาก
ถ้าจำไม่ผิด คุณฮงเคยบอกว่า ธุรกิจธนาคารรายได้มาจากการปล่อยกู้ให้ธุรกิจอื่น ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ผลตอบแทนเฉลี่ยก็คงอยู่กลางๆ ปล่อยกู้ธุรกิจมั่นคงก็ได้ส่วนต่างน้อย ปล่อยรายย่อยก็เสี่ยงหนี้สูญเยอะ

เลือกลงทุนเองดีกว่าผลตอบแทนขึ้นอยู่กับเราเองว่าลงทุนธุรกิจอะไร

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 7:45 pm
โดย luz666
สำหรับผมนะครับ
1. งบการเงินเข้าใจยากกว่าธุรกิจอื่นๆที่ผมอ่านแล้วเห็นภาพได้ ของธนาคารมีเรื่องการตั้งสำรอง ซึ่งต้องใช้การประมาณการของผู้บริหารเยอะ ถ้าสำรองเยอะก็กำไรน้อย ถ้าสำรองน้อย เกิดลูกหนี้มีปัญหาก็ขาดทุนหนักอีก
2. ไม่มีผู้ชนะชัดเจน ลูกค้าแทบไม่มี brand loyalty พร้อมเปลี่ยนเจ้าเสมอถ้ามีธนาคารอื่นที่มีข้อเสนอดีกว่า อย่างที่บริษัทผม ก็ใช้อยู่ประมาณ 3 แบงค์ แล้วแต่ว่าใครเสนออะไร
3. ด้วยความที่ลูกค้ามี brand loyalty ต่ำ ถ้าแบงค์อื่นทำอะไร แบงค์เราก็ต้องทำตาม เช่น ถ้าแบงค์อื่นปล่อยกู้ง่ายๆ แบงค์ที่ปล่อยกู้ยากๆก็จะหาลูกค้ายากไปด้วย สุดท้ายก็ต้องทำตาม พอเวลามีปัญหา ก็จะเจ๊งกันเป็นทอดๆ เพราะแบงค์ก็มีกู้ยืมระหว่างกันอีก เป็นธุรกิจที่ดีจนวันที่มันเจ๊งแบบที่ดร.นิเวศน์ว่า

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 9:05 pm
โดย miracle
แบงค์มีการลงทุนในระบบ IT ตลอดเวลา
เรียกได้ว่าเป็นผู้นำระบบ IT เลยก็ว่าได้
ของมาใหม่ ต้องลอง
:)

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 08, 2013 10:28 pm
โดย yosada
แชร์บ้างในฐานะคนทำแบงค์อยู่สินเชื่อปล่อยกู้ลูกค้ารายใหญ่แห่งนึง

มีความเข้าใจผิดในเรื่องรายได้ของธนาคารอยู่พอสมควรครับ


อย่างแบงค์ผมมีรายได้จากดอกเบี้ย(NII) ประมาณ 55% ของรายได้รวม และรายได้จากค่าส่นที่ไม่ใช่จ่ายได้ พวกค่าธรรมเนียมต่างๆๆ (Non NII) ประมาณ 45% โดยประมาณครับ และเกือบทุกแบงค์ก็จะมาเทรนนี้กันหมด เพราะทุกแบงค์(นั้นแหละ) ที่รอดพ้นปี 40 มาได้เค้าก็หาทางออกลดการพึ่งพิงรายได้จากดอกเบี้ยมาตลอดครัย อย่างแบงค์ที่ผมอยู่กะให้มีรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยเพียง 30% ของรายได้รวมเลยทีเดียว
ถามว่าเป็นไปได้ไหม
,,
,,,
ได้ครับ

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมจากการโอนเงินในประเทศและต่างประเทศ รายได้จากอัตราแลกเปลี่ยน(คิดดูประเทศไทยปีปีนึงเรามีเงินโอนเข้าโอนออกต่างประเทศปีหล่ะเท่าไหร่??) ค่าธรรมเนียมจากการเปิด T/R บลาๆๆ สิ่งเหล่านี้เป็นตลาดที่ใหญ่มากและต้องทำผ่านแบงค์เท่านั้น
ซึ่งหลายๆแบงค์ก็จะมาทางนี้กันแทบทุกแบงค์ครับ เพราะแทบไม่ต้องระดมเงินฝากเพื่อปล่อยกู้เลยจ้า

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอีกส่วนนึงหลักๆคือรายได้จาก BCM (business cash management) การบริหารเงินให้กับลูกค้าของธนาคาร เช่นระบบการจ่ายเงินเดือน การรับเงินจากลูกค้า การจ่ายเงินให้คู่ค้า สิ่งเหล่านี้ต้องทำผ่านบัญชี ผ่านธนาคารเท่านั้น

แหละธนาคารเพื่อนคู่คิด ก็ซัดค่า fee ไป

ต้นทุนของระบบเหล่านี้มีต้นทุนใหญ่เพียงครั้งเดียวคือการ พัฒนาสร้างระบบขึ้นมา ที่เหลือก็ค่า maintain หลังจากนั้นก็กินค่า fee อย่างเดียว

และแน่นอนว่าถึงแบงค์จะพยายามหนีห่างจากรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยเท่าไหร่ ธุรกิจแบงค์ก็ยังผูกติดกับระบบเศรษฐกิจอยู่ดี วันไหนคืนใดเศรษฐกิจดี รายได้ทั้งสองชนิดก็มาก วันไหนไม่ดี รายได้ทั้งสองก็วูบ
ความเสี่ยงหลักก็จะเป็นคุณภาพหนี้ที่ปล่อยไป ต้นทุนเงินใาก ความตื่นตระหนกของผู้ฝากเงิน ทว่าแบงค์ไทยก็พยายามมาตลอดเพื่อทำให้แบงค์แข็งแรงลดความอันตรายตอนเศรษฐกิจไม่ดี

จะเห็น่วาทุกแบงค์ก็มี product เหมือนๆกันทั้งนั้น ถามว่าแบงค์แข่งกันที่อะไร
1 economic scale สำคัญมาก แบงค์ใหญ่ได้เปรียบทั้งเรื่องต้นทุนต่อหน่วยที่ถูกกว่า ทั้งเรื่องพัฒนาระบบ ต้นทุนเงินฝาก ต้นทุนเงินกู้ยืม และในการดึงคนเก่งๆเข้ามา (แบงค์ใหญ่มีความมั่นคงมากกว่า)
2 port management มีเงินเท่านี้ปล่อยกู้อะไรได้ผลตอบแทนดีสุดคามเสี่ยงต่ำสุด บลาๆๆ
3 relationship ที่มีต่อลูกค้า
4 solution ที่ตอบสนองต่อลูกค้า ถ้าโดนใจก็ได้เกือบทุกอย่าง พฤติกรรมลูกค้าไม่ชอบใช้หลายแบงค์เพราะ manage ลำบากแล้วเสียค่าธรรเมีนยมากขึ้น
5 pricing ราคา ถ้ามีไอข้อแรกแล้ว ข้อที่ห้าก็กดราคาฆ่าแบงค์เล็กได้เลย

ที่พูดมาเนี่ยผมก็ไม่มีหุ้นแบงค์ในมือนนะครับ
ดูงบยากจริงๆๆ >_<

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 12:10 am
โดย Ii'8N
ไม่รู้จะเรียกว่ายังไง ธุรกิจธนาคาร ควรจะเรียกว่าธุรกิจที่มี risk เป็นลักษณะ dynamic risk คือกระเพื่อมสูง
(ไม่ได้มีใครเรียกแบบนี้ แต่ความเห็นความรู้สึกส่วนตัว หาคำที่เหมาะสมไม่ได้ แต่ถ้าใครรู้จักศัพท์เฉพาะอธิบายได้ดีกว่านี้ ช่วยบอกที)



กรณีปกติ (ที่ไม่ได้มีบริษัทลูกอื่นๆ) จริงๆแล้ว ธนาคารไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ที่จับต้องได้ แต่ยืมเงินอีกคน ไปให้อีกคนยืมไปใช้ จึงฝากชีวิตไว้กับความสำเร็จและล้มเหลวของคนอื่น ที่ให้ยืมไปใช้ (เป็น secondary risk taker)

เริ่มจากมีขาขวาสถานะเป็นลูกหนี้ประชาชนและคนฝาก
แล้วสถานะขาซ้ายเป็นเจ้าหนี้สินเชื่อให้นักเสกกระดาษให้เป็นทองโดยใช้เงินคนอื่น หรือ OPM (Other People's Money) จะอ้างอิงเป็น MLR-MOR-MRR แล้วแต่ สรุปก็คือ มักทำเงินน้อย ให้เป็นเงินมาก (leverage) โดยดึงเงินที่หมุนวนจากระบบเศรษฐกิจมาใช้ มีทั้งเล่นกับเกมตัวเลข นักขายกระดาษ (โครงการ) จนไปถึงระดับล่างสุดที่ออกแรงจริงๆ แล้วเอาเงินมาคืนกับเงินที่เพิ่มเบี้ยดอกงอกเงย
ถ้าพลาดทำเงินมาก ให้กลายเป็นเงินน้อย ก็จะถูกลดชั้นจนถูกตัดหรือมีชื่อในบัญชีต้องห้าม ตัวอย่างชัดๆ มากๆ ก็คือ วงการ "ขายปลีกเครดิต" อย่างพวกเครดิตส่วนบุคคล
แต่บวกลบคูณหารแล้ว ในสภาวะปกติ ความเสี่ยงมันต่ำ เพราะ "โอกาสได้ มากกว่าเสีย" ไอ้ที่เสีย ก็ยอมให้มันเป็นเอร์เซ็นต์เล็กน้อยไป

รูปภาพ

แต่เมื่ออยู่ในช่วงคนส่วนใหญ่ล้มเหลว ธนาคาร สถาบันการเงิน ก็จะค่อยๆ ล้ม ค่อยๆ เหลว ก็ "กินส่วนต่างดอก" ถ้ามีแววหมดทั้งต้นทั้งดอก ขาซ้ายก็เป๋

และเมื่อใด เจ้าหนี้ (ประชาชน) ไม่ไว้ใจ ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะไปไม่ไหว ท่าน "ธนาคาร" ที่เอาเงินเราไปเล่นเกมกินส่วนต่าง ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ แห่กันมายกเลิกสถานภาพเจ้าหนี้ ตือกรูกันมาถอนเงินที่สำรองไว้ หนักเข้า ความเชื่อมั่นกลายเป็น panic เกินเหตุ แล้วขาขวาก็เป๋

ผลก็คือ โซเซ ช่วยกันพยุงกันทั้งบ้านทั้งเมือง too big to fail ก็ยังมีล้ม ในหลายวิกฤติ




ตัวอย่าง 3 ราย
http://www.set.or.th/set/companyhighlig ... country=TH
http://www.set.or.th/set/companyhighlig ... country=TH
http://www.set.or.th/set/companyhighlig ... country=TH

คร่าวๆ "หนี้สินรวม" เมื่อเทียบกับ "ส่วนของผู้ถือหุ้น" ธุรกิจประเภทไหนกัน เป็นหนี้ชาวโลกเยอะขนาดนั้น
อ้อ.. ก็ธุรกิจ ที่เงินส่วนใหญ่ไม่ใช่เป็นของตัวเองจริงๆ น่ะสิ



มันก็คือความเสี่ยงละนะ
เพราะความเสี่ยง คือจากการลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ หรือรู้น้อย
เดินไปในที่มืด หรือที่สว่างน้อย เสี่ยงต่อการไปชนโครมคราม ตกรู ลงท่อ ขาแพลงขาหัก หรือโดนงูเงี้ยวเขี้ยวขอฉกกัด

แต่ถ้าจะไปยุ่งกับมัน ถ้าดูเป็น รู้จักมันดีมากพอ รู้จักว่าไปเส้นไหนแล้วไม่มีงูพิษ ดูทางไว้แล้วเมื่อตอนกลางวันว่าไม่ไปตกท่อ ถึงแม้มันอยู่ในเวลามือด มันก็อาจเป็นความเสี่ยงต่ำก็ได้

(พูดมาซะหรู ส่วนตัวสำหรับผม ยังเป็นความเสี่ยงสูงอยู่ :mrgreen: )

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 12:19 am
โดย Ii'8N
เพิ่งมาอ่านที่คุณ yosada พูดแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยงถ้าจะลงทุนด้านนี้ :B

แล้วจำได้ว่ามีรายได้อีกทางประเภทปริวรรตเงินตรา % เล็กน้อย แต่ก็เป็นเงินก้อนใหญ่

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 6:28 pm
โดย kraikria
ผมสนใจลงทุน Bank ครับ และก็ลงทุนตามที่ผมเข้าใจซึ่งก็อาจจะผิดได้

ผมคิดว่าธุรกิจ Bank เปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อน ทุกวันนี้แทบจะทุกคนต้องใช้บริการของ Bank และก็ต้องใช้บ่อยๆด้วย ในขณะเดียวกันรายได้ของ Bank ก็มีสัดส่วนจากการบริการเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผลิตภัณฑ์ก็หลากหลายมากขึ้นมากๆ

ความเสี่ยงของ Bank ก็คือหนี้เสีย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ Bank ล้มได้เลย ใครที่คิดว่าเสี่ยงก็ไม่ควรลงทุนครับ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 6:29 pm
โดย kraikria
ปล. ผมคงไม่ใช่ VI

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 7:44 pm
โดย 6666666v
kraikria เขียน:ปล. ผมคงไม่ใช่ VI
ไม่เกี่ยวหลอกครับผมว่าคุณอาจจะเป็น viที่เก่งกว่าหลายคน จากคำพูดคุณ kraikria ทำให้นึกถึงเรื่องนึง
เดี่ยวนี้vi ส่วนใหญ่เป็นviแบบเถียงตรง ขอใช้คำนี้ครับคือ viเดี่ยวนี้ลอกตามแบบคนที่สำเร็จทุกอย่างใครมาขัดความคิดที่อ่านมาก็จะรู้สึกแย้งราวกับลบหลู่สิ่งสักสิทยังไงอย่างงั้น viที่สำเร็จเค้ามีหลักการเหมือนกันแต่วิธีการไม่เหมือนกันครับ เราต้องหาวิธีการที่เป็นแบบเราใช้เจอ แล้วbank ผมอยากจะแชร์ว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจทีเดียวแล้วที่มีแต่คนบอกว่าvi ไม่ลงหุ้นแบง warrent buffet ยังถือ well fargo ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของอเมริกา
แล้วจากมีคนบอกว่าธนาคารลงได้แต่ช่วงรอดจากวิกิจ ผมมองว่าแบบนี้ก็ไม่มีทางได้ลงธุรกิจนี้ตลอดการเพราะช่วงวิกิจหุ้นทุกตัวลง ก็มีหุ้นที่น่าสนใจกว่าแน่นอนเชื่อผม ที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ช่วงไหนแต่แค่มองธุรกิจให้ขาดที่สำคัญ ตลาดขึ้นลงเป็นเรื่องของตลาดจังหวะและเวลา

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 8:47 pm
โดย miracle
6666666v เขียน:
kraikria เขียน:ปล. ผมคงไม่ใช่ VI
ไม่เกี่ยวหลอกครับผมว่าคุณอาจจะเป็น viที่เก่งกว่าหลายคน จากคำพูดคุณ kraikria ทำให้นึกถึงเรื่องนึง
เดี่ยวนี้vi ส่วนใหญ่เป็นviแบบเถียงตรง ขอใช้คำนี้ครับคือ viเดี่ยวนี้ลอกตามแบบคนที่สำเร็จทุกอย่างใครมาขัดความคิดที่อ่านมาก็จะรู้สึกแย้งราวกับลบหลู่สิ่งสักสิทยังไงอย่างงั้น viที่สำเร็จเค้ามีหลักการเหมือนกันแต่วิธีการไม่เหมือนกันครับ เราต้องหาวิธีการที่เป็นแบบเราใช้เจอ แล้วbank ผมอยากจะแชร์ว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจทีเดียวแล้วที่มีแต่คนบอกว่าvi ไม่ลงหุ้นแบง warrent buffet ยังถือ well fargo ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของอเมริกา
แล้วจากมีคนบอกว่าธนาคารลงได้แต่ช่วงรอดจากวิกิจ ผมมองว่าแบบนี้ก็ไม่มีทางได้ลงธุรกิจนี้ตลอดการเพราะช่วงวิกิจหุ้นทุกตัวลง ก็มีหุ้นที่น่าสนใจกว่าแน่นอนเชื่อผม ที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ช่วงไหนแต่แค่มองธุรกิจให้ขาดที่สำคัญ ตลาดขึ้นลงเป็นเรื่องของตลาดจังหวะและเวลา
คำถามคือ Warrant Buffer ซื้อตอนไหน?
ถ้าตอบคำถามนี้ได้ ก็จะรู้หุ้นกลุ่มนี้น่าซื้อตอนไหน

By the way
ผมมองสิ่งที่ธนาคารถือครอง เช่น ธุรกิจสินเชื่อ ประกันชีวิต เช่าซื้อ เป็นต้น
เพราะ งบธนาคารออกมาก่อนเพื่อน ทำให้ถ้าคนที่มีความสามารถ ก็สามารถคาดเดาออกว่า
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเป็นเช่นไร (ช้างตายเอาใบบัวปิดไม่มิด)

ทำให้ เกิดแรงกดดันไปที่บริษัทที่ธนาคารถือครองนั้นควรที่ออกงบเร็วขึ้น
:)

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 10:12 pm
โดย kraikria
การออกงบ "เร็ว" กว่าคนอื่นนั้นดีครับ แต่สำหรับผม ที่ดีกว่าคือการออกงบ "บ่อย" กว่าคนอื่น นั่นก็คือการประกาศงบดุลฉบับย่อทุกเดือนผ่าน ธ.พ. 1.1 ซื่งแบงค์ชาติบังคับเอาไว้ ทำให้เราสามารถ monitor ดูได้ว่าการปล่อยสินเชื่อ และเงินฝากของ Bank รวมถึงตัวเลขอื่นๆเป็นอย่างไร

ผมคิดว่าผู้บริหาร Bank ในเมืองไทยในรุ่นนี้ต่างก็ผ่านช่วงลำบากของต้มยำกุ้งกันมาทั้งนั้น ประกอบกับการปล่อยสินเชื่อก็มีหลักเกณฑ์ที่แข็งแรงกว่าแต่ก่อนมาก อย่างไรก็ตามถ้าธุรกิจทั่วไปเจ๊ง ธนาคารก็เจ๊งแน่นอนครับ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 10:26 pm
โดย Jazzman
ถ้าเราถูกสอนตามหนังสือลงทุนต่างๆ จะบอกให้ลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ หลีกเลี่ยงสิ่งที่เราไม่รู้ซึ้งแก่นแท้ ซึ่งก็ถูกต้อง
งบธนาคารนั้นยาก ที่จะเข้าใจจริงๆครับ

ผมเองก็อ่านไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่า เงินเค้าปล่อยให้ใครบ้าง เอาไปทำอะไรบ้าง งบบัญชีไม่กี่หน้านั้น บอกไม่หมดหรอกครับ
เพราะธนาคารสมัยนี้มีผลิตภัณหลากหลายมาก เยอะแยะไปหมด
แต่ในใจผมเองกลับสนใจเพราะว่า ผมอยากเป็นเจ้าของธนาคาร อยากเป็นหุ้นส่วน
จากที่ผมเดินเข้าออกแบงค์ทุกวัน ส่วนตัวก็ผมก็ทำธุรกรรมกับธนาคาร โดยใช้วงเงินตลอด แม้ว่าเราจะขยายงาน ขยายสาขา เราก็ใช้เงินเราส่วนนึ่ง ธนาคารส่วนนึงตลอด
ที่นี้ส่ิ่งที่ผมเห็นทุกวัน
- เวลาผมถอนเงินต่างสาขา เงินของผมเอง นั้นยังต้อง " เสียค่าธรรมเนียม" ซึ่งถ้ายอดหลายล้านนั้น ก็เป็นพันบาท รวมทั้งเช็ค ผมจึงรู้สึกว่า อะไรวะเงินตัวเอง มาง้อให้ฝาก ธนาคารจะได้ไปปล่อยกู้่ต่อ ผมถอน ยังต้องเสียเงินให้อีก
- ธนาคารนั้น เดี๋ยวนี้มี ผลิตภัณ ต่างๆ เหมือนมี สินค้าที่มาเสนอให้เราตลอด ยิ่งปัจจุบัน มีทั้ง ลิชซิ่ง ประกัน กองทุน สินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่ง อาศัย ส่วนต่างดอกเบี้ย เงินฝาก กับดอกเบี้ยให้กู้มาปล่อยให้เรา

เป็นเจ้าของธนาคาร ก็เหมือนว่าเรา ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณการเงินหลายตัว
แต่ว่า ผมไม่สามารถเข้าใจได้หมด ผมจึงคิดว่า ถ้าให้ผมเลือก ลงทุนสักตัว ผมจะเลือก หุ้นธนาคาร ที่เราดูผลงานย้อนหลังได้หลายปี เติบโตตลอด ผ่านวิกฤติ มาได้อย่างมั่นคง ผู้บริหารเก่ง และ มีธรรมภิบาล มาเป็นอันดับหนึ่งครับ

มีอีกอย่างนึง ถ้าธนาคารเจ้ง จริงๆ พี่ว่า ธุรกิจ ต่างๆจะไม่เจ้ง เหรอ ครับ เพราะเค้าปล่อยกู้ให้ลูกค้า ลูกค้า ต้องเจ้งก่อน จ่ายดอก และเงินต้นไม่ได้ ธนาคารถึงจะขาดสภาพคล่อง นอกจากว่า จะมีการปล่อยกู้ แบบ ไม่มีธรรมภิบาล เหมือนปี 40 หรือเหมือนธนาคารที่เพิ่งมีข่าวไป.

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 09, 2013 11:01 pm
โดย yosada
ต่อเรื่องการปล่อยกู้ของธนาคารครับ

Marketing VS Risk

ออกตัวก่อนครับ ผมทำในแบงค์อยู่ฝั่ง Marketing

ผมคงบอกไม่ได้นะครับ ว่า การปล่อยกู้ ของแต่ละแบงค์มีความรอบคอบเพียงไร เพราะมันยากมากที่จะไปลงในรายละเอียด แต่จะมาเล่ากระบวนการทำงานคร่าวๆ ของการปล่อยกู้แล้วกัน...

ในธนาคารในส่วนที่รับผิดชอบเรื่องการปล่อยสินเชื่อจะประกอบด้วยส่วนฝ่ายใหญ่ๆทำงานประสานกันคือ

หนึ่งฝั่ง Marketing หรือสินเชื่อ หรือธุรกิจสัมพันธ์ แล้วแต่จะเรียก พฤติกรรมทุกแบงค์มีเหมือนกันคือฝั่นนี้จะหาลูกค้าที่มีความต้องการสินเชื่อ ไม่ว่าจะกู้ส่วนบุคคลตั้งแต่บัตรเครดิตยันรถ บ้าน หรือกู้เพื่อการลงทุน working capital , commercial loan เป็นต้น หน้าที่หลักคือหาคนที่มีเงินไม่พอใช้และต้องการใช้เงิน(บนพื้นฐานของลูกค้าว่าจะคืนเงินต้นและดอกเบี้ยแบงค์ได้)
ลักษณะการทำงานของคนฝั่งนี้จะแบ่งเป็นสองส่วนงานใหญ่ๆคือ หาลูกค้า นำเสนอ solution ที่เหมาะกับลูกค้า (solution ประกอบด้วย ชนิดเงินกู้ที่เหมาะสม จำนวนเงินกู้ที่เหมาะสม อัตราดอกเบี้ยที่ยอมรับได้ พวกบริการเสริมอื่นๆ) และงานอีกส่วนนึงคือจะเป็นการวิเคราะห์ลูกค้ารายนั้นๆว่ามีความสามารถชำระหนี้ได้ไหม

สอง risk ฝั่งนี้เป็นฝั่งที่จะบอกว่าควรปล่อยกู้ลูกค้ารายที่ marketing หามาหรือไม่ ดูว่าลูกค้ารายนั้นๆเสี่ยงหรือป่าว เหมาะสมที่จะได้อัตราดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขที่เท่าไหร่ ไม่ขอลงลึกมากนะครับ เพราะไม่ได้ทำงานส่วนนี้ หน้าที่หลักๆเลยคือดูว่าลูกค้าควรจะปล่อยกู้ได้หรือไม่ ??

การทำงานทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นไปในลักษณะที่ไม่ลงรอยกัน ตีกันเป็นประจำ ฝั่ง marketing มีเป้าที่ต้องทำ ฝั่ง risk มีเป้าที่ต้องจับผิดต้องค้าน จึงอย่าแปลกใจว่า ถ้าเราขอสินเชื่อแบงค์จะใช้เวลาในการอนุมัติพอสมควร เพราะภายในแบงค์กำลังตีกันอยู่

ถามว่าระบบนี้ดีไหม ระบบนี้เท่าที่ผมอยู่แบงค์มาพบว่ามีหลังจากปี 40 ที่แบงค์จะแยกอำนาจการอนุมัติสินเชื่อออกจาก marketing เพื่อป้องการปล่อยกู้ที่หล่ะหลวมซึ่งทำให้เกิดคามเสี่ยงของหนี้เน่า ที่ผ่านมาก็ถือว่าดี แบงค์ไทยแข็งแรง เย้ๆๆ

ถ้าเราจะมองแบงค์ดีๆสักอันเพื่อการลงทุน การมองไปถึงหน่วย risk ของแต่ละแบงก็อาจจะช่วยป้องกันการเจ็บตัวได้ หน่วย risk ที่เข้มแข็งทำให้ สินเชื่ออนุมัติช้า และมีผลไปทาง marketing ที่ขยายฐานสินเชื่อได้ช้า ในทางกลับกันหน่วย risk ที่มีอำนาจน้อยกว่าฝั่ง marketing ก็มีโอกาสที่จะปล่อยกู้โดยขาดมาตรฐาน พวกนี้ ฐานสินเชื่อจะโตเร็วมาก

ในฐานะนักลงทุน ก็ต้องคิดเอาว่าจะเลือกแบงค์แบบใดในการถือหุ้น

ทว่าโลกไม่ได้สวยงามเยี่ยงนี้

ในแบงค์ ผมก็เห็นการปล่อยกู้ที่ไม่เหมาะสมเหมือนกัน การปล่อยกู้ที่ขาดความรอบคอบ การเลือกลูกค้าที่มาจาก connection ของผุ้บริหาระดับสูงก็มีให้เห็นบ้าง ซึ่งตามหลักการก็ผ่านการวิเคราะห์ผ่าน risk ก็ตาม

และบางสมการของการวิเคราะห์สินเชื่อก็เสี่ยงต่อการสร้างปัญหาในระบบเศรษฐกิจ เช่นคิดถึงตัวแปรในอนาคตมากไป หรือดูเพียงความสามารถในการชำระดอกเบี้ยแต่ไม่ดูการชำระเงินต้น

การมี หน่วย risk ที่เข้มแข็งจะช่วยเซฟชีวิตแบงค์ได้เยอะเลย แต่ต้องยอมรับน่าจะโตน้อยกว่าแบงค์อื่นๆๆ


การที่ บัฟเฟตลงทุนแบงค์ตอน ร่อแร่ๆ ผมมองว่า เค้าคงมองเห็นภาพแบงค์เหล่านั้นจะรอดจาก ภาวะคับขันได้
ถ้าให้เชียร์แบงค์ก็น่าจะเลือกแบงค์ที่ผู้บริหารกับเจ้าของเป็นส่วนเดียวกัน หรือ ปล่อยกู้ที่หลากหลายมากๆๆๆ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเจาะไปดูเงินทุกบาทที่ปล่อยกู้เหมาะสมหรือไม่


อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ


ว่าจะจบแค่นี้หล่ะครับ หากมีไรเพิ่มเติมอีกก็จะมาตอบจ้า

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 10, 2013 10:16 am
โดย แมวตัวกลมๆ
preedee17 เขียน:ผมมองว่าที่บัฟเฟตสนใจ เพราะต้องการ Float ของเงินสด เหมือนกับธุรกิจประกันหรือเปล่าครับ?
แบงค์จะเอาเงินสดไปลงทุนให้ก่อใ้ห้เกิดรายได้อย่างอื่นนอกจากพวกค่าธรรมเนียมตามที่คุณ yosada อธิบายไว้ได้ไหมคะ

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 10, 2013 10:19 am
โดย แมวตัวกลมๆ
แก้ไข- แบงค์จะเอาเงินสดไปลงทุนให้ก่อใ้ห้เกิดรายได้อย่างอื่นนอกจากดอกเบี้ยกับพวกค่าธรรมเนียมตามที่คุณ yosada อธิบายไว้ได้ไหมคะ